ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 139 สอบปลายภาค
บทที่ 139 สอบปลายภาค
ที่โรงเรียนหนานเฉิงวันนี้ กู้หมิงหลี่มีสอบปลายภาค เด็กหนุ่มปิดปากหาวแล้วนั่งประจำที่ ดวงตาเหม่อมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างอย่างว่างเปล่า พร้อมใช้นิ้วเรียวยาวควงปากกาลูกลื่นสีดำในมือไปมา
เขาเพียงเหลือบตามองกระดาษข้อสอบที่ถูกส่งมาอย่างสบาย ๆ เพราะไม่ได้เข้าใจมันเลยแม้แต่น้อย กู้หมิงหลี่จึงไม่ได้สนใจที่จะอ่านโจทย์ด้วยซ้ำ เขาแค่เลือก ๆ ตอบไปตามที่คิดว่าสวยงามอย่างเกียจคร้าน
เอาสมองไปคิดเรื่องอื่นดีกว่าหาคำตอบพวกนี้
วิชาแรกคือภาษาจีน เขาผ่านข้อสอบปรนัยไปได้อย่างรวดเร็วเช่นเดิม จนกระทั่งไปสะดุดอยู่ที่บทกลอนโบราณอย่างเงียบ ๆ
เอ๊ะ โจทย์ข้อนี้ เหมือนว่าเขาจะทำได้?
ประโยคแรกคล้ายจะดึงความสนใจจากเขา
‘ก้าวที่พันไม่อาจมาถึง หากไม่ได้เริ่มขยับเท้าในก้าวที่หนึ่ง’ ตามด้วยช่องว่างเพื่อให้เติมคำตอบ
จู่ ๆ กู้หมิงหลี่ก็ค้นพบอะไรบางอย่าง เขาเหมือนจะเข้าใจคำถามนี้จริง ๆ
ไม่นานมานี้หนวนหน่วนถามเขาว่าเขาเรียนอะไรมาบ้าง ทำให้เด็กหนุ่มที่ไม่เคยตั้งใจเรียนต้องรีบไปถามลู่สิงจื่ออย่างด่วนจี๋ เขาจึงได้ประโยคเหล่านี้เข้ามาในหัว
หนวนหน่วนถามว่าเขาเข้าใจมันไหม คำตอบก็คือไม่ แต่ด้วยความกลัวจะเสียหน้าต่อหน้าน้องน้อย เขาจึงบอกหนวนหน่วนว่าจะวิดีโอคอลหาเธอในวันถัดไป แน่นอนว่าเพื่อถ่วงเวลาให้เขาแน่ใจในคำตอบแล้ว
ในคืนนั้นทั้งคืนพี่สี่ของน้องสาวตัวน้อยก็เอาแต่ท่องหนังสือ ใช้เวลาหลายชั่วโมงหมดไปกับการพยายามจำข้อความเหล่านั้น แม้ว่ามันจะเหนื่อยมาก แต่เมื่อน้องสาวที่น่ารักเอ่ยชื่นชมเขาพร้อมกับบอกว่ามีรางวัลจะให้ กู้หมิงหลี่ก็รู้สึกว่ามันช่างคุ้มค่ากับความเหนื่อยเสียเหลือเกิน
หลังจากนั้นเวลาเจอบทกวีแบบนี้เขาก็มักจะท่องจำไว้ เผื่อว่าน้องสาวถามขึ้นมาอีกจะได้ไม่เสียหน้า
ในเมื่อรู้คำตอบแล้ว กู้หมิงหลี่ก็เริ่มเขียนลงไป
หลังจากที่เขียนคำตอบแรกลงไป เขาก็มองไปยังข้อที่สองและนิ่งคิด… ดูเหมือนจะทำได้อีกแล้วแฮะ
หลังจากนั่งตั้งใจเขียนคำตอบอย่างเงียบ ๆ กู้หมิงหลี่ก็บังเกิดความสนใจที่จะอ่านโจทย์ข้ออื่น ๆ ขึ้นมา เขาเริ่มตั้งใจทำข้อสอบอีกหลายข้อในกระดาษ
ในที่สุดก็มาถึงข้อสอบเขียนเรียงความ
‘จงเขียนเรียงความหัวข้อ คนที่น่ารักที่สุดที่เคยได้พบเจอ…’
เป็นข้อสอบที่เว้นช่องว่างจำนวนมากสำหรับเขียนตอบ
ดวงตาของกู้หมิงหลี่เอาแต่จดจ้องที่โจทย์นั้นพลางคิดว่าคนที่น่ารักที่สุดที่เคยพบเจอก็ต้องเป็นน้องสาวของเขาอยู่แล้วสิ
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่จำความได้ที่กู้หมิงหลี่อยากจะทำข้อสอบเรียงความมากถึงขนาดนี้ เด็กหนุ่มลงมือเขียนอย่างขะมักเขม้น
ถังเล่อที่นั่งอยู่เยื้อง ๆ ไปวาดภาพแทนคำตอบปรนัยเสร็จก็เริ่มหาอะไรเล่นในข้อสอบแก้เบื่อ พอหันไปทางกู้หมิงหลี่ ภาพที่เห็นทำเอาเขาเกิดขนลุกขึ้นมา
ให้ตาย นี่เขาตาฝาดไปหรือเปล่า ลูกพี่กำลังลงมือทำข้อสอบอย่างตั้งใจจนไฟลุกท่วมขนาดนั้น
ถังเล่อมองอย่างตกใจ เขาจ้องกู้หมิงหลี่ท่ามกลางเพื่อนที่ตั้งใจทำข้อสอบอยู่เงียบ ๆ นานจนถูกครูที่ยืนอยู่หน้าห้องเห็นเข้าแล้วดุขึ้นมา
“ถังเล่อ ไม่ต้องมองเพื่อน เขียนของตัวเองไป!”
คนถูกดุรีบหันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความปั่นป่วนในหัว กว่าจะกลับสู่สภาพปกติก็ใช้เวลาไม่น้อย
นี่ลูกพี่ตั้งใจทำข้อสอบอยู่จริง ๆ น่ะเหรอ
ดาวอังคารจะพุ่งชนโลกไหมเนี่ย
เมื่อการสอบครั้งนี้สิ้นสุดลง ครูก็รวบรวมกระดาษข้อสอบไป ตอนที่ไปเก็บข้อสอบของกู้หมิงหลี่ เขาก็เห็นว่าเจ้าตัวกำลังนอนหลับอยู่จึงส่ายหน้าไปมาด้วยความชินชา
แต่เมื่อเห็นกระดาษคำตอบของกู้หมิงหลี่ เขาก็ต้องตกใจจนคิดว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า
เขาพลิกกระดาษคำตอบไปทางซ้ายทีขวาที จากนั้นก็ถอดแว่น ขยี้ตา แล้วมองดูอีกรอบ
โอ้โห ข้อสอบข้อเขียนเต็มไปด้วยคำตอบที่เขียนด้วยลายมือของกู้หมิงหลี่
สิ่งแรกที่รู้สึกได้คือ แม้เจ้าเด็กกู้หมิงหลี่จะเกเร แต่ก็เป็นคนลายมือสวยมาก กระดาษทั้งแผ่นเต็มไปด้วยลายมือเส้นสม่ำเสมอดูสวยงามสะอาดตา
“ครูครับ เก็บข้อสอบของผมด้วย”
กู้หมิงหลี่ถูกรบกวนการนอนด้วยการเคลื่อนไหวข้างตัว เขาจึงลืมตาขึ้นอย่างง่วงงุน
ครูภาษาจีนตรงหน้ากลับเอ่ยเสียงดังโดยไม่มีท่าทีโมโห ซ้ำยังยิ้มออกมาให้กู้หมิงหลี่
“ไม่เลวเลยนะกู้หมิงหลี่ ครั้งหน้าก็พยายามเข้าล่ะ”
พูดจบเขาก็เก็บกระดาษข้อสอบอย่างมีความสุขแล้วเก็บของคนอื่นต่อ
นักเรียนกู้หมิงหลี่มีพัฒนาการที่ดีมาก ก่อนหน้านี้กระดาษคำตอบของเขามักเต็มไปด้วยการเขียนมั่ว ๆ ไม่ก็กาแค่ข้อสอบปรนัยจนครบเท่านั้น แต่คราวนี้เขากลับทำข้อสอบเรียงความจนเต็มหน้า ถึงจะมีเว้นว่างอยู่หลายข้อ แต่ก็ยังมีอีกหลายข้อที่เขียนตอบ แถมไม่ใช่การเขียนมั่ว ๆ อีกต่างหาก เห็นแบบนี้มันน่าชื่นใจจริง ๆ
ไม่เลวเลยนะเนี่ย
ในช่วงพัก ถังเล่อก็เข้าไปอังหน้าผากของกู้หมิงหลี่ด้วยความแปลกใจ แต่กลับถูกลูกพี่กู้ถีบออกไปอย่างขนลุก
“ทำอะไรวะเนี่ย”
ถังเล่อเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันว่านายต้องเป็นไข้หรือป่วยตรงไหนแน่ ๆ เมื่อกี้ทำข้อสอบท่าทางตั้งใจมาก เขียนเรียงความอีกต่างหาก ไม่ใช่แค่เขียนไปงั้น ๆ เขียนไปเต็มหน้าเลยด้วย”
เสียงที่ดังลั่นของถังเล่ออธิบายความตกใจของเขาได้มากโข
“อะไรนะ!!!”
ทันทีที่อู๋คว่างเข้ามา เขาก็ทำตาเหลือกอย่างกับเจอผี
“ลูกพี่กู้ นี่เขียนเรียงความจริงดิ”
กู้หมิงหลี่ “…”
เขาเขียนเรียงความแค่หนึ่งหน้ามันต้องวุ่นวายกันขนาดนี้เลยเหรอ
“เวร…”
ส่วนการสอบวิชาต่อ ๆ ไปกู้หมิงหลี่รู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่เลว โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ
เขาเป็นคนมีความจำค่อนข้างดี ไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือเยอะมากเท่าไรก็จำคำศัพท์ได้เยอะมาก ตอนที่สอนภาษาอังกฤษให้หนวนหน่วน แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าใจทั้งหมด แต่ก็พอจะจับใจความและเลือกคำตอบที่ถูกต้องได้
วิชาคณิตศาสตร์ยากกว่าเดิม บวกกับการที่เป็นคนพื้นฐานแย่มากอยู่แล้ว ตอนนี้เขาได้สอนน้องสาวแค่คณิตเด็กประถม เลยเอาความรู้มาสอบข้อสอบมัธยมปลายไม่ได้สักนิด
แต่หลังจากที่ประกาศผลสอบออกมา กู้หมิงหลี่ก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่โหล่หรือรองโหล่อีกต่อไป แต่อยู่ในอันดับที่ 7 นับจากล่างสุด จากนักเรียน 20 คนในห้องที่หนึ่งในสามเป็นเด็กเรียนดี
เมื่อทุกคนได้เห็นคะแนนของตัวเอง ถังเล่อและอู๋คว่างก็มองไปที่กู้หมิงหลี่ราวกับว่าถูกเพื่อนรักนักรั้งท้ายหักหลังไปหนึ่งคน
กู้หมิงหลี่แก้อาการตกตะลึงของเพื่อนด้วยการส่งหนังสือเรียนไปถึงหัวเพื่อนทั้งสองคนละที ทั้งคู่ถึงเลิกทำสีหน้าประหลาดใจ
ครูภาษาจีนถือกระดาษคำตอบไปหน้าห้อง จากนั้นก็หยิบคำตอบของกู้หมิงหลี่ออกมาแล้วชื่นชมเขา
“ในการสอบครั้งนี้ ครูขอยกย่องเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งสักหน่อย ความก้าวหน้าของเขาเห็นได้ชัดมาก ได้มากกว่าครั้งที่แล้วสิบคะแนน ครั้งนี้ได้ 61 คะแนนเลย โดยเฉพาะเรียงความ เขียนได้ดีมาก กู้หมิงหลี่ ครูหวังว่าต่อไปเธอจะพัฒนาขึ้นอีก หลังจากนี้ตั้งใจเรียนนะ”
ท่ามกลางเสียงปรบมือและสายตาของเพื่อนร่วมชั้นที่มอบให้ กู้หมิงหลี่ดูนิ่งเงียบมาก แต่ในใจของเขานั้นแปลกออกไป
ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะเข้าใจความรู้สึกเขินจากการได้รับคำชื่นชมเท่าวันนี้
เขาชินชากับการถูกด่าว่า ทั้งยังเมินเฉยต่อสิ่งเหล่านี้ได้ แต่เมื่อได้รับคำชมกลับทำตัวไม่ถูกเลยสักนิด
โดยเฉพาะเจ้าพวกงี่เง่าถังเล่อและอู๋คว่างที่ถึงกับยืนขึ้นปรบมืออย่างเกินหน้าเกินตา
กู้หมิงหลี่พยายามหายใจเข้าลึก ๆ พลางห้ามตัวเองไม่ให้ลุกขึ้นไปโบกเจ้าสองคนนั้นถึงที่
จากนั้นครูก็เริ่มเอาเรียงความของเขาให้เพื่อน ๆ ในห้องดู
สำหรับเพื่อนร่วมชั้นที่ขึ้นชื่อเรื่องการชกต่อยและเกเรไม่สนใจอะไรแบบกู้หมิงหลี่ที่จู่ ๆ ได้รับคำชมจากครูเรื่องเรียงความขึ้นมา เพื่อน ๆ ย่อมต้องอยากเห็นผลงานชิ้นนั้นของเขาอยู่แล้ว ทุกคนอ่านมันอย่างตั้งใจ จากนั้นก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
คนทั้งห้องเลยรับรู้กันถ้วนหน้าว่ากู้หมิงหลี่มีน้องสาวที่น่ารักและเป็นเด็กดีแค่ไหน
กู้หมิงหลี่ “….”
เวร ไม่น่าเลย…