ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 167 ฉันกู้อันคืออัจฉริยะ
บทที่ 167 ฉันกู้อันคืออัจฉริยะ
กู้อันไม่ได้พูดเล่นเพียงเท่านั้น ไม่กี่วันต่อมาเขาก็ขอให้กู้หนานซื้อหนังสือเกี่ยวกับพื้นฐานการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศมาให้
เมื่อกู้หนานมองไปที่น้องชายคนเล็กก็รับรู้ได้เลยว่าเขาโตขึ้นมากในชั่วข้ามคืน ชายหนุ่มรู้สึกเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูกจนต้องยกมือขึ้นมาลูบศีรษะ
“ได้”
พี่ใหญ่ลูบหัวเขาด้วย!
เขาดีใจมากเลยแหละ ฮิฮิ
เด็กชายดีใจออกนอกหน้าจนไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ได้ กู้หนานมองน้องชายก่อนจะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
ครั้งนี้กู้อันไม่ได้ทำตัวเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมา เขาเอาหนังสือที่กู้หนานเลือกให้มาอ่านทันทีหลังจากที่ได้มันมา น่าแปลกเสียเหลือเกินที่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองชอบอะไรแบบนี้ มันไม่น่าเบื่อเลย อะไรที่เกี่ยวกับพวกคอมพิวเตอร์นี่ยังไงก็อ่านได้ทั้งวัน
“ฮ่าฮ่า ขอบอกเลยว่าฉันกู้อันคนนี้คืออัจฉริยะ เมื่อก่อนแค่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรก็เท่านั้น แต่ตอนนี้รู้แล้ว!”
เขาพลิกหน้าหนังสืออ่าน จากนั้นก็ยกหนังสือขึ้นมาจนปกปิดใบหน้าของตัวเองมิดชิดแล้วเดินลงบันไดมา ระหว่างทางที่เดินไม่มีใครจำเขาได้เลย และแล้วพ่อของเขาก็มาเห็นเข้า
กู้หลินโม่ ‘แปลกจัง’
ไม่กี่นาทีต่อมา…
กู้อันก็ถูกพ่อของเขาเขกเข้าที่หัว โทษฐานที่ไม่เดินลงบันไดให้มันดี ๆ
กู้อันเงยหน้าขึ้นมองพ่อของตนด้วยแววตาเศร้าสลด “พ่อ รู้ไหมว่าตอนนี้กำลังตีใครอยู่? ว่าที่แฮกเกอร์ในอนาคตเลยนะ ต่อไปข้างหน้าบริษัทพ่อก็ต้องพึ่งผม แต่ตอนนี้พ่อทำผมเคืองใจนะ…”
“หืม?”
กู้หลินโม่จ้องมองเขาพร้อมรอยยิ้มแสยะ
กู้อันเสียวบั้นท้ายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ไอหยา พูดอะไรออกไปนะเรา ฮ่าฮ่า ยังไงผมก็เต็มใจช่วยให้ฟรีอยู่แล้ว!”
เด็กชายทุบลงบนหน้าอกตัวเองเป็นทีท่าว่า ‘ไม่ต้องเกรงใจหรอก’
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ผู้อาวุโสกู้ก็ถึงกับส่ายหน้าทันที เขาเคยคิดว่าเด็กคนนี้จะโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพแน่ แต่จากที่เห็นแล้วยังผยองเหมือนไก่ไม่มีผิด เหนื่อยจะคิดแล้ว
ในขณะเดียวกันหนวนหน่วนก็รู้สึกดีใจมากที่กู้อันเริ่มขยันเรียน ในทุก ๆ วันเธอจะนำหนังสือเล่มเล็ก ๆ ไปหาพี่ชายคนเล็กพร้อมวิดีโอคอลไปหาพี่สี่เพื่อคุมให้เขาอ่านหนังสือไปด้วยกัน ทั้งสามคนต่างร่วมด้วยช่วยกันเรียน ทำให้แต่ละคนผ่านพ้นปัญหาแต่ละอย่างไปด้วยกันได้
คุณหญิงกู้เดินเอานมและผลไม้เข้ามาให้พร้อมกับมองดูลูก ๆ ของเธอด้วยรอยยิ้ม เห็นแบบนี้แล้วเธอก็รู้สึกภูมิใจในตัวลูกชายและลูกสาวของตัวเองมากเลย
แต่ถึงจะภูมิใจมากแค่ไหนก็อดไม่ได้ที่จะเสียดายช่วงเวลาวัยเด็กของลูกชายและลูกสาว พวกเขาคงไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเรียบง่ายและมีความสุขเหมือนเด็กทั่วไป นึกไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ ลูกชายคนเล็กก็มีไฟขึ้นมา
เธอแค่อยากให้ลูกที่คลอดออกมาได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเหมือนกับตนเองก็เท่านั้น
หิมะแรกโปรยปรายลงมาในเมืองหลินเฉิงอย่างกะทันหัน หนวนหน่วนยังคงนอนหลับอยู่ ไม่นานประตูห้องนอนของเธอก็ถูกแง้มออก ตามมาด้วยเหล่าก้อนขนทั้งหลายที่แห่กันเข้ามา
ต้าเหมาและเอ้อร์เหมาโตขึ้นมาก และด้วยความที่พวกมันเป็นพันธุ์เมนคูน ทำให้ตอนนี้ขนาดตัวของพวกมันใหญ่เกือบเท่าเหม่ยฉิวแล้ว
แมวทั้งสามตัวกระโดดขึ้นบนเตียงของหนวนหน่วนทันทีที่พวกมันเดินเข้ามา
ในตอนนี้ทั้งตัวของเด็กหญิงถูกคลุมไว้ใต้ผ้าห่ม พวกมันจึงส่งเสียงร้องแล้วหาช่องว่างสอดก้นเข้าไป ไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีเพียงหางปุย ๆ เท่านั้นที่โผล่ออกมาให้เห็น
เด็กหญิงที่นอนหลับลึกเริ่มรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับลงบนร่างกาย เธอรู้สึกหายใจไม่ออกราวกับโดนผีอำ
ด้วยความสงสัย มือเล็กจึงเอื้อมไปแตะท้องของตัวเองจนสัมผัสเข้ากับหูของเจ้าพวกก้อนขน
เธอลืมตาแล้วลุกขึ้นจากเตียงทันที พอยกผ้าห่มขึ้นก็เห็นเจ้าแมวสามตัวที่กำลังจ้องมองมาที่เธอเช่นกัน
หนวนหน่วนหาวพลางบิดขี้เกียจแล้วกะพริบตาปริบ ๆ
“ทำไมมาอยู่นี่ได้ล่ะ?”
เธอเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย พลันสายตาก็เหลือบมองนาฬิกาที่แขวนติดอยู่บนผนังฝั่งตรงข้ามและเห็นว่ามันเป็นเวลาแปดโมงแล้ว
วันนี้ไม่ได้ตื่นไปวิ่งกับพี่ใหญ่!
หนวนหน่วนนึกได้แล้วก็ตื่นตัว เธอจับพวกก้อนขนที่อยู่บนตัวออก จากนั้นก็ลงจากเตียง สวมรองเท้าแตะแล้ววิ่งออกไปข้างนอกทันที
“หนวนหน่วนตื่นแล้ว”
ทันทีที่ขาของเจ้าตัวเล็กก้าวพ้นประตู ตัวของเธอก็ถูกอุ้มให้ยกลอยขึ้น ทำเอาหนวนหน่วนตื่นเต็มตาขึ้นมา หลังจากนั้นพี่สี่ก็ยกตัวเธอขึ้นสูงก่อนจะจับให้นั่งลงบนบ่าของเขา
มองจากบนนี้แล้วสูงมากเลย
“พี่สี่~”
หลังจากจับเธอนั่งเรียบร้อยแล้ว สาวน้อยก็เอ่ยเรียกพี่สี่อย่างอ่อนโยน ทำเอาคนถูกเรียกมีรอยยิ้มขึ้นมา
“นั่งดี ๆ เดี๋ยวจะพาไปกินข้าว”
“ทำไมวันนี้พี่ใหญ่ไม่โทรหาหนวนหน่วนคะ?”
กู้หมิงหลี่ “เพราะว่าข้างนอกหนาวมาก เมื่อคืนนี้หิมะตกค่อนข้างหนัก ตอนเช้าก็เลยออกไปวิ่งไม่ได้”
“หิมะตกแล้วเหรอคะ?”
น้ำเสียงของหนวนหน่วนชัดเจนขึ้นมาทันที ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอขยับตัวไปดูหิมะอย่างรวดเร็ว
กู้หมิงหลี่พึมพำ “ไม่เคยเห็นหิมะหรือไง?”
หนวนหน่วนแกว่งขาสั้น ๆ ของเธอแล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา
“เคยค่ะ แต่ไม่เคยเห็นว่าหนาขนาดนี้ เคยเห็นแค่บาง ๆ”
เธอเคยเกลียดฤดูหนาวมากที่สุด เพราะมันหนาวมาก ที่กระท่อมในตอนนั้นก็มีถ่านน้อยเหลือเกิน หากจะใช้ฟืนไฟมาจุดมันก็สิ้นเปลืองเพราะเธอยังเด็ก และหญิงชราเองก็แก่มากแล้วจึงหาฟืนกันได้ยากลำบาก อีกทั้งที่บ้านก็ไม่ได้มีฮีตเตอร์ด้วย ส่วนใหญ่แล้วหญิงชราจะถักไหมพรมให้โดยมีเธอนอนเฝ้ามองอยู่ข้าง ๆ เด็กหญิงจึงรู้วิธีการถักไหมพรมเพราะเหตุนี้
ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นฤดูหนาวแรกที่รู้สึกว่าบ้านอบอุ่น เธอจึงอยากเห็นหิมะขึ้นมา ได้ยินว่าถ้าหิมะตกได้หนาพอจะสามารถปั้นตุ๊กตาหิมะได้ เธอไม่เคยทำมันมาก่อนเลย
ราวกับรู้ว่าหนวนหน่วนคิดสิ่งใดอยู่ภายในใจ กู้หมิงหลี่จึงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไว้กินข้าวเสร็จจะพาไปดูหิมะละกัน”
“ดีค่ะ ดีเลย”
น้ำเสียงของเด็กหญิงกระฉับกระเฉงดังก้องขึ้น ทำให้ผู้คนที่อยู่ชั้นล่างมองมาที่เธอ
“อรุณสวัสดิ์หนวนหน่วน”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณปู่ คุณพ่อ คุณแม่ แล้วก็พี่ใหญ่…”
หนวนหน่วนเอ่ยเรียกทีละคนอย่างไม่เขินอายเลย จากนั้นพวกเขาก็ส่งสายตาแสนอ่อนโยนกลับมาให้เธออย่างเอ็นดู
ตอนนี้ตระกูลกู้มีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ทั้งกู้หมิงหลี่และกู้หมิงอวี๋ต่างก็มารวมตัวอยู่ที่นี่เมื่อพวกเขาว่าง ไป๋โม่ฮัวและไป๋โม่ซูเองก็เช่นกัน เพราะแบบนี้จึงทำให้ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องเริ่มดีขึ้น
แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้เหล่าผู้ใหญ่มีความสุขมาก
“หนวนหน่วนมานี่เร็ว พ่อหวีผมให้”
กู้หลินโม่หยิบหวีออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตนอย่างรู้งาน ก่อนที่ร่างหิมะขาวกลม ๆ ในชุดนอนจะวิ่งเข้าไปหาเขาด้วยขาสั้น ๆ ของตน
หนวนหน่วนนั่งลงบนเก้าอี้เตี้ยแล้วใช้มือข้างหนึ่งจับต้นขาของผู้เป็นพ่อเอาไว้
กู้หลินโม่ ประธานบริษัทของห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ ไม่เพียงแค่หวีผมให้ลูกสาวได้เท่านั้น แต่ยังสามารถออกแบบทรงผมได้อีกด้วย
และตอนนี้เขาก็ถักเปียได้อย่างคล่องแคล่วพอตัวเลย
ผมยาวประบ่าของหนวนหน่วนถูกรวบมัดขึ้นเป็นหางม้าอย่างรวดเร็ว กู้หลินโม่เริ่มถักผมเป็นเปียอย่างสวยงาม
คุณหญิงกู้แอบส่งเสียงขุ่นเคืองอยู่ไม่ไกล เธอผิดเอง ไม่อยากให้เขาแตะต้องผมลูกสาวเลย กลัวจะทำผมหนวนหน่วนขาดเหลือเกิน
“มาใส่ถุงเท้าด้วย”
กู้หนานเดินมาพร้อมกับถุงเท้าเล็กแสนน่ารักคู่หนึ่ง มันเป็นสีชมพูแถบลายสีเทาอ่อน เอาเข้าจริงก็ดูไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่เมื่อวางอยู่บนมือเขา แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงนิ่งเฉยอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ชายหนุ่มจับเท้าเล็กของหนวนหน่วนขึ้นแล้วสวมใส่ถุงเท้าให้ หลังจากสวมมันแล้วเขาก็จับเข้าที่เท้าของเธออย่างเบามือด้วยความมันเขี้ยว แต่สีหน้าก็ยังไร้ซึ่งการแสดงออกใด ๆ
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะค่ะ วันนี้ข้างนอกอากาศเริ่มหนาวแล้ว”
เด็กหญิงพูดอย่างว่าง่ายแล้วจับมือพี่ชายคนโตและพี่สามขึ้นไปข้างบนด้วยกัน
พี่สามเป็นคนเลือกเสื้อข้างในให้ ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนมันด้วยตัวเอง ส่วนข้างนอกเป็นชุดกระโปรงสีแดงแสนน่ารัก ส่วนตรงคอเสื้อ ปลายแขนและชายกระโปรงที่ยาวถึงเข่าล้วนเป็นสีขาวทั้งหมด เธอสวมกางเกงเลกกิ้งสีขาวไว้ข้างใน ส่วนรองเท้าก็เป็นที่เอาไว้ใช้สำหรับลุยหิมะ จนตอนนี้เธอเหมือนเทพธิดาหิมะผู้น่ารักกำลังจะออกไปให้โลกได้ยลโฉม
ชุดนี้ทำให้เธอดูเหมือนตุ๊กตานำโชคที่จะมีประดับไว้ทุกบ้านในช่วงตรุษจีน และหลังจากพวกผู้ใหญ่ได้เห็น ทั้งคุณปู่ คุณพ่อและคุณแม่ต่างก็พากันยิ้มยกใหญ่
หนวนหน่วนเดินเข้าไปอยู่ในวงผู้ใหญ่ ก่อนที่แก้มสีขาวหิมะของเธอจะถูกหยิกอย่างเบามืออยู่หลายต่อหลายครั้ง ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังถูกกอดและจุ๊บแก้มอีกด้วย
หนวนหน่วน “…”
ทุกคนก็เกินไปแล้วมั้ง QAQ
คุณหญิงกู้ชอบภาพลักษณ์ของหนวนหน่วนในวันนี้มาก เธอถึงขั้นถ่ายรูปแล้วเอาไปโพสต์ลงโมเมนต์เพื่อเรียกยอดไลก์กันเลยทีเดียว
ราวกับเห็นสายรุ้งเปล่งประกายออกมาจากดวงตาของคุณหญิงกู้ ภายในใจของเธอสุขล้นเป็นอย่างมาก แล้วแบบนี้ เพื่อนคนไหนจะไม่อิจฉาเธอได้ที่มีลูกสาวแสนน่ารักแบบนี้?
ถึงแม้ว่านักเรียนทั้งสองคนจะไม่ต้องไปโรงเรียนในวันอาทิตย์ แต่กู้หนานและคนอื่น ๆ เองต่างก็ยังต้องไปทำงานอยู่
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ หนวนหน่วนก็ไปส่งคุณพ่อและพวกพี่ไปทำงาน เมื่อก้าวผ่านพ้นบานประตูออกมาก็พบเข้ากับหิมะขาวโพลนข้างนอก เธอร้องว้าวขึ้นทันที อีกทั้งยังเผลออ้าปากกว้างออกมารับหิมะด้านบน
เธอไม่เคยเห็นหิมะตกหนักขนาดนี้มาก่อนเลย ราวกับโลกทั้งใบกลายเป็นสีขาวโพลน ท้องฟ้าเองก็เหมือนถูกย้อมไปด้วยสีขาว
หมู่บ้านเสี่ยวซีตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศ ในขณะที่หลินเฉิงอยู่ทางเหนือ จึงทำให้มีโอกาสเห็นหิมะตกได้งดงามเช่นนี้น้อยมาก
หนวนหน่วนจ้องมองหิมะสีขาวที่นุ่มนิ่มราวกับปุยฝ้ายด้วยนัยน์ตาอันเปล่งประกายพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใสบนใบหน้า