ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 134 รอยยิ้ม
บทที่ 134 รอยยิ้ม.jpg
แว่นโฮโลแกรมจะถูกวางขายภายในหนึ่งสัปดาห์ โดยจำนวนทั้งหมดมีเพียงแค่หนึ่งแสนอันเท่านั้น ตัวเลขเท่านี้มันอาจฟังดูเหมือนเยอะ แต่หากเทียบจากประชากรในเซี่ยกั๋วที่มีมากกว่าหนึ่งพันล้านคนแล้ว จะเห็นได้ว่าจำนวนเพียงแค่แสนเดียวนี้ไม่เพียงพอต่อความต้องการอย่างแน่นอน
แต่พนักงานบริษัทซิงรุ่ยก็ได้ออกมาอธิบายถึงเหตุผลที่ผลิตออกมาได้น้อย สาเหตุเนื่องมาจากวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตแว่นตาโฮโลแกรมนั้นหาได้ยาก และวิธีการผลิตก็ค่อนข้างยากลำบาก เพียงแค่หนึ่งแสนอันที่ผลิตออกมานี้ก็กินระยะเวลาหลายเดือนมากแล้ว
แล้วจะทำยังไงได้? ก็มีแต่ต้องแย่งชิงมันมาไว้ในครอบครองน่ะสิ
แม้แว่นตาโฮโลแกรมยังไม่ได้อัปเดต แต่ทุกคนก็รอแทบไม่ไหวที่จะให้เวลาล่วงเลยผ่านไปเร็ว ๆ
หลังจากกลับถึงบ้าน กู้หนาน และคนอื่น ๆ ก็ให้ความสนใจกับข่าวบนอินเทอร์เน็ตไม่ต่างกัน
กู้หมิงหลี่ “พี่ ขอแว่นโฮโลแกรมให้ผมด้วย!”
“ผมก็อยากได้เหมือนกัน!”
กู้อันยกมือขึ้น ก่อนที่เขาจะถูกตบหัวจากทางด้านหลังโดยฝ่ามือของกู้หมิงหลี่
“ทำการบ้านให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเล่น”
กู้อันโกรธมาก “แล้วทีพี่สี่ล่ะ! ก็ยังเป็นนักเรียนเหมือนกันแหละ!”
กู้หมิงหลี่ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาในท่าไขว่ห้าง ก่อนจะเริ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเกม เขาเกือบจะเผลอหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ในปากด้วยซ้ำ
“ฉันเป็นเด็กเลว จะกลัวอะไรอีก?”
เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา
ดวงตาลูกท้อของกู้หมิงอวี๋หรี่ลงเล็กน้อย “ไม่คิดจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยเหรอ?”
กู้หมิงหลี่หยิบหูฟังของตนขึ้นมาสวมใส่ ทำเป็นเมินเฉยต่อคำพูดนั้น “การเรียนมีประโยชน์อะไร ฉันอยากใช้เวลาไปกับพวกกีฬาผาดโผนที่น่าตื่นเต้นและหวาดเสียวพวกนั้นมากกว่า”
ในเมื่อเขาชอบทางกีฬาผาดโผน เรื่องการเรียนก็คงไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
กู้หนานปรายตามองเขา “ถ้าไม่เสียใจก็ทำไป”
ชายหนุ่มไม่เอ่ยปากเกลี้ยกล่อมอะไร เพราะทุกคนต่างก็ต้องเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองทั้งนั้น และนี่คือตระกูลกู้ ถึงแม้ว่าจะล้มลุกคลุกคลานยังไงก็ต้องก้าวไปในเส้นทางชีวิตของตัวเอง
กู้หมิงอวี๋รู้สึกเป็นกังวล เพราะน้องชายของเขานั้นหัวรั้นมาก พูดอะไรไปก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
หนวนหน่วนเองก็รู้สึกเป็นกังวลเช่นกัน เนื่องจากคุณย่าชอบบอกเธอเสมอว่า เด็กที่สอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้นั้นจะมีอนาคตที่สดใส
ทำให้หนวนหน่วนใฝ่ฝันมาโดยตลอดว่าอยากจะเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยให้ได้
เธอไม่รู้ประโยชน์ของมันมากนักหรอก แต่เท่าที่รู้มันเป็นสิ่งที่ควรจะทำ
แต่ตอนนี้ พี่ชายของเธอดูเหมือนจะไม่อยากเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย นั่นทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
ตกเย็นในคืนวันนั้น หนวนหน่วนไม่ได้นำหนังสือไปหาพี่ชายคนเล็กของตน แต่กลับเดินเข้าไปหาพี่สี่ที่กำลังนั่งพักผ่อนหย่อนใจอยู่ในห้องแทน
ในตอนนั้น กู้หมิงหลี่กำลังเล่นเกมและได้ยิงเฮดช็อตสามครั้งติดใส่ฝั่งตรงข้ามทีมตัวเองจนในหูฟังตะโกนชื่อเขาดังลั่น
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อประตูเปิดออกเขาก็มองเห็นเจ้าตัวน้อยผมฟูเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง
แววตาของหนวนหน่วนจดจ้องไปยังผู้ที่อยู่ภายในห้อง ก่อนจะส่งรอยยิ้มที่นุ่มนวลและอ่อนหวานไปให้
กู้หมิงหลี่ขมวดคิ้วขึ้นอย่างสงสัย “อะไรกัน วันนี้หนวนหน่วนอยากนอนกับพี่สี่เหรอ?”
เด็กหญิงตัวน้อยส่ายศีรษะของตนไปมา พลางเดินเอามือไพล่หลังไปหยุดอยู่ตรงปลายเตียง เธอกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเงยใบหน้าที่ขาวเนียนราวกับน้ำนมขึ้น
“พี่สี่ช่วยอะไรหนวนหน่วนหน่อยได้ไหมคะ?”
น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลมาก อีกทั้งท่าทางแววตาที่น่าสงสารนั่นอีก ใครกันจะกล้าปฏิเสธเธอได้ลง?
กู้หมิงหลี่ตอบตกลงทันควัน “ว่ามาสิ ไม่ว่าจะอะไร พี่สี่ทำให้ได้หมดเลย”
ไหนดูซิ เด็กน้อยมีปัญหาอะไร?
“จริงเหรอคะ! พี่สี่สุดยอดที่สุดเลย!”
จากนั้นกู้หมิงหลี่ก็เฝ้ามองหนวนหน่วนว่าเจ้าตัวจะทำอะไรต่อ พอเด็กหญิงหยิบตำราเรียนที่ซ่อนเอาไว้ข้างหลังออกมา รอยยิ้มของเขาก็แข็งค้าง
กู้หมิงหลี่ : รอยยิ้ม.jpg
“พี่สี่~”
หนวนหน่วนถือตำราเรียนขึ้นมาแล้วเอ่ยเรียกเขาอย่างแผ่วเบา
น้องน่าจะไม่ได้คิดไม่ดีหรอกมั้ง? อาจจะแค่อยากให้ช่วยสอนเท่านั้น
เขาปฏิเสธดวงตากลมโตราวกับกวางน้อยที่จ้องมองมาของหนวนหน่วนไม่ได้เลย ทำไม่ลงจริง ๆ หากทำเช่นนั้นภาพลักษณ์พี่สี่ของเขาต้องพังทลายอย่างแน่นอน
ไม่มีทางเลือกแล้ว กู้หมิงหลี่ทำได้เพียงวางโทรศัพท์ลงแล้วเริ่มสอนการบ้านให้หนวนหน่วน
แม้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะยังไม่ได้เข้าเรียน แต่เธอก็ตั้งใจเรียนที่บ้านอย่างเต็มที่ ตอนนี้จึงมีคำถามมากมาย กู้อันไม่สามารถตอบคำถามของเธอได้อีกแล้ว แต่ก็นับว่าโชคยังดีที่ยังมีคนในบ้านอีกมากมายให้เธอได้ถามไถ่ หากพี่เล็กตอบไม่ได้เธอก็จะต้องไปถามพี่ใหญ่ และหากพี่ใหญ่ยุ่งมากก็จะต้องไปถามคุณพ่อ และทางเลือกสุดท้ายก็จะเป็นคุณปู่กับคุณผู้ดูแลคฤหาสน์
ด้วยวิธีนี้ ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หนวนหน่วนจึงได้รับความรู้ทั้งระดับชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่งไปหมดแล้ว ทั้งนี้ก็เพราะเด็กหญิงอาศัยทักษะความสามารถในการเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยมและความทรงจำที่ดีของตัวเองด้วย
กู้หมิงหลี่มองไปที่หนังสือเรียนของหนวนหน่วนก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แม้ว่าเขาจะเรียนไม่ได้เรื่อง แต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะไม่สามารถแก้โจทย์ปัญหาชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง นอกจากนี้ตอนประถมเขาเองก็เคยเป็นนักเรียนแถวหน้าด้วย แต่ก็เริ่มมาดื้อหลังจากเข้าสู่ช่วงมัธยมต้น กลายเป็นว่าเปลี่ยนจากนักเรียนดีเด่นเป็นไอ้ห่วยไปเลย
ดังนั้นกู้หมิงหลี่จึงต้องเริ่มบังคับตัวเองเพื่อที่จะเป็นคนสอนหนังสือให้กับหนวนหน่วน
ในที่สุดวันเปิดเรียนก็มาถึง และนี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มคนนี้อดใจรอไปโรงเรียนแทบไม่ไหว ทั้งที่โดยปกติแล้วเขาอยากจะให้ทุกวันเป็นวันหยุดด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะทำอะไรน้องสาวของเขาก็สามารถทำได้หมด เธอชอบที่จะใฝ่เรียนรู้ แต่มันไม่ดีตรงที่เธอชอบมาให้เขาสอนการบ้านอยู่เป็นประจำ
แม้ว่าจะได้หยุดอยู่บ้าน แต่หนวนหน่วนก็จัดตารางเวลาของตัวเองและแบ่งเวลาออกมาวิ่งกับพี่ชายคนโตทุกเช้า
กู้หนานชอบวิ่งออกกำลังกายทุกวัน เขาตื่นหกโมงเช้าอย่างตรงเวลา ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ในทุกวัน ก่อนหน้านี้ก็เคยทำทุกอย่างที่ว่าคนเดียว แต่ทุกวันนี้มีเจ้าตัวเล็กคอยอยู่ข้างกายทุกวัน
แม้ว่าจะใช้เวลาเพื่อเตรียมตัวสำหรับการวิ่งจ็อกกิงในตอนเช้ามากขึ้น แต่กู้หนานก็ไม่ได้รู้สึกลำบากใจเลยแม้แต่น้อย กลับกลายเป็นว่าสุขภาพจิตและอารมณ์ของเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เด็กหญิงตัวน้อยสวมชุดกีฬาทรงหลวมสีชมพูอ่อน เธอวิ่งตามพี่ชายคนโตด้วยขาสั้น ๆ ของตัวเอง ใบหน้าเรียวบางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยออกมาเลยสักครั้ง
เมื่อเห็นดังนั้นกู้หนานก็โล่งใจ
“พอแล้ว วันนี้วิ่งได้ครึ่งรอบแล้ว นั่งพักตรงนี้ไปก่อนนะ”
ระยะทางในการวิ่งตอนเช้าของกู้หนานค่อนข้างไกล แค่บริเวณโดยรอบบ้านพักของเขาเองก็เกือบ 3 กิโลเมตรได้ หนวนหน่วนสามารถวิ่งกับเขาได้เพียง 800 เมตรเท่านั้น ก่อนจะหาที่นั่งพักผ่อนพร้อมกับต้าหวงและเหม่ยฉิว เพื่อรอให้กู้หนานวิ่งครบรอบแล้ววนกลับมารับเธอ
ตอนนี้เธอสามารถวิ่งตามกู้หนานมาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น แต่มันกลับเหนื่อยมาก
ใบหน้าของกู้หนานนิ่งเรียบ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้กับหนวนหน่วน ก่อนที่เธอจะหยิบกระติกน้ำใบเล็กที่เหน็บไว้ข้างเอวขึ้นมาส่งให้พี่ใหญ่
“พี่ใหญ่กินเลยค่ะ”
กู้หนานยกมือลูบศีรษะที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อของเธอ “ฉันไม่กินหรอก เดี๋ยววิ่งเสร็จแล้วจะมารับนะ”
หนวนหน่วนพยักหน้ารับโดยมีต้าหวงคอยนั่งกระดิกหางอยู่ตรงเท้า ส่วนเหม่ยฉิวก็นอนแผ่อยู่บนม้านั่งอย่างเอื่อยเฉื่อย นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นลิ้นเล็ก ๆ ที่ม้วนจุกอยู่ในปากของมันได้อีกด้วย
หลังเฝ้ามองดูแผ่นหลังของพี่ชายคนโตวิ่งออกไป หนวนหน่วนก็นั่งกอดเหม่ยฉิวอย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่สักพัก เธอคอยพี่ใหญ่อยู่ที่เดิมอย่างเชื่อฟัง
ทันใดนั้น จู่ ๆ ต้าหวงก็รู้สึกกระสับกระส่าย มันวิ่งวนไปมาและดมกลิ่นไปทั่ว ก่อนจะยกขาหลังขึ้นเพื่อปัสสาวะทำเครื่องหมายอาณาเขตไว้
แน่นอนว่ามันคงไม่กล้าทำตัวแบบนี้เมื่ออยู่ต่อหน้ากู้หนานอย่างแน่นอน เนื่องจากว่าหนวนหน่วนเคยเก็บอึให้มัน และด้วยความที่สงสารน้องสาว พี่ชายคนนั้นจึงอาสาเก็บมันให้ด้วยตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้น ในขณะที่เขาหยิบอึมันขึ้นแต่ละครั้งก็จะมีสายตาเย็นชาจ้องมองไปยังเจ้าต้าหวงทุกครั้ง ทำเอามันรู้สึกไม่กล้าถ่ายเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาอีกเลย
แต่ตอนนี้ปีศาจตัวใหญ่แสนน่ากลัวนั่นไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว
ต้าหวงกระดิกหางพลางส่งเสียงเห่าดังลั่น มันพยายามใช้ขาหน้าเขี่ยอะไรสักอย่างราวกับกระต่ายน้อยแสนร่าเริง ไม่นานกลิ่นเหม็นก็ลอยออกมาจากบริเวณสนามหญ้า