ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 136 ขายหมดแล้ว
บทที่ 136 ขายหมดแล้ว
หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ แว่นตาโฮโลแกรมของบริษัทซิงรุ่ยก็ได้ถูกวางจำหน่ายในเวลาสิบนาฬิกา มันจัดได้ว่าเป็นสินค้าหายาก เหล่านกฮูกกลางคืนทั้งหลายที่เคยนอนดึกต่างรีบเข้านอนเพื่อจะได้ตื่นขึ้นมาซื้อได้ทันเวลา
เมื่อเวลาจวนเข้าใกล้สิบโมงเช้า ทุกคนก็เปิดคอมพิวเตอร์เตรียมพร้อมเพื่อจะสั่งซื้อ
และเนื่องจากว่าของมีจำนวนจำกัด ทุกคนจึงมีสิทธิ์ในการสั่งซื้อแว่นโฮโลแกรมแค่เพียงคนละหนึ่งชิ้นเท่านั้น ทางบริษัทจำเป็นต้องบังคับให้ทุกคนใช้ข้อมูลบัตรประชาชนเพื่อทำการสั่งซื้อ
ก่อนถึงเวลาสั่งซื้อ ทุกคนต่างนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อรีบกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนทันเวลา
เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว บางคนก็ถึงกับนั่งอธิษฐานขอพรกับพระเจ้า ในที่สุด… เวลานี้ก็มาถึง
แว่นตาโฮโลแกรมเพียงหนึ่งแสนชิ้นเท่านั้นที่ถูกวางจำหน่าย แต่ผู้เข้าชิงสินค้าชนิดนี้มีเกือบร้อยล้านคน พวกเขากำลังจะใช้ทักษะความเร็วของมือในการกดและความเร็วของอินเทอร์เน็ตในการต่อสู้ฟาดฟันกัน
ผู้คนจำนวนมากต่างหลั่งไหลเข้ามา โชคดีที่บริษัทซิงรุ่ยได้คาดการณ์ถึงเหตุการณ์นี้ไว้แล้วจึงได้พัฒนาระบบเซิร์ฟเวอร์มาเพื่อรองรับโดยเฉพาะ ไม่อย่างนั้นเว็บไซต์คงล่มไม่เป็นท่าอย่างแน่นอน
ใช้เวลาเพียงไม่ถึงสิบนาที แว่นตาโฮโลแกรมจำนวนหนึ่งแสนชิ้นก็ถูกจำหน่ายออกไปหมด
เนื่องมาจากว่าราคาของแว่นตาโฮโลแกรมนั้นไม่ได้สูงมาก มันมีราคาเพียง 5,900 หยวนเท่านั้นจึงขายออกหมดได้ในเวลาไม่ถึงสิบนาที
“เจ้านายครับ เราขายหมดแล้ว!”
“คุณพระ นี่มันบ้าไปแล้ว คนสมัยนี้รวยกันจัง”
เงินมูลค่ามากกว่า 5,000 หยวนนี้ อาจมีค่าเท่ากับเงินเดือนของใครหลายคน
ไม่แน่ว่าราคาที่ซิงรุ่ยตั้งไว้อาจถูกเกินไป เมื่อเทียบกับวัสดุที่หายากแล้ว กำไรที่ได้จากการขายแว่นตาโฮโลแกรมนี้อาจได้ไม่ถึง 100 หยวนด้วยซ้ำ
ด้วยวัสดุคุณภาพทำให้มันเป็นแว่นตาโฮโลแกรมที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย และหากได้วัสดุที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พวกเขาอาจสร้างกำไรได้ถึงหลายพันดอลลาร์โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องยอดขายเลย
“เช็กข้อมูลแบบเรียลไทม์ ถ้าเกิดปัญหาอะไรจะได้แก้ไขได้ทัน”
กู้หนานปรายตามองขณะเดินไปมาอยู่ข้างหลังพร้อมอธิบายสั้น ๆ ให้พนักงานทุกคนได้เข้าใจ เนื่องจากเขายังมีสิ่งอื่นที่ต้องไปทำ
ณ โลกออนไลน์
[นี่มันอะไรเนี่ย! ทักษะที่ผ่านมากว่ายี่สิบปีมือของฉันก็ไวอยู่พอสมควรนะ ถ้าไม่ติดเรื่องเน็ตคงสอยมันมาได้แล้ว! นี่มันหมุนอยู่นานมากเลย พอเข้าไปอีกทีสินค้าก็หมดแล้วอะ]
[เกลียดจริง! เน็ตกากมากเลย ถ้าไม่งั้นฉันคงได้มันมาแล้ว! พลาดจนได้ เสียใจที่สุด เสียใจจนแทบปวดตับ! คอยดูนะ คอยดูเถอะเดี๋ยวจะติด wifi ให้!]
[พูดตามตรงนะ ฉันว่ามันดูแพงไปหน่อย แต่ถ้าเทียบกับพวกโทรศัพท์ที่ราคาหลายหมื่นแล้วมันก็ราคาถูกกว่าเยอะเลย และถ้ามันใช้งานฟังก์ชันที่ผู้พิการจะสามารถสัมผัสร่างกายแบบครบสามสิบสองได้จริง ต่อให้เสียหลายหมื่นฉันก็ยังจะซื้อมันอยู่ดี]
[ขอบคุณซิงรุ่ยมาก ๆ ถึงเงินเดือนของฉันจะไม่มากแต่ก็ซื้อไหว]
[ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าของเจ๋ง ๆ แบบนี้คงราคาหลายหมื่นชัวร์ แต่นี่มันแค่ 5,000 หยวนเท่านั้น ราคาถูกมากเลยนะ ฉันอยากซื้อต่อในราคา 7,000 หยวนมีใครสนใจขายไหม ฮ่าฮ่าฮ่า….พอดีฉันมือไม่ไวพอน่ะ!]
[แม่เจ้า! ดูนั่นสิ แว่นตาโฮโลแกรมหนึ่งแสนอันขายหมดภายในสิบนาที!]
[ให้ตายเถอะ ฉันเข้าหน้าเว็บไม่ได้เลย พอเข้าไปได้ก็ไม่เหลืออะไรให้กดแล้ว!]
[ดูเหมือนว่าประเทศเราจะมีคนรวยเยอะนะเนี่ย (มีมตลก.jpg)]
[แค่ 6,000 เองเหรอ ดูถูกกันเกินไปแล้วนะเนี่ย]
[แล้วใครมันจะไปมีเงินมากมายพอที่จะซื้อแว่นโฮโลแกรมกัน!]
[ไม่รู้ว่าจะสตรีมสดให้ดูได้ไหม ฉันอยากเห็นเอฟเฟกต์ของมันมากเลย]
[เหมือนกัน…]
สินค้ายังไม่ถูกจัดส่ง แต่พวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้ทดลองใช้มัน
สามวันต่อมา ผู้คนส่วนใหญ่ที่สั่งสินค้าไปเริ่มได้รับของเรียบร้อยแล้ว คนบางส่วนถือโอกาสสร้างรายได้โดยการนำสินค้ามาสตรีมแกะกล่องให้ผู้คนได้รับชมกันผ่านทางอินเทอร์เน็ต
โดยมีคนในวงการ e-sports ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งที่กดสั่งซื้อมันมาได้ทัน และเมื่อเขาเริ่มถ่ายทอดสดผู้คนนับล้านก็แห่เข้าไปดูในช่องกัน ทำเอาเซิร์ฟเวอร์ของแพลตฟอร์มนี้แทบถล่มทลาย
“อะไรกันเนี่ย? ดูเหมือนว่าวงการ e-sports ของพวกเราจะแพร่กระจายข่าวเร็วอยู่นะ แต่ก็นั่นแหละนะ ถ้ามือไวมากพอก็สามารถได้มันมาครอบครองอยู่แล้ว ตอนนี้ทีมของพวกเรามีแว่นตาโฮโลแกรมกันแค่สามคนเท่านั้นเอง”
[เก่งนี่ อย่าโกรธกันเลยนะพี่หยาง แค่สามคนนี่มันน้อยเหรอ? พวกผมไม่มีกันสักอันเลยนะ]
[แน่นอนสิ คนในวงการ e-sports อย่างพวกเราเนี่ยมันต้องเร็ว สามอันนี่ถือว่าน้อยไปนะ!]
[คนพวกนี้มือไวจริง ๆ ทำไมถึงเร็วกันได้ขนาดนี้นะ?]
[วู้ววววว… มันก็น่าโกรธอยู่นะเนี่ย]
หลี่หยางยกยิ้มขึ้น “ของมาถึงแล้วนะครับ เรามาเปิดดูกันเถอะ”
หลังจากที่ได้รับของ คนในทีมก็เริ่มเปิดกล่องแกะคู่มือดูด้วยแววตาเป็นประกาย จนสมาชิกคนอื่นในทีมหยุดการฝึกซ้อมและหันมาดูกันอย่างตื่นเต้น
หลังจากแกะกล่องพัสดุด้านนอกออกแล้ว พื้นผิวของกล่องที่บรรจุผลิตภัณฑ์ก็เผยออกมา
“ว้าว กล่องใบนี้ดูดีและแข็งแรงมากครับ”
[ลองเปิดดูเร็วเข้าสิ!]
ทุกคนต่างรอคอยการเปิดกล่อง และเมื่อมันถูกเปิดออกก็เผยให้เห็นแว่นตาโฮโลแกรมที่ถูกฝังเอาไว้ในร่องแผ่นโฟมกันกระแทก ตัวเลนส์แว่นทำจากวัสดุโปร่งแสง และมันจะขึ้นเป็นแสงสีฟ้าเมื่อเปิดใช้งานเท่านั้น
“ว้าวววว… อย่างเท่”
เขาหยิบแว่นโฮโลแกรมขึ้นมาแล้วทำประหนึ่งว่ามันเป็นลูกรัก ด้านข้างตัวกล่องมีคู่มือการใช้งานขนาดประมาณเท่าฝ่ามือแปะติดอยู่ นอกจากนี้ข้างในก็ยังมีกล่องเล็ก ๆ ที่เอาไว้บรรจุชิปอยู่ด้วย
ไมโครชิปมีลักษณะสะท้อนแสงเล็กน้อย มันเป็นเหมือนเพชรเคลือบสีดำ แค่เพียงนำมาถือไว้ในมือก็รับรู้ได้ถึงความเรียบหรูดูแพงแล้ว
“ทั้งหมดนี้ได้มาในราคาห้าพันกว่าหยวนเท่านั้นเหรอ? ซิงรุ่ยรู้หรือเปล่าว่ากำลังทำให้อุตสาหกรรมวงการนี้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ผมชอบจริง ๆ”
“ดูเหมือนว่าชิปนี้จะมีแค่เกม ‘โลกแห่งเทพนิยาย’ นะ หลังจากที่มีเกมตัวใหม่ออกมาก็อาจจะต้องซื้อชิปเพิ่ม อันนี้เป็นเพียงการคาดเดานะครับ แต่ว่าถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงทางบริษัทก็อาจจะหวังรายได้จากส่วนนี้เนี่ยแหละ แต่ถึงอย่างนั้นบอกตามตรงว่าผมยินดีจ่ายนะ”
หลี่หยางโต้ตอบกับแชตในสตรีมจึงได้รู้ว่าทุกอย่างถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มใส่ชิปตามที่คู่มือแนะนำ
“เขาแนะนำว่าให้เล่นขณะที่นอนอยู่บนเตียงจะได้อรรถรสมากที่สุด เหตุผลก็คือถ้านั่งนานมันจะเมื่อยคอได้ มาลองดูกันครับ”
หลี่หยางและคนอื่น ๆ กลับไปที่ห้องพักของตนเองพร้อมกับแว่นตาโฮโลแกรม เขาสวมใส่มันตามคู่มือการใช้งาน ก่อนจะเสียบการ์ดเกมลงในช่อง
ทันทีที่ใส่การ์ดเกมเข้าไป แว่นตาโฮโลแกรมก็สว่างขึ้นมาทันที เลนส์ตรงหน้าที่ทำขึ้นจากวัสดุโปร่งแสงถูกเปลี่ยนเป็นแสงสีฟ้า เหมือนกับตอนที่ภาพยนตร์กำลังจะเริ่มฉาย วัสดุอุปกรณ์ที่ประกอบก็ดีมาก จัดได้ว่าถูกใจไม่น้อยเลย
หลี่หยางสวมแว่นตาโฮโลแกรมแล้วทิ้งตัวนอนลงบนเตียง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ดำดิ่งสู่ความรู้สึกว่างเปล่า
คนข้างนอกไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย นั่นทำให้ผู้รับชมจำนวนไม่น้อยรู้สึกผิดหวังที่มันไม่สามารถสตรีมภาพเกมแบบเรียลไทม์ให้รับชมได้!