ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 166 พี่ใหญ่ พวกแฮกเกอร์มันเก่งมากเหรอ?
บทที่ 166 พี่ใหญ่ พวกแฮกเกอร์มันเก่งมากเหรอ?
พวกเขามีร่มเพียงพอที่จะใช้ด้วยกันได้ การเอาไปให้ชายแปลกหน้าจึงไม่ใช่ปัญหา
กู้อันมองตามก่อนจะพยักหน้าลง “ได้สิ”
แน่นอนว่าเขาต้องยินดีอยู่แล้วที่จะได้หลบฝนใต้ร่มคันเดียวกันกับน้องสาว
เด็กหญิงจึงวิ่งตรงไปพร้อมกับร่มในมือแล้วยื่นให้ชายตรงหน้า ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว
“พี่ชาย อันนี้หนูให้ เอากลับบ้านไปเถอะค่ะ”
ชายหนุ่มตรงหน้าสวมแมสก์ปิดบังใบหน้าเอาไว้ มีเพียงรูม่านตาของเขาเท่านั้นที่โผล่ออกมา เด็กหญิงตรงหน้าจึงเขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วส่งร่มให้เขาอีกครั้ง
“เอาให้ฉันแล้วเธอล่ะ?”
เสียงของชายหนุ่มแหบพร่า ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกแย่ที่ยืนท่ามกลางสายฝนเพียงลำพัง แต่กลับสงบนิ่งราวกับว่ากำลังชื่นชมสายฝน
หนวนหน่วนส่งยิ้มบาง ๆ แล้วตอบกลับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “พี่ชายหนูมีร่มอีกคันค่ะ”
กู้อันให้ความร่วมมือแสดงความยินยอมเต็มที่ เขายืดอกขึ้นอย่างภูมิใจ ความรู้สึกเป็นที่ต้องการของน้องสาวแบบนี้มันช่างดีเหลือเกิน วะฮะฮ่า ๆ
ทว่าชายคนนั้นหยิบร่มขึ้นมาโดยไม่ได้สนใจพวกบอดีการ์ดที่คอยระวังอยู่ข้าง ๆ เลยแม้แต่น้อย
เขาถามออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เอาร่มมาให้แล้ว ต้องการอะไรตอบแทนล่ะ”
หนวนหน่วน “?”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมา หนวนหน่วนก็ได้ยินเขาเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “เธอต้องการอะไร”
หนวนหน่วนส่ายศีรษะ “พวกเรามีร่มอยู่แล้ว หนวนหน่วนไม่ต้องการอะไรจากพี่ชายหรอกค่ะ เงินก็มี เดี๋ยวซื้อใหม่คราวหลังก็ได้”
ขณะที่หนวนหน่วนกำลังจะเดินกลับออกไปพร้อมพี่ชายคนเล็ก เธอก็ได้ยินเสียงบางอย่าง
เด็กหญิงก้มลงมองไปที่ท้องของตัวเอง แต่ก็พบว่าไม่ใช่เสียงท้องของเธอ
จ๊อกกก…
เสียงดังขึ้นมาอีกแล้ว สายตาของหนวนหน่วนและกู้อันต่างจับจ้องไปที่ชายสวมแมสก์คนนั้น
หลังจากนั้นเสียงก็ยังคงดังขึ้นต่อไป ตอนนี้รู้แล้วว่ามันดังมาจากคนตรงหน้านั่นเอง แต่คนผู้นั้นกลับนิ่งมากราวกับว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเลย
หนวนหน่วนย่นจมูกเล็กน้อยก่อนจะใช้มือหยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมาแล้วล้วงเข้าไปข้างใน เธอหยิบทอฟฟี่ออกมาห้าชิ้น อมยิ้มสองชิ้น และช็อกโกแลตสรตอว์เบอรรีอีกหนึ่งชึ้น หลังจากนึกขึ้นได้เธอก็หยิบชานมร้อน ๆ ยื่นส่งไปให้ด้วย
เด็กหญิงหยิบทุกอย่างนี้ขึ้นมาด้วยมือเล็ก จากนั้นก็ยัดใส่ในมือของเขา
“พี่ชายกินเถอะค่ะ จะได้อิ่ม”
ขณะที่กำลังจะเดินจากไป เขาก็คว้ามือเธอไว้ก่อนจะถูกบอดีการ์ดมองมาด้วยสายตาเชือดเฉือน
“มีอะไรเหรอคะ?”
“ช่วยฉันทำไม”
ชายหนุ่มมองจ้องมาที่เธอด้วยนัยน์ตาสีดำทมิฬ มันเป็นสายตาที่ชวนให้ผู้ถูกมองค่อนข้างรู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย แต่หนวนหน่วนกลับไม่รู้สึกถึงความพยาบาทในตัวเขาเลย
เด็กหญิงเพียงเอ่ยตอบออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ “เพราะว่าพี่หิวไงคะ”
“แต่ของพวกนี้มันเป็นของเธอนะ”
หนวนหน่วน “อื้ม แต่ตอนนี้หนูให้พี่ชาย มันเป็นของพี่แล้ว”
ชายหนุ่มมองเธอด้วยแววตางุนงง “ของพวกนี้ อยากแลกเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไหม ฉันจะช่วยหามาให้”
หนวนหน่วนมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ หรือพี่ชายคนนี้จะรู้สึกอายเกินกว่าที่จะเอาของพวกนี้กลับไปเฉย ๆ
หนวนหน่วนทำความเข้าใจอยู่สักพัก ก่อนจะพบว่าหากเป็นเธอก็คงอับอายเช่นกันที่เอาของคนอื่นไปโดยไม่ได้ให้สิ่งอื่นตอบแทน
“ถ้างั้น…”
เด็กหญิงปรายตาแล้วชี้ไปยังพวงกุญแจที่ห้อยติดอยู่กับเขา
“งั้นพี่ชายเอาอันนั้นให้หนูก็ได้ค่ะ”
ชายหนุ่มมองตามปลายนิ้วของเธอมาที่พวงกุญแจ เขาใช้เวลาถอดมันออกเพียงสองวินาที
“บ๊ายบายค่ะพี่ชาย กลับบ้านได้แล้วนะคะ”
หลังจากพูดจบ หนวนหน่วนก็เดินเข้าไปจับมือพี่เล็กของเธอแล้วเดินกลับเข้าไปในโรงเรียนใต้ร่มคันเดียวกันอย่างมีความสุข
กู้อันเริ่มบทสนทนาขึ้นอย่างแผ่วเบาท่ามกลางสายฝน “หนวนหน่วน หลังจากนี้ห้ามคุยกับคนแปลกหน้าตอนอยู่คนเดียวเด็ดขาดเลยนะ ถ้าเขาเป็นคนร้ายมาจับตัวไปจะทำยังไงล่ะ”
“อื้มอื้ม หนวนหน่วนรู้แล้วค่ะ ก็ตอนนี้หนูมีทั้งพี่ เพื่อน ๆ ของพี่ รวมทั้งคุณลุงบอดีการ์ดอยู่ด้วยเต็มไปหมดนี่นา แล้วอีกอย่างพี่ชายคนนั้นก็ไม่ใช่คนเลวสักหน่อย จะให้เขากลับบ้านไปทั้งที่ตากฝนแบบนั้นไม่ได้หรอก”
“พี่ให้ชานมแก้วนี้ละกัน กินของพี่ได้เลย”
“ขอบคุณค่ะ พี่ใจดีจังเลย”
“เอาของพวกเราไปด้วยก็ได้นะ กินของพวกเราได้เลย”
กู้อัน “หุบปาก!”
เหลียงฉือยืนกางร่มท่ามกลางสายฝนพลางเฝ้ามองพวกเด็ก ๆ เดินจากไป เขาถอดแมสก์ออกพลางหยิบทอฟฟี่ใส่ปากของตัวเองอย่างช้า ๆ
รสชาติของทอฟฟี่หอมหวาน ตั้งแต่ที่เขาเติบโตขึ้นมาก็ไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติมันเลย คล้ายว่า… เขาไม่เคยได้รับความบริสุทธิ์ใจจากคนอื่นเลยแม้แต่น้อย
แต่ว่า… เด็กคนนั้นช่างโง่เขลาจริง ๆ
อยากรู้ว่าสีหน้าเธอจะเป็นอย่างไร หากจำได้ว่าคนที่ช่วยเอาไว้เคยลักพาตัวเธอมาก่อน?
เหลียงฉือใช้ลิ้นดุนแก้มตัวเองก่อนจะหยิบอมยิ้มรสองุ่นเข้าปาก เขาค่อย ๆ เก็บขนมที่เหลือใส่กระเป๋า หันหลังเดินกลับไปพร้อมกับร่มหนึ่งคันท่ามกลางสายฝน ชานมอุ่น ๆ ยังคงอยู่ในมือข้างหนึ่ง
คนในตระกูลกู้มีความสามารถมาก หลายครั้งแล้วที่เขาเกือบโดนจับได้ ถ้าไม่ใช่ว่าเขาไหวตัวทันก็คงโดนจับไปแล้ว
เมื่อหนวนหน่วนและคนอื่น ๆ เดินกลับไป การประชุมภายในห้องเรียนก็จบลงแล้ว คุณหญิงกู้กำลังยกยิ้มอย่างสดใส พอหันมาเจอลูกชายตัวเอง รอยยิ้มก็จางหายไปทันที
กู้อันรู้ได้ทันทีว่าแม่ได้ทราบผลการเรียนของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยความกลัวเขาจึงหลบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังน้องสาวของตัวเอง
คุณหญิงกู้เดินเข้ามาหาพร้อมกับใช้ดวงตาคู่สวยของตนจ้องมองมาด้วยสายตาดุร้าย “เดี๋ยวกลับไปโดนแน่!”
เจ้าลูกคนนี้ทำให้เธอขายหน้าต่อหน้าบรรดาผู้ปกครองมากมาย น่าอายจริง!
กู้อันรู้สึกกลัวจนหัวหด เป็นเพราะว่าเขาไม่ตั้งใจเรียนหรือ? เปล่าเลย ข้อสอบมันยากมากกว่า!
หนวนหน่วนร่ำลาบรรดาเพื่อน ๆ ของพี่เล็ก ไม่นานก็ได้ยินเสียงคุณหญิงกู้บ่นขณะที่นั่งอยู่บนรถ
“ต่อไปลูกต้องให้พ่อหรือไม่ก็พวกพี่มาแทนแล้วนะ เดี๋ยวหนวนหน่วนเข้าโรงเรียน งานประชุมผู้ปกครองแม่ก็ต้องไปเหมือนกัน”
กู้อัน “…ถ้าอย่างนั้นผมก็ให้พี่โม่ฮัวไปประชุมผู้ปกครองแทนได้สิ”
คุณหญิงกู้เอานิ้วจิ้มลงบนหน้าผากของเขาทันที “จะหลอกอะไรพี่เขาอีกล่ะ!”
ครั้งนี้กู้อันสอบตกหลายวิชามาก คุณหญิงกู้ไม่ได้บ่นอะไรมากมาย แค่เพียงบิดหูของเขาอยู่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ไม่ได้หยิบยกพี่ชายทั้งสองของเขามาเปรียบเทียบให้รู้สึกแย่ด้วย
ตระกูลกู้มีลูกชายคนโตทั้งสองสร้างหน้าตาให้กับตระกูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงไม่กลัวว่าตระกูลจะล่มจมจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องการเรียนของเด็กคนนี้มากมายนัก เพียงแต่ขอให้เขาเป็นคนดีและอยู่ร่วมกับคนในสังคมอย่างไม่สร้างความเดือดร้อนเท่านั้นก็พอ
เมื่อพลบค่ำ หลังจากที่หนวนหน่วนหลับไปแล้ว กู้หลินโม่และกู้หนานก็ไปพูดคุยปรึกษาหารือกันที่ห้องอ่านหนังสือ
ในขณะที่กู้อันกำลังออกมาหาน้ำดื่ม เขาก็เห็นประตูห้องอ่านหนังสือถูกเปิดค้างเอาไว้ อันที่จริงมันแค่ปิดไม่สนิทเท่านั้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงไปยืนแอบฟัง
คุณพ่อกับกู้หนานดูจริงจังมาก จะว่าไปเขาก็โตแล้วแต่กลับไม่โดนเรียกมาประชุม นี่เขายังไม่มีคุณสมบัติพอหรือ?
“มันหนีไปได้อีกแล้ว!”
“เหลียงฉือ! กล้าดียังไงมาแตะต้องหนวนหน่วน!”
น้ำเสียงของคุณพ่อดูโกรธมากที่รู้ว่าวันนี้เหลียงฉือไปที่โรงเรียนของกู้อันแล้วได้พูดคุยกับหนวนหน่วนด้วย เขาตกใจแทบตาย โชคยังดีที่ลูกสาวของเขาไม่เป็นอันตราย
ผู้ชายคนนี้ชักจะมากเกินไปแล้ว กล้าดียังไงมาแตะต้องคุณหนูน้อยของตระกูลได้
กู้อันที่แอบฟังอยู่ตรงประตูผงะไป เหลียงฉือคนเลวนั่นใช่ไหม? เข้ามาคุยกับหนวนหน่วนก็หมายความว่า…
ใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะนึกได้ว่าตนเจอชายแปลกหน้าสวมแมสก์ที่โรงเรียน
สีหน้าของกู้อันยับยู่ขึ้นมาทันที เด็กชายรีบผลีผลามเข้าไปในห้อง
“พ่อ พี่ใหญ่ คนที่เจอวันนี้คือเหลียงฉือเหรอ?”
เมื่อเห็นกู้อันที่เดินเข้ามาด้วยแววตาลุกโชน พวกเขาก็นิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้าตอบ
และทันใดนั้นสีหน้าของกู้อันก็เปลี่ยนไปเหมือนแมวที่จ้องจะขู่ฟ่อ
“เขาต้องการอะไรจากหนวนหน่วน ทำไมต้องมาหลอกหนวนหน่วนด้วยกลยุทธ์สาวงาม*[1] แบบนั้น น่ารังเกียจ–”
“ไม่รู้สำนวนก็อย่าพูดดีกว่า กลยุทธ์สาวงามอะไร? น้องดูเชื่อคนง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? กลยุทธ์ทุกข์กาย*[2] ต่างหาก!”
กู้อันกอบกุมศีรษะของตัวเองที่ถูกเขก “มันต่างกันยังไง? ก็ถือว่าเป็นการหลอกลวงเหมือนกันนั่นแหละ เจ้านี่มันร้ายมาก แล้วจะจับมันได้เมื่อไหร่!”
กู้หนานยื่นมือมาบีบจมูกของเขา “มันเอาตัวรอดเก่งเกินไป เจอที่ซ่อนหลายครั้งแล้วแต่มันไหวตัวทันตลอด”
กู้อันขมวดคิ้วอย่างนึกคิดก่อนจะถามขึ้นอย่างจริงจัง “พี่ใหญ่ พวกแฮกเกอร์มันเก่งมากเหรอ?”
กู้หนาน “มันอยู่ที่คน แล้วตอนนี้เป็นยุคของอินเทอร์เน็ต พวกแฮกเกอร์เก่ง ๆ ก็เหมือนมีสายตานับไม่ถ้วนคอยเป็นหูเป็นตาให้ในโลกของอินเทอร์เน็ต พวกเราก็กำลังหาร่องรอยมันอยู่เหมือนกัน”
กู้อันมองไปที่พี่ใหญ่และพ่อของเขาด้วยสายตามุ่งมั่น
“โตขึ้นผมจะเป็นแฮกเกอร์ จะเอาให้เก่งกว่าเหลียงฉือเลย แบบนี้คงปกป้องหนวนหน่วนได้แน่นอน”
ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึง ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะพูดอะไรแบบนั้นออกมา อีกทั้งน้ำเสียงกู้อันก็ยังหนักแน่นมากด้วย
[1] กลยุทธ์สาวงาม (美人计) หมายถึง โจมตีจุดอ่อนทางใจให้เกิดความขัดแย้งหรืออุปสรรค จนอีกฝ่ายพ่ายแพ้ไปเอง
[2] กลยุทธ์ทุกข์กาย (苦肉计) หมายถึง การทำให้ตัวเองบาดเจ็บ เพื่อหลอกให้ศัตรูหลงเชื่อโดยไม่ติดใจสงสัย