ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 129 ขี้อิจฉา
บทที่ 129 ขี้อิจฉา
แม้ว่า… กู้หว่านจะคิดเหมือนกันว่าทำไมตอนที่หนวนหน่วนถูกลักพาตัวไปถึงไม่ตายหายจากไปซะ แต่เธอก็ไม่เคยแสดงความคิดที่มืดมนเช่นนี้ออกมาให้ใครได้รับรู้
หญิงชราเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนพูดมากเกินไป “ฉันก็แค่พูดไปงั้น”
แต่เธอก็ทำใจเห็นครอบครัวนี้ได้ดีไม่ได้ หากตระกูลกู้ตกเป็นของพวกเธอก็คงจะดี
หญิงชรามองว่าลูกชายตนก็ดีไม่แพ้กัน
กู้หลิงเองก็ถูกผู้อาวุโสล้างสมองวันแล้ววันเล่า เธอรู้สึกอยากครอบครองตระกูลกู้ขึ้นมาเช่นกัน
เธออดไม่ได้ที่จะโกรธ ตอนยังเด็ก แม้ว่าจะเป็นช่วงที่ยังไม่ได้มาหาตระกูลกู้ แต่เธอก็ถูกเอาอกเอาใจและเติบโตขึ้นมาภายใต้ ‘ความคาดหวัง’ ของผู้อาวุโส เธอจึงมีนิสัยเอาแต่ใจเล็กน้อย
แต่หลังจากที่หนวนหน่วนกลับมาที่บ้านตระกูลกู้ ชีวิตของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป ทั้งคุณย่าและพ่อก็ไม่เอาอกเอาใจเธอเหมือนแต่ก่อน ทั้งยังคอยบ่นด่าอยู่ทั้งวันทั้งคืน สิ่งเหล่านั้นจึงหลอมรวมให้เธอกลายมาเป็นแบบนี้
กู้หลิงจึงไม่ชอบหนวนหน่วนโดยสัญชาตญาณ
“พ่อคะ จะดีใจไหมถ้าหนูเข้าไปขโมยของของเธอ?”
กู้หลิงพูดขึ้นมาด้วยความไร้เดียงสา ก่อนจะถูกกู้หว่านปิดปากและพ่นคำด่าออกมาอย่างรุนแรง
“หุบปาก อย่าพูดอะไรแบบนี้อีก!”
ดวงตาของเธอมืดหม่นลง ดูเหมือนว่าตระกูลกู้จะมีอิทธิพลต่อครอบครัวของเธอเป็นอย่างมาก จะพูดจาส่งเดชสักนิดก็ไม่ได้ เพราะมีหวังจะยิ่งทำให้ทั้งสองครอบครัวบาดหมางกันได้
กู้หว่านเหงื่อไหลโชกออกมาจนรู้สึกเย็นวาบ เธอรีบกระซิบบอกคนในครอบครัวว่าให้ดูแลกู้หลิงดี ๆ อย่าให้พูดจาพล่อย ๆ ต่อหน้ากู้หลินโม่ ไม่เช่นนั้นอาจสูญเสียทุกอย่างได้
“ต้องขนาดนี้เลยเหรอ…”
แม่ของกู้หว่านรู้สึกว่าลูกสาวของตนทำเกินไป สถานการณ์ยังไม่ได้ไปถึงขั้นนั้นเสียหน่อย
“ดูแลกู้หลิงให้ดีหน่อย!” พ่อของกู้หว่านพูดขัดขึ้นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
ประสบการณ์พ่ายแพ้จากการงานทำให้เขาได้เรียนรู้อยู่บ้างว่าไม่ควรคิดต่อกรกับครอบครัวของกู้หลินโม่ เขาจึงมาที่นี่เพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างตระกูลอีกครั้ง และจะไม่ยอมให้อะไรมาทำเสียแผนเด็ดขาด
กู้หว่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่พ่อของเธอไม่หลุดพูดสิ่งที่ไม่ควรออกไป
เธอเริ่มคิดหนักว่าจะทำอย่างไรให้เรื่องบาดหมางระหว่างสองครอบครัวผ่อนคลายลง
แต่ภาพของครอบครัวตรงหน้า… ช่างดูอบอุ่นและน่าอยู่มากเลย
……
ในบรรดาแขกผู้เฒ่าผู้แก่บางคนยังคงจดจำฉินชิงเฉี่ยนผู้ล่วงลับไปได้ เมื่อได้เห็นใบหน้าของหนวนหน่วน พวกเขาก็ต่างตกตะลึง
“นี่… หนวนหน่วนเหมือนนายหญิงใหญ่ที่ล่วงลับไปแล้วเลย!”
แขกเหรื่อเริ่มกระซิบกันว่าฉินชิงเฉี่ยนเป็นผู้หญิงที่ได้รับความนิยมชมชอบอย่างมากในสมัยนั้น ทั้งสง่างามทั้งการศึกษาดี นอกจากนี้ยังมีความสามารถอีกนับไม่ถ้วน
น่าเสียดายที่ฟ้าอิจฉาในความงดงามนั้นจึงพรากหล่อนไปเร็วเหลือเกิน
ณ ตอนนี้ เมื่อเหล่าคนชราจ้องมองใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของหนวนหน่วนแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงฉินชิงเฉี่ยนที่จากไป
ได้ยินมาว่าเด็กคนนี้เพิ่งกลับมาจากชนบท แต่ดูจากรูปร่างที่มีน้ำมีนวลนั้นแล้ว พวกเขาคิดเป็นอย่างอื่นไปมากกว่า เธอช่างงดงามกว่าผู้หญิงหลายคนตรงนี้เสียอีก
“หนวนหน่วน”
“คุณปู่ คุณพ่อ คุณแม่ คุณอา”
ในขณะที่หลายคนกำลังมึนงง หนวนหน่วนตัวน้อยก็ได้เดินไปตรงที่นั่งว่างข้างคุณปู่แล้วกวักมือเรียกทุกคน
กู้หลินโม่ยกยิ้ม เขาอุ้มลูกสาวขึ้นมาแล้วหอมแก้มเธอ
“หนวนหน่วนไม่เหนื่อยค่ะ”
หนูน้อยส่ายหัวไปมาด้วยความเขินอาย
“หนวนหน่วน จำปู่ไม่ได้เหรอ?”
เสียงเข้มที่ดังมาจากข้างหลังทำให้หนวนหน่วนตัวน้อยต้องหันศีรษะกลับไปมอง เธอใช้ดวงตาสดใสจ้องมองพวกเขาทันที
“คุณปู่ใหญ่ คุณปู่รอง~”
น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาทำเอาคนฟังใจอ่อนยวบ
ชายชราที่มีสีหน้าจริงจังทั้งสองอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ผู้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกประหลาดใจ พวกเขาคิดว่าตระกูลฉินดูเหมือนจะรักใคร่เอ็นดูเด็กคนนี้มากเหลือเกิน
เมื่อทุกคนมองการกระทำของตระกูลกู้ ก็สามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าลูกสาวคนเล็กของตระกูลกู้ช่างโชคดีราวกับได้รับพรอย่างไรอย่างนั้น ดูสิ่งที่เหล่าพี่ชายทั้งหลายปฎิบัติต่อเธอสิ
หลายคนอดนึกถึงกู้หนาน กู้เป่ย และคนในตระกูลกู้ที่แสนยอดเยี่ยมไม่ได้เลย หากลูกหลานของพวกเขาสามารถแต่งงานกับคนเหล่านี้ได้มันคงเหมือนฝันที่เป็นจริง
ลุงและป้าของหนวนหน่วนก็มาด้วย เด็กสาวตัวเล็กนอบน้อมต่อทุกคนที่เข้ามาทักทาย หากพบเจอคนที่ไม่รู้จัก พวกผู้ใหญ่ก็จะแนะนำให้ เธอเอ่ยเรียกพวกเขาตามมารยาท ถึงแม้จะประหม่าแต่ก็ไม่เขินอาย เด็กหญิงตอบกลับอย่างอ่อนหวาน นุ่มนวล และเชื่อฟังราวกับนางฟ้าตัวน้อยที่หลุดออกมาจากในเทพนิยาย
ใครกันที่ปล่อยข่าวลือว่าลูกสาวของตระกูลกู้มารยาทแย่เพราะเธออาศัยอยู่ในชนบท? มันไม่ใช่เลย เธอเป็นเด็กดีจะตาย นิสัยแบบนี้ก็พบเจอได้ยากในเด็กสมัยนี้อีกต่างหาก
ผู้เฒ่าผู้แก่ที่ชื่นชอบหนวนหน่วนต่างส่งของขวัญมาให้ มันไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป แต่เป็นถึงหยกล้ำค่า เด็กสาวทั้งหลายเห็นแล้วต่างคิดอิจฉาอยากจะเป็นหนวนหน่วนกันทั้งนั้น
เมื่อพบว่าหลายคนเอ็นดูตัวเอง หนวนหน่วนจึงรู้สึกประหม่าน้อยลง
เมื่อใกล้ถึงเวลา กู้หลินโม่ผู้เป็นประธานในงานเลี้ยงก็เริ่มกล่าวแนะนำหนวนหน่วนให้ทุกคนได้รู้จัก
“ขอบคุณทุกคนที่มางานวันเกิดลูกสาวของผมด้วยนะครับ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เติบโตขึ้นมาในครอบครัวของเราตั้งแต่แรกด้วยเหตุผลบางประการ แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้ครอบครัวของเราเอ็นดูเด็กคนนี้น้อยลงเลย เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของผม วันนี้ที่จัดงานนี้ขึ้นก็เพื่อเธอ วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ หลังจากที่ผมได้ปรึกษากับพ่อของผมแล้ว เราตกลงกันไว้ว่าจะมอบหุ้นของบริษัทเราห้าเปอร์เซ็นต์เป็นของขวัญให้เธอ”
สิ้นเสียงประกาศ ทุกคนข้างล่างเวทีก็ส่งเสียงฮือฮาและหันไปมองกู้หลินโม่และผู้เฒ่ากู้ทันที และด้วยความไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน พวกเขาจึงหันไปมองหนวนหน่วน กู้หนานและคนอื่น ๆ ด้วย
พวกเขาแอบมองอย่างลับ ๆ เพราะไม่รู้ว่าการตัดสินใจเช่นนี้จะทำให้ลูกชายของกู้หลินโม่คิดต่างออกไปหรือเปล่า?
แล้วทุกคนก็ตระหนักได้ว่านั่นไม่จริงเลย ไม่มีแววตาที่แสดงความไม่พอใจออกมาจากสายตาของกู้หนานแม้แต่น้อย
“คุณปู่ ทำไมให้แค่ห้าเปอร์เซ็นต์ล่ะครับ?”
คนที่อยู่ใกล้ ๆ กู้หนาน “…”
‘แค่’ อย่างนั้นเหรอ?
นี่นายเข้าใจคำนี้ผิดไปหรือเปล่า!
ผู้เฒ่ากู้ปรายตามองเขา “หนวนหน่วนยังเด็ก จะถูกตกเป็นเป้าได้”
ดวงตาสีเข้มของกู้หนานอ่อนลง “ผมปกป้องเธอได้”
“จะรีบร้อนอะไร รอให้พ่อแกลงจากตำแหน่งก่อน ตอนนั้นแกค่อยให้หนวนหน่วนถือหุ้นเพิ่มสิ”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หุ้นในมือของผู้เฒ่ากู้แบ่งให้แค่ลูกชายและหลานชาย นอกจากนี้เขายังได้รวบรวมหุ้นที่กระจัดกระจายในผู้ถือหุ้นบางคนเอาไว้ในมือด้วย ดังนั้นตระกูลกู้ถือว่ามีอำนาจการตัดสินใจเด็ดขาดในการพูดคุยเกี่ยวกับสิทธิ์การถือหุ้นนี้โดยชอบธรรม
และเมื่อถึงเวลาที่กู้หลินโม่เกษียณ หุ้นในมือของเขาจะต้องถูกหารแบ่งกระจายออกไป
กู้หนานบ่นพึมพำแล้วไม่พูดอะไรต่อ
ณ ตอนนี้คนในบริเวณโดยรอบรู้สึกอิจฉาจนน้ำลายไหล
ทำไมไม่ยกให้ฉัน!
นี่มันเอาแต่ใจเกินไป เป็นแค่ลูกสาว จำเป็นต้องยกให้ด้วยเหรอ?
แต่ถึงอย่างนั้นตระกูลกู้ก็คงยกข้อเท็จจริงขึ้นมาอ้างถึงความจำเป็นที่ต้องทำเช่นนี้ได้อยู่ดี
หลังจากที่ผู้เฒ่ากู้มอบของขวัญวันเกิดให้หนวนหน่วน เหล่าพี่ชายก็ได้มอบของขวัญให้เธอด้วย ส่วนของขวัญของกู้หนานนั้นทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงอยู่ไม่น้อย