ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 149 ฉันสูงตั้ง 2 เมตร 80 เซนต์
บทที่ 149 ฉันสูงตั้ง 2 เมตร 80 เซนต์
กู้หมิงหลี่และไป๋โม่ฮัวส่งข้อความหากันอย่างไร้เดียงสา กว่าจะเข้าประเด็นได้เด็กหนุ่มก็เกือบจะไปร้านอาหารแล้ว
[ไอ้งี่เง่า : ตกลงว่าจะให้ไปที่ไหนนะ?]
กู้หมิงหลี่ “…”
เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมบอกไปเลย เขาจึงรีบส่งโลเคชันไปให้ทันที
[ไอ้งี่เง่า : ไม่ต้องส่งมาแล้วละ พี่ชายนายมารับฉันแล้ว]
กู้หมิงหลี่รีบสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้ความคิดโทษตัวเองสงบลง ถ้าไป๋โม่ฮัวอยู่ตรงนี้ เจ้าตัวคงได้เชยชมนิ้วกลางของเขาที่ยกขึ้นมาแสดงความเคารพเป็นแน่
สุดท้ายพวกเขาก็รอให้สองคนนั้นมาถึงแล้วค่อยสั่งอาหาร
กู้หมิงหลี่เฝ้ามองทั้งสองคนที่เดินมาถึงประตูทางเข้า หลังจากนั้นเขาก็โดนกู้หมิงอวี๋ตบผัวะเข้าที่ศีรษะ
“มองด้วยสายตาแบบนั้นหมายความว่าไง?”
และในที่สุด กู้หมิงหลี่ก็หมดความอดทนแล้วเหวี่ยงกำปั้นไปที่พี่ชายของตัวเอง
กู้หมิงอวี๋รีบวิ่งไปหลบด้านหลังกู้หนานทันที “อย่าบ้าไปหน่อยเลย เดี๋ยวพี่ใหญ่จะพิโรธเอานะ”
เขาโดนเตะไปหนึ่งป้าบในที่สุด
กู้หมิงอวี๋แกล้งแหย่ “รู้ไหมว่าฉันซื้อชุดนี้มาเท่าไหร่? จ่ายมาเลยนะ!”
กู้หมิงหลี่ทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนจะกลับมานั่งดึงหน้าบึ้งตึงอีกครั้ง
ไป๋โม่ฮัวจ้องใบหน้าของเขา ก่อนที่จะโดนสายตาแหลมคมดุจมีดของเด็กหนุ่มปรายมองกลับไป “มองอะไรอยู่ได้!”
ชายหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาด้วยรอยยิ้มไร้พิษสง “ฉันก็แค่ดีใจที่เห็นนายไม่มีความสุขน่ะ”
กู้หมิงหลี่ “…”
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนมาจัดแต่งทรงผมของตัวเองให้เรียบร้อย
“หนวนหน่วน ไม่เจอกันตั้งนานคิดถึงพี่สามบ้างไหม?”
กู้หมิงอวี๋หันไปอุ้มน้องสาวตัวน้อยขึ้นมาพลางโน้มใบหน้าอันงดงามของเขาลงบนใบหน้าที่เรียวบางของเธอ
ไขมันน้อย ๆ บนแก้มของหนวนหน่วนจึงถูกบดขยี้เข้าให้
เด็กน้อยต้องพยายามผลักดันใบหน้าของพี่สามออกด้วยมือเล็ก ๆ ของตน
“พี่สาม เมื่อวานก็เจอกันนะคะ”
กู้หมิงอวี๋กอดหนวนหน่วนแน่นกว่าเดิม เขาลูบใบหน้าอันอ่อนนุ่มของเธอไปมา
“ไม่เจอกันเพียงวันเดียวก็นานเหมือนผ่านฤดูใบไม้ร่วงไปสามรอบแล้ว เป็นเพราะพี่สามหล่อไง ไม่เจอกันแค่ชั่วโมงเดียวก็เหมือนผ่านไปสามปีเลยใช่ไหมล่ะ?”
ขณะที่พูดเขาก็ยกยิ้มแล้วหยิกแก้มนุ่ม ๆ ของเธอ
แล้วหนวนหน่วนจะทำอะไรได้บ้างล่ะ? นอกจากยอมพยักหน้าเห็นด้วยอีกตามเคย
คนตัวเล็กนั่งอยู่บนหน้าตักของพี่สามแล้วพยักหน้าลงอย่างว่าง่าย
“อื้ม… คิดถึงพี่สามค่ะ”
หลังจากพูดจบเธอก็ดึงสีหน้าจริงจัง ก่อนจะต่อท้ายประโยค “คิดถึงมากเลย”
ความพึงพอใจของกู้หมิงอวี๋บรรลุถึงเป้าเป็นที่เรียบร้อย
ชายหนุ่มไม่ได้ทานอาหารมากมายนัก เมื่อพวกมันมาเสิร์ฟแล้วตั้งวางอยู่ตรงหน้า เขากลับเอาแต่ตักให้หนวนหน่วน
เด็กหญิงน้อยทานเยอะจนแก้มกลมป่อง เธอมองพี่สาม ดวงตากลมโตฉายแววความกังวลเล็กน้อย
“พี่สามกินน้อยมากเลยนะคะ”
กู้หมิงอวี๋ยกยิ้มขึ้นตรงมุมปาก เขาหัวเราะเบา ๆ จนดวงตาลูกท้อขลับความงดงามเป็นเท่าตัว ราวกับว่าทั้งร่างของเขากำลังเปล่งประกาย
“พี่ไม่ได้กินแค่อาหารพวกนี้หรอกนะ เดี๋ยวกลับไปก็ต้องทานอาหารที่นักโภชนาการเตรียมไว้ให้อีก”
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เมื่อมองดูอาหารตรงหน้าแล้วน้ำลายก็สออย่างช่วยไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยอมปฏิเสธพวกมันแต่โดยดี
“ถ้าพี่สามกินไม่ได้ ถ้างั้นหนวนหน่วนคงต้องช่วยกินให้เยอะขึ้นแล้วละค่ะ”
หนวนหน่วนส่งสายตาเห็นใจไปที่กู้หมิงอวี๋ที่ต้องทานอาหารถูกหลักโภชนาการเท่านั้น รสชาติอาหารของพี่สามคงไม่เหมือนอาหารพวกนี้เลย แต่มันอาจจะไม่ได้แย่มากนักหรอก มันก็แค่… ผักใบเขียวทุกชนิดและปราศจากเนื้อสัตว์ทั้งหมดเพียงเท่านั้นเอง!
“พี่สามทำงานหนักเลยนะคะ”
ขณะที่พูด เธอก็ตบลงบนไหล่ของกู้หมิงอวี๋เป็นการปลอบใจ ใบหน้าเล็กฉายแววความเห็นอกเห็นใจ เหมือนผู้ใหญ่ในร่างเด็กน้อยอยู่กลาย ๆ
ไม่มีใครคิดถึงความจริงจังของเธอเลย ทุกคนมองเพียงว่าช่างน่าขันและดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
กู้หมิงหลี่จึงจิ้มใบหน้าเรียวบางของน้องสาวเล่น
หลังจากกลับบ้าน กู้อันก็ได้รับรู้ว่าเขาไม่ได้ถูกชวนให้ไปร่วมทานอาหารเย็นข้างนอกด้วย เขาต้องทานอาหารอยู่ที่บ้านจนแทบจะเข้าใจ ‘จิตใจของนาจา’ เข้าให้แล้ว สุดท้ายกู้หนานต้องจับเขาโยนเข้าไปในห้องราวกับลูกเจี๊ยบตัวน้อยในกำมือ
หนวนหน่วนแอบขนลุกซู่ด้วยความกลัวเล็กน้อย ก่อนจะแอบนำกล่องที่ซ่อนไว้ด้านหลังออกมา
“พี่เล็กคะ หนวนหน่วนเอาเค้กก้อนเล็กมาฝากด้วย อร่อยมากเลยนะ”
เธอจ้องมองไปที่กู้อันด้วยความคาดหวัง แต่พี่ชายคนเล็กของเธอหันหน้าหนีเร็วเกินไป เธอจึงพลาดโอกาสที่จะนำมันออกมาตรงหน้าเขา
ในขณะที่พวกเขาไปทานข้าวด้วยกัน ในตอนนั้นกู้อันกำลังติดคลาสเรียนเทควันโดอยู่ ซึ่งนั่นเป็นคลาสที่เขาลงเรียนเองด้วยความสมัครใจ
ตอนวันเกิดของหนวนหน่วน เขาได้ยินบทสนทนาที่กู้หว่านเป็นต้นเหตุ ตอนแรกกู้อันก็อยากเข้าไปช่วยปกป้องหนวนหน่วน แต่กลับถูกกู้หมิงหลี่และคนอื่น ๆ ห้ามปรามเอาไว้ เขาจึงฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น ถ้าเขาฝึกตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยความมุ่งมั่น โตขึ้นคงสู้กับบรรดาพี่ ๆ ได้อย่างแน่นอน และด้วยเหตุนี้ก็จะมีเพียงเขาเท่านั้นที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะปกป้องหนวนหน่วน
กู้อันปรายตามองที่เค้กก้อนเล็กของหนวนหน่วน ความขุ่นเคืองในใจเริ่มลดลง เด็กชายเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง
“นายน้อยอย่างพี่จะอยากทานของแบบนั้นได้ยังไง? แต่ไหน ๆ เธอก็เอากลับมาให้แล้ว จะรับไว้เพราะเห็นแก่น้ำใจละกัน”
เขาเปิดกล่องเค้กชิ้นเล็กขึ้นมา พอเห็นว่ามันเป็นเค้กรสมะม่วงอันโปรดปรานของเขา และแล้วความขุ่นเคืองภายในใจก็พลันหายไปทันที
“หึ! ก็ยังดีที่จำได้”
หนวนหน่วนทิ้งตัวนั่งลงข้างกาย พลางแกว่งขาสั้น ๆ ของตัวเองไปมาแล้วยกยิ้มขึ้นจนคิ้วโก่งได้รูป ดวงตาของเธอตอนนี้กลายเป็นพระจันทร์เสี้ยวที่ส่องประกายในหมู่ดาวอันแสนงดงาม
“พี่คะ ทุกคนไม่ได้ลืมพี่นะคะ เค้กชิ้นนี้พวกเราเลือกกันมาเอง พี่ใหญ่เป็นคนจ่ายเงิน”
กู้อันทำท่าไม่เชื่อก่อนจะใช้ช้อนตักเนื้อเค้กแล้วนำเข้าปาก
“เดี๋ยวจะหาว่าขี้งก แบ่งให้กินด้วยก็ได้”
แววตาของหนวนหน่วนเป็นประกายทันที เธอพยักหน้าลงอย่างมีมารยาท ประสานมือวางไว้บนเข่าแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เด็กหญิงอ้าปากแล้วทานเค้กชิ้นนั้นเข้าไป สีหน้าฉายแววความสุขขึ้นมาทันที
“อร่อยจัง!”
กู้อันเริ่มสุขใจ แต่ก็พยายามระงับมันเอาไว้ไม่ให้แสดงออกมา
“อร่อยใช่ไหมล่ะ?”
หนวนหน่วนพยักหน้าเล็กน้อยพลางเอ่ยเสียงหวาน “รสที่พี่ชอบอร่อยมากเลยค่ะ”
ตอนนี้กู้อันเก็บอาการไม่ได้อีกต่อไป มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นราวกับดอกทานตะวันแรกแย้มแสนไร้เดียงสา
ในที่สุดเค้กชิ้นสุดท้ายก็ถูกทั้งคู่จัดการจนเกลี้ยง ความขุ่นเคืองของกู้อันมลายหายไปเช่นกัน
นอกจากนี้เขายังโชว์ท่าที่ได้เรียนมาในวันนี้ให้น้องสาวได้รับชมอีกด้วย เด็กชายวางท่าราวกับลูกเจี๊ยบที่ปีกกล้าขาแข็งแล้ว
หนวนหน่วนที่นั่งอยู่ด้านข้างปรบมือให้กำลังใจเขาตลอด มือเล็กตบเข้าหากันจนเริ่มมีสีแดงขึ้นระเรื่อ แววตาที่จ้องมองพี่ชายนั้นส่องประกายและเต็มไปด้วยความชื่นชมจนแทบจะมีตัวอักษรที่เขียนว่า ‘พี่ชายของฉันเก่งที่สุด’ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
เมื่อเป็นดังนั้น เสียงคำรามของกู้อันก็ก้องกังวานไปทั่ว
“รอให้เธอไปโรงเรียนก่อนเถอะ ไม่มีใครกล้ามารังแกเธอแน่นอน”
หนวนหน่วนพยักหน้า “อื้ม พี่เล็กเก่งมากเลยค่ะ”
เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมาภายในห้อง เมื่อทั้งคู่เดินออกไปก็พบเข้ากับกู้หมิงหลี่ ทันใดนั้นเองเขาก็ทำท่าทางอกผายขึ้นพร้อมกับมองเหยียดเล็กน้อย
กู้หมิงหลี่ยกน้ำโคล่าขึ้นมาจิบพลางปรายตามองกู้อันราวกับพบเจอคนบ้า
“ตาเหล่รึไง?”
กู้อัน “(▼皿▼#)”
“กู้หมิงหลี่ ผมจะต่อยพี่!!!”
หลังจากนั้นก็เกิดการต่อสู้ขึ้น กู้อันที่กำลังกระโดดลอยตัวกลางอากาศก็ถูกกู้หมิงหลี่ตีสั่งสอนให้กลับสู่โลกความเป็นจริง เด็กชายล้มลงไปกองกับพื้นพลางโอดครวญออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“คอยดูเถอะ เดี๋ยวผมจะต้องเก่งกว่าแน่!”
กู้หมิงหลี่พูดขึ้นลอย ๆ “วัน ๆ เอาแต่พล่ามไร้สาระ”
กู้อัน “อีก 30 ปีข้างหน้า เด็กน้อยคนนี้จะไม่ให้ใครมารังแกแล้ว!”
กู้หมิงหลี่ปรายตามองเขาก่อนจะยิ้มเยาะ “ตลกละ ฉันแกล้งนายตอนเด็กได้ คิดเหรอว่าโตแล้วจะไม่แกล้งอีก? จะอีก 30 ปีหรือ 20 ก็เถอะ ค่อย ๆ ฝึกไปไม่ต้องรีบหรอก”
เขาหยุดพูดแล้วปรายตามองกู้อันอีกครั้ง “เคยอ่านวรรณกรรมในชั้นเรียนบ้างไหม?”
กู้อันรู้สึกเหมือนตัวเองทำผิดขึ้นมา เด็กชายรีบตะโกนกลับไปเสียงดัง “ไม่อ่าน!”
“แล้วขึ้นประถมสองมาได้ยังไง?”
“ประถมสองแต่ก็กล้าหาญละกัน!”
“ไปเป็นนักแสดงคงจะรุ่งนะว่าไหม?”
“ฉันสูงตั้ง 2 เมตร 80 เซนต์นะ!”
กู้หมิงหลี่หัวเราะเยาะ “นายสูงยังไม่ถึง 150 เซนต์ด้วยซ้ำ เอาอะไรมาถึง 2 เมตร 80 รู้ไหมว่า 2 เมตร 80 นี่เทียบได้กับเทือกเขาเอเวอเรสต์เลยนะ ถ้าเทียบกับความเตี้ยของนายน่ะ?”
กู้อัน : ต่อยก็ไม่โดนแล้วยังจะพูดแบบนี้อีก น่าโมโหจริง!