ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 164 (1) หนวนหน่วนกลับบ้านแล้ว
บทที่ 164 (1) หนวนหน่วนกลับบ้านแล้ว
“โอเค วันนี้กลับบ้านได้แล้ว”
หนวนหน่วนมีความสุขขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น เด็กหญิงยิ้มกว้างราวกับทานตะวันน้อย
เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงทันที ก่อนจะปีนลงจากเตียงเพื่อไปหยิบรองเท้าแตะคู่เล็กมาอย่างแข็งขัน หลังจากนอนที่โรงพยาบาลมาสองถึงสามวัน ชุดนอนของเธอก็ถูกนำมาเพิ่ม รวมถึงอาหารโปรดและพวกครีมดูแลผิวหน้าต่าง ๆ ด้วย
ทั้งหมดนี้ต้องขนกลับไปด้วย
เด็กสาวตัวน้อยกระโดดโลดเต้นไปมากับพวกพี่ชายอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นเช่นนั้น พวกพี่ชายก็ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเทียบกับตอนที่ป่วยแล้ว ตอนนี้หนวนหน่วนดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลย
การนอนโรงพยาบาลในครั้งนี้ไม่เพียงเฝ้าสังเกตอาการป่วยของเธอเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญก็คือ การเฝ้าสังเกตอาการทางจิตเวชว่าเธอมีความวิตกกังวลหรือหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือเปล่า
จากการเฝ้ามองอย่างพิจารณาก็ดูเหมือนว่าเธอจะมีความสุขมากในตอนกลางวัน แต่เมื่อตกกลางคืนจะฝันร้ายและสะดุ้งตื่นในคืนแรก ๆ
เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อเธออย่างมาก
ทุกคนจึงผลัดกันนอนเฝ้าเธอ จากที่ไป๋โม่ซูบอก ในตอนนี้เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
ไป๋โม่ฮัวมองพี่ชายของตัวเองอย่างชื่นชม “พี่นี่ไม่เสียแรงที่ไปเรียนจิตวิทยามาจากประเทศ M ทำได้ดีมากเลย”
เป็นทั้งหมอ นักจิตวิทยาและนักสะกดจิต มีอะไรอีกไหมที่พี่ชายของเขาทำไม่ได้!
ไป๋โม่ซูจ้องมองเขา “ถ้าอยากเรียน…”
ไป๋โม่ฮัว “ไม่เอาหรอก มีพี่อยู่แล้วนี่”
หนวนหน่วนหอบเสื้อผ้าเดินไปมาราวกับนกเพนกวิน เมื่อได้ยินที่ลูกพี่ลูกน้องคนรองพูดเธอก็พยักหน้าลงอย่างเห็นด้วย
“ใช่ค่ะ แค่มีพี่ก็พอแล้ว!”
เสียงออดอ้อนของเด็กหญิงเต็มไปด้วยพลัง พี่ชายของเธอทรงพลังที่สุด!
คนในวอร์ดมองไปที่เจ้าเกี๊ยวตัวน้อยแล้วหัวเราะออกมา
ในที่สุดก็กลับถึงบ้าน หนวนหน่วนไม่เพียงแค่คิดถึงบ้าน แต่คิดถึงคนและพวกสัตว์ทั้งหลายด้วย
ราวกับว่าพวกมันรู้ว่าหนวนหน่วนจะกลับมาวันนี้ พวกก้อนขนจึงไปนั่งเฝ้าอยู่ตรงประตูกันยกใหญ่
หนวนหน่วนลดกระจกรถลง ก่อนจะโผล่หัวออกมามองหาเหม่ยฉิว พลันดวงตาก็แปรเปลี่ยนเป็นพระจันทร์เสี้ยว
“ต้าหวง เหม่ยฉิว เสี่ยวจู แม่แมว ต้าเหมา เออร์เหมา แล้วก็โต้วโต้ว ฉันกลับมาแล้วนะ~”
เธอตะโกนเรียกชื่อทีละตัว และเมื่อพวกมันได้ยินชื่อของตัวเองก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่แพ้กัน เจ้าพวกก้อนขนวิ่งกระดิกหางเข้ามาหาราวกับได้เจอสหายเก่าที่ไม่ได้พบกันมาหลายปี
คนขับที่กลัวจะเหยียบพวกมันจึงรีบหยุดรถทันที หนวนหน่วนจึงเปิดประตูแล้ววิ่งลงจากรถ เธอตะโกนเรียกชื่อต้าหวงดังลั่นแล้วเดินผ่านประตูรั้วเข้าไป
พวกมันส่งเสียงร้องด้วยความอัดอั้นตันใจ ประหนึ่งจะถามหนวนหน่วนว่าเธอหายไปไหนมาถึงไม่กลับบ้านตั้งหลายวัน
หัวใหญ่ ๆ ของมันมุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของเธออย่างจัง จากนั้นพวกมันก็นั่งลงแล้วยกอุ้งเท้าข้างหน้าขึ้นวางบนไหล่ของเด็กหญิง
เจ้าตัวกลมเล่นอย่างกับเด็กจนเกือบจะทำหนวนหน่วนล้มได้เลย
เจ้าก้อนขนตัวอื่น ๆ ต่างกรูกันเข้ามาเช่นกัน มันส่งเสียงร้องแล้วกระโดดเข้าใส่เธอ และในไม่ช้า พวกพี่ชายก็มองไม่เห็นน้องสาวของตัวเองอีกต่อไป
พวกพี่ชาย “…”
นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋โม่ซูได้เห็นเจ้าพวกนี้
“นี่เป็นสัตว์เลี้ยงของหนวนหน่วนหมดเลยเหรอ?”
ไป๋โม่ฮัวส่ายหัว “พี่ มีอยู่ตัวหนึ่งของผม เจ้าแมวส้มตัวนั้นน่ะ”
ไป๋โม่ซูชำเลืองมองเจ้าแมวส้มตัวอ้วนอยู่ประมาณสองวินาที ก่อนจะพูดขึ้น “หมูส้ม”
กู้หมิงหลี่ตบลงบนบ่าเขา “ถ้านายกินได้เหมือนเสี่ยวจูสักครึ่งหนึ่งคงไม่อ่อนแอแล้วละ”
ไป๋โม่ฮัว ‘ไม่เคยจะมีคำพูดดี ๆ หลุดออกมาจากปากไอ้น้องนี่เลยนะ’
ในที่สุดหนวนหน่วนก็ถูกพี่ชายคนโตอุ้มขึ้นมา พวกสัตว์เลี้ยงกลัวกู้หนานมากที่สุดแล้ว เมื่อเห็นว่าเขามาฉกเอาตัวเธอไปมันจึงไม่กล้าเอ่ยเสียงร้องคร่ำครวญใด ๆ ทั้งสิ้น
“หนวนหน่วนกลับมาแล้ว มานี่ ๆ มาข้ามเตาอั้งโล่ก่อน จะได้หายจากโรคภัย”
บ้านตระกูลกู้มีเตาอั้งโล่เล็ก ๆ ตั้งวางอยู่ กู้หลินโม่ถือหวายอยู่ด้ามหนึ่ง และทันทีที่เขาเห็นหนวนหน่วนรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้น เขาขอให้เด็กหญิงมาเดินข้ามเตาอั้งโล่ตามความเชื่อ
หนวนหน่วนกะพริบตากลมโตคู่สวยนั้นแล้วเดินไป ก้าวขาสั้นยกข้ามมันอย่างว่าง่าย
“หนวนหน่วนมาหาพ่อนี่มา”
หลังจากที่ข้ามเตาอั้งโล่แล้ว กู้หลินโม่ก็มาพาลูกสาวแสนดีของตนไป ก่อนจะใช้หวายกวาดปัดเป่าไปตามร่างกายของเธอ
“หนวนหน่วนได้รับเคราะห์ไปครั้งนี้ หวังว่าลูกสาวของพ่อจะไม่ต้องเจออะไรแบบนี้อีกนะ”
เด็กหญิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เธอหมุนตัวเป็นวงกลมเพื่อให้คุณพ่อปัดกวาดสิ่งชั่วร้ายให้ ก่อนจะรับคำพูดของคุณพ่อด้วยเสียงออดอ้อน
“อื้ม จะไม่เจ็บป่วยแล้วค่ะ”
หลังจากทำพิธีเสร็จแล้วเธอก็มองไปที่พวกพี่ชาย
“คุณพ่อทำให้พวกพี่ด้วยสิคะ พวกพี่ ๆ จะได้ไม่ป่วย”
เหล่าพี่ชายที่ดูตื่นตระหนก “…”
นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ทันคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นเลย
กู้หมิงหลี่ยกมือขึ้นเกาศีรษะของตน “พวกเรา… ไม่ต้องหรอกมั้ง”
รู้สึกหน่อมแน้มยังไงไม่รู้
“คุณพ่อทำให้หนวนหน่วนแล้ว เดี๋ยวหนวนหน่วนจะทำให้พี่เอง”
หลังจากนั้นเด็กหญิงก็คว้าหวายมาถือแล้วใช้ดวงตาใสซื่อมองไปที่พี่ชายของเธออย่างกระตือรือร้น
ช่างน่ารักอะไรขนาดนี้ ถามหน่อยว่าใครจะกล้าปฏิเสธได้ลง?
พวกผู้ใหญ่ต่างพากันยืนมองอย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่ได้คิดจะช่วยพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
กู้หมิงหลี่ถอยหลังไปสองก้าว ก่อนจะส่งสายตาหาพวกพ้องด้วยกัน ‘ใครจะไปก่อน?’
ทันใดนั้นทุกคนก็จ้องมองไปที่กู้หนาน ทุกคำพูดแสดงออกผ่านทางสายตาของพวกเขาหมดแล้ว
‘พี่โตสุดก็ไปก่อนสิ’
หนวนหน่วนเองก็มองมาที่เขาเช่นกัน
กู้หนาน “…”
เขาเงียบไปครู่เดียว ก่อนจะก้าวขายาว ๆ ก้าวข้ามเตาอั้งโล่ไปอย่างง่ายดายด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เด็กหญิงวิ่งวนรอบตัวเขาด้วยความตื่นเต้น พลางใช้ไม้หวายกวาดปัดตัวเขาไปด้วย ก่อนจะพูดขึ้นเสียงดังฟังชัด
“ขอให้พี่ใหญ่ไม่เจ็บป่วย รักษาสุขภาพด้วยนะคะ”
กู้หนานก้มมองเด็กหญิงที่กำลังทำงานอย่างแข็งขันราวกับผีเสื้อตัวน้อย ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมุมปาก
ถัดมาก็เป็นกู้หมิงอวี๋
“ขอให้พี่สามไม่เจ็บป่วย รักษาสุขภาพด้วยนะคะ”
กู้หมิงอวี๋ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะจิ้มนิ้วลงบนตัวเด็กหญิงที่วิ่งวนรอบตัวเขาอยู่ จากนั้นเขาก็ยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขึ้น
“ทำไมพูดเหมือนเดิมเลยล่ะ? พูดให้ต่างกันหน่อยได้ไหม?”
หนวนหน่วนใบหน้ายับยู่ด้วยความครุ่นคิดทันที ก่อนจะนิ่งคิดไปห้าวินาที
“ถ้าอย่างนั้น… ขอให้ปลอดภัยดีไหมคะ?”
“ก็ได้”
กู้หมิงอวี๋บีบจมูกอันบอบบางของเด็กหญิงก่อนจะปล่อยเธอไป
จากนั้นก็เป็นไป๋โม่ซู หลังจากที่ก้าวข้ามเตาอั้งโล่ไปเขาก็พูดขึ้นมา “ไม่ต้องมากพิธีหรอก เอาเหมือนพี่ใหญ่นั่นแหละ”
หนวนหน่วนร้องหงิงในลำคอ
“ขอให้พี่โม่ซูไม่เจ็บป่วย แล้วก็แคล้วคลาดปลอดภัยค่ะ”
หลังจากที่เด็กหญิงปัดเป่าให้เขาเรียบร้อยแล้ว เธอก็รู้สึกว่าควรพูดอะไรบางอย่างให้พี่ใหญ่ด้วย เธอจึงเดินไปหาเขาอีกรอบ
“ขอให้พี่ใหญ่แคล้วคลาดปลอดภัยค่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
พวกผู้ใหญ่ที่กำลังดูการแสดงต่างหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู
เมื่อเหลือเพียงไม่กี่คน พี่สี่ก็เดินมาจับแก้มของเธอ ก่อนที่เธอจะถูกพี่ชายคนเล็กจับให้หันกลับไป
กู้อันก็อยากให้เธอพูดให้เขาต่างจากคนอื่น
ในที่สุดก็ได้กลับบ้านสักที ทุกคนต่างมีความสุข และเพื่อเป็นการฉลองการออกจากโรงพยาบาลของเด็กหญิง อาหารเย็นที่เตรียมไว้ในวันนี้จึงมีเยอะเป็นพิเศษ
พวกผู้ใหญ่ที่โต๊ะอาหารยกไวน์ขึ้นดื่ม ดวงตากลมโตของหนวนหน่วนจ้องไปที่ไวน์ราวกับกำลังคิดว่ามันดูน่าอร่อย
กู้หมิงอวี๋แกล้งแซวเมื่อเห็นแววตาของเธอ “อยากกินเหรอ?”
หนวนหน่วนพยักหน้าแล้วหยุดแกว่งขา
“ไม่ได้หรอก”
เด็กหญิงทำหน้าสลดพลางเบะปาก
กู้หมิงอวี๋ยกฝ่ามือลูบลงบนศีรษะของหนวนหน่วนอยู่สองครั้ง
“กินอันนี้แทน”
กู้หนานวางนมร้อนลงตรงหน้าของเธอ