ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 141(1) น้องสาวทั้งคน ใครจะกล้ารังเกียจล่ะ
บทที่ 141(1) น้องสาวทั้งคน ใครจะกล้ารังเกียจล่ะ
“คะแนนนี้มัน….”
หนวนหน่วนยิ้มจนดวงตาหยิบหยีพร้อมคลี่ยิ้มอบอุ่นราวกับอาทิตย์ดวงน้อยออกมา
“ได้ยินมาจากคุณอาว่าพี่สี่ไม่เคยใส่ใจเรื่องสอบมาก่อนเลย”
เด็กหญิงตัวน้อยสะบัดเรือนผมฟูฟ่องให้พลิ้วปลิวไสวไปมาแล้วชมว่า “ครั้งนี้พี่สอบได้ 61 คะแนน ถือว่าทำได้ดีมากเลยค่ะ”
เธอกล่าวชื่นชมพร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจ ไม่มีความเสแสร้งใด ๆ แฝงอยู่สักนิด
ไม่รู้ว่าทำไม กู้หมิงหลี่ถึงรู้สึกอึดอัดใจแปลก ๆ
เขาหลบตาเพื่อหลีกเลี่ยงอารมณ์ที่แสดงออกมาแล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กน้อยตรงหน้า
ตั้งแต่เขาไม่ตั้งใจเรียน คนในครอบครัวก็ไม่เคยสนใจเรื่องเกรดของเขาอีกเลย แต่ก็มีบ้างนาน ๆ ครั้งที่พวกเขาเกิดใส่ใจมันขึ้นมา สุดท้ายก็จบลงด้วยการโดนพ่อดุด่า ก่อนที่จะมีแม่เข้ามาเป็นแนวร่วมด้วยอีกแรง
ไม่ว่าทำอย่างไร เกรดของเขาก็ไม่เคยดีพอในสายตาของคนอื่นเลยแม้แต่น้อย แต่เจ้าเด็กหน้าซื่อคนนี้กลับบอกว่าเขาทำคะแนนได้ดี
“รู้ไหมว่าคะแนนมันเต็ม 150 คะแนน เท่านี้มันยังไม่ผ่านนะ”
หนวนหน่วนแกว่งขาสั้นของตนไปมาแล้วทำแก้มพองลมอย่างน่ารักน่าชัง
“อะไรกัน พี่สี่ของหนวนหน่วนเก่งจะตาย ถึงตอนนี้จะยังไม่เก่งมากพอ แต่ต่อไปก็จะเก่งมากขึ้นกว่าเดิมแน่ ๆ!”
เด็กสาวตัวน้อยใช้แขนของตนโอบกอดรอบคอของกู้หมิงหลี่แล้วโน้มตัวเข้าไปจุ๊บลงบนแก้มของเขา หลังจากทำเช่นนั้นเธอก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาจนใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย
“นี่คือรางวัลของพี่สี่จากหนวนหน่วน อย่ารังเกียจเลยนะคะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเด็กน้อย เขาก็ใช้มือลูบใบหน้าของตัวเอง มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเขาก็รีบอุ้มน้องสาวของตัวเองขึ้นมานั่งบนตักแล้วจุ๊บหน้าผากตอบกลับเธอ
“ไม่หรอกน่า น้องสาวทั้งคน ใครจะกล้ารังเกียจล่ะ?”
เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เด็กหนุ่มจึงใช้ท่าทีสนิทสนมนี้ยั่วยุพี่ชายของตัวเองที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
แต่กู้หนานไม่ได้ชายตามองเลยสักนิด
ทันใดนั้น ศีรษะของไป๋โม่ฮัวก็ซุกไซ้เข้ามาในอ้อมแขนของกู้หมิงหลี่
“หนวนหน่วนจุ๊บพี่ด้วยสิ”
กู้หมิงหลี่รู้สึกไม่ค่อยชอบการทำตัวราวกับสุนัขของไป๋โม่ฮัวสักเท่าไหร่ เขาผลักศีรษะของเจ้าตัวออกไป ทำให้แก้มนิ่ม ๆ ของไป๋โม่ฮัวถูกเบียดเข้ากับฝ่ามือของกู้หมิงหลี่โดยปริยาย
ไป๋โม่ฮัวผลักมือของกู้หมิงหลี่ออกอย่างแรง “อะไรของนาย! ฉันจะจุ๊บหนวนหน่วนบ้าง”
กู้หมิงหลี่ทำหน้าเบื่อหน่าย “ก็นายเข้ามาใกล้เกินไป ช่วยขยับออกไปหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ส่งหนวนหน่วนมาให้ฉันสิ”
“หึ! ก็เข้าท่าดีนะ แต่ตอนนี้หนวนหน่วนอยู่กับฉัน เธอจุ๊บฉันเป็นรางวัลตอบแทน”
ดวงตาของไป๋โม่ฮัวจ้องมองไปด้วยความขุ่นเคือง “ตอนเรียนฉันได้ที่หนึ่งตลอด เพราะฉะนั้นน้องสาวก็ต้องให้รางวัลฉันเหมือนกัน”
กู้หมิงหลี่รู้สึกโกรธขึ้นมา “อันดับหนึ่งเหรอ คิดว่าฉันไม่เคยได้หรือไง?”
“นายมันบ๊วยสุดนี่”
กู้หมิงหลี่ต่อล้อต่อเถียงอย่างมั่นใจ “แล้วคนสุดท้ายไม่ใช่คนแรกตรงไหน?”
ไป๋โม่ฮัวส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วเขาก็โดนกู้หมิงหลี่หยิกแก้มแล้วออกแรงบิด
ไป๋โม่ฮัว “…”
เขาอ้าปากขึ้นก่อนจะกัดเข้าที่นิ้วของกู้หมิงหลี่
“อ๊ากกกก!!!”
เสียงกรีดร้องดังไปทั่วรถปอร์เช่สีดำรุ่นลิมิเต็ด
สายตาอันแหลมคมและมือที่ค่อนข้างว่องไวของกู้หนานรีบคว้าตัวหนวนหน่วนออกมาจากอ้อมแขนของกู้หมิงหลี่ทันที และไม่กี่วินาทีต่อมา ทั้งรถก็สั่นสะเทือนไปด้วยการต่อสู้อันดุเดือดของทั้งคู่
กู้หมิงหลี่กดแขนของไป๋โม่ฮัวให้ไพล่หลังทั้งสองข้างเพื่อไม่ให้เขาขยับตัวเคลื่อนไหว ส่วนเจ้าตัวยังหันมากัดกู้หมิงหลี่อย่างไม่ลดละ
ดั่งที่เขาพูดกันว่า กระต่ายมักจะต่อสู้ดิ้นรนสุดชีวิตเมื่อหมดหนทาง
“เป็นหมาหรือไง!”
“แง่มม”
ไป๋โม่ฮัวที่กำลังกัดกู้หมิงหลี่เต็มปากเต็มคำไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
คนขับรถหันกลับมามองพลางรู้สึกดีใจที่ข้างหลังมีพื้นที่มากพอ ไม่อย่างนั้นเจ้านายของเขาคงต้องอึดอัดกับเจ้าเด็กพวกนี้แน่ กู้หนานอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาจะน่ากลัวมาก
กู้หมิงหลี่รวบมือไป๋โม่ฮัวทั้งสองข้างแล้วกดลงด้วยเข่า ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งตบเข้าที่ศีรษะของอีกคน
“ปล่อย!”
“หงับบ”
ไป๋โม่ฮัว : ปล่อยได้แล้วเว้ย!
“อ้าปากเดี๋ยวนี้”
“หงับ”
ไป๋โม่ฮัว : ไม่เอาหรอก
“ถ้าอย่างนั้น ใครปล่อยก่อนก็เอาน้องไปเลย!”
กู้หนาน “ฮึ่ม”
กู้หมิงหลี่ “ใครปล่อยก่อนได้เป็นพ่อ”
เส้นเลือดบริเวณหน้าผากของกู้หนานนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มรู้สึกคันไม้คันมืออย่างบอกไม่ถูก
หนวนหน่วนแอบอิงอยู่ภายใต้อ้อมแขนของพี่ใหญ่อย่างเชื่อฟัง ดวงตากลมโตเหมือนเม็ดอัลมอนด์จ้องมองไปที่พี่สี่ พี่ชายผู้กำลังตีกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเองอยู่
“นั่งให้เรียบร้อย!”
กู้หนานส่งสายตาเย็นชาไปที่ทั้งสองคน ทำเอากู้หมิงหลี่และไป๋โม่ฮัวเกิดตัวสั่นเทาขึ้นมาทันที พวกเขายอมวางมือแทบจะพร้อมกันก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่งให้เรียบร้อย
ไป๋โม่ฮัวจัดแจงทรงผมของตัวเองพลางปรายตามองกู้หมิงหลี่ด้วยแววตาดุร้ายราวกับแมวน้อยที่ไม่ต้องการให้ใครมาคุกคาม
กู้หมิงหลี่ปรายตามองกลับ ก่อนจะมองไปยังมือของตนที่ถูกฝังเขี้ยวเมื่อครู่
ไม่นึกว่าฟันจะแหลมขนาดนี้!
กู้หมิงหลี่ลูบมือของตัวเองแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งรังเกียจ “นายเป็นหมารึไง?”
เขาไม่เคยถูกกัดมาก่อนเลย
ไป๋โม่ฮัวย่นจมูกอย่างไม่พอใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันเป็นมังกรต่างหาก! ดุมากด้วย”
กู้หมิงหลี่แค่นหัวเราะออกมา “เหอะ มังกรที่ยังไม่หย่านมมากกว่า”
ไป๋โม่ฮัว “นี่ไม่ถือว่านายชนะนะ”
“ถ้างั้นลงจากรถแล้วค่อยสู้กันใหม่อีกครั้งไหมล่ะ”
ไป๋โม่ฮัวทำหน้ายับยู่ยี่แล้วทิ้งตัวพิงกระจกรถ เขาไม่ได้โง่ถึงขนาดประเมินสถานการณ์ไม่ออก ครั้งต่อไปคงกัดกู้หมิงหลี่ไม่ได้ง่าย ๆ ถ้าลงจากรถแล้วต้องไปสู้กันต่อคงเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำน่ะสิ
กู้หมิงหลี่หันศีรษะไปมองหน้าหนวนหน่วนแล้วยื่นมือของตนไปหาด้วยท่าทาง ‘อ่อนแรง’
“หนวนหน่วน พี่บาดเจ็บ น่าจะต้องฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้าแล้วละ”
หนวนหน่วน “…”
ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่ายังไม่ตายนี่นา
“ถ… ถ้างั้นหนวนหน่วนจะเป่าเพี้ยง ๆ ให้นะคะ”
เธอมองไปที่มือเรียวของพี่ชายก่อนจะเห็นรอยฟันสองซี่ที่ค่อนข้างลึกเอาเรื่อง
ไป๋โม่ฮัวรู้สึกน้อยใจ ก่อนจะยื่นมือออกไปเช่นกัน
“พี่ก็เจ็บข้อมือ”
มือของกู้หมิงหลี่ดูแข็งแรงมาก มันทั้งหยาบด้านเมื่อเทียบกับของอีกคนที่ขาวเนียนและบอบบางไม่ต่างจากผิวของหนวนหน่วน
ข้อมือของเขาที่ถูกกู้หมิงหลี่บีบจับขึ้นเป็นสีแดง มองดูแล้วค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว
หนวนหน่วนมองดูฝ่ามือที่ถูกยื่นมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง แต่ก่อนที่เธอจะทันพูดอะไรพี่ใหญ่ก็แทรกขึ้นเสียก่อน
กู้หนานปรายตามองไปยังพวกเขา
“กลับไปทายากันเอง”
ไป๋โม่ฮัวและกู้หมิงหลี่ “…”
ทั้งสองจ้องมองกันอย่างไม่พอใจ ในที่สุดการทะเลาะก็จบลง
ประตูรั้วเปิดต้อนรับหนวนหน่วน เด็กหญิงก้าวลงจากรถ เธอถูกเจ้าพวกสัตว์ก้อนขนเข้ามารุมล้อมอีกตามเคย
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!”
“เมี้ยว~”
“ต้อนรับกลับบ้าน ต้อนรับกลับบ้าน”
หนวนหน่วนย่อตัวลงอุ้มลูกแมวตัวน้อยทั้งสองขึ้น มันใช้กรงเล็บเกาะกางเกงเธอจนต้องขอให้พี่ใหญ่ช่วยหยิบลูกแมวทั้งสองตัวใส่หมวกไหมพรมให้หน่อย
หลังจากที่เจ้าตัวเล็กทั้งสองเข้าไปในหมวกแล้วมันก็เริ่มตะเกียกตะกายโผล่หัวออกมา ก่อนจะใช้อุ้งเท้าหน้าวางลงบนไหล่ของหนวนหน่วน ลำตัวที่เต็มไปด้วยขนฟูฟ่องของมันซุกอยู่บริเวณต้นคอของเด็กหญิงน้อย จากนั้นจึงส่งเสียงร้องเหมียว ๆ อย่างออดอ้อนออกมา
หนวนหน่วนกลอกตาไปมาแล้วหัวเราะเสียงดังเพราะจั๊กจี้บริเวณคอ
จากนั้นเธอก็อุ้มเหม่ยฉิวขึ้นมา โดยมีสุนัขคอยถูไถบริเวณเท้าของเธอ หางของมันกระดิกไปมาราวกับพัดที่กำลังโบกสะบัด
แม่แมวนิ่งเงียบ มันพยายามถูไถข้อเท้าของหนวนหน่วนแล้ววิ่งตามไปอย่างเชื่อฟัง
เสี่ยวจูก็อยากถูไถบริเวณข้อเท้าของเธอเช่นกัน แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีช่องว่างให้ได้แทรกตัวเข้าไปมันก็เริ่มส่งเสียงร้องด้วยความโกรธ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะวิ่งไปหาไป๋โม่ฮัว
ส่วนโต้วโต้วนั้น มันร่อนลงบนศีรษะของหนวนหน่วน ก่อนจะจิกผมเธอเบา ๆ
เรียกได้ว่า ณ ตอนนี้รอบตัวหนวนหน่วนเต็มไปด้วยเจ้าก้อนขนฟู
เด็กสาวตัวน้อยแกว่งเหม่ยฉิวในอ้อมแขนไปมา จากนั้นก็ย่นจมูกแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา
“เหม่ยฉิวหนักขึ้นนะเนี่ย”
มันนอนอยู่บนแขนของหนวนหน่วน กำลังเริ่มใช้ลิ้นเลียอุ้งเท้าของตัวเอง ทำให้รู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องของมันที่โตขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าแมวเหมียวก็ยังเลียต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เหม่ยฉิว : แมวโตขึ้นไม่ได้หรือไง?
กู้หนานเองก็สังเกตได้เช่นกันว่าท้องของมันโตขึ้น
“อย่างน้อยน่าจะสักโลหนึ่ง กลับไปต้องลดขนมลงแล้ว”
เหม่ยฉิว “….”
“เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว!”
ไร้สาระ ก็แค่น้ำหนักขึ้นเท่านั้นเอง!