ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 15 กลิ่นนมของหนวนหน่วนตัวน้อย
บทที่ 15 กลิ่นนมของหนวนหน่วนตัวน้อย
เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่ากู้คิดหนักเกี่ยวกับสิ่งที่คุณหญิงกู้เสนอ เขาจึงยอมตกลง
ตนเองเป็นชายแก่ ได้สานสัมพันธ์ฉันท์ปู่หลานก็ดีอยู่หรอก แต่การสานสัมพันธ์ระหว่างคนอายุน้อยนั้นสำคัญกว่ามาก เพราะในท้ายที่สุดแล้ว พี่น้องจะต้องช่วยเหลือและสนับสนุนซึ่งกันและกันต่อไป แน่นอนว่าเป็นพี่ชายก็ควรปกป้องน้องสาว แต่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพวกเขามีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน
ชายชรามั่นใจในนิสัยใจคอของลูกหลานตนมาก แม้ว่าจะมีบางคนที่ดื้อรั้นไปบ้างแต่นิสัยก็ไม่ได้แย่ไปซะทุกอย่าง อย่างหลานชายตัวน้อยที่ชอบพูดว่าไม่ชอบหน้าหนวนหน่วน แต่การกระทำกลับไม่เป็นแบบนั้น…
เหอะ… ก็แค่เด็กเอาแต่ใจคนหนึ่ง อีกไม่นานคงรับรู้สิ่งที่ตัวเองเคยทำ
“หนวนหน่วน ให้พี่เขาสอนอ่านตัวอักษรดีไหม?”
คุณปู่เอ่ยถามอย่างอ่อนโยน อย่างไรเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของหนวนหน่วนเป็นหลัก
เด็กหญิงตัวเล็กพยักหน้าอย่างไม่ลังเลจนผมสะบัด เป็นเหตุให้บางส่วนของผมหนวนหน่วนกระดกขึ้นมานิดหนึ่ง
คุณหญิงกู้และกู้หลินโม่ “!!!”
ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้นทันที
แม้แต่ผู้เฒ่ากู้เองก็มองอย่างไม่ละสายตาเช่นกัน
สายลมยังคงพัดมา กลุ่มผมสีหม่นจึงปลิวไสวไปมาราวกับกำลังทักทายพวกเขา
ทั้งสามคนมีความคิดเดียวกัน
‘คันไม้คันมืออยากจับจังเลย’
เมื่อเห็นว่าทุกคนจับจ้องมา หนวนหน่วนจึงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย เด็กน้อยยกมือขึ้นจับผมตนเอง
“มีอะไรอยู่บนหัวหนวนหน่วนหรือเปล่าคะ”
นิ้วเล็กคลำไปตามเส้นผมของตนเองแล้วพยายามจัดกลุ่มผมสีหม่นให้เรียบลง แต่ทันทีที่เธอปล่อยมือออก กลุ่มผมเส้นเล็กนั้นก็ฟูฟ่องขึ้นอีกครั้ง
คุณหญิงกู้ใจสั่น ผมหนวนหน่วนช่าง… น่ารักอะไรอย่างนี้!
“เปล่าหรอก”
เธอยิ้ม ลูบผมสีหม่นให้หนวนหน่วนเบา ๆ
“ผมเด้งน่ะจ้ะ”
หนวนหน่วนยอมเชื่อ ถ้ามันเป็นเพียงเส้นผมก็คงไม่เป็นอะไรมาก
อย่างไรเธอก็ไม่สามารถมองเห็นว่าผมของตัวเองเป็นยังไงจากมุมมองตรงนี้
ก่อนตัดผม หนวนหน่วนมีผมที่ยาวมากจนสามารถรวบได้ ผมจึงไม่เคยชี้ฟู แต่หลังจากตัดตามทรงที่ช่างเสริมสวยหาให้ พอผ่านไปสักระยะมันก็ชี้ฟูขึ้นมา
หนวนหน่วนยังคงเดินต่อไปอย่างสบายใจแม้ผมบางเส้นจะกระดกอยู่บนศีรษะ เธอพาสุนัขและแมวไปเดินเล่น และเมื่อใกล้ถึงเวลากลับเข้าบ้านเธอก็เดินกลับอย่างว่าง่ายโดยมีผู้ใหญ่เดินตาม
ในหัวมีแต่เรื่องอยากอ่านออกเขียนได้ แต่เธอก็ขี้อายเกินกว่าจะบอกให้พี่ชายคนเล็กช่วยสอนให้ เธอจึงออดอ้อนส่งสายตาหาคุณหญิงกู้อย่างไม่ลดละ
“คุณแม่คะ ถ้าพี่กู้อันไม่อยากสอนหนวนหน่วน หนูขอเรียนกับคุณปู่หรือคุณพ่อได้ไหมคะ”
ถ้าเป็นแบบนั้นเธอจะตั้งใจเรียนแน่นอน
“ได้สิจ๊ะ ถ้ากู้อันไม่อยากสอนให้ก็ไม่เป็นไร เขาไม่ใช่คนเดียวในครอบครัวที่อ่านหนังสือได้สักหน่อย หนูให้คนอื่นช่วยสอนให้ก็ได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น หนวนหน่วนก็หายตระหนกทันที หากกู้อันไม่สอน เธอขอร้องคุณปู่หรือคุณแม่แทนก็ได้
คุณหญิงกู้พาหนวนหน่วนไปที่หน้าประตูห้องนอนของกู้อัน ก่อนจะเคาะประตูเบา ๆ ไม่นานกู้อันโผล่ออกมา
“มีอะไรครับ?”
“หนวนหน่วนยังอยู่อนุบาล ยังจำคำศัพท์ไม่ค่อยได้”
คุณหญิงกู้เอ่ยถามความสมัครใจของกู้อัน จริงอยู่ที่เธอต้องการให้ครอบครัวอบอุ่น แต่มองอีกมุมหนึ่งเธอก็ไม่อยากมองข้ามความรู้สึกของกู้อัน เพราะนั่นไม่เพียงทำลายความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก แต่จะทำให้ลูกชายหัวรั้นของเธอต่อต้านหนวนหน่วนมากขึ้นอีกด้วย
เธอไม่ต้องการให้มันกลายเป็นแบบนั้น เธอจึงต้องถามความสมัครใจทั้งจากลูกชายและลูกสาวของตน
กู้อันเชิดหน้าขึ้นก่อนจะมองไปที่หนวนหน่วนด้วยท่าทางที่ภาคภูมิใจ “เหอะ … อ่านหนังสือไม่ออกอย่างนั้นเหรอ”
หนวนหน่วนรีบแก้ตัวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่ใช่ค่ะ หนวนหน่วนจำตัวอักษรได้มากกว่าสามร้อยตัวแล้วนะ”
เธอรู้จักทุกคำที่ครูในโรงเรียนอนุบาลสอนให้
กู้อันหยิ่งทะนง ตั้งท่าราวกับไก่ที่วางท่าอวดเก่งก่อนจะพูดจาโอ้อวดว่า “เหอะ… แค่สามร้อยตัวฉันรู้หมดแล้ว!”
คุณหญิงกู้รู้สึกได้ว่าเปลือกตาของตนกระตุก รู้สึกว่าเจ้าลูกชายคนนี้กำลังพยายามอวดเก่งมากไป เธออยากรู้นัก ถ้าหากหนวนหน่วนเอ่ยถามคำศัพท์ที่เขาไม่ได้รู้จักขึ้นมาจะเป็นอย่างไร!
“ว้าว… พี่เก่งจังเลยค่ะ!”
หนวนหน่วนจ้องมองไปที่กู้อันด้วยแววตาเป็นประกายราวกับดวงดาวสุกสกาว ก่อนจะเอ่ยชมเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เธอไม่ถามอะไรต่อ เชื่อทุกสิ่งอย่างที่กู้อันบอกอย่างสุดใจ
คุณหญิงกู้ “…”
เขากล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง หรือลูกชายของเธอจะไม่รู้จักตัวเองดีพอ? อยู่ในห้องได้ที่รองสุดท้ายแท้ ๆ
แต่เขาสามารถจดจำตัวอักษรในหนังสือได้หมดแล้ว ถ้าให้เขาสอน… ก็คงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง
และดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนกำลังโดนหนวนหน่วนตกเพราะสายตาอันน่ารักและเต็มไปด้วยความชื่นชม โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงเกรดที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินของตนเองเลยแม้แต่น้อย
“เห็นว่าเธอปลื้มฉันหรอกนะ เดี๋ยวจะหาเวลาว่างมาสอนให้ล่ะกัน”
“ขอบคุณค่ะพี่ชาย”
น้ำเสียงที่เอ่ยขอบคุณเต็มไปด้วยความนุ่มนวลและแสดงออกถึงความจริงใจ ทำให้หัวใจของกู้อันเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็แสร้งทำเหมือนว่าตนเองไม่รู้สึกอะไร ต่อให้มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นมาก็เถอะ
คุณหญิงกู้รู้สึกว่าลูกชายของตนนั้นช่างซื่อบื้อเหลือเกิน ซื่อบื้อพอกันกับพ่อของเขานั่นแหละ ไม่เคยเก็บอาการได้แนบเนียนเลยสักครั้ง!
ด้วยเหตุนี้หนวนหน่วนจึงได้คุณครูตัวน้อยมาช่วยสอนให้ โดยเริ่มในวันพรุ่งนี้หลังจากที่กู้อันเลิกเรียน
เมื่อพูดถึงโรงเรียน กู้อันก็รู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาด
“แว้ก! พรุ่งนี้วันจันทร์แล้วนี่หน่า!”
แววตาของเขามองมาที่หนวนหน่วนด้วยความอิจฉา “ทำไมน้องไม่ได้ไปโรงเรียนล่ะ”
สำหรับคนขี้เกียจ การไปโรงเรียนเป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดแล้ว!
คุณหญิงกู้เอ่ยอย่างใจเย็น “น้องจะอยู่ที่บ้านก่อนสักพัก เปิดเทอมปีหน้าค่อยให้ไปโรงเรียน แกอยู่ประถมสี่แล้ว อย่าให้อายน้องนะ”
เมื่อนึกถึงผลการเรียนที่ย่ำแย่ของตน ดวงตาของกู้อันก็ฉายแววความรู้สึกผิดขึ้นมาทันที แต่ถึงอย่างนั้นเขาจะไม่ยอมหน้าเสียต่อหน้าน้องสาวเด็ดขาด เพราะเขาพูดอย่างออกนอกหน้าไปแล้ว
“ไม่มีทางหรอก!”
เอาเขาไปเปรียบเทียบกับน้องสาวได้อย่างไรกัน
คุณหญิงกู้ไม่อยากพูดเยอะไปกว่านี้ มืดแล้ว หนวนหน่วนต้องเข้านอน
เธอเห็นกู้หลินโม่ยกนมอุ่นขึ้นมาพอดี “หนวนหน่วน ดื่มนมสักแก้วแล้วเข้านอนนะ”
นมสดอุ่นกำลังดี รสชาติกลมกล่อมพร้อมกับมีกลิ่นผลไม้รสองุ่นหวานอยู่ด้านใน
“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ~”
หนวนหน่วนรับนมมา มันอุ่นกำลังดี เธอยกแก้วขึ้นดื่มอย่างเอร็ดอร่อย รสละมุนและความหอมหวานของนมทำให้ดวงตาของเด็กสาวเบ่งบานไปด้วยความสุข
หลังจากดื่มเสร็จ หนวนหน่วนก็เรอออกมาเป็นกลิ่นน้ำนม ริมฝีปากมีคราบสีขาวของน้ำนมติดอยู่เล็กน้อย ขับให้หนวนหน่วนน่ารักน่าเอ็นดู เหมือนหนูแฮมเตอร์ตัวน้อยไม่มีผิด
“หนวนหน่วนหอมกลิ่นนมมากเลยค่ะ”
คุณหญิงกู้อุ้มหนวนหน่วนขึ้นมาก่อนจะจุ๊บแก้มของลูกสาว หนวนหน่วนหน้าแดงก่ำแต่ก็พยายามรวบรวมความกล้า จุ๊บคุณแม่กลับไปเช่นกัน
คุณหญิงกู้ปลื้มปริ่มใจ “ลูกสาวของคุณแม่เก่งจังเลย ฮ่าฮ่า…”
เสียงหัวเราะดังคลอไปทั่วห้อง กู้หลินโม่มองดูภาพตรงหน้าอย่างปลื้มใจ