ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 17 ไปที่ทำงานคุณพ่อ
บทที่ 17 ไปที่ทำงานคุณพ่อ
“ไม่กวนหรอก”
กู้หลินโม่พูดอย่างมั่นใจ “ตอนพ่อไม่ว่าง หนวนหน่วนก็ดูทีวีคนเดียวในออฟฟิศ จะนอนหรือไม่ก็กินขนมก็ได้ ถ้าพ่อไม่ยุ่งมากเดี๋ยวจะสอนหนวนหน่วนอ่านหนังสือ แบบนี้ดีไหม?”
หนวนหน่วนพยักหน้าแล้วเอ่ยเสียงหวาน “หนูจะเป็นเด็กดีค่ะ”
หลังจากพูดจบเธอก็มองไปยังผู้เป็นแม่ “แล้วคุณแม่ล่ะคะ?”
คุณหญิงกู้ยกยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น “เมื่อวานหนวนหน่วนอยู่กับแม่มาทั้งวันแล้ว วันนี้อยู่กับพ่อบ้างก็ได้ แม่จะรอเตรียมของอร่อยให้พวกหนูอยู่ที่บ้านเอง”
“โอเคค่ะ คุณแม่ตกลงแล้ว”
“แล้วปู่ล่ะ? หนวนหน่วนไม่ถามปู่บ้างเหรอ? ปู่เสียใจนะ”
เด็กน้อยส่ายหัวอย่างรวดเร็ว หางม้าที่รวบขึ้นบนศีรษะกวัดแกว่งไปมา ให้ความรู้สึกทะมัดทะแมงมาก
กู้อันอดใจมองไม่ไหว
“ถ้าอย่างนั้นคุณปู่อยากไปกับหนวนหน่วนแล้วก็คุณพ่อไหมคะ?”
คนตัวเล็กที่ดูยุ่งจนรัดตัวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
การกระทำเช่นนั้นทำให้ผู้เฒ่ากู้ผ่อนคลายจนเผลอหัวเราะออกมา “ได้สิ ปู่เองก็ไม่ได้เข้าบริษัทนานแล้ว ถ้าหนวนหน่วนเบื่อคุณพ่อ เดี๋ยวปู่จะพาเดินเที่ยวรอบ ๆ เอง”
กู้หลินโม่อยากจะพูดว่า แล้วทำไมลูกสาวจะต้องรู้สึกเบื่อเขาด้วย? ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อของเขาถึงชอบพูดจาให้หนวนหน่วนเข้าใจภาพลักษณ์ของเขาผิดตลอดเลย!
เมื่อขึ้นไปนั่งบนรถหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ กู้อันก็ยกมือลูบผมของหนวนหน่วนที่ถูกมัดรวบเอาไว้ ทำให้เด็กหญิงตัวเล็กค่อนข้างงุนงงกับการกระทำนั้น
หลังสายตาของเขากับหนวนหน่วนประสานเข้ากัน เด็กชายจึงค่อย ๆ ลดมือลง “ผมเธอชี้ตั้งขึ้นมาแล้ว คุณหนูน้อย เดี๋ยวฉันจัดผมให้”
หลังจากพูดจบเขาก็ลูบผมที่ชี้ฟูให้เธอ มันเรียบลงสักครู่ก่อนจะฟูฟ่องขึ้นตามเดิม
น่าสนุกแฮะ
กู้อันคิด
หนวนหน่วนยกมือขึ้นสัมผัสกลุ่มผมที่ฟูฟ่องของตน
“ทำให้มันลงมาไม่ได้เหรอ?”
ถึงจะลูบไปสุดท้ายผมก็พองขึ้นอยู่ดี
กู้อัน “เฮ้อ ถ้าทำให้มันเรียบลงไม่ได้… ก็ปล่อยมันไปเถอะ”
หลังจากนั้นกู้อันก็เริ่มพูดจาโอ้อวดว่าเขาเก่งแค่ไหนตอนอยู่ที่โรงเรียน
“ฉันเป็นหัวหน้าห้องด้วยนะ นักเรียนทุกคนต้องเชื่อฟังฉัน ทุกคนเป็นลูกน้องฉัน ถ้าฉันบอกให้ไปขวาพวกเขาก็หันขวา”
หนวนหน่วนจ้องมองเขาอย่างชื่นชมด้วยแววตาเปล่งประกาย “พี่สุดยอดมากเลยค่ะ”
สายตาชื่นชมของหนวนหน่วนยิ่งทำให้กู้อันเขินกว่าเดิม
เมื่อรถเคลื่อนตัวถึงประตูโรงเรียน หนวนหน่วนก็กดเปิดกระจกรถก่อนจะโผล่หัวออกไป รูม่านตาสีดำขยายกว้างขึ้นทันทีเมื่อเห็นตึกสวยงามตระการตาตั้งอยู่เต็มไปหมด
สายตาของเธอบ่งบอกได้เลยว่าเธออยากเข้าเรียนที่นี่มากขนาดไหน เมื่อเทียบกับ โรงเรียนเล็ก ๆ ในแถบหมู่บ้านแล้วช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
“พี่เรียนหนังสือที่นี่เหรอคะ? กว้างใหญ่แล้วก็สวยมากเลย”
โรงเรียนในเมืองใหญ่มีลักษณะแบบนี้นี่เอง
เมื่อได้ฟังคำยกยอจากหนวนหน่วน กู้อันก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เรียนโรงเรียนนี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“แน่นอน ต่อไปถ้าเธอจะเข้าโรงเรียนก็ต้องมาเรียนที่นี่ เธอต้องเริ่มเรียนชั้นอนุบาล ส่วนฉันแก่กว่าเธอสองปี”
หนวนหน่วนมองโรงเรียนด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนจะหันมามองผู้เป็นพ่อด้วยความแปลกใจ
“คุณพ่อ หนวนหน่วนจะได้เรียนที่โรงเรียนนี้ไหมคะ?”
ที่นี่น่าเรียนมากเลย
กู้หลินโม่พยักหน้า “มาเรียนที่เดียวกับพี่ชายหนูเลย ต่อไปถ้ามีใครมารังแกหนวนหน่วนก็ให้บอกพี่เขานะ แล้วค่อยมาบอกคุณพ่อ”
ตอนอยู่ที่บ้าน หนวนหน่วนเป็นคนอ่อนโยนมาก ดังนั้นกู้หลินโม่จึงรู้สึกกังวลว่าเธอจะถูกรังแก เด็กในโรงเรียนนี้ค่อนข้างโหดร้าย วิธีที่จะเอาตัวรอดในโรงเรียนนี้ได้คือต้องแข็งแกร่งเหมือนหมี ซึ่งลูกชายคนเล็กของเขาเป็นเช่นนั้น ยิ่งกู้อันสามารถปกป้องน้องสาวได้ก็ยิ่งดี
ผู้เฒ่ากู้เข้าเอ่ยเสริม “หนวนหน่วนต้องมาบอกปู่ด้วย ลูกสาวคนเล็กของตระกูลกู้ใครหน้าไหนก็ห้ามมารังแก”
กู้อันเชิดหน้าขึ้น “หนวนหน่วนอ่อนโยนมาก โดนแกล้งง่ายแน่นอน แต่ถ้าวันนั้นมาถึงก็ไม่ต้องห่วงไป เห็นแก่ว่าเธอเป็นน้องสาวของฉัน ฉันจะปกป้องเธอเอง”
ผู้เฒ่ากู้และกู้หลินโม่ “…”
แค่พูดสิ่งที่ใจคิดจะตายเหรอ? ทำไมต้องแสร้งพูดแบบนี้ด้วย เก็บอาการเก่งเกินไปแล้ว!
หนวนหน่วนผู้เชื่อฟังพยักหน้าลง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ขอบคุณค่ะ”
“ต้องรีบไปเรียนแล้ว!”
กู้หลินโม่ส่งลูกชายออกไป
หนวนหน่วนมองตามแผ่นหลังของพี่ชายที่เดินจากไปด้วยสายตาโหยหา
“หนวนหน่วนอยากไปโรงเรียนไหม?”
กู้หลินโม่เอ่ยถามพลางใช้มือลูบผมเธออย่างแผ่วเบา
หนวนหน่วนผู้เป็นเด็กดีพยักหน้า “หนวนหน่วนอยากเรียน แล้วก็อยากอ่านหนังสือด้วยค่ะ”
“ได้เลย แต่ว่าต้องรอปิดเทอมอีกหนึ่งเดือนก่อน แล้วพ่อจะพาหนวนหน่วนมาเรียน ตกลงไหม?”
“ค่ะ หนวนหน่วนจะรอไปโรงเรียน”
‘ช่างเป็นเด็กดีเสียจริง’
นี่คือความคิดของทุกคนบนรถ
รถเคลื่อนมาจอดตรงลานจอดรถของบริษัท หนวนหน่วนคว้ามือของผู้เป็นพ่อและปู่มาจับไว้ เธอเงยหน้ามองตึกสูงตระหง่านตรงหน้า มันสูงจนแทบมองไม่เห็นข้างบนเลย
กู้หลินโม่เอ่ยขึ้น “ตึกทั้งหมดนี้เป็นบริษัทของตระกูลกู้ คราวหลังถ้าหนวนหน่วนอยากมาก็มาได้เลยนะ”
“มัน… ใหญ่โตจังเลยค่ะ”
ตระกูลกู้บริหารธุรกิจด้วยกัน พอได้ยินว่ามันคืออาคารทั้งหมดตรงหน้านี้ หนวนหน่วนก็ตาโตขึ้นมาทันที
คุณพ่อร่ำรวยขนาดนั้นเลยเหรอ?
หนวนหน่วนครุ่นคิดจนเวียนหัว
“ครอบครัวเรามีทรัพย์สินมากมาย คราวหน้าไว้พ่อจะพาหนวนหน่วนไปดูนะ”
ทั้งสองเดินเข้าไปในบริษัทพร้อมกับหนวนหน่วน พนักงานที่พบเจอระหว่างทางต่างกล่าวทักทายพวกเขาทั้งนั้น
“ท่านประธาน…”
เมื่อพวกเขาเดินผ่านพ้นไป พนักงานก็เริ่มซุบซิบขึ้นทันที
“นายท่านใหญ่กู้มาที่บริษัททำไม?”
“มีใครรู้บ้างว่าประธานกู้พาเด็กน้อยที่ไหนมา?”
“หนูน้อยคนนั้นดูเป็นเด็กดีมากเลย แต่ดูผอมไปหน่อย”
“มากับประธานกู้และก็นายท่านใหญ่กู้เลยเหรอ พระเจ้า มีใครรู้จักเด็กน้อยคนนั้นบ้าง?”
ในระหว่างการสนทนา ผู้คนต่างถือโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อแชทซุบซิบกันภายในกลุ่ม แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้จักตัวตนของเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นเลย
เลขาของกู้หลินโม่ไม่พอใจอย่างมากที่เห็นพนักงานจับกลุ่มคุยกัน แต่แล้วเธอก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นประเด็นที่พวกพนักงานพูดคุยกัน
หนูน้อย?
ทันใดนั้นเขาก็จำอาการแปลก ๆ ของประธานกู้ตอนทำงานเมื่อวานได้ จำได้ว่าเขาพูดคุยโทรศัพท์กับคนที่ชื่อหนวนหน่วน หรือว่าเธอจะเป็นหนูน้อยคนนั้น?
แต่จำได้ว่าตระกูลกู้ไม่มีเด็กผู้หญิงนะ
เขาทำงานกับประธานกู้มาอย่างน้อยสิบปีได้ ในชีวิตการทำงาน เขาเป็นเลขาที่ยอดเยี่ยม รับรู้เรื่องราวในตระกูลกู้เป็นอย่างดี เช่นเรื่องราวเมื่อสามปีที่แล้วที่ตระกูลกู้สูญเสียเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไป
ไม่จริงหรอก…
เขาเบิกตากว้างขึ้นทันที
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หนวนหน่วนก็เดินตามคุณพ่อและคุณปู่ไปทีละก้าว เธอมองทุกสิ่งอย่าง อย่างอยากรู้อยากเห็น ไม่ทันเห็นว่าเลขาของกู้หลินโม่พินิจใบหน้าน่ารักน่ามองของเธออยู่อย่างไม่วางตา