ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 178 หนวนหน่วนต้องการซื้อที่นา
บทที่ 178 หนวนหน่วนต้องการซื้อที่นา
บนตึกสูงสามสิบชั้น บรรยากาศงานปีใหม่ค่อย ๆ แผ่กระจายไปทุกหลังคาเรือน เหลียงฉือนั่งอยู่ตรงขอบหลังคาด้านนอก ห้อยขาของตัวเองแกว่งไปมาในอากาศราวกับว่าไม่รู้ว่าการกระทำนี้อันตรายขนาดไหน
เขาถือไฟเย็นที่หนวนหน่วนให้ไว้ในมือพลางมองดูดอกไม้ไฟที่มีชีวิตชีวา จากนั้นก็หยิบไฟแช็กออกมาจากกระเป๋ากางเกง หมุนมันไปมาด้วยปลายนิ้วแล้วจุดมันในครั้งเดียว
หลังจากนั้นไม่นาน ไม้กายสิทธิ์นางฟ้าที่สวยงามก็ถูกจุดขึ้นพร้อมกลุ่มควันสีขาวที่ลอยล่อง เขาจ้องมองไปที่ไม้กายสิทธิ์นางฟ้าตาไม่กะพริบ ก่อนที่มุมปากจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม
มันเป็นรอยยิ้มซึ่งแตกต่างจากการเสแสร้ง ครั้งนี้เขายิ้มจากใจจริง
ท่ามกลางความมืดมิด แสงที่อยู่ตรงหน้ากลับทำให้รู้สึกสว่างไสวขึ้นมา ถึงแม้ว่ามันจะมีขนาดเล็กมาก แต่ในสายตาของเขามันสวยงามยิ่งกว่าดอกไม้ไฟที่สว่างไสวไปทั่วท้องฟ้าเสียอีก
เมื่อไม้กายสิทธิ์ในมือกำลังจะมอดดับลง เหลียงฉือก็จุดมันขึ้นมาอีกครั้ง
อันแล้วอันเล่าผ่านไป ในที่สุดมันก็หมดลง แสงสว่างในมือเขาเองก็เช่นกัน เหลียงฉือยืนขึ้นทันที ด้วยสถานการณ์แบบนี้ หากมีใครบังเอิญเปิดม่านออกมาเห็นเข้าคงเหงื่อแตกกระวนกระวายกับท่วงท่าการก้าวเดินที่อันตรายแบบนี้แน่นอน
“สวัสดีปีใหม่”
เขายกมือขึ้นกลางอากาศ พูดออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะกระโดดลงไปบนระเบียงแล้วหันไปมองเด็กน้อยที่ยืนอยู่ตรงมุมมืด
“นายมาทำบ้าอะไร”
เด็กชายที่ยืนอยู่ในความมืดจ้องมองไปที่เหลียงฉือด้วยความกลัว แต่ก็ยังรวบรวมความกล้าพูดออกไป
“พ… พี่เหลียงฉือ กินข้าวเสร็จแล้ว”
ใบหน้าของเหลียงฉือซีดลงมากกว่าปกติในตอนกลางคืน เนื่องจากถูกทำร้ายมาตั้งแต่อายุยังน้อยร่างกายจึงบกพร่องหลายอย่าง แม้กระทั่งตอนนี้เองเขาก็มีปัญหาสุขภาพรุมเร้าแทบทุกอย่าง แต่ทำยังไงก็รักษาไม่หายอยู่ดี
เขาก้าวเท้าแล้วเดินลงบันไดช้า ๆ แม้ว่าเด็กชายจะกลัวและประหม่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมทำตามอย่างเชื่อฟัง
ชื่อของเด็กชายคือจางเหลียง และชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็เป็นคนฆ่าพ่อของเขาด้วย เขาเห็นกับตาตัวเองเลย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะไม่โทรหาตำรวจ นับประสาอะไรกับการคิดที่จะแก้แค้น ในทางกลับกัน เขารู้สึกขอบคุณชายคนนี้มากกว่าเสียด้วยซ้ำที่ทำให้เขาหลุดพ้นจากบ้านหลังนั้น
เด็กชายคอยตามติดเหลียงฉือตลอด แม้ว่าเหลียงฉือจะไม่ได้สนใจเขามากนัก แต่ก็ไม่ได้ไล่เขาออกไปไหน ซ้ำยังให้ที่อยู่ อาหารและสอนอ่านเขียนอีกด้วย
ช่วงเวลานี้… นับเป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตของจางเหลียงเลยก็ว่าได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกกระชากผมและพาไปเฆี่ยนตีหนัก ๆ ตอนที่กำลังนอนหลับ นอกจากนี้ยังไม่ต้องกังวลว่าจะกินไม่อิ่มท้อง และยังสามารถล้างแค้นให้แม่ได้ด้วย เขาจึงคิดว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว
จางเหลียงมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า
สำหรับคนอื่น บุคคลตรงหน้าอาจเป็นปีศาจ แต่สำหรับเขาแล้ว เขาคือเทพเจ้าแห่งความอยู่รอดปลอดภัย
ณ คฤหาสน์ตระกูลกู้
หลังจากเรื่องตื่นเต้นในค่ำคืนนี้จบลง หนวนหน่วนตัวน้อยก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน ล้างเท้า สวมรองเท้าแตะ กอดอั่งเปาที่ได้มาในวันนี้แล้ววิ่งขึ้นห้องไป ถึงห้องปุ๊บเด็กหญิงก็โยนซองทั้งหมดลงบนเตียงก่อนจะร้องออกมาอย่างดีใจ เธอถอดรองเท้าออก กระโดดขึ้นไปบนเตียงตามไปทันที
เด็กหญิงมองซองสีแดงทั้งหมดตรงหน้าก่อนจะรวบมันเข้าด้วยกัน พลันดวงตายิ้มกลอกไปมาอย่างมีความสุข
เริ่มนับเงินดีกว่า!
ถึงแม้ว่าคุณพ่อและพวกพี่ ๆ จะให้ค่าขนมเยอะมากแล้ว แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขสำหรับหนวนหน่วน การได้มองดูตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่างหากที่มีความสุข
นิ้วเท้าของเด็กหญิงหงิกเข้าหากันอย่างตื่นเต้น มีธนบัตรสีแดงกองหนาอยู่ในซองเต็มไปหมด เธอค่อย ๆ เอาออกมานับดู
หลังจากนำเงินทั้งหมดออกมาแล้ว มันก็ถูกกองเอาไว้บนเตียงจำนวนมหาศาล ทำเอาเด็กหญิงยิ้มหวานด้วยความสุขใจ
เธอจำได้ว่าเมื่อสมัยยังอยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ นั่น หลังจากกลับมาจากงานฉลองปีใหม่พวกเขามักจะเปรียบเทียบกันว่าใครได้เงินเยอะกว่า แล้วเด็กที่ได้เยอะที่สุดก็จะถูกเพื่อนอิจฉา
หนวนหน่วนเคยต้องอิจฉาคนอื่นในทุกวันปีใหม่ แต่ตอนนี้เธอไม่ต้องเป็นเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว เพราะอั่งเปาที่เด็กพวกนั้นได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็เทียบเท่ากับที่เธอมีในตอนนี้ไม่ได้เลย ฮี่ฮี่
เด็กหญิงฮัมเพลงเบา ๆ แก้มน้อย ๆ ของเธอพองขึ้น ก่อนจะเริ่มนับเหรียญเล็ก ๆ
“หนึ่งแผ่น สองแผ่น สามแผ่น…”
เสียงนุ่มละมุนราวกับขี้ผึ้งดังขึ้น และเพื่อป้องกันว่าตัวเองจะนับผิดพลาด เธอจึงวางกระดาษนับสิบแผ่นเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จากนั้นก็เริ่มนับใหม่จากแผ่นแรก
เจ้าตัวน้อยน่ารักมากเลย
กู้หนานและคนอื่น ๆ เข้ามาเห็นคนตัวเล็กนับเงินอย่างจริงจังจึงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อรู้ว่าหนวนหน่วนกำลังนับเงินอยู่ พวกเขาจึงมองดูท่าทางจริงจังนั้นของเธอ น้องสาวตัวน้อยช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน ไม่เหมือนกับกู้อันสักนิด
เจ้าเด็กนั่นทำเพียงแค่โยนเงินทั้งหมดขึ้นกลางอากาศอย่างนึกสนุก ราวกับยืนอยู่ท่ามกลางฝนเงินแล้วหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทั้งที่เป็นเงินแค่สองร้อยห้าสิบหยวนเท่านั้น!
หนวนหน่วนที่กำลังนับเงินเห็นพวกพี่ชายยืนอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมรอยยิ้มตรงมุมปาก แววตาของเด็กหญิงจึงสดใสขึ้นมา เธอส่งยิ้มกลับไปให้พวกเขาอย่างอ่อนโยน
รอยยิ้มหนวนหน่วนช่างอ่อนหวานเสียจริง!
“พี่ ๆ คะ หนวนหน่วนจะซื้อที่นาได้ไหม!”
เด็กหญิงมีความคิดที่อยากจะทำฟาร์มจึงคอยประหยัดและอดออมเงินอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้มันมีมากพอแล้ว เธอกอดซองสีแดงอย่างมีความสุข
กู้หนานรู้สึกประหลาดใจหลังได้ยิน
“อยากซื้อที่นางั้นเหรอ?”
หนวนหน่วนผู้น่ารักพยักหน้า “อื้มอื้ม อยากซื้อฟาร์มใหญ่ ๆ จะได้ปลูกผลไม้ได้หลายอย่าง แล้วก็เลี้ยงสัตว์ได้เยอะ ๆ ด้วย!”
กู้หนานมองไปที่เงินของเธอก่อนจะพยักหน้า “อืม ได้สิ”
ถึงจะไม่ได้แต่อย่างไรก็ต้องได้
“เอาเงินมาให้พี่สิ เดี๋ยวพี่จะไปซื้อให้หนวนหน่วนเอง”
หนวนหน่วนยัดเงินที่ได้มาจากงานปีใหม่ทั้งหมดใส่มือของกู้หนาน จากนั้นเธอก็หยิบบัตรธนาคารที่เก็บไว้อย่างดีออกมาจากกระเป๋าเป้
“อันนี้ก็มีค่ะ”
กู้หนานที่ต้องการซื้อฟาร์มให้หนวนหน่วน “…”
“พี่จะออกให้บางส่วน”
หนวนหน่วนเม้มปากของตน “ไม่ได้หรอกค่ะ พี่ใหญ่ต้องล้มละลายแน่เลยถ้าให้หนวนหน่วนอีก หนวนหน่วนมีเงินก็ต้องซื้อด้วยตัวเอง ถ้าซื้อฟาร์ม หนูก็จะหาเงินมาเลี้ยงพี่ใหญ่ได้ด้วย”
ดวงตาเล็ก ๆ ของเธอจ้องมองเงินในอ้อมแขนของพี่ใหญ่ ในความทรงจำของเธอนั้น คุณยายไม่ได้มีเงินมากมาย และเธอเองก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับการซื้อฟาร์มเลยสักนิด เธอไม่รู้ว่าต้องมีเงินจำนวนเท่าไหร่ถึงจะซื้อได้ แต่คิดว่าเงินจำนวนนี้ก็น่าจะเพียงพออยู่มั้ง?
ถ้าคุณยายยังอยู่ มั่นใจได้เลยว่าท่านจะต้องมีความสุขมากแน่นอนที่ได้เห็นเงินจำนวนมากมายขนาดนี้
“หืม… พี่ใหญ่กำลังจะล้มละลายเหรอ?”
กู้หมิงอวี๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่หนวนหน่วนพูด ยกเว้นกู้หมิงหลี่ที่รู้เรื่องความเป็นมาอย่างชัดเจนว่าเธอหมายถึงอะไร สายตาของคนอื่น ๆ ก็จ้องมองมาราวกับกำลังเห็นวันสิ้นโลก
พระเจ้า… ถ้ากู้หนานล้มละลายจริงนี่ก็คงเป็นวันสิ้นโลกแล้วใช่ไหม?
บนหน้าผากกู้หนานปรากฏรอยย่นจาง ๆ เล็กน้อย
เขาจ้องมองหนวนหน่วนอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ “พี่ไม่ได้จะล้มละลาย”
หนวนหน่วนกะพริบตาปริบ ๆ “อ้าว”
น้ำเสียงออดอ้อนเบาลงเล็กน้อย
ดวงตาแสนเย็นชาของกู้หนานจับจ้องมาทางกู้หมิงหลี่ทันที
ทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของไอ้หมอนี่
กู้หมิงหลี่เอามือล้วงกระเป๋ากางเกง พลางเชิดหน้าขึ้นมองข้างบน
จะว่าไปเพดานนี่ก็ขาวดีนะ
แต่ถึงอย่างนั้นหนวนหน่วนตัวน้อยก็ยังยืนยันที่จะใช้เงินตัวเองซื้อที่นา กู้หนานจึงต้องยอม
น้องสาวยังเด็กมาก การมีเงินจำนวนมหาศาลไม่ได้เป็นประโยชน์มากนัก นอกจากนี้เธอยังรู้อีกว่าการซื้อฟาร์มก็ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง
สุดท้ายเขาก็ยอมทำตามคำขอของน้องสาว แต่ถ้าหากเงินไม่พอจริง ๆ เขาจะออกให้
หลังจากพวกพี่ออกไปแล้ว หนวนหน่วนก็หยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองไปเก็บ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอกลายเป็นคนยากจนลงในชั่วพริบตา แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหญิงก็ไม่ได้คิดเสียใจเลย
อีกไม่นานเธอก็จะมีฟาร์มเป็นของตัวเองแล้ว หนวนหน่วนมีความสุขมาก
เด็กหญิงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วกลิ้งไปมาอย่างมีความสุขจนผมยุ่งเหยิง ก่อนจะหยุดลง
ง่วงนอนจัง ~
เธอหาวหวอด ดวงตาเริ่มมองเห็นภาพตรงหน้าอย่างพร่ามัว
หลังจากวางกระเป๋าเป้ลงไว้ข้าง ๆ หนวนหน่วนก็คร่ำครวญอยู่บนเตียง ก่อนจะมุดเข้าใต้ผ้าห่มแล้วโผล่แก้มพอง ๆ ออกมา
ใบหน้าขาวเนียนถูไถกับหมอนใบนุ่ม หลังจากนั้นไม่นานเด็กหญิงที่งดงามราวกับหยกแกะสลักก็หลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความสบายใจ โดยที่มุมปากของเธอยังยกยิ้มอย่างมีความสุขอยู่