ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 169 เตรียมของขวัญวันเกิดให้พี่ใหญ่และพี่รอง
บทที่ 169 เตรียมของขวัญวันเกิดให้พี่ใหญ่และพี่รอง
ไดอารี่ของหนวนหน่วน
‘ใกล้จะถึงวันที่ 12 พฤศจิกายนแล้ว วันนั้นเป็นวันเกิดของพี่ใหญ่และพี่รอง หนวนหน่วนคิดว่าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วเตรียมของขวัญเซอร์ไพรส์ให้ แต่ไม่รู้เลยว่าพี่รองจะกลับมาตอนไหน รอไม่ไหวแล้วนะ อยากเจอพี่รองแทบแย่แล้ว ว่าแต่จะเตรียมของขวัญอะไรให้ดีน้า…’
หนวนหน่วนตัวน้อยนั่งอยู่บนเตียง มือเล็กกำลังจับปากกาแล้วเขียนลงบนไดอารี่อย่างจริงจัง
เด็กหญิงรู้ศัพท์มากขึ้นเลยอยากฝึกเขียนเพิ่มเติม และการเขียนไดอารี่ก็เป็นหนึ่งในการฝึกฝนที่ดีมาก คนในครอบครัวจึงช่วยเตรียมสมุดและปากกาให้เธอ
นี่เป็นการเขียนไดอารี่เล่มแรกของหนวนหน่วน เธอเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับวันเกิดของพี่ชายคนโตที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า
หลังจากเขียนเสร็จก็เริ่มคิดอย่างจริงจังว่าจะให้ของขวัญอะไรกับพี่ใหญ่และพี่รองดี
มีฮีตเตอร์มากมายอยู่ในห้อง ลูกแมวทั้งหลายกำลังฝนเล็บเข้ากับเสาที่ตั้งวางอยู่กลางห้อง หนวนหน่วนดึงผ้านวมออกแล้วเข้าไปซุกตัวในนั้นก่อนจะกลิ้งตัวเป็นวงกลม
สมองหายไปแล้วคิดไม่ออกเลย น่าเบื่อจังเลยน้า…
หนวนหน่วนที่ร่างกายขยับไม่ได้กำลังครุ่นคิด ก่อนจะกลิ้งพลิกตัวกลับไปทางเดิมอีกครั้งเพื่อคลายผ้าออก
เด็กหญิงลุกขึ้นจัดผมเผ้าให้ดี ก่อนจะก้าวลงเหยียบพื้นด้วยเท้าเปลือยเปล่า และเป็นเพราะพื้นห้องปูพรมสีขาวประหนึ่งหิมะเอาไว้จึงไม่เป็นไรหากจะเดินโดยไม่สวมใส่อะไร
ขาสั้นจ้ำอ้าวไปด้านหน้าก่อนจะนั่งลงกอดแมวเมนคูนสีขาวตัวใหญ่ เธอยกมันมาบนตักแล้วซุกหน้าไปกับพุงของมัน
ใบหน้าของหนวนหน่วนยับยู่ ในหัวมีแต่ความคิดวุ่นวายว่าจะเตรียมของขวัญอะไรให้พี่ชายดี เธอใช้นิ้วมือเล่นขนยาว ๆ ไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว และเมื่อได้สติอีกครั้งก็พบว่าขนของต้าเหมาถูกถักเป็นเปียเรียบร้อยแล้ว
หนวนหน่วนมองตามก่อนจะขำออกมา ราวกับมีแสงสว่างนำทาง ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาทันที
“คิดออกแล้ว!” เสียงตะโกนของเธอดังก้อง ทำเอาต้าเหมากระโดดขึ้นด้วยความตกใจ มันเอียงคอแล้วมองมาที่เธอด้วยสายตาว่างเปล่า
เด็กหญิงสวมกอดต้าเหมาแล้วจูบลงบนใบหน้าขนปุยของมัน
“ต้าเหมาเด็กดี”
หลังจากนั้นเธอก็สวมรองเท้าแตะแล้ววิ่งออกไปข้างนอก
พวกแมวในบ้าน “???”
หนวนหน่วนวิ่งไปหาคุณแม่ วันนี้คุณแม่ไม่ได้ไปทำงาน แต่กำลังจัดดอกไม้อยู่ที่บ้าน
ตอนลงไป กระเช้าดอกไม้แสนสวยถูกจัดวางเรียบร้อยแล้ว พอคุณหญิงกู้ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งลงบันไดมา ไม่ต้องหันไปมองเธอก็รู้ว่าใคร
“คนดี วิ่งช้า ๆ ลูก”
วิ่งอะไรเร็วขนาดนั้น ทำเอาหัวใจแทบร่วงหล่นเลยทีเดียว เธอรีบเข้าไปอุ้มลูกสาวขึ้นมาทันที
หนวนหน่วนยิ้มหวานพลางหัวเราะออกมา ก่อนจะกอดคอคุณแม่แล้วถูไถอย่างออดอ้อน
“คุณแม่กับหนวนหน่วนออกไปซื้อของกันดีไหมคะ”
น้ำเสียงนั้นช่างอ่อนหวานและน่ารัก แล้วแบบนี้คุณแม่อย่างเธอจะไม่ยอมได้อย่างไร แต่เธอก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหนวนหน่วนจะซื้ออะไร นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอขอให้คนพาไปซื้อของ
“หนวนหน่วนอยากซื้ออะไรคะ?”
เด็กหญิงโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูของผู้เป็นแม่
“ผ้าขนสัตว์ เอามาถักผ้าพันคอให้พี่ใหญ่กับพี่รองเป็นของขวัญวันเกิดให้พวกพี่เขาค่ะ”
ก่อนวันเกิดลูกชายฝาแฝดครึ่งเดือน นี่ลูกสาวเธอเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ เลยหรือ น่ารักเสียจริง!
ไป๋อันหรานกำลังตกอยู่ในภวังค์ของลูกสาวตัวเอง ก่อนจะกดจูบบนแก้มน้อย ๆ นั่น
“งั้นไปกันเถอะ”
ทั้งแม่และลูกสาวเดินออกประตูไปพร้อมกับพาบอดีการ์ดไปด้วยสี่คนเพื่อซื้อผ้าขนสัตว์
ร้านขายผ้าขนสัตว์โดยเฉพาะมีอุปกรณ์มากมายหลากหลายมาก แม้แต่ด้ายถักตอนนี้ก็มีขายแล้ว มีทั้งแบบหนาและบาง ไหนจะวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ต้องพูดถึงสีสันของตัวผ้าก่อนหรอก เพราะตอนนี้ตาของหนวนหน่วนเป็นประกายมาก
พี่ใหญ่มีนิสัยสุขุมนิ่งเงียบ ชอบใช้สิ่งของโทนสีเดียวกันซ้ำ ๆ อีกทั้งยังไม่เคยเปลี่ยน เพราะฉะนั้นจะถักผ้าพันคอสีเทาให้พี่ใหญ่ละกัน ส่วนพี่รองเป็นคนสุภาพอ่อนโยน น่าจะเหมาะกับสีเทาขาว
หนวนหน่วนเลือกเป็นผ้าขนแกะในการนำมาถักผ้าพันคอ ก่อนจะเลือกสีที่ต้องการ เนื้อผ้าที่เธอเลือกล้วนหนา อบอุ่นและนุ่มมาก
สุดท้ายก็ซื้อหนังสือเกี่ยวกับการถักนิตติ้ง เธอวางแผนจะกลับไปศึกษาอย่างละเอียด
“คุณแม่ไปกันเถอะค่ะ”
ไป๋อันหรานกุมมือเล็กของลูกสาวพลางพูดว่า “ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว ไปซื้อของอย่างอื่นเข้าบ้านเลยละกัน”
“ก็ได้ค่ะ”
สองแม่ลูกพากันไปช็อปปิงและซื้อของจำนวนมาก นอกจากนี้หนวนหน่วนยังได้ไปตลาดดอกไม้เพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์ดอกไม้และกระถางขนาดเล็กจำนวนมากมาด้วย
“ทำไมต้องซื้อเมล็ดพันธุ์เยอะขนาดนี้ล่ะ?”
หนวนหน่วนตอบอย่างฉะฉาน “เอากลับไปปลูกค่ะ”
“ลูกชอบมองดอกไม้เติบโตเหรอ?”
เด็กหญิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย “อื้มอื้ม ชอบค่ะ ปลูกดอกไม้สวย ๆ จะได้เอาให้คุณแม่”
จู่ ๆ ไป๋อันหรานก็หัวเราะขึ้นมาอย่างมีความสุข ไม่มีอะไรดีเท่าลูกสาวที่น่ารักของเธอแล้ว
ระหว่างทางกลับบ้าน หนวนหน่วนก็ขยับเข้ามาใกล้ผู้เป็นแม่ก่อนจะกระซิบว่า “คุณแม่อย่าบอกพี่ใหญ่กับพี่รองนะคะว่าหนวนหน่วนเตรียมของขวัญไว้ให้ หนูจะเซอร์ไพรส์”
ไม่มีใครอยู่บนรถเลย แต่เด็กหญิงกลับพูดเหมือนว่าจะโดนพี่ใหญ่กับพี่รองจับได้อย่างไรอย่างนั้น ลูกสาวเธอช่างน่ารักเหลือเกิน
ไป๋อันหรานหัวเราะจนแทบคลั่ง แต่ก็ยังพยักหน้าอย่างจริงจังไปด้วย
“อย่าห่วงเลย พวกพี่เขาไม่รู้หรอก”
แต่เพราะกังวลว่าลูกสาวอาจจะต้องเสียใจหากเจ้ารองไม่ได้กลับมาในวันเกิดของตัวเอง เธอจึงต้องบอกให้หนวนหน่วนรับรู้ล่วงหน้า
“แต่พี่รองติดงานอยู่นะลูก ไม่แน่วันเกิดอาจจะไม่กลับมา”
หนวนหน่วนพยักหน้าลงด้วยสีหน้ากังวล “เข้าใจค่ะ หนวนหน่วนรอพี่รองกลับมาแล้วค่อยให้ก็ได้”
เด็กดีจังเลย…
คุณแม่กู้กอดจูบลูกสาวของเธออย่างเอ็นดู ลูกสาวของเธอน่ารักที่สุด
ทันทีที่เด็กหญิงกลับมาบ้าน เธอก็ขนย้ายของทั้งหมดเข้าไปไว้ในห้องของตัวเองและทำการซ่อนมันไว้เหมือนกับหนูแฮมสเตอร์ตัวน้อยซ่อนอาหาร
“คุณแม่ หนูจะไปขุดดินนะคะ”
หนวนหน่วนคิดจะปลูกเมล็ดพันธุ์ที่ซื้อมา นอกจากนี้ยังซื้อกระถางเซรามิกรูปสัตว์น่ารัก ๆ มาด้วย
คุณแม่กู้ “…”
“เดี๋ยวก่อนหนวนหน่วน ข้างนอกหิมะตกจะไปขุดดินที่ไหน”
หนวนหน่วนถือพลั่วอันเล็ก ทั้งตัวสวมเสื้อผ้าชุดหนาเหมือนเพนกวินตัวน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของคุณแม่ เธอก็โบกพลั่วเล็ก ๆ ในมือไปยังจุดหมายแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ในสวนค่ะ”
แค่ใช้พลั่วเล็กนี่ก็ตักหิมะออกได้แล้ว
ไป๋อันหรานแทบจะทนไม่ไหว เพราะเมล็ดพืชบางชนิดที่ลูกสาวเลือกนั้นปลูกให้โตได้ยากมาก นอกจากนี้สภาพอากาศยังเป็นแบบนี้อีก แต่ช่างเถอะ ปล่อยให้หนวนหน่วนได้เล่นสนุกไปก่อน ถ้าดอกไม้ที่ปลูกตายก็ค่อยหาอะไรไปลงแทนละกัน
เธอตามหนวนหน่วนไปช่วยกันขุดดินด้วยกัน หลังจากนั้นก็กลบฝังเมล็ดดอกไม้นานาพันธุ์ลงในดินอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพากันจูงมือกลับบ้าน
ด้วยความที่วิ่งไปมาอยู่หลายครั้งเพื่อขนของ เด็กหญิงจึงเหนื่อยจนใบหน้าแดงก่ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความสุข
“พวกแกก็โตไว ๆ นะ”
หนวนหน่วนกระซิบกับกระถางดอกไม้เล็ก ๆ บนแท่นที่วางไว้ ไป๋อันหรานเองก็ได้ยินว่าลูกสาวพูดอะไร
“ไปเถอะ ได้เวลากินข้าวแล้ว”
“โอเคค่ะ คุณแม่จะไปส่งอาหารให้คุณพ่อไหมคะ?”
หนวนหน่วนจับมือคุณแม่แล้วเดินตามไปทีละก้าว คนเป็นแม่ได้ยินก็คิดว่าลูกสาวช่างแสนดีเกินไปจริง ๆ
“ไม่ต้องหรอก อากาศหนาวแบบนี้อยู่บ้านอุ่นสบาย จะออกไปข้างนอกทำไมกัน ไม่ใช่ว่าพ่อเขากับเจ้าคนโตนั่นจะไม่มีอะไรกินสักหน่อย”
“อื้มอื้ม งั้นไม่ต้องส่งแล้วค่ะ หนวนหน่วนจะโทรหาพวกพี่ หนูคิดถึงแล้ว”
“ทำไมคิดถึงเร็วจังล่ะ?”
“คิดถึงมาก ๆ ด้วยค่ะ”
ท่าทางของเจ้าตัวเล็กจ้ำม่ำแสนจริงจังมาก เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วไป๋อันหรานก็ใจอ่อนระทวยขึ้นมาทันที
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นโทรหลังกินข้าวนะ”
“ได้ค่ะ”
เด็กหญิงพยักหน้าอย่างมีความสุข แน่นอนว่าหลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็โทรหาพี่ชายและคุณพ่อทีละคน เธอใช้น้ำเสียงออดอ้อนบอกให้พวกเขากินข้าวให้ตรงเวลาและอย่าลืมหยุดพักผ่อนด้วย เมื่อได้ยินดังนั้นใจของทุกคนต่างอ่อนระทวยกันไปหมด
พี่รองโทรมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้รับสายเลย หนวนหน่วนจึงส่งข้อความกลับไปหาเขา และทุกครั้งที่ส่งไป ถ้าพี่รองมีเวลาว่างพอเขาก็จะตอบกลับมาทันที
[พี่รอง อย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลานะคะ วันนี้อากาศหนาวมากเลย เป็นหวัดได้ง่ายมาก หนวนหน่วนคิดถึงพี่รองแล้วค่ะ]
ข้อความเพิ่งถูกส่งออกไปได้ไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เครื่องเล็ก เด็กหญิงทำหน้าสงสัยพลางเอ่ยขึ้นว่า
“ฮัลโหล? พี่รองเหรอคะ?”
กู้เป่ยกำลังจินตนาการถึงน้องสาวของเขา ตอนนี้คงกำลังถือโทรศัพท์ด้วยใบหน้าประหลาดใจปนคาดหวังแน่ ๆ
[อืม หนวนหน่วนคิดถึงพี่แล้วเหรอ?]
เสียงของกู้เป่ยดูมีความสุขขึ้นมา น้ำเสียงแผ่วเบาของหนวนหน่วนทำให้หูของคนที่อยู่ปลายสายดีใจมากทีเดียว