ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 164 (2) หนวนหน่วนกลับบ้านแล้ว
บทที่ 164 (2) หนวนหน่วนกลับบ้านแล้ว
กู้หมิงอวี๋หัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนจมูกของเธอ
“เด็กยังกินไม่ได้นะ กู้อันยังกินไม่ได้เลย”
กู้อัน ‘ทำไมต้องลากผมเข้าไปเกี่ยวด้วยเนี่ย!’
ไป๋โมฮัวถือแก้วนมขึ้นมาหวังจะป้อนให้หนวนหน่วน
“ไวน์ไม่อร่อยหรอกนะ นมอร่อยกว่าเยอะเลย หนวนหน่วนกินเร็ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นสิ มากินกันเถอะ ฉลองให้หนวนหน่วนที่ออกจากโรงพยาบาล”
ทุกคนต่างยกแก้วขึ้น
“ไชโย!”
หนวนหน่วนไม่ได้ใส่ใจเรื่องการดื่มไวน์อีกต่อไป ในเมื่อญาติผู้พี่บอกว่าไม่อร่อยก็ไม่อยากดื่มแล้ว
เด็กหญิงส่งเสียงตะโกนฉลองกับทุกคนด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วพลางแกว่งเท้าไปมา จากนั้นก็ใช้สองมือยกแก้วนมขึ้นดื่มทีละน้อย เธอชอบบรรยากาศที่ทุกคนต่างมารวมตัวและรับประทานอาหารด้วยกันมาก
เสียดายที่พี่รองไม่ได้อยู่ด้วย
หลังจากทานอาหารเสร็จ คุณหญิงกู้ก็อุ้มหนวนหน่วนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและแปรงฟัน ในขณะที่ทุกคนต่างนั่งรวมตัวกันอยู่ในห้องโถง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดเรื่องเหลียงฉือขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากพูดถึงบุคคลผู้นี้ บรรยากาศในห้องก็อึมครึมขึ้นมาทันที
กู้หนานใช้นิ้วเคาะตรงพนักวางแขนเก้าอี้เบา ๆ สีหน้าเขาในตอนนี้นิ่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง
“ได้ข้อมูลของเหลียงฉือมาบ้างแล้ว”
กู้หนานไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่ ชายหนุ่มแจกจ่ายกระดาษที่มีข้อมูลเขียนไว้ให้กับคนอื่นด้วยมือของตัวเอง
เหลียงฉือขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลอัจฉริยะ
แต่กลับเป็นอัจฉริยะที่เบื่อโลกและต้องการทำลายทุกสรรพสิ่ง เขาจึงเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างไม่ต้องสงสัย
บุคคลแรกที่เหลียงฉือเป็นคนฆ่าก็คือพ่อของเขาเอง
เขาอาศัยในครอบครัวที่ชอบใช้กำลังกดขี่อย่างน่าสงสาร อีกทั้งไม่ได้ถือกำเนิดมาด้วยความรัก
พ่อของเขา เหลียงต้าเหว่ย จัดได้ว่าเป็นคนเกียจคร้านแห่งหมู่บ้านต้าเหลียง ชายคนนี้ทำเพียงแค่ดื่มเหล้าและเล่นการพนันไปวัน ๆ
แม่ของเขาถูกเหลียงต้าเหว่ยจับมัดกักขังเอาไว้ในห้องใต้ดินไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันราวกับว่าเป็นสุนัข หลังจากที่ไปดื่มเหล้าเล่นการพนันกลับมาก็จะทุบตีเธอเป็นประจำ เขาไม่เคยปฏิบัติกับเธอเหมือนมนุษย์เลยด้วยซ้ำ
นอกจากนี้การเกิดมาของเหลียงฉือก็ไม่ได้ทำให้ทัศนคติของเหลียงต้าเหว่ยที่มีต่อผู้หญิงคนนี้ดีขึ้นเลย เขาไม่เคยรักและเอ็นดูลูกชาย ซ้ำยังเกลียดที่ต้องคอยแบ่งค่าอาหารให้อีก
เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ พอมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นก็ทำให้เหลียงฉือไม่เคยได้รับการดูแลจากแม่อย่างดี ซ้ำยังไม่เคยได้ทานอิ่มตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในครรภ์ หลังจากที่โตขึ้น เหลียงต้าเหว่ยก็เริ่มทุบตีเหลียงฉือด้วย ทุกส่วนบนร่างกายของเขาเต็มไปด้วยแผลฟกช้ำ หนำซ้ำเสื้อผ้าก็ไม่เคยได้ใส่ของที่ดี ๆ เลย
แม่ของเหลียงฉือก็เริ่มคลุ้มคลั่งหลังต้องทนทุกข์ทรมานกับความโหดร้ายของเหลียงต้าเหว่ย หากวันไหนอารมณ์ดีก็จะรักและเอ็นดูเหลียงฉือขึ้นมานิดหน่อย แต่หากวันไหนอารมณ์เสียก็จะคลุ้มคลั่งและลงไม้ลงมือกับเขาด้วย
ตอนที่เหลียงฉืออายุได้ 7 ขวบ เขาก็ได้เห็นภาพที่เหลียงต้าเหว่ยลงมือฆ่าแม่ตอนที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงฟางในห้องใต้ดิน
ถึงคนในครอบครัวเพียงคนเดียวที่รักและเอ็นดูเขาจะได้จากไปต่อหน้าต่อตา แต่เหลียงฉือก็อดทนอดกลั้น ไม่ได้ส่งเสียงร้องอะไรออกไป เพราะรู้ดีว่าหากทำเช่นนั้นเหลียงต้าเหว่ยต้องเจอเขาแน่ และคงฆ่าเขาด้วยเช่นกัน
วันต่อมา เมื่อเหลียงต้าเหว่ยได้สติและเห็นร่างของผู้หญิงที่ตนฆ่าก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา เขารีบสงบสติอารมณ์และเริ่มทำลายหลักฐาน จากนั้นก็บอกกับเหลียงฉือว่านางผู้หญิงคนนั้นทิ้งไป
เหลียงฉือไม่ได้แสดงความโศกเศร้าหรือความหวาดกลัวต่อหน้าเหลียงต้าเหว่ยเลย เขาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร
เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น เขาจึงเริ่มมีปัญหาทางด้านจิตเวช การที่ต้องอดทนถูกทารุณทั้งทางกายและจิตใจอยู่ทุกวัน ไม่แปลกที่โตมาจะมีนิสัยแบบนั้น
เมื่ออายุได้ 10 ขวบ เหลียงต้าเหว่ยก็มีเรื่องกับพวกนักเลงตอนเมา เผลอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายฟัง
พวกนักเลงจึงยกพวกมารุมตีเหลียงต้าเหว่ย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ลงมือฆ่า
เหลียงฉือจึงสวมถุงมือ เดินไปหยิบไม้เบสบอลขึ้นมาก่อนจะใช้มันทุบตีพ่อของตัวเองจนตาย
นอกจากนี้เขายังสามารถสร้างหลักฐานแก้ต่างให้ตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก เขาโทษอันธพาลพวกนั้นว่ามีส่วนในการตายของเหลียงต้าเหว่ย
หลังเหลียงฉือลงมือฆ่าพ่อของตัวเอง เขาก็กลายเป็นเด็กกำพร้า เพราะพี่น้องของเหลียงต้าเหว่ยต่างผลักไสภาระในการรับเลี้ยงดู เขาจึงต้องเข้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ตอนที่อาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาอายุได้ประมาณ 10 ขวบแล้ว แต่รูปร่างยังคงเหมือนเด็กที่อายุเพียง 7-8 ขวบเท่านั้น ด้วยสภาพทุกข์ระทม เหลียงฉือจึงมักถูกรังแกอยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถอดทนผ่านมันมาได้ เขาสอบได้เกรดดีที่สุดในชั้นมัธยมปลาย ในที่สุดก็ได้รับทุนการศึกษาค่าเล่าเรียนฟรีรวมถึงเงินค่าครองชีพต่าง ๆ
เมื่อขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก เขาก็เริ่มไม่ตั้งใจเรียนและมีเรื่องชกต่อย ทำให้ผลการเรียนเริ่มถดถอยลง
‘ส่วนที่บางที่สุดของเชือกย่อมขาดง่ายที่สุด ความโชคร้ายมักจะเข้ามาพัวพันกับคนจนเสมอ’ เหลียงฉือเป็นตัวอย่างของคำพูดที่กล่าวไว้เป็นอย่างดี เขากลายเป็นพวกอันธพาลในสายตาคนอื่นจนได้ สุดท้ายเขาก็ถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียน
และแล้วในที่สุดเหลียงฉือก็ไม่ได้ไปโรงเรียนอีก เขาเลือกเข้าเรียนในโรงเรียนระบบเปิดโดยการอ่านหนังสือศึกษาด้วยตัวเองพร้อมกับทำงานพาร์ตไทม์ไปด้วย และในที่สุดก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัย C ที่มีชื่อเสียงด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ด้วยผลการเรียนที่ยอดเยี่ยม
ครั้งนี้เขาทำในสิ่งที่ถูกแล้ว ตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย ถึงแม้ว่าบุคลิกภายนอกจะเป็นคนร่าเริงเหมือนชายที่มีจิตใจอบอุ่นทั่วไป แต่ใครจะรู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่เขาเปิดเผยผ่านหน้ากากเท่านั้น
การสวมใส่หน้ากากทำให้เขาเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้จนสำเร็จ ชายหนุ่มเริ่มแก้แค้นผู้คนที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ทันที
ในตอนแรกเขาก็แค่รังแกคนยากจน ล่อลวงให้พวกเขาติดคุกหรือเสียแขนขาเท่านั้น แต่หลังจากใช้วิธีแก้แค้นแบบนั้นอยู่บ่อยครั้งก็รู้สึกเบื่อขึ้นมา และเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาได้ไปรู้จักเข้ากับคนติดเหล้าในเมือง B โดยบังเอิญ
ทั้งสองมีปากเสียงกันตรงริมถนน คนเมาต้องการที่จะกวนใจเหลียงฉือจึงเริ่มถ่มน้ำลายใส่
ความมึนเมาทำให้เหลียงฉือหวนนึกถึงเหลียงต้าเหว่ยขึ้นมา
ในตอนนั้นเอง ความทรงจำในวัยเด็กของเหลียงฉือก็สาดกลับมา ทำให้จิตวิญญาณของเขาพุ่งเข้าสู่ความมืดมิด
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมไป๋โม่ซูจึงพอรู้จักเขาอยู่บ้าง
เหลียงฉือใช้ช่องทางในอินเทอร์เน็ตล่อลวงชายติดเหล้าคนนั้นให้เริ่มเล่นการพนัน และเมื่อได้เล่นอีกฝ่ายก็ยิ่งติดมากขึ้น สุดท้ายก็ใช้วิธีการจัดการเหมือนเดิมคือทำให้ชายติดเหล้าเป็นหนี้ดอกเบี้ยมหาศาล
วันหนึ่งเหลียงฉือไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย เมื่อพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งก็เริ่มประชดชีวิต เขาทำการแฮ็กระบบเพื่อนำข่าวลือเสียหายไปเผยแพร่ ล่อลวงกระตุ้นให้คนติดสุรา ขายวัตถุระเบิดให้คนอื่น รวมถึงวางระเบิดในเมือง B ด้วย
หลังจากนั้นเขาก็เดินทางออกนอกเซี่ยกั๋วไปลงหลักปักฐานอยู่ที่ประเทศอื่น
ข้อมูลที่กู้หนานหามานั้นค่อนข้างละเอียดมาก ถึงแม้จะไม่มีคำพูดใด แต่ในหน้ากระดาษก็บอกเล่าเรื่องราวของเหลียงฉือได้ดี
เว้นแต่ที่อยู่ของเหลียงฉือที่ตอนนี้ยังไม่สามารถติดตามได้
หลังจากได้อ่านข้อมูลทุกอย่างแล้ว ภายในห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นรูปของเหลียงฉือบนกระดาษ มันเป็นรูปถ่ายนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในรูปนั้นเขาเป็นเพียงชายหนุ่มที่กำลังยิ้มแย้ม ใครจะคาดคิดว่าเบื้องหลังจะเต็มไปด้วยความมืดมิดราวกับไม่มีแสงใดสามารถทะลุผ่านได้
กู้หนาน “หาตัวเขาให้เร็วที่สุด”
ทุกคนต่างพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
หากทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็ไม่ควรได้รับความเมตตา พวกเขาอาจไม่มีสิทธิ์ตัดสินว่าสิ่งที่เหลียงฉือกระทำนั้นถูกหรือผิด แต่ในเมื่อเข้ามาทำร้ายคนที่พวกเขาหวงแหนก็คงถึงเวลาที่จะต้องลงนรก!