ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 170 ความเฉยชาของกู้หมิงหลี่
บทที่ 170 ความเฉยชาของกู้หมิงหลี่
“คิดถึงค่ะ!”
เด็กหญิงเอ่ยตอบเสียงดังลั่น ก่อนจะค่อย ๆ ลดเสียงให้โอนอ่อนลง
“หนูคิดถึงพี่รองมาก เมื่อไหร่พี่รองจะกลับมา?”
เด็กหญิงจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ในมืออย่างใจจดใจจ่อ ราวกับอยากจะทะลุหน้าจอออกไปหาพี่รองให้ได้
กู้เป่ยรู้สึกได้ว่าใจของเขาอ่อนระทวยลงเมื่อได้ยินเสียงของน้องสาว ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาหลายวันหายไปทันที
[อื้ม พี่ก็คิดถึงหนวนหน่วนเหมือนกัน พอทุกอย่างเสร็จจะรีบกลับไปนะ อีกไม่เกินหนึ่งเดือนหรอก]
อีกไม่เกินหนึ่งเดือน แต่วันเกิดของพี่รองเหลือแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น หนวนหน่วนเบะปากขึ้นมาทันที แต่เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“อ้า อีกหนึ่งเดือน งั้นก็วันสิ้นปีใช่ไหมคะ”
เสียงของเด็กหญิงเหมือนมีกลิ่นอายความน่าสงสารส่งผ่านออกมาจนกู้เป่ยรู้สึกได้ เขาจึงพูดปลอบโยนน้องสาว
[คิดถึงอะไรขนาดนั้นกัน เอาไว้พี่จะกลับไปฉลองปีใหม่ด้วยนะ แล้วตอนนี้หนวนหน่วนทำอะไรอยู่?]
ความสนใจของเด็กหญิงถูกเบี่ยงเบนได้สำเร็จ เธอเอ่ยอย่างไร้เดียงสาว่าตอนนี้กำลังอ่านหนังสืออยู่
[หนังสืออะไรเหรอ?]
หนวนหน่วนงึมงำ “หนูไม่บอกหรอก”
อีกฝั่งของปลายสายหัวเราะเสียงดัง กู้เป่ยไม่ได้เซ้าซี้จึงไม่ถามต่อ
หนวนหน่วนเริ่มเจื้อยแจ้ว เธอเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ให้พี่รองฟัง แต่ขณะที่พูดกลับไม่มีเสียงพูดคุยจากอีกฝ่ายมาเลย ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจยาว ๆ ที่สม่ำเสมอเป็นช่วง ๆ แทน
นี่มัน… เหมือนหลับเลย!
ใบหน้าเรียวบางของเด็กหญิงยับยู่ขึ้นมา แววตาใสเต็มไปด้วยความเศร้าโศก พี่รองคงจะเหนื่อยมาก แต่เธอไม่ได้ยินเขาบ่นออกมาเลยด้วยซ้ำ
หนวนหน่วนวุ่นวายใจ เป็นกังวลไปหมด ห่วงว่าพี่รองจะไม่ได้ห่มผ้าให้ดี ๆ ตอนที่กำลังนอนอยู่ ตอนนี้อากาศหนาวมากด้วย ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง เธอรู้ดีว่าการไม่สบายนั้นมันหนักหนามากแค่ไหน
เด็กหญิงกดวางสายจากพี่รอง ก่อนจะโทรไปหาผู้ดูแลข้างกายพี่รองทันที
“พี่มู่ชิง ช่วยไปดูให้หน่อยว่าพี่รองห่มผ้าหรือยัง พอดีเขาหลับไปแล้วค่ะ”
คนที่อยู่ปลายสายคุ้นเคยกับการรับสายของหนวนหน่วน เพราะมีอยู่หลายครั้งที่เธอไม่สามารถติดต่อเจ้านายเขาได้ เด็กหญิงก็จะโทรมาที่เขาแทน หนวนหน่วนมักขอให้ช่วยเป็นธุระดูแลพี่รองให้ อีกทั้งยังใส่ใจเรื่องการกิน นอน เสื้อผ้า ยันเรื่องอื่น ๆ ช่างเป็นเด็กที่เอาใจใส่เสียจริง
เสียงออดอ้อนของคนตัวเล็กไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายหรือร้อนใจเลยสักนิด มันกลับทำให้รู้สึกอุ่นมากกว่า
ถ้าไม่ได้เป็นห่วงจริง ๆ ใครจะมาคอยพูดพร่ำเพรื่อกันล่ะ ผู้คนในสถาบันวิจัยก็คงไม่โทรมาเพราะเป็นห่วงและหวังจะดูแลแทบทุกเวลาแบบนี้หรอก
มู่ชิงยกยิ้มขณะเดินไปหากู้เป่ย แน่นอนว่าศาสตราจารย์กู้ยังคงถือโทรศัพท์คาเอาไว้ในมือ เขาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทั้งที่ยังไม่ถอดแจ็กเก็ตหรือของอื่นออกด้วยซ้ำ
เขาปรับฮีตเตอร์ในห้องขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อโค้ตของคนตรงหน้าออก หลังห่มผ้านวมแสนอุ่นให้เสร็จก็แจ้งให้หนวนหน่วนรับทราบ เด็กหญิงเอ่ยขอบคุณอย่างอ่อนโยนด้วยน้ำเสียงหวานละมุน
มู่ชิงปิดปากของเขาอย่างนึกเสียดาย ทำไมกันนะ เขาถึงไม่มีน้องสาวที่น่ารักแบบนี้บ้าง?
เมื่อความกังวลเรื่องของพี่รองลดลงแล้ว หนวนหน่วนก็พลิกหน้าหนังสืออ่านต่อไป โดยภายในนั้นประกอบไปด้วยวิธีการถักผ้าขนสัตว์หลากหลายรูปแบบ ทำเอาเด็กหญิงตาวาววับ
เมื่อเปรียบเทียบและศึกษาวิธีการแต่ละเทคนิคที่มีมากมายแล้ว หนวนหน่วนก็เริ่มลองลงมือทำเอง
เด็กหญิงมีพื้นฐานการถักเสื้อกันหนาวและถุงเท้าในตอนที่ได้อาศัยอยู่กับคุณยายในหมู่บ้านเสี่ยวซีมาก่อน เธอจึงเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว
แอบถักทออยู่ประมาณสามวัน ปรากฏว่าเธอไม่พอใจกับผ้าพันคอผืนแรกที่ถักออกมาเลยสักนิด เธอจึงหยุดแล้วถักผืนใหม่
ฤดูหนาวยาวนานมาก ยกเว้นคนที่ต้องไปทำงานแล้ว คนส่วนใหญ่เลือกที่จะนอนอยู่บ้านเล่นกับแมว ผู้คนสัญจรบนถนนน้อยลง หนวนหน่วนเองก็ขลุกอยู่แต่ในห้องจนลืม
แต่มันกลับไม่ปกติในสายตาของคนอื่น
ความผิดปกติของเด็กหญิงก็คือ เธอจะล็อกห้องทันทีที่กลับขึ้นไปถึง สมาชิกทุกคนในครอบครัวที่ให้ความสนใจเธอเป็นพิเศษต่างสังเกตถึงความผิดปกตินี้ได้
กู้หลินโม่รู้สึกสงสัย “ลูกสาวเรากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”
ไป๋อันหรานยกยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะโน้มตัวลงไปกระซิบบอกความลับที่หนวนหน่วนกำลังทำอยู่ให้สามีฟัง
เมื่อได้ยินแบบนั้น กู้หลินโม่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าลูกสาวของเขาน่ารักจนแทบคลั่ง แต่อีกใจก็รู้สึกอิจฉา
“เสียดายจังที่วันเกิดฉันผ่านไปแล้ว”
น่าเสียดายมาก!
ลูกสาวถักผ้าพันคอครั้งแรกทั้งที แต่มันกลับไม่ใช่ของเขาซะได้!
จะทำยังไงถ้าเกิดรู้สึกอิจฉาลูกชายขึ้นมา เขาแอบขโมยมาใส่หลังงานวันเกิดได้ไหม?
ไป๋อันหรานรู้ทันว่าเขากำลังคิดอะไร มองแค่แวบเดียวก็รู้แล้ว ดวงตาแสนเจ้าเล่ห์ปนความหงุดหงิดของสามีนั่นน่ะ
“พอก่อนได้ไหม? ทำไมคุณถึงคิดอิจฉาลูกชายไม่เลิกเลย”
กู้หลินโม่พูดขึ้นด้วยความมั่นใจ “นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ลูกสาวของเราถักผ้าพันคอ คุณไม่อยากได้บ้างเหรอ?”
ไป๋อันหราน “…”
อยากมันก็อยากอยู่หรอก แต่จะขโมยของลูกชายมามันก็ไม่ถูกต้อง มีที่ไหนกันไปแย่งของลูกชายที่อายุยังน้อยทั้งที่ตัวเองก็อายุปูนนี้แล้ว?
“ก็จริงอยู่ว่าอยากได้ แต่หนวนหน่วนทำให้เป็นของขวัญพวกเจ้าคนโตนี่”
กู้หลินโม่บ่นพึมพำอย่างอิจฉา “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ของพวกเขาสินะ”
วันนี้เป็นวันเสาร์ หลังจากรอให้กู้หลินโม่ กู้หนานและคนอื่น ๆ ไปทำงานแล้ว หนวนหน่วนตัวน้อยก็ย่องเข้ามาในห้องของตัวเองอีกครั้ง
ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ทันใดนั้นท่าทางของเด็กหญิงก็เหมือนแฮมสเตอร์ที่กำลังหวาดกลัวขึ้นมาทันที เธอยัดผ้าพันคอลงในกล่องเก็บของอย่างเร่งรีบ จนเหม่ยฉิวที่กำลังเล่นก้อนไหมพรมอยู่ในนั้นเกือบถูกขังอยู่ข้างใน
เมื่อรีบเอาเหม่ยฉิวออกมาแล้ว หนวนหน่วนก็ดันกล่องซ่อนเข้าไปไว้ใต้เตียง เด็กหญิงมีท่าทีลังเลนิดหน่อยก่อนจะเปิดประตูออก
เธอทำเพียงแง้มประตูมองเท่านั้น หลังนัยน์ตาของคนตัวเล็กโผล่ออกมาจากซอกประตู เธอก็เห็นว่าพี่สี่กำลังกอดอกมองลงมา
“ไง ซ่อนความลับอะไรอยู่?”
กู้หมิงหลี่ขมวดคิ้วขึ้นแล้วมองเด็กหญิงอย่างนึกขำ
หนวนหน่วนถูไถเท้าไปมาโดยที่ยังสวมถุงเท้าอยู่บนพรมหนานุ่มด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
จากนั้นหน้ากลม ๆ ของเธอก็โดนหยิกตามระเบียบ
หนวนหน่วน “…”
ช่างเป็นการกระทำแสนคุ้นเคยจริง ๆ
“พี่สี่”
หนวนหน่วนมองพี่สี่ด้วยสายตาน่าสงสาร
“ทำไมต้องปกปิดกันด้วย? บอกพี่สี่บ้างสิ นะ?”
หนวนหน่วนส่ายศีรษะไปมา
“ไม่บอกจริงหรอ? ไม่ชอบพี่สี่แล้วใช่ไหมล่ะ?”
หนวนหน่วน ‘พี่สี่กำลังเข้าใจหนวนหน่วนผิด!’
เธอส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว
“ก็ได้ ไม่บอกก็ไม่บอก แต่รู้อะไรไหม ถ้ายังไม่บอกให้พี่รู้ พี่คงเสียใจมากแน่ พี่น่าจะคาใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยละ…”
ดวงตาของหนวนหน่วนเบิกกว้างขึ้นทันที
มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ?
กู้หมิงหลี่พยายามกลั้นขำเต็มที่ เจ้าตัวเล็กนี่ก็หลอกง่ายเหลือเกิน ใสซื่อจนแสดงทุกอย่างที่อยู่ในใจผ่านออกมาทางสีหน้าได้อย่างทะลุปรุโปร่งเลย
“ใช่แล้ว มันร้ายแรงมากเลยละ”
กู้หมิงหลี่แกล้งพยักหน้าอย่างจริงจัง
เด็กหญิงจับขอบประตู การแสดงออกลนลานไปหมด เธอมองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบว่า “ถ… ถ้างั้นพี่สี่เข้ามาก่อนค่ะ แต่ห้ามบอกพี่ใหญ่นะ”
กู้หมิงหลี่ขมวดคิ้วขึ้น เรื่องนี้เกี่ยวกับพี่ใหญ่ด้วยหรือ? แล้วทำไมมันถึงดูลึกลับแบบนี้ล่ะ
หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้ามาข้างในห้องพร้อมกับหนวนหน่วนพลางจ้องมองคนตัวเล็กล็อกประตู เธอลงไปนั่งอยู่บนพรมตรงพื้นห้องแล้วลากกล่องบางอย่างที่อยู่ใต้เตียงออกมา
เมื่อเปิดออก สิ่งที่อยู่ข้างในก็คือผ้าพันคอที่ถักทอด้วยผ้าขนสัตว์ ดูเหมือนจะเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ผ้าพันคอสีเทาเข้มถักทออย่างประณีต ในตอนแรกมันถูกถักเริ่มด้วยสีขาว มองรวม ๆ ดูน่ารักมาก ถึงจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ก็ดูใช้ได้ทีเดียว
“นี่คือ?”
กู้หมิงหลี่พอจะรู้คำตอบอยู่ในใจแล้ว
หนวนหน่วนหยิบผ้าพันคอที่ยังทำไม่เสร็จออกมา มันดูนุ่มมาก อีกทั้งยังดูเรียบง่ายและสวยงามมากอีกด้วย โดยทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นสไตล์ที่พี่ใหญ่ชอบ
และเห็นได้ชัดว่าทุกส่วนของเส้นใยที่ถักทอนั้นแข็งแรงมาก
หนวนหน่วน “ทำให้พี่ใหญ่และพี่รองเป็นของขวัญวันเกิดน่ะค่ะ”
กู้หมิงหลี่เข้าใจ แต่ก็อดใจห้ามความรู้สึกอิจฉาเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี
“อ้อ อันนี้นี่เอง”
เขาทิ้งตัวลงนั่ง พลางจ้องมองหนวนหน่วนที่กำลังถักทอผ้าพันคออย่างชำนาญ
“ไปฝึกมาจากไหน?”
เขาใช้นิ้วมือเขี่ยผ้าพันคอเล่น ในใจคิดว่าวันเกิดของตนเองจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ จู่ ๆ ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เขาเองก็ต้องการของขวัญที่น้องสาวของเขาทำเองกับมือด้วย
“หนวนหน่วนดูในหนังสือเอาค่ะ”
หลังจากพูดจบเธอก็หยิบหนังสือออกมาแล้วส่งให้กู้หมิงหลี่ดู
“พี่สี่ห้ามบอกพี่ใหญ่กับพี่รองนะ หนวนหน่วนอยากเซอร์ไพรส์พวกพี่เขา”
“มีของพี่รองด้วยเหรอ? พี่รองจะกลับมาเหรอ?”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่พี่รองพูดว่าอีกประมาณไม่เกินหนึ่งเดือนจะกลับมา หนวนหน่วนก็ต้องหยุดชะงักกะทันหัน
“ไม่แน่ใจค่ะ แต่เดี๋ยวหนูจะเก็บเอาไว้ให้พี่รอง พอพี่รองกลับมาก็ค่อยให้”
กู้หมิงหลี่เอ่ยราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจอะไร “ของขวัญวันเกิดก็ควรจะให้ในวันเกิดสิ แทนที่จะให้พี่รอง เอามาให้พี่แทนดีกว่า”
หนวนหน่วนพึมพำ “ไม่ได้ค่ะ”
พี่สี่แค่ต้องการผ้าพันคอที่เธอถักเท่านั้นแหละ
กู้หมิงหลี่จิ๊ปากทันที หนวนหน่วนไม่หลงกลเลย
“ถ้าอย่างนั้นวันเกิดพี่เธอจะให้อะไร?”
เด็กหญิงมองไปที่เขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว “กว่าจะถึงวันเกิดพี่สี่ก็อีกนานเลย ตอนนี้หนวนหน่วนยังไม่รู้หรอกค่ะ ถึงจะคิดออกก็ไม่บอกหรอก”
กู้หมิงหลี่จับแก้มน้อย ๆ ของเธอ “กล้าต่อล้อต่อเถียงมากขึ้นรึเปล่าเนี่ย?”
หนวนหน่วนกะพริบตา แน่นอนอยู่แล้วว่าความกล้าหาญจะมาพร้อมกับอายุที่มากขึ้น
แต่เธอก็ไม่ได้พูดบ่นอะไรเพราะยังคงขี้กลัวอยู่
กู้หมิงหลี่รู้ว่าหนวนหน่วนกำลังจะทำอะไร แต่ภายในใจของเขากลับไม่มีความสุขเลย เพราะกว่าจะถึงวันเกิดเขาก็อีกยาว เด็กหนุ่มเสียดายที่ไม่ได้รับของขวัญจากเด็กหญิงในตอนนี้
ยิ่งเฝ้ามองเธอถักทอทุกฝีเข็มอย่างร่าเริง เขาก็ยิ่งอิจฉาทุกท่วงท่าที่เข็มดำเนินไป
ผ้าพันคอผืนแรกถูกทอเสร็จภายในสี่วันต่อมา มันมีความยาวเป็นสองเท่าของความสูงของเธอ หนวนหน่วนถักจบด้วยเส้นด้ายสีขาวแล้วเย็บปิดลงอย่างสวยงาม
หนวนหน่วนปักชื่อ ‘กู้หนาน’ ลงไป มันดูดีกว่าเขียนด้วยมือเสียอีก
หนวนหน่วนยกผ้าพันคอสีเทาขึ้น มองดูมันด้วยความพึงพอใจ
กู้หมิงหลี่อิจฉามากขึ้นกว่าเดิม แทบรอไม่ไหวที่ตัวอักษรทั้งสองพยางค์ที่สลักอยู่บนนั้นจะเป็นชื่อของตัวเอง
หนวนหน่วนตัวน้อยพับผ้าพันคอใส่ลงในกล่องอย่างบรรจง
“เด็กน้อยจริง ๆ เลย”
เสียงอิจฉาดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“พี่สี่…”
หนวนหน่วนค่อย ๆ เงยขึ้นสบตากับเขา
กู้หมิงหลี่กระแอมไอขึ้นกลบเกลื่อน จากนั้นก็เอามือรองท้ายทอยแล้วเดินจากไป
เมื่อมองตามไล่หลังคนที่กำลังเดินจากไป หนวนหน่วนก็ยกมือปิดปากหัวเราะก่อนจะรีบถักผ้าพันคอผืนต่อไปให้พี่รอง
ผึ้งน้อยแสนขยันขันแข็งทำงานผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันเกิดของพี่ ๆ แล้ว
แต่เจ้าของงานวันเกิดกลับไม่ค่อยสนใจงานของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เพราะปกติแล้วในวันเกิดของพวกเขาก็เหมือนวันทั่ว ๆ ไป อีกทั้งช่วงนี้ก็งานยุ่งมากด้วย
มีหลายครั้งที่กู้เป่ยยุ่งเกินกว่าจะกลับมาฉลองได้ เขาจึงไม่เคยโผล่หน้ามาฉลองวันเกิดของตัวเองเลยสักครั้ง
หนวนหน่วนท่องจำวันนี้จนขึ้นใจ พอตื่นขึ้นตอนเช้าเธอก็ทำตัวยุ่งวุ่นวายมาก
รอให้พี่ใหญ่ไปก่อน เธอจะเข้าครัวเพื่อไปทำขนมกับแม่ และด้วยเหตุนี้ไป๋อันหรานจึงจ้างเชฟทำขนมมาสอนให้เจ้าพวกลูกเจี๊ยบทั้งสอง
ระหว่างทางไปทำงาน กู้หนานก็เหลือบมองพ่อของตนด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“พ่อมีอะไรจะพูดรึเปล่า”
อย่ามาจ้องมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ สักทีเถอะ แค่นี้เขาก็ฝันร้ายมาตลอดสองวันแล้ว
กู้หลินโม่แสร้งมองไปทางอื่นแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่มีอะไร!”
ลูกสาวของเขาบอกให้เก็บเป็นความลับเลยพูดออกไปไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็อิจฉาที่ลูกสาวคนเล็กกำลังนับถอยหลังวันเกิดของเจ้าคนโตอย่างใจจดใจจ่อ
“อา… เวลาผ่านไปช้าจัง”
กู้หนานที่อยากจะให้หนึ่งอาทิตย์มีแปดวัน “…”
นี่พ่อเขาเพี้ยนไปแล้วเหรอ?