ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 176 คนในครอบครัวต้องทำตามธรรมเนียม
บทที่ 176 คนในครอบครัวต้องทำตามธรรมเนียม
คฤหาสน์ถูกจัดแต่งตามเทศกาล โคมไฟสีแดงแสนสวยถูกประดับเป็นทิวแถว ซึ่งโคมไฟพวกนี้จะเปิดไฟเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น
หนวนหน่วนกับกู้อันกลับไปด้วยความลำบากใจ กู้หนานที่สังเกตได้จึงหยุดทุกอย่างที่กำลังทำอยู่แล้วเดินเข้าไปหา
สุนัขตัวใหญ่ที่เคยผอมแห้งกลายเป็นเจ้านกกระทาขึ้นมาในทันที มันส่งเสียงครวญครางพลางใช้อุ้งเท้าปิดหู ไม่กล้าแม้แต่จะหันมองเขา
กู้อันเริ่มบ่นแล้วพาลใส่ทุกสิ่งอย่าง เด็กชายค่อนข้างขุ่นเคืองเจ้าสุนัขตัวนี้
หายากที่หนวนหน่วนจะไม่พูดถึงต้าหวงเลยสักนิด แต่อันที่จริงแล้ว เป็นเพราะวันนี้เธอและพี่คนเล็กเหนื่อยมากพอแล้วต่างหาก
กู้หนานจ้องมองต้าหวงด้วยสายตาว่างเปล่า
ต้าหวงแอบเงยหน้าขึ้นมองเพียงแวบหนึ่งก่อนจะหดหัวกลับทันที
กู้หนานชี้ไปที่กำแพง “หันหน้าเข้าไปซะ”
ต้าหวง “…”
ภายใต้ความกดดันบนสีหน้าที่เรียบเฉยของกู้หนาน ต้าหวงก็ซุกหางไว้ระหว่างขาแล้วก้มหัวลง มันหันกลับมามองหนวนหน่วนสามครั้งแล้วยอมเดินเข้าไปที่กำแพงแต่โดยดี
หนวนหน่วนตะโกนขึ้นเสียงดัง “วันนี้ต้าหวงไม่เชื่อฟังเลยนะ!”
ต้าหวงครวญครางอย่างน่าสงสาร มันเดินไปที่มุมห้องแล้วเอาหัวชนกำแพงอย่างจริงจัง
“หนวนหน่วน ผ้าพันคออยู่ไหน”
กู้หนานสังเกตได้ว่าการแต่งตัวของน้องสาวแตกต่างออกไปจากเดิม ตอนนี้ต้นคอของเธอเปลือยเปล่าไร้สิ่งปกคลุม แต่เป็นเพราะว่าเธอสวมใส่เสื้อกันหนาวจึงทำให้ไม่รู้สึกหนาวมากเท่าไหร่
แต่ผ้าพันคอหายไปแล้ว
เด็กหญิงทำคอตกด้วยความรู้สึกผิด เธอไม่กล้าโกหกเลยว่าได้ไปเจอกับเหลียงฉือมา
แน่นอนว่าเด็กหญิงไม่ทราบอยู่แล้วว่าชายคนนั้นคือเหลียงฉือ เธอจึงได้แต่เรียกเขาว่าพี่อาหนาน
“ว่าไงนะ! เธอบอกว่าเจอผู้ชายคนเดียวกับที่เคยเจอที่โรงเรียนเหรอ!!!”
ไม่ใช่กู้หนานที่กระโตกกระตากมากที่สุด แต่กลับเป็นกู้อันที่อยู่ไม่สุขแทน
ใบหน้าของกู้หนานฉายแววจริงจัง ดวงตาของเขาเหมือนบ่อน้ำมืดสนิท ราวกับมีบางสิ่งที่น่ากลัวอยู่ในนั้น
หนวนหน่วนตกใจกับการแสดงออกของพวกเขา เธอจับมือพี่ชายของตนด้วยความตระหนก เงยหน้ามองพี่ใหญ่แล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยความไร้เดียงสา
“มีอะไรเหรอคะพี่ใหญ่?”
กู้หนานย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ หนวนหน่วนแล้วถามอย่างจริงจัง
“เล่าให้ฟังอย่างละเอียด ๆ ได้ไหมว่าเขาทำอะไรบ้างตอนเจอกัน?”
กู้หนานพยายามมองเธอด้วยสายตานิ่งเรียบพลางใช้มือลูบศีรษะเธอเพื่อปลอบโยน “ไม่ต้องกลัว”
คนอื่นต่างพากันเดินเข้ามา จากท่าทางของกู้อันที่แสดงออกมาทุกคนจึงรู้ได้ทันทีว่าหนวนหน่วนพบเจอสิ่งใดมา นั่นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาแข็งทื่อขึ้นมาทันที
แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้หนวนหน่วนตกใจจึงทำตัวตามปกติกัน
หลังจากนั้นหนวนหน่วนก็ค่อย ๆ เล่าเรื่องชายแปลกหน้าที่พบกันให้ทุกคนได้ฟังกันอย่างละเอียด
ไอ้เลวเหลียงฉือนี่ มันกำลังพยายามทำอะไรกันแน่ถึงได้มาทำตัวใกล้ชิดกับหนวนหน่วนแบบนี้?
เขาไม่ได้ทำร้ายเธอแต่อย่างใด และดูเหมือนว่าจะตั้งใจมาหาหนวนหน่วนในวันตรุษจีน ทั้งยังทำตัวน่าสงสารอีก
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เสแสร้ง
กู้อันก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ “ผ้าพันคอของเธอฉันยังไม่ขอด้วยซ้ำ แต่เขาขอไปเนี่ยนะ?!”
การให้ความสำคัญผิดจุดนี้แปลกประหลาดจนกู้หมิงหลี่ทนไม่ได้ เขากดหัวกู้อันแล้วบอกว่าไม่ต้องพูด
ไป๋โม่ซูหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด “เหลียงฉือคงไม่ได้ตั้งใจจะมาทำร้ายหนวนหน่วน ผมว่าเขาทำเหมือนหนวนหน่วนเป็นน้องสาวตัวเองมากกว่านะ”
ไม่สบายใจเลย ความรู้สึกนี้เหมือนกระต่ายขาวตัวน้อยถูกหมาป่าตามรังควานอยู่ข้างนอกไม่มีผิด
“หนวนหน่วน เล่าตอนที่เจอผู้ชายคนนั้นครั้งแรกให้ฟังหน่อย แล้วก็กู้อันด้วย น่าจะยังจำได้นะ”
หนวนหน่วนตัวน้อยนั่งลงบนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะนุ่ม ๆ อย่างเชื่อฟัง จากนั้นกู้เป่ยก็นำผ้าห่มผืนเล็กมาคลุมตรงขาสั้น ๆ ของเธอ ถึงแม้ว่าอากาศในห้องจะไม่ค่อยเย็นเท่าไหร่ก็ตาม
นิ้วขาวเรียวของคนตัวเล็กเกี่ยวเข้าที่มุมผ้าห่มไปมา ตาของเธอแดงก่ำ ตอนนี้หนวนหน่วนรู้แล้วว่าพี่ชายคนนั้นเป็นคนร้าย แต่ว่า…แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาไม่เคยใจร้ายกับเธอสักครั้งเลยตอนที่ได้เจอกัน
เด็กหญิงก้มหน้าลงเล็กน้อย หลังจากฟังสิ่งที่พี่ชายพูด เธอก็รู้ได้ทันทีว่าพี่ชายคนนั้นต้องทำผิดกฎหมายแน่นอน และผิดกฎหมายก็ถือว่าเป็นความผิดที่ต้องโดนคุณลุงตำรวจจับ
“ไม่ต้องห่วงนะหนวนหน่วน พวกพี่จะคอยปกป้องเธอเอง”
กู้เป่ยลูบผมนุ่มสลวยของเด็กหญิง
หนวนหน่วนเอียงศีรษะเล็กน้อยให้ถูกับฝ่ามือของเขา หลังจากนั้นเธอก็อธิบายรายละเอียดให้ฟังว่าได้พบกับเหลียงฉือในวันงานประชุมผู้ปกครองของกู้อันได้อย่างไร
เด็กหญิงความจำดีมากจึงสามารถจดจำรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน
หลังจากที่ไป๋โม่ซูได้รับฟังแล้ว เขาก็เริ่มวิเคราะห์ “เหลียงฉือน่าจะตามหนวนหน่วนไปเพราะต้องการรู้อะไรบางอย่างหรือเปล่า อาจจะตามมาหลายครั้งแล้วแต่วันนั้นบังเอิญฝนตกพอดี เพราะน้องใจดีเลยช่วยเหลือเขาไว้ คนจนตรอกที่จมอยู่ในความมืดมิดสัมผัสได้ถึงความเมตตาที่ไม่เคยได้รับมาก่อนก็เหมือนกับแมงเม่าที่ได้เจอเข้ากับแสงไฟ หนวนหน่วนอาจเป็นแสงสว่างของเขา”
“แต่เพราะอาการทางจิตเวช ตีความได้สองทางที่เขาตามติดแบบนี้ อย่างแรกก็คือเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เข้าให้แล้ว ไม่ก็ทำไปเพื่อปกป้องเธอ แต่ในกรณีของเหลียงฉือ ฉันคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
กู้หนานอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไม่ว่ายังไงก็ปล่อยให้มันเข้ามาใกล้หนวนหน่วนไม่ได้”
คนหนึ่งเป็นปีศาจมือเปื้อนเลือด ส่วนอีกคนเป็นนางฟ้าตัวน้อยไร้เดียงสา การที่จะให้มาเจอกันนั้นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
เหลียงฉือกุมชีวิตของคนไว้ในมือ ถึงบางคนสมควรตาย แต่ก็มีเลือดของผู้บริสุทธิ์อยู่ในมือของเขาเช่นกัน
หนวนหน่วนโอบกอดรอบคอพี่ใหญ่ด้วยแขนเล็ก ๆ ของเธอ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “พี่ใหญ่ พี่ชายอาหนานเขาเป็นคนร้ายจริง ๆ เหรอคะ?”
กู้หนานลูบหลังเธอ ปลอบน้องสาวด้วยท่าทางเงอะงะของตัวเอง จากนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง
“แล้วเสียใจไหมที่ให้ของเขาไป?”
หนวนหน่วนคิดอยู่สองวินาที “ไม่เสียใจเลยค่ะ”
กู้หนานจึงพูดขึ้น “ใจดีจังเลยนะ”
ความหม่นหมองบนใบหน้าของหนวนหน่วนค่อย ๆ จางหายไป เธอเอนศีรษะไปซบคอของพี่ใหญ่
วันนี้เป็นวันตรุษจีน พวกเขาไม่อยากหมดพลังไปกับเรื่องเหลียงฉือมากนัก
ไป๋อันหรานเรียกลูกและหลานชายของเธอมาก่อนจะมอบเสื้อกันหนาวสีแดงให้ โดยบนเนื้อผ้ามีฟอนต์สีทองปักอยู่บนหน้าอก
เมื่อกู้หนานรับมาถือไว้ก็รู้สึกว่ามือของตนหนักอึ้งขึ้นมา
เขาเม้มปาก ยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนจะใช้สายตาคมสบเข้ากับน้องชาย ถึงแม้ว่าในวันนั้นเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการเลือกซื้อ แต่ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้ว!
กู้เป่ยกะพริบตา มองกลับไปอย่างไร้เดียงสา เขาก็แค่อยากซื้อแบบนี้ แล้วมันทำไม?
มันไม่ใช่ความคิดเขาสักหน่อย เป็นความคิดของแม่ต่างหาก!
ตอนแรกมีเสื้อพวกนี้อยู่แค่ไม่กี่ตัว แต่เพื่อความถูกต้องเขาจึงสั่งเพิ่มอีกนิดหน่อย ถ้าพูดให้ถูกคือ
“เอาละ ๆ ทุกคนในบ้านต้องทำตามธรรมเนียมสิ”
กู้เป่ย ‘ไม่เลวเลยเรา พูดได้ดี’
ดวงตาของกู้หมิงหลี่กระตุก เขาอดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้นมา
“แล้วทำไมคุณป้า คุณลุง พ่อกับแม่ผมถึงไม่ต้องใส่ล่ะ?”
ไป๋อันหรานยกมือขึ้นปิดปาก กลั้นหัวเราะจนดอกไม้ที่ประดับอยู่สั่นไหว
“ก็เพราะว่าพวกเธอยังเด็กใช่ไหมล่ะ? พวกเราแก่แล้ว ไม่ต้องใส่แล้วละ”
เด็กพวกนี้ใส่แล้วเหมือนกำลังแสดงละครเลย บทไม่เหมือนกันด้วย ทำไมพอได้เห็นหน้าเจ้าคนโตแบบนี้แล้วรู้สึกขำอย่างนี้นะ ฮ่าฮ่าฮ่า
กู้หนาน “…”