ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 133 พวกแกประเมินคนต่ำไปแล้ว
บทที่ 133 พวกแกประเมินคนต่ำไปแล้ว
กู้หว่านถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินประโยคแรกดังออกมาจากหนวนหน่วน แต่เมื่อได้ฟังประโยคที่ต่อท้ายตามมา สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที เด็กสาวจ้องกู้หมิงหลี่ที่กำลังยืนปกป้องหนวนหน่วนอยู่ก่อนจะก้มหน้าหลบ นิ้วมือจิกเสื้อผ้าของตัวเองแน่น
เกลียดจริง! ถึงแม้ว่าเธอจะพรรณนาความรู้สึกออกมามากมายแต่กลับไร้ประโยชน์ เจ้าลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยของเธอช่างรอบคอบเสียจริง!
“งั้นไปกันเถอะ”
ดีแล้วที่น้องสาวเขาไม่ถูกรังแก แต่ไหนแต่ไรมา กู้หมิงหลี่เองก็ไม่ได้รู้สึกชอบครอบครัวของกู้หว่านเลยแม้แต่น้อย เขาจึงจับมือน้องสาวก่อนจะพาเธอเดินออกจากตรงนั้นโดยไม่หันกลับไปอีกเลย
กู้หว่านเองก็ไม่ได้กล้าพอที่จะขวางทางพวกเขา ทำได้เพียงเฝ้ามองทั้งสองคนเดินจากไป
“เกลียดจริง!”
เมื่อรอจนแผ่นหลังของพวกเขาลับตา กู้หว่านก็เผยสายตาเกลียดชังออกมา เธอประเมินเด็กคนนี้ต่ำเกินไป ไม่คิดเลยว่าภาพลักษณ์ที่ไร้เดียงสาเป็นแค่การหลอกให้คนตายใจ
ในเมื่อพลาดโอกาสครั้งนี้ไปแล้ว ต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะหาโอกาสเข้าใกล้เธอได้อีกเมื่อไหร่ เพราะพี่ชายพวกนั้นก็คอยอยู่ใกล้และปกป้องเธอประหนึ่งแก้วตาดวงใจ จะไปที่ไหนก็ต้องมีคนคอยติดตามเพื่อความสบายใจตลอด แต่กับกู้หว่านเอง เด็กสาวไม่เคยได้รับอะไรแบบนี้เลยสักครั้ง
ดูเหมือนจะต้องค่อยเป็นค่อยไป
เมื่อหนวนหน่วนกลับเข้าไปก็ถูกซักไซ้ทันทีว่าทำไมถึงกลับมาเอาป่านนี้ หลังจากนั้นหนูน้อยอัจฉริยะก็เล่าเกี่ยวกับกู้หว่านให้พวกเขาฟังอย่างหมดเปลือก
กู้หว่านคงคาดไม่ถึงว่าความจำของหนวนหน่วนจะดีถึงเพียงนี้ การโกหกต่อหน้าเด็กหญิงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ เลย
หนวนหน่วนจ้องมองพี่ชายด้วยแววตาไร้เดียงสา “ถึงลูกพี่ลูกน้องคนนั้นจะพูดมีเหตุผล แต่หนวนหน่วนก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ไม่รู้ว่าผิดยังไงเหมือนกันค่ะ”
ใบหน้าของเธอขมวดจนยู่ยี่ “พี่คะ ผิดไหมที่หนวนหน่วนไม่ชอบเขา?”
เหล่าพี่ชายที่ได้ยินสิ่งที่หนวนหน่วนพูด “…”
พวกเขาทำหน้ากระอักกระอ่วนใจราวกับต้องกลืนแมลงวัน
สีหน้าของกู้หมิงหลี่มืดครึ้มขึ้นมาทันที “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่หนวนหน่วนหรอก อยู่ที่สมองและความคิดของกู้หว่านต่างหาก น่าอายชะมัด แสดงความโลภผ่านคำพูดสวยหรูออกมาได้หน้าด้าน ๆ”
กู้หมิงอวี๋แค่นหัวเราะออกมา “ยัยนั่นก็รู้จักพูดนะ ดึงตัวเองออกจากสังเวียนแล้วให้ย่าขึ้นมาสู้แทน ช่างเป็นหลานที่กตัญญูจริง ๆ แล้วยังทำมาเป็นจิตใจดีอีก คิดจะหลอกให้หนวนหน่วนตายใจงั้นเหรอ?”
กู้หนานไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา แต่แววตาของเขาเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม
กู้เป่ยใช้นิ้วมือขยับแว่นของตนพลางขมวดคิ้วอย่างจริงจัง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ถามว่า “กู้หว่านคือใคร?”
ทุกคน “…”
ถ้ากู้หว่านอยู่ตรงนี้แล้วมาได้ยินเข้า ไม่รู้ว่าเธอจะเสียใจแค่ไหนกัน?
“เอาเถอะ ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร แต่ถ้าหนวนหน่วนไม่ไปข้องเกี่ยวกับคนแบบนี้จะเป็นการดีที่สุดนะ เดี๋ยวจะถูกล่อลวงเอาได้”
หนวนหน่วนทำแก้มพองเหมือนปลาปักเป้าพองลมตอนโกรธ
“หนวนหน่วนฉลาดพอนะคะ ไม่โดนล่อลวงหรอก”
กู้เป่ยพยักหน้าลงอย่างใจเย็น ก่อนจะลูบศีรษะคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน “ฉันรู้ว่าหนวนหน่วนฉลาดทันคน แต่เธอยังเด็กมากนะ”
กู้อันทุบเข้าตรงหน้าอกของตัวเอง “ผมจะปกป้องน้องเอง!”
หลังจากนั้นเด็กชายก็ถูกบรรดาพี่ ๆ มองมาด้วยแววตาชิงชัง
กู้หมิงหลี่เสยผมของตัวเอง “นายเอาชนะใครได้บ้างตอนลงสนามจริงน่ะ ฮะ”
ได้ยินแล้วกู้อันก็โกรธมาก “พวกพี่ก็ประเมินคนต่ำไปเหมือนกันแหละ ถึงจะเอาชนะพี่ไม่ได้ แต่ผมเอาชนะพี่โม่ฮัวได้นะ”
ไป๋โม่ฮัวที่ถูกดึงเข้ามาเปรียบเทียบ “…”
ชายหนุ่มเริ่มจะอารมณ์ไม่ดีแล้ว เขาถกแขนเสื้อขึ้นประหนึ่งว่าพร้อมสู้ศึกชิงชัย ถึงแม้ภาพลักษณ์จะเหมือนเด็กดีที่สู้ใครไม่เป็น แต่ประสบการณ์เขาก็โชกโชน
กู้หมิงหลี่ที่อยู่ใกล้ที่สุดยกยิ้มก่อนจะโอบไหล่เขาเพื่อให้ใจเย็นลง
“เอาเถอะ ๆ นายไม่ต้องเสียเวลาทะเลาะกับไอ้เด็กบ้านี่หรอก อายุก็จะ 20 อยู่แล้ว ถ้ามาเอาชนะเด็กสิบกว่าขวบคงไม่มีใครชื่นชมนายหรอกนะ”
ไป๋โม่ฮัวยังคงไม่พอใจ เขาเตะขาไปมา “ก็พูดเกินไปนี่ ใครใช้ให้บอกว่าฉันสู้ไม่ได้ล่ะ! แล้วฉันก็ยังไม่แก่สักหน่อย!”
กู้หมิงหลี่เสยผม ส่วนมือข้างที่โอบไหล่ไป๋โม่ฮัวก็ยกขึ้นลูบผมเจ้าตัวป้อย ๆ ราวกับเป็นลูกหมา
“อยู่บนรถอย่ามีเรื่อง ไว้กลับไปค่อยไปตีกันให้สมใจ”
กู้หนานจ้องมองไปยังกู้อัน เด็กชายจึงสงบปากสงบคำทันที
โชคดีที่รถตู้ใหญ่พอที่จะรองรับคนจำนวนมาก คนที่กำลังจะกลับบ้านเบียดเสียดเต็มรถไปหมด ในไม่ช้าโลกโซเชี่ยลก็ถึงกับลุกเป็นไฟ
เกือบทุกคนที่ได้ดูการแถลงข่าวของบริษัทซิงรุ่ยต่างแสดงความคิดเห็นในเว็บไซต์ทางการของบริษัทอย่างเมามัน ยังไม่ทันข้ามวัน ยอดความคิดเห็นก็เข้าสู่หลักล้าน โดยคอมเมนต์ส่วนใหญ่เป็นการพูดถึงเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยบริษัทซิงรุ่ย
ในยุคที่อินเทอร์เน็ตก้าวล้ำแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านนิยาย อนิเมะ หรือแม้กระทั่งการดูทีวี จะมีใครเล่าที่ไม่อยากจินตนาการถึงเทคโนโลยีในอนาคต? แต่เดิมเทคโนโลยีโฮโลแกรมนั้นมีเพียงแค่ในจินตนาการ ทว่า ณ ตอนนี้ ได้มีคนมาบอกว่าจินตนาการของพวกเขาได้เป็นจริงแล้ว!
แต่สิ่งนี้จะไม่ทำให้เกิดยุคแห่งความโกลาหลใช่ไหม? เทคโนโลยีโฮโลแกรมของจริงที่ไม่เหมือนกับเอฟเฟกต์พิเศษนั่นน่ะ
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้ดูบันทึกการแถลงข่าวซ้ำ ๆ บนอินเทอร์เน็ต และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเริ่มตื่นเต้นกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
[จริงเหรอเนี่ย? ไม่อยากจะเชื่อเลย นั่นเทคโนโลยีโฮโลแกรมจริง ๆ ใช่ไหม ฉันฝันไปหรือเปล่า!]
[ฉันดูวิดีโอซ้ำ 20 ครั้งได้แล้วมั้ง พยายามหาร่องรอยของเทคนิคพิเศษ แต่… ที่ทำให้ฉันตื่นเต้นก็คือมันไม่มีเลย!]
[พระเจ้า ประเทศเรานี่ดีเกินไปแล้ว ดูเหมือนว่าต่างประเทศจะยังไม่มีด้วยนะ ตื่นเต้นอะ ภูมิใจมากด้วย!]
[นักวิจัยประเทศเราสุดยอดมาก ต้องขอบคุณพวกเขาซะแล้ว!]
[อยากรู้ว่าใครเป็นประธานบริษัทซิงรุ่ยกัน? ดูเหมือนว่ามันจะยังเป็นบริษัทเล็ก ๆ ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย ใครจะรู้ว่าเปิดตัวครั้งเดียวจะทิ้งบอมบ์ขนาดนี้ นี่มันปังเกินไปแล้ว!]
[ฉันเป็นคนเดียวรึเปล่าที่อิจฉาน้องสาวท่านประธาน? มีพี่ชายแสนดีขนาดนี้น่ารักเกินไปแล้ว งานแถลงข่าวก็จัดในวันเกิดของน้องด้วยนะ จงใจเลือกวันนี้เป็นพิเศษเพื่อให้ทุกคนจดจำวันนี้ได้ แถมยังสร้างโมเดลน้องสาวให้เป็นขวัญใจตัวละครในเกมด้วย]
[หรือจริง ๆ แล้วเราไม่ได้ต้องการแว่นโฮโลแกรม? แต่ต้องการพี่ชายแบบนี้!]
[อิจฉาน้องสาวของเขาจัง ประเทศนี้ต้องการคนแบบพี่เยอะ ๆ เลย วู้ววววว!]
[ฉันไม่มีพี่ชาย มีแต่น้องชายอะ อยากอธิษฐานอ้อนวอนพระเจ้าให้ประทานพี่ชายแบบนี้มาให้หน่อย ฉันจะยอมลดความอ้วนตลอดชีวิตเลย!]
[ฉันไม่ได้อยากมีพี่ชายที่ชอบใช้ความรุนแรง อยากมีพี่ชายที่รักฉันมาก ๆ!]
[น้องสาวคงมีความสุขแน่ ๆ น่าเสียดายที่ฉันไม่รู้ว่าประธานบริษัทซิงรุ่ยคือใคร หน้าตาน้องสาวของเขาเป็นยังไง]
[ว่าแต่… แว่นตาโฮโลแกรมนี่จะวางขายเมื่อไหร่! ใจฉันเต้นแรงมากเลยตอนนี้ หวังว่าจะไม่ต้องรอนานนะ ขอให้เร็ว ๆ นี้เถอะ ได้โปรด]
[พร้อมจ่ายเสมอ โสดมา 20 ปีเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ!]
[เมนต์บนน่ากลัวจัง]
[โฮโลแกรมทำให้คนเล่นรู้สึกถึงร่างกายครบทั้งสามสิบสองได้จริงเหรอ? พี่ชายของฉันขาพิการทั้งสองข้างจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปีที่แล้ว ไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย แล้วครอบครัวก็เป็นกังวลมาก หวังว่าจะได้ซื้อมาให้พี่ชายได้ใช้นะ ถึงเวลานั้นทุกคนในครอบครัวคงร่วมด้วยช่วยกันเพื่อให้ได้มันมาแน่นอน!]
[ถ้าหากว่าโฮโลแกรมทำให้ร่างกายครบสามสิบสองได้ มันก็เหมือนกับว่าได้ให้ชีวิตใหม่กับผู้พิการเลยนะ หลานชายตัวน้อยของฉันตามองไม่ค่อยเห็นแล้ว เรื่องนี้ต้องขอบคุณบริษัทซิงรุ่ยเลยที่ให้ความหวังกับพวกเรา]
งานแถลงข่าวของบริษัทซิงรุ่ยทำให้เกิดการถกเถียงในหมู่ชาวเน็ตที่แตกแยกออกมาเป็นหลายประเด็น มันร้อนแรงอยู่ช่วงหนึ่ง หลังจากนั้นบริษัทก็ได้เร่งพัฒนาแว่นตาโฮโลแกรม ไม่นานก็สร้างความฮือฮาให้ชาวเน็ตเป็นอย่างมาก