ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 131 ของขวัญวันเกิดจากกู้หนาน
บทที่ 131 ของขวัญวันเกิดจากกู้หนาน
“แน่นอนครับว่า เมื่อแรกเริ่มเทคโนโลยีโฮโลแกรมนั้นยังมีข้อบกพร่องอยู่มากมายทั้งในเรื่องของรูปรสและกลิ่น น่าเสียดายที่ถึงจะดูสมจริง แต่เราก็ไม่สามารถสูดดมได้”
หนานเฟิงหยิบผลไม้ที่ดูน่าอร่อยแล้วโยนมันเข้าปากอย่างว่องไว จากนั้นเขาก็ทำเป็นเคี้ยว กางมือออกแล้วทำท่าเหมือนช่วยไม่ได้
“มันไม่มีรสชาติอะไรเลยครับ ด้วยเหตุนี้ ตอนนี้พวกเราจึงพัฒนาวิธีทำให้การฉายภาพโฮโลแกรมสามารถรับรู้ได้ถึงรูปรสและกลิ่น แน่นอนว่าในตอนนี้เรากำลังเริ่มพัฒนามันแล้ว และเป็นส่วนที่ยากที่สุดด้วย ส่วนที่เหลือเพียงแค่รอเวลาอีกสักหน่อยเท่านั้น”
หนานเฟิงพูดต่อ “ตอนนี้ได้มีการฟื้นฟูสภาพภูมิประเทศและพันธุ์ไม้บางส่วนเท่านั้น แต่เรายังไม่ได้ป้อนข้อมูลสัตว์ลงไป ดังนั้นจึงขออนุญาตไม่เปิดส่วนนั้นให้ได้รับชมในขณะนี้นะครับ”
หนานเฟิงก้าวออกมาจากพื้นโลกที่ยืนอยู่ จากนั้นทิวทัศน์ก็เปลี่ยนเป็นโหมดเกม ทันใดนั้นโลกทั้งใบก็หายวับไปทันตาและถูกแทนที่ด้วยพื้นทวีปหลากหลายเฉดสี โดยสถานที่ที่หนานเฟิงยืนอยู่ก็คือหมู่บ้านซินโซ่ว
นอกจากนี้เสื้อผ้าของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
เสื้อผ้าที่เขาสวมในโลกก่อนหน้านี้เป็นสีขาวเรียบง่าย มันเหมือนกับชุดเริ่มต้นสำหรับผู้เล่นใหม่ แต่ในโลกของเกมนี้เสื้อผ้าของหนานเฟิงเปลี่ยนเป็นชุดโบราณ โดยมีลายสีน้ำเงินบนผืนผ้าสีขาว แม้มันจะเรียบง่ายแต่ก็สวยงามมากเช่นกัน ให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นวิญญาณอมตะของยุคโบราณ อีกทั้งยังมีตรารูปดาบประดับไว้บนหน้าอกด้วย
นอกจากนี้ผมของหนานเฟิงก็เปลี่ยนเป็นผมยาว เขาดูดีเหมือนเทพเซียนไม่มีผิด อย่างกับมีจิตวิญญาณของนักดาบอยู่ในตัวจริง ๆ
“นี่คือเกมที่ชื่อว่า ‘โลกแห่งเทพนิยาย’ จะเห็นได้ว่าฉากหลังไม่มีที่สิ้นสุด ในตัวเกมจะมีกลุ่มอาชีพที่แตกต่างกันบนท้องถนน โดยที่ผู้เล่นจะสามารถสร้างอาชีพของตนเองได้แต่ต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพนั้นด้วยตัวเอง และตอนนี้แอ็กเคานต์ของผมได้ผ่านการทดสอบมาแล้วถึงสามรอบ โดยที่ผู้ทดสอบภายในองค์กรได้ทำการสุ่มคัดกรองกันอย่างลับ ๆ”
หนานเฟิงขยับนิ้วของเขา จู่ ๆ ดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากทางด้านหลังและตกลงไปที่เท้าของเขาอย่างมั่นคง
“เกมนี้จะช่วยให้ทุกคนได้ลองสัมผัสกับความตื่นเต้นในการจำลองบินเสมือนจริง และถึงแม้ว่าในชีวิตจริงจะมีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย เช่นตาบอดหรือทุพพลภาพใด ๆ ก็ตาม แต่ในโลกของเกมนั้นทุกคนจะได้สัมผัสร่างกายที่ครบสามสิบสองได้ครับ”
สิ่งนี้เป็นไพ่ตายของพวกเขาด้วย
ผู้ที่รับชมการถ่ายทอดสดในงานเลี้ยงไม่สามารถนั่งติดเก้าอี้ได้อีกต่อไป น…นี่มันเทคโนโลยีอะไรกัน แบบนี้พวกเขาต้องหาทางร่วมลงทุนกับตระกูลกู้ให้ได้!
พอข่าวออกไป เรื่องคงดังกระหึ่มไปทั่วโลกแน่ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ทุพพลภาพ สำหรับพวกเขานี่เหมือนได้ชีวิตใหม่เลย!
ทุกคนมองไปที่ตระกูลกู้สลับกับผู้นำตระกูลของตัวเอง กู้หมิงหลี่และคนอื่น ๆ รู้สึกขนลุกซู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ในตอนนี้กู้หมิงหลี่กำลังถูกเทคโนโลยีโฮโลแกรมดึงดูด ตอนแรกเขาอยากลองเล่นหลังจากที่บริษัทของพี่ใหญ่เริ่มวางขาย แต่คงต้องขอกันลับหลังเพื่อเอาเกมมาลองเล่นก่อนแล้ว เพราะอดใจอยากลองดาบบินแทบไม่ไหว
หลังจากที่หนานเฟิงพาพวกเขาดำดิ่งสู่โลกของเกมชั่วครู่ เขาก็ออกมาจากการฉายภาพโฮโลแกรม หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ได้พบกับสายตาอยากรู้อยากเห็นของนักข่าวจนต้องกดมือลงเป็นสัญญาณให้ทุกคนใจเย็น
“สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด เหตุผลที่ซิงรุ่ยจัดงานแถลงข่าวในวันนี้ อันเนื่องมาจากว่าวันนี้เป็นวันเกิดของน้องสาวเจ้านายผมครับ และนอกจากนี้ทางเรายังมีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ฝากส่งถึงเธอด้วย เพราะเหตุนี้เองในเกม ‘โลกแห่งเทพนิยาย’ จึงได้จัดทำโมเดลตัวหนึ่งขึ้นมาเป็นพิเศษโดยใช้ภาพลักษณ์น้องสาวของเจ้านายครับ เธอจะเป็นที่รักของทุกกลุ่มแฟนเกมแน่นอน หากประทับใจตัวละครดังกล่าว ทุกคนจะปรานีคุณ แต่หากคุณทำร้ายเธอ ทุกคนพร้อมจะโค่นล้มคุณแน่…”
หนานเฟิงกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม ท่านประธานของเขามีความคิดค่อนข้างแปลก แต่ใครกันล่ะที่จะไม่ชอบหนวนหน่วน?
“โอเคครับ ตอนนี้พวกคุณสามารถถามคำถามได้แล้วนะ”
สิ้นเสียงคำพูดของเขา นักข่าวที่ยืนอยู่ข้างล่างเวทีก็ยกไมโครโฟนขึ้นแล้วเริ่มยิงคำถามอย่างเมามัน
ในช่วงการซักถามที่ผ่านมาเขายิงคำถามถึงกู้หนานโดยตรง
“ผมจะให้หุ้นบริษัทซิงรุ่ยกับน้องสาวสิบห้าเปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ วันนี้เป็นวันเกิดของน้องสาวผม ผมไม่อยากจะพูดถึงเรื่องอื่นมากนัก ถ้ามีคำถามก็เอาไว้คราวหน้าผมจะตอบให้”
“อู้ววว….”
สิบห้าเปอร์เซ็นต์เลยนะ แม้ว่าซิงรุ่ยจะยังเป็นบริษัทเล็ก ๆ แต่ทุกคนก็ได้เห็นศักยภาพของบริษัทไปแล้ว และยิ่งตอนนี้เราอยู่ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายเร็วมาก ต่อไปในอนาคตข้างหน้า มูลค่าของบริษัทเล็ก ๆ แห่งนี้อาจแซงหน้าบริษัทของตระกูลกู้ที่ค้างฟ้าอยู่ในปัจจุบันก็ได้ และในตอนนี้ เขายกหุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์ให้กับเด็กหญิงตัวเล็กคนนั้น!
บรรดาแขกทุกคนต่างจ้องมองไปที่กู้หนานด้วยดวงตาเบิกกว้าง พวกเขาสงสัยว่านี่อาจเป็นเพียงการล้อเล่นหรือไม่ แต่คิดดูแล้วพวกเขาก็ต้องพบกับความผิดหวัง
กู้หนานเป็นคนจริงจัง เขาได้ร่างสัญญาการยกหุ้นนี้ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ว่าในตอนนี้หนวนหน่วนยังเด็กเกินไปที่จะรับมรดกหุ้นเหล่านี้ เมื่อเธอโตเป็นผู้ใหญ่ หุ้นพวกนี้จะถูกโอนเป็นชื่อเธอทันที
ทุกคน “…”
ตอนนี้ไม่ใช่แค่เด็กสาวเท่านั้นที่อยากเป็นหนวนหน่วน แต่ต้องถามว่าใครในห้องนี้บ้างที่ไม่อยากเป็นเด็กหญิงคนนี้ เธอเป็นลูกรักพระเจ้าใช่ไหม? แบบนี้เหมือนรวบรวมความรักของพระองค์ไว้ที่เธอคนเดียวเลย
วันนี้ตระกูลกู้ได้แสดงทัศนคติของพวกเขาอย่างชัดเจน แถมยังแสดงออกก่อนที่ทุกคนจะทันสร้างข่าวลือด้วย เห็นได้ชัดว่าหนวนหน่วนได้รับการดูแลจากทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างดี เห็นแบบนี้แล้วใครจะกล้าเอาไปพูดในทางลบ?
ตอนนี้พวกที่แอบซุบซิบนินทาต่างพากันหัวหดกันหมด พวกเขารู้สึกหงุดหงิดมาก
ทำไมถึงอึดอัดแบบนี้ ไม่น่าไปยุ่งเรื่องคนอื่นแต่แรกเลย!
เมื่อถูกผู้คนจำนวนมากจ้องมองด้วยสายตาอิจฉาริษยา หนวนหน่วนก็รู้สึกประหม่าขึ้นมา เธอจับมือพี่ชายคนโตของตนไว้แน่น
กู้หนานลูบศีรษะคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยนเป็นการปลอบโยน
ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่ตรงนี้
เด็กน้อยยิ้มตอบ พี่ชายของเธอแสนดีจังเลย….
แน่นอนว่า ตอนนี้เธอยังเด็กอยู่จึงไม่เข้าใจความหมายของคำว่าหุ้น แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อมองดูปฏิกิริยาของคนเหล่านั้นแล้ว เธอก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าพี่ชายคงให้ของบางอย่างที่น่าเหลือเชื่อแก่ตนแน่นอน
หนวนหน่วนแอบตื้นตันใจ ต่อไปข้างหน้าในอนาคตเธอจะเชื่อฟังพี่ชายและพ่อแม่ของเธออย่างดี
หลังจากกู้หนานให้ของขวัญเธอแล้ว สิ่งที่พี่ชายคนอื่นนำมาจึงดูธรรมดาไปถนัดตา แน่นอนว่ามันต้องเกิดการเปรียบเทียบ
กู้เป่ยก้มมองสร้อยข้อมือที่แสนธรรมดาที่เขาตั้งใจจะมอบให้หนวนหน่วน แต่หารู้ไม่ว่าสร้อยข้อมือนี้เป็นเทอร์มินัลส่วนบุคคลที่กู้เป่ยกำลังศึกษาค้นคว้าอยู่
มันมีระบบเอไออยู่ข้างใน สามารถค้นหาตำแหน่งของหนวนหน่วนได้ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แม้กระทั่งภูเขาในป่าลึกก็ยังสามารถเชื่อมต่อกับสัญญาณดาวเทียมได้โดยตรง นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการจดจำอัตโนมัติ มันจะแจ้งเตือนเจ้าของทันทีเมื่อเข้าใกล้อันตราย
แน่นอนว่าเขาไม่พูดอะไรแบบนั้นออกมาเด็ดขาด เพราะจุดประสงค์หลักคือการปกป้องหนวนหน่วน
เขามีปมทางใจเกี่ยวกับการหายตัวไปของหนวนหน่วนในอดีตจึงอยากให้สิ่งที่สามารถปกป้องเธอได้ และนี่ก็เพื่อความสบายใจของตัวเองด้วย
หลังจากนั้นสิ่งที่กู้หมิงอวี๋มอบให้กับหนวนหน่วนก็คือบทเพลงที่เขียนขึ้นเองและเล่นสดตรง ณ ที่นั้นเพื่อให้เด็ก ๆ ฟัง ทำเอาแววตาของหนวนหน่วนเป็นประกายและดูมีความสุขมาก
กู้หมิงอวี๋เอ่ยขึ้นอย่างเศร้าโศก “หมดเวลาแล้ว ฉันอยากให้น้องมีสนามเด็กเล่นของตัวเองจัง”
และเขาก็ซื้อที่ดินทั้งหมดในเวลาต่อมา
ทุกคน “…”
พอกันที! การที่พวกนายทำแบบนี้มันทำให้พวกเราดูเป็นพี่ที่ไร้ค่ามาก
เหล่าพี่ชายในงานรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันทีที่เห็นสายตาของน้องสาว
พวกพี่ชาย ‘อย่ามอง! พี่ของเธอทำขนาดนั้นไม่ได้หรอก!!!’