ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 128 งานเลี้ยง
บทที่ 128 งานเลี้ยง
รถยนต์คันหรูจอดอยู่ตรงทางเข้าโรงแรมเวนิส แกรนด์ ชายหญิงในชุดหลากหลายเดินออกจากรถคันหรูด้วยท่าทางสง่างามดูภูมิฐาน ก่อนจะยื่นจดหมายเชิญให้บริกรตรงทางเข้าของโรงแรมแล้วเดินเข้าไปยังห้องจัดงานเลี้ยง
วันนี้เป็นงานวันเกิดของลูกสาวตระกูลกู้ อันที่จริงทุกคนรู้ว่าจุดประสงค์หลักคือการแนะนำเด็กผู้หญิงคนเดียวในบ้านที่เจอตัวในชนบทให้ทุกคนในแวดวงได้รู้จัก
แขกบางส่วนที่เคยได้เจอหนวนหน่วนเท่านั้นที่รู้ดีว่าตระกูลกู้หวงแหนสาวน้อยคนนี้มากแค่ไหน แต่คนส่วนใหญ่ ณ ที่แห่งนี้ต่างไม่เคยเจอเธอ พวกเขาเลยไม่รู้ว่าตระกูลกู้เลี้ยงดูสาวน้อยคนนี้มาอย่างไร
ทุกคนจึงตั้งหน้าตั้งตารอ งานเลี้ยงในวันนี้ไม่รู้ว่าจัดขึ้นเพื่อเอาใจเด็กคนนี้หรือเพียงแค่หวังได้โชว์หน้าโชว์ตากันแน่
ห้องจัดเลี้ยงเต็มไปด้วยบรรดาแขกและเพื่อน ๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ต้องการจะเบียดเสียดเข้ามาในงานเลี้ยงแบบนี้ โดยเฉพาะเหล่าคนดังในวงการบันเทิงและพวกที่ครอบครัวทำธุรกิจขนาดเล็ก เพราะท้ายที่สุดแล้ว งานนี้ก็ถือเป็นโอกาสให้ผู้คนได้มารวมตัวสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจกัน
กู้หลินโม่และภรรยารวมถึงญาติ ๆ ก็มาที่นี่เพื่อช่วยกันต้อนรับแขก ทุกคนที่มางานแสดงความยินดีด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วพูดคุยกัน
“จวนจะถึงเวลาแล้ว อีกเดี๋ยวลูก ๆ ก็คงมากันแล้วละ”
กู้หลินโม่มองดูเวลา ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนั้นจะพาหนวนหน่วนไปเถลไถลที่ไหน
“ว้าว…”
เสียงดังขึ้นมาจากทางประตู กู้หลินโม่และคนอื่น ๆ จึงเงยหน้าขึ้นมอง ตรงนั้นปรากฏภาพลูกชายคนโตของเขาที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ตามเคย แต่หากมองให้ดี ทุกครั้งที่ศีรษะของเขาก้มลง สีหน้าและแววตาของเขาจะแสดงความอ่อนโยนออกมา
กู้หนานจับมือเล็กของหนวนหน่วนแล้วก้าวเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าที่ช้ากว่าปกติ แต่ถึงอย่างนั้นความดูดีก็ไม่ได้ลดลงเลย
ในบรรดาเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ยกเว้นน้องชายของเขาเอง ใครก็ตามที่เผชิญหน้ากับเขาต่างถูกกลิ่นอายรอบตัวเขาครอบงำกันทั้งนั้น ราวกับว่าตนต่ำต้อยกว่าคนคนนี้อย่างบอกไม่ถูก
หนวนหน่วนกระวนกระวายใจมาก เธอเคยร่วมงานเลี้ยงมาก่อน แต่ครั้งนั้นมันเป็นงานของคนอื่น เธอกับลูกพี่ลูกน้องได้นั่งทานข้าวกันอยู่ตรงมุมห้องจึงไม่ค่อยตกเป็นเป้าสายตาสักเท่าไหร่ แต่ว่า ณ ตอนนี้ เธอคือตัวเอกของงานเลี้ยง ทุกคนต่างให้ความสนใจเธอกันหมด
ถึงแม้ว่าหนวนหน่วนจะกระวนกระวายใจ แต่เธอก็ยังคงกระโดดไปมาอย่างมีความสุขราวกับกระต่ายน้อยแสนซน แต่ด้วยความที่กลัวว่าจะทำให้พี่ชายและตระกูลกู้เสียหน้า เด็กหญิงจึงพยายามที่จะเชิดหน้าและไม่แสดงความเขินอายออกมา
หนวนหน่วนมีพี่ชายตั้งมากมาย เพราะงั้นไม่กลัวหรอกนะ!
หลังจากให้กำลังใจตัวเองเพียงพอแล้ว เธอก็จับมือพี่ชายแล้วเดินเข้าไปในงานด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยราวกับไก่ตัวผู้ที่กำลังจะลงสนามรบ เหล่าพี่ชายเห็นภาพนั้นแล้วก็ยกยิ้มมุมปากไปตาม ๆ กัน
ทันทีที่เดินเข้าไปถึงในงาน ทุกสายตาก็จับจ้องมากันอย่างพร้อมเพรียง ทำเอาร่างเล็กรู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที แต่เธอก็รีบยกยิ้มด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้น
โชคดีที่มีพี่น้องที่ยอดเยี่ยมมากมายอยู่รอบตัว หนวนหน่วนเลยยังเรียกสติของตนเองได้
“ไม่ต้องกลัว”
ฝ่ามืออุ่นวางลงมาบนแผ่นหลังเล็กของเธอ ตามมาด้วยเสียงพี่รองที่ดังก้องเข้ามาในหัว
หนวนหน่วนพยักหน้าลง “อื้ม… ไม่ได้น่ากลัวเลยค่ะ”
ทั้งสองข้างของสาวน้อยคือพี่ชายคนโตและพี่ชายคนรอง พวกเขาเป็นพี่น้องฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ แต่การยืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้พวกผู้คนสับสนเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากลักษณะนิสัยใจคอที่แตกต่างกัน ทุกคนที่เห็นเลยสามารถแยกออกได้อย่างชัดเจน
เหล่าพี่ชายที่ยืนเรียงแถวกันนั่นก็ด้วย แต่ละคนมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ดวงตาของทุกคนในห้องจัดงานจึงเปล่งประกายใคร่รู้ออกมา
เหล่าพี่น้องที่อายุไล่เลี่ยกันมองดูคนเหล่านี้ด้วยความอิจฉาริษยา โดยเฉพาะพี่น้องฝาแฝดทั้งสองและกู้หมิงอวี๋ที่มีชื่อเสียงเป็นทุนเดิม ทั้งสามคนนี้เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จกันทั้งหมด
กู้หนานเป็นเหมือนปีศาจรับทรัพย์ เขาก่อตั้งบริษัทและจดทะเบียนด้วยตัวเอง และมันยังเป็นบริษัทที่ดีที่สุดในต่างประเทศอีกด้วย นอกจากนี้ชื่อเสียงความเป็นอัจฉริยะในด้านการลงทุนของเขาก็ไม่แพ้กัน เขาจึงได้เป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลกู้ ก่อนหน้าก็ได้จัดทำโครงการมากมายจนเสร็จสิ้นไปนับไม่ถ้วน หลังขึ้นรับช่วงสืบทอดตระกูลกู้ต่ออย่างเต็มตัว มูลค่าทางธุรกิจของครอบครัวนี้ก็เพิ่มขึ้นเป็นเกือบหนึ่งพันล้านหยวน
ไม่ต้องพูดถึงในหมู่เพื่อนของเขา แม้แต่คนรุ่นพ่อก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเทียบเคียงเขาได้ ดังนั้นทุกคนจึงเรียกเขาว่าปรมาจารย์กู้เพื่อเป็นการยอมรับในความสามารถของเขา
สำหรับกู้เป่ย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นที่รู้จักในด้านธุรกิจ แต่เขาก็มีชื่อเสียงในแวดวงของคนยุคใหม่ผู้ปราดเปรื่องด้านวิชาการในองค์กรวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังค้นคว้าอะไรอยู่ แต่มูลค่างานของเขาที่ได้รับนั้นก็เพียงพอที่จะอธิบายว่างานนั้นมีความสำคัญแค่ไหน
นอกจากนี้ยังมีกู้หมิงอวี๋ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเป็นดาราระดับท็อปที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มคนนี้เป็นถึงนักแสดงระดับนานาชาติ นี่ถือว่ากล่าวอย่างไม่อวยแล้ว
ผู้เฒ่าผู้แก่ต่างส่งสายตาริษยาไปที่ผู้เฒ่ากู้รวมถึงพ่อแม่ของเด็กพวกนั้นด้วย ยีนของตระกูลนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน โดยเฉพาะเจ้าฝาแฝดนั่น ใครบ้างจะไม่อยากได้ทายาทที่ยอดเยี่ยมเช่นนั้นมาอยู่ในวงศ์ตระกูลล่ะ
คนในงานมองผู้อาวุโสประจำตระกูลอย่างอิจฉา ก่อนจะมองไปยังเด็กหญิงตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงกลาง เธอได้รับการปกป้องจากพี่ชายเป็นอย่างดี
คนนี้สินะ ตัวเอกในงานวันนี้
เด็กสาวบางคนอิจฉาตาร้อนเมื่อเห็นเด็กหญิงตัวน้อยได้รับการปกป้องจากพี่ชายแสนหล่อเหลา พวกเขาโดดเด่นมากจนละสายตาไม่ได้เลย อยากจะขึ้นไปแทนที่หนวนหน่วนเหลือเกิน
นี่คือเหล่าผู้ชนะของงานประกวดอะไรสักอย่างใช่ไหม
“อิจฉาจังเลยอะ อยากมีพี่ชายทั้งหกคนคอยดูแลแบบนี้บ้าง”
“เห็นว่าเจอตัวในชนบทไม่ใช่เหรอ? ดูไม่เหมือนอย่างนั้นเลยนะ?”
“กู้หนานหล่อมาก ฉันอยากแต่งงานกับเขาจังเลย”
“แม่เจ้า นั่นกู้หมิงอวี๋! กู้หมิงอวี๋เป็นสมาชิกครอบครัวของตระกูลกู้เหรอเนี่ย?”
คนในวงการบันเทิงจำกู้หมิงอวี๋ได้ เขาอุทานขึ้นมาทันทีพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง
ว้าว! ชีวิตช่างดีอะไรขนาดนี้ ในวงการก็ก้าวสู่ระดับนานาชาติ ยังได้รับรางวัลนักแสดงทรงคุณค่าถึงสามรางวัลตั้งแต่อายุยังน้อยด้วย แล้วนี่ยังมีครอบครัวที่น่าทึ่งคอยอยู่เบื้องหลังอีก อิจฉาจัง!
หัวใจของหญิงสาวที่พร้อมจะแต่งงานเริ่มสั่นไหวไปหมด หากว่า… สามารถเลือกแต่งงานกับคนในตระกูลกู้ได้จะดีขนาดไหนกันนะ
ถ้าหากพูดกันตามตรง คนที่อิจฉาหนวนหน่วนมากที่สุดคงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากกู้หว่านที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างไม่ต้องสงสัย เล็บของเธอแทบจะจิกเข้าไปในฝ่ามือของตัวเอง
ตั้งแต่ถูกตระกูลกู้ขับไล่ออกไปในวันนั้น คุณภาพชีวิตครอบครัวของเธอก็ตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว พ่อและแม่ที่ไม่ได้รับการดูแลจากตระกูลกู้ก็ไปติดการพนัน ทำเอาชีวิตครอบครัวของเธอกลายเป็นเรื่องน่าอับอายขึ้นมาทันที
ในเวลานั้นคุณยายของเธอก็แทบลุกไม่ขึ้น และความสัมพันธ์ที่มีกับตระกูลกู้ก็ค่อย ๆ ขาดสะบั้นลงจนแทบจบสิ้นกันไป
ในเวลาต่อมาครอบครัวเธอต้องการที่จะแก้ไขความสัมพันธ์อยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ผู้เฒ่ากู้ไม่ต้องการจะเห็นหน้าพวกเขาอีกจึงลองเปลี่ยนเป้าหมายไปหากู้หลินโม่แทน แต่ใจของเขาก็ด้านชากว่ามาก แม้อีกฝ่ายจะอ้อนวอนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
ครั้งนี้จึงถือโอกาสใช้การเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้เพื่อพยายามคลี่คลายความสัมพันธ์กับตระกูลกู้และสร้างสัมพันธ์ที่ดีกันต่อไป
ทั้งที่พยายามอดกลั้นไว้แล้วแท้ ๆ แต่พอเห็นครอบครัวของหนวนหน่วนกลับรู้สึกอิจฉาขึ้นมาจนทนแทบไม่ได้
กู้หว่านรู้วิธีซ่อนอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง แต่หลังจากนั้นไม่นานหญิงชราข้างกายก็อดไม่ได้ที่จะพูดบางอย่างขึ้นมา เมื่อกู้หว่านได้ยินแล้วก็หน้าเปลี่ยนสีทันใด
“คำชื่นชมพวกนี้ควรเป็นของหลานสาวฉันสิ”
หญิงชราอดสงสัยไม่ได้ว่าหากกู้หลิงเป็นคนที่ถูกรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม คนที่ยืนอยู่ในตำแหน่งตรงนั้นก็อาจจะเป็นหลานสาวของเธอ นอกจากนี้พวกเธออาจไม่ต้องมีช่วงเวลาที่ยากลำบากและแบกหน้ามางานเลี้ยงอันแสนชื่นมื่นนี้ก็ได้
“ทำไมเด็กคนนั้นถึงโชคดีแบบนี้นะ ทำไมถึง…”
“คุณย่า!”
กู้หว่านขัดจังหวะก่อนที่หญิงชราจะพูดอะไรออกมามากกว่านี้ เนื่องจากว่าตอนนี้ทั้งสองยืนอยู่ต่อหน้าคนจำนวนมาก คงไม่ดีแน่หากเรื่องนี้ไปถึงหูของลุงรองและคนอื่น ๆ