ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 141(2) น้องสาวทั้งคน ใครจะกล้ารังเกียจล่ะ
บทที่ 141(2) น้องสาวทั้งคน ใครจะกล้ารังเกียจล่ะ
ไป๋โม่ฮัว “เจ้าเหม่ยฉิวยังกินนมของแม่แมวอยู่นะ ฉันเห็นหลายครั้งแล้ว หลังจากกินเสร็จฉันก็ชอบป้อนขนมของเสี่ยวจูให้มัน”
กู้หมิงหลี่ปรายตามองไปที่แมวสีดำ “มันไม่หล่อเท่าเมื่อก่อนแล้ว”
เมื่อเหม่ยฉิวถูกประณามติดกันหลายครั้ง มันก็เริ่มพองขน ก่อนจะกระโดดลงจากอ้อมแขนของหนวนหน่วนแล้วทำท่าขู่ฟ่อใส่พวกเขา ไม่นานมันก็เดินจากไปพลางส่งเสียงร้องเหมียว ๆ เป็นการต่อว่าพวกเขาไปตลอดทาง
สงสัยจะโกรธจริง ๆ
ไป๋โม่ฮัวกอดเสี่ยวจูพลางทำหน้าตกใจ “เหม่ยฉิวรู้เหรอว่าเรากำลังพูดอะไรกัน?”
กู้หมิงหลี่หยิบหูฟังของตัวเองขึ้นมาสวมแล้วเดินจากไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย “จะไปรู้ไหมล่ะ?”
กู้หนานเองก็จ้องมองไปที่เหม่ยฉิวอย่างครุ่นคิด
หนวนหน่วนกะพริบตาพริ้มพลางตามไปเกลี้ยกล่อมเหม่ยฉิวให้หายขุ่นเคือง
“หนวนหน่วน!”
กู้อันวิ่งออกมาจากบ้านแล้วสวมกอดหนวนหน่วนก่อนจะบ่นพึมพำ
“ทำไมวันนี้พ่อมารับพี่แค่คนเดียวล่ะ”
พูดจบเขาก็โดนตบเข้าตรงหลังศีรษะทันที
กู้หลินโม่ผู้เป็นเจ้าของฝ่ามือมองไปที่ลูกชายด้วยแววตาเศร้าใจ
“หมายความว่าไง? พ่อไปรับยังไม่พอใจอีกหรือไง?”
กู้อันยกมือกุมศีรษะของตัวเอง “ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย!”
“ฮึ่ม”
สายตาของกู้หลินโม่เปลี่ยนไปจับจ้องหนวนหน่วน ก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างนุ่มนวล
“หนวนหน่วนหิวไหม? ไปรับพี่ชายลูกจากโรงเรียนมันก็ลำบากแบบนี้แหละ”
หนวนหน่วนส่ายศีรษะของตนก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่เหนื่อยเลยค่ะ หนวนหน่วนไม่ได้ขับรถ”
“ถึงนั่งรถก็เหนื่อยเหมือนกัน”
กู้อัน “…”
ทำไมพ่อถึงสองมาตรฐานแบบนี้!
หนวนหน่วนถูกกู้หลินโม่อุ้มเข้าไปในบ้าน ส่วนกู้อันเดินตามหลังไปต้อย ๆ อีกทั้งยังคุยจ้อถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนวันนี้
“พี่มีอะไรจะเล่าให้ฟัง วันนี้ห้องของพวกเรามีการแข่งขันชักเย่อกับพวกห้อง 3 ตอนที่ห้องของพวกเรากำลังจะแพ้ สุดท้ายพี่ชายของเธอคนนี้ก็ดึงเชือกมาฝั่งเรา จนในที่สุดพี่ก็ช่วยให้ห้องเรียนของพวกเราชนะการชักเย่อครั้งนี้ไปได้”
กู้หนาน “…”
กู้หลินโม่ “…คำยาก ๆ ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่ต้องใช้”
กู้อัน “ผมทำไปเพื่อปรับสไตล์การพูดของตัวเองต่างหาก”
หนวนหน่วน “พี่กู้อันสุดยอดไปเลย”
ทุกคน “…”
น้องสาวคนนี้พูดแบบนี้กับพี่ชายแทบทุกคน
แต่ถึงอย่างนั้นต้องบอกเลยว่ากู้อันกลับรู้สึกภูมิใจจนตัวแทบละลายล่องลอยไปในอากาศเลยทีเดียว แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่มันกลับทำให้เขาภูมิใจจนตัวแทบปริ
แต่อีกประเด็นหนึ่งก็คือ เขามีนิสัยชอบใช้สำนวนในการพูดตามใจตัวเอง
กู้หนานจึงต้องยกมืออุดหูให้หนวนหน่วนอยู่บ่อยครั้ง พร้อมกับเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “อย่าเลียนแบบเขา ถ้าไม่อยากโดนหัวเราะเยาะว่าไร้การศึกษา”
กู้หมิงหลี่ “รู้น้อยกว่าฉันอีก”
ประโยคก่อนหน้าไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันไร้สาระขนาดไหน
ไป๋โม่ฮัวพยักหน้าเห็นด้วย
กู้อัน : พวกนายก็แค่อิจฉาฉันเท่านั้นแหละ! เพราะว่าฉันได้รับคำชมจากน้องสาวไง!
เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร อาสะใภ้ก็ได้มาที่บ้าน หลังมาถึงเธอก็พุ่งตัวโผเข้ากอดลูกชายของตัวเองก่อนจะกดจูบหน้าผากของเขา
“ลูกจ๋า แม่ได้ยินเรื่องจากคุณครูแล้วนะ อันดับของลูกเลื่อนขึ้นมาตั้ง 7 อันดับแน่ะ ส่วนอันดับเกรดก็เลื่อนขึ้นมาถึง 103 เลยด้วย แม่ละภูมิใจ้ภูมิใจ!”
กู้หมิงหลี่ที่กำลังถูกโอบรัดฟัดแก้มแถมยังจุ๊บหน้าผาก “…”
“ฮ่าฮ่า ครูเขาบอกว่าลูกเขียนเรียงความวิชาภาษาจีนได้ดีมากเลยด้วย ไหนเอามาให้แม่ดูหน่อยเร็ว”
กู้หมิงหลี่ขยับตัวขยุกขยิกพร้อมกับพยายามสะบัดตัวออก แววตาไม่ได้ดูยี่หระอะไรเท่าไหร่ “ไม่ขนาดนั้นหรอก! คุณครูก็พูดไปเรื่อย”
หลิ่วซีเหยียนลูบศีรษะลูกชายของตน “ไม่ต้องเขินหรอกน่า ทำไมแม่จะดูไม่ได้”
กู้หมิงหลี่ “ผมเลื่อนขึ้นมา 7 อันดับเลยนะ มีของขวัญให้ไหมล่ะ หวังว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะทำให้แม่มีความสุขได้ไม่มากก็น้อยนะ”
หลิ่วซีเหยียน “แม่คิดว่าแกจะรั้งท้ายไปตลอดแล้วนะรู้ไหม นี่ ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย เอามาให้ดูซะดี ๆ”
“ไม่ให้!”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแม่หาเอง”
เมื่อสายตาของหลิ่วซีเหยียนกวาดมองหากระเป๋านักเรียน กู้หมิงหลี่ก็รีบโฉบตัวเข้าไปหยิบกระเป๋านักเรียนของตัวเองแล้วรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
หลิ่วซีเหยียนสวมรองเท้าของตนแล้ววิ่งตามเขาไปทันที
“ไอ้เจ้าลูกชายคนเล็ก หลังจากเกรดดีขึ้นก็ไม่เห็นหัวแม่ที่คอยดูแลเลยนะ!”
ไป๋โม่ฮัวชะเง้อมองตามออกไปข้างนอก ส่วนผู้เฒ่ากู้นั่งอยู่อย่างสงบ
“กินกันต่อเถอะ”
หนวนหน่วนรู้สึกกังวลใจขึ้นมา “พี่สี่จะไม่โดนคุณอาตีใช่ไหม?”
กู้อันโน้มตัวลงมาพลางกระซิบกระซาบกันอยู่สองคน
“ไม่รู้สิ อาสะใภ้ใส่รองเท้าส้นสูง คงตามพี่หมิงหลี่ไม่ทันหรอก ว่าแต่เขาเขียนอะไรเหรอถึงดูเป็นความลับจัง?”
หนวนหน่วนส่ายศีรษะของตนไปมา เธอเห็นมันบนรถเพียงแวบเดียวเท่านั้น แต่หลังจากนั้นพี่สี่กับลูกพี่ลูกน้องของเธอก็เริ่มตีกันเสียก่อน
กู้อันกลอกตาไปมาอย่างหน่าย ๆ “ถ้าอย่างนั้นเอาไว้พวกเราหาเวลาไปดูกันไหม?”
แก้มของหนวนหน่วนพองขึ้นหลังจากอ้าปากทานลูกชิ้นลูกใหญ่ที่พี่ใหญ่เป็นคนป้อนให้อย่างเต็มปากเต็มคำ
“ไม่ดีหรือเปล่าคะ มันเป็นความลับของพี่สี่นะ”
กู้อันไม่พูดอะไรอีกต่อไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กลอกตาไปมาเพื่อครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
สุดท้ายก็เป็นไปตามอย่างที่กู้อันคาดคิดเอาไว้ หลิ่วซีเหยียนไม่สามารถวิ่งตามลูกชายได้ทัน เธอจึงทำได้แค่ก่นด่าตามหลังแล้วปล่อยให้เขาวิ่งหนีไป
ก่อนที่จะกลับไปเธอวางของขวัญที่นำมาฝากพ่อสามีลงอย่างเร่งรีบ
“คุณพ่อคะ นี่เป็นอาหารเสริมที่พวกเราซื้อมาให้ แล้วก็หนวนหน่วน นี่เป็นของขวัญจากอาสะใภ้จ้ะ”
เธอบรรจงลูบศีรษะของเด็กหญิงน้อย “อาพอจะเข้าใจทุกอย่างแล้ว เรื่องที่พี่ของหนูเรียนได้ดีขึ้นเนี่ยต้องขอบคุณหนูมากเลยนะจ๊ะ หลักแหลมมากจริง ๆ!”
ขณะที่พูดเธอก็บรรจงจูบลงบนแก้มอันอวบอิ่มของหนวนหน่วนไปด้วย
ใบหน้าของหนวนหน่วนขึ้นสีแดงก่ำ “ไม่หรอกค่ะ เป็นเพราะพี่สี่เองต่างหากค่ะที่ตั้งใจมาก”
“ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณหนูนะจ๊ะ”
“วันนี้หมิงหลี่คงไม่กลับบ้าน รบกวนพี่เขยฝากช่วยดูแลเขาหน่อยนะคะ ถ้าดื้อก็ตีได้เลย ไม่ต้องรักษาหน้าเราหรอก”
กู้หลินโม่ “…”
นี่สิคือจิตวิญญาณของผู้เป็นแม่อย่างแท้จริง
หลิ่วซีเหยียนโผล่มาอย่างกะทันหันก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็วราวกับคนกำลังวิ่งหนีไฟไหม้
เมื่อถึงเวลาเข้านอนตอนกลางคืน จู่ ๆ ประตูห้องของหนวนหน่วนก็ถูกเปิดออก ตามมาด้วยกู้อันที่ตรงดิ่งมาหา
“หนวนหน่วนมาเร็ว ไปดูกันว่าหมอนั่นเขียนอะไรไว้”
หนวนหน่วนกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะยอมลุกออกจากเตียง
“ทำอย่างนั้นไม่ดีนะคะ”
และแล้วประตูห้องก็ปิดลงอย่างเงียบเชียบ หนวนหน่วนสวมรองเท้าแตะอย่างดีก่อนจะเดินเข้าไปหาพี่ชายคนเล็ก
“อย่าไปพูดถึงมันเลยน่า”
ทั้งสองปีนขึ้นไปบนเตียงก่อนจะกางกระดาษแผ่นหนึ่งออกแล้วมองดูมัน
หลังจากอ่านไปได้สักพัก หนวนหน่วนก็เริ่มยกมือปกปิดใบหน้าของตัวเองที่กำลังขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
ในนั้นเขียนว่า ‘หนวนหน่วนน่ารักจนไม่อาจบรรยายได้…’
มันกลับกลายเป็นว่า พี่สี่เขียนเกี่ยวกับตัวเธอเอง!
แม้ว่าเด็กน้อยจะเขินอาย แต่ดวงตาของเธอก็ยังคงกวาดไปตามหน้ากระดาษ มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างมีความสุข ผมบนศีรษะของเธอก็ลุกตั้งขึ้น
กู้อัน “…”
เกลียดจริง! กู้หมิงหลี่เขียนเรียงความเกี่ยวกับหนวนหน่วน อ่านแล้วรู้สึกว่าเขากำลังยกย่องเทิดทูนน้องสาวอย่างนั้นแหละ!