ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 116 ความอิจฉา
บทที่ 116 ความอิจฉา
แม้ว่าสมาชิกในทีมสตูดิโอของกู้หนานจะรู้อยู่แล้วว่าเขามีน้องสาวตัวน้อย ๆ แต่พวกเขาไม่เคยพบเธอจริง ๆ เลยสักครั้ง
พวกเขาต่างคิดหาวิธีต่าง ๆ นานาเพื่อที่จะได้พบเธอ แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้เจอเธอในตอนที่น่าอายเช่นนี้
เหล่าพนักงานรีบไปหวีผม จัดทรงผมให้ดูดีขึ้น พวกที่ยังไม่ได้แปรงฟันก็ไปแปรงฟัน ล้างหน้า โกนหนวดโกนเคราให้ดูเรียบร้อยขึ้นเช่นกัน
ทุกคนทำราวกับว่าอยากให้ทุกสิ่งที่หนวนหน่วนเห็นก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพลวงตา…
หนานเฟิงเลิกคิ้ว หาดูได้ยากจริง ๆ ที่คนกลุ่มนี้จะแต่งตัวเรียบร้อยในเวลาทำงาน
“สวัสดีจ้ะน้องสาว”
ชายหนุ่มรูปหล่อเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มร่า เขากล่าวคำทักทายหนวนหน่วนก่อนพนักงานคนอื่น ๆ
“สวัสดีค่ะพี่ชาย~”
หนวนหน่วนที่ถูกกู้หนานอุ้มไว้ในอ้อมแขนเอ่ยเสียงนุ่มอย่างเชื่อฟัง
พวกคนเนิร์ด ๆ ก็ชอบเด็กหญิงตัวน้อยกันทั้งนั้น
ตัวจริงเสียงน่ารักกว่ามากเลย!
“น้องสาวมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ”
“คิดถึงพี่ใช่รึเปล่า?”
พวกเขาเริ่มจะพูดจาหยอกล้อกับเธอ
หนวนหน่วนผงกหัวอย่างอาย ๆ
“หนูมาส่งอาหารให้พี่ใหญ่ค่ะ”
ส่งอาหาร!
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กล่องอาหารกลางวันที่หนานเฟิงกำลังถืออยู่ การได้รับการดูแลจากนางฟ้านี่มันอะไรกัน!
แล้วทำไมพวกเขาต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านแทบทุกวัน!
ทันใดนั้นดวงตาอิจฉาคู่หนึ่งก็มองมาที่กู้หนาน
แม้ว่าการแสดงออกของกู้หนานจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่ดวงตาสีเข้มของเขาก็มีแสงวาบปลาบขึ้นเล็กน้อย
มุมปากของเขาก็ยกขึ้นด้วย
แม้การแสดงออกเพียงเล็กน้อยนี้จะเห็นไม่ค่อยชัดเจน แต่หนานเฟิงก็สังเกตเห็นอยู่ดี ชายหนุ่มกระตุกมุมปากขึ้น ในที่สุดเขาก็ค้นพบว่าแท้จริงแล้วชายผู้น่าเคารพอย่างกู้หนานเป็นคนอย่างไร
ในตอนนี้ แผนกต้อนรับได้แจกจ่ายอาหารครบทั้งหมดแล้ว ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้รับประทานอาหารกลางวันแล้ว
“พวกนายไปกินเถอะ” กู้หนานเอ่ยเสียงเรียบแล้วพาหนวนหน่วนไปที่ห้องทำงานส่วนตัว
ทุกคน “…”
วันนี้กู้หนานสั่งอาหารกลางวันให้เหล่าพนักงาน เขาสั่งมาจากร้านอาหารส่วนตัวที่เหล่าพนักงานชอบเอามาก ๆ แต่ตอนนี้พวกเขากลับเอาแต่จ้องกล่องอาหารกลางวันที่น้องสาวของเจ้านายมอบให้
อาหารกล่องในมือของพวกเขาก็กลายเป็นไม่น่ากินไปในทันที
กู้หมิงอวี๋ไม่ได้ถือว่าตัวเองเป็นแขกเลย เขาเดินไปรอบ ๆ สตูดิโอ แต่ก็ไม่ได้แตะต้องอะไรใด ๆ
“ไปกันเถอะ ไปดูว่าเจ้านายกินอะไร”
พนักงานกลุ่มหนึ่งอยากรู้อยากเห็นมาก พวกเขาถือกล่องข้าวของตัวเองแล้วแอบย่องไปที่ห้องทำงานของกู้หนาน
ประตูถูกผลักให้เปิดออก จากนั้นหนึ่งหัว สองหัว สามหัวก็ยื่นเข้าไปอย่างระมัดระวัง…
คนที่อยู่ข้างนอกกำลังแอบมองคนข้างในเหมือนกับกำลังดูสิ่งมหัศจรรย์
“เห็นไหม เจ้านายกำลังกินอะไร”
“อย่าเบียดสิ! โอ๊ย ใครเหยียบเท้าฉัน!”
“ให้ตายเถอะ ฉันถูกบีบจนเป็นแซนด์วิชแล้ว!”
“พวกนายโดนแน่! ไอ้พวกหมูที่อยู่ข้างบนนั่นน่ะ!
ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ช่องว่างน้อย ๆ ของประตูก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นประตูก็ถูกผลักให้เปิดออกเต็มบาน พนักงานที่กำลังแอบดูอยู่จึงถูกเปิดเผยตัวตน พวกเขามองไปที่กู้หนานผู้มีสีหน้าไร้ความรู้สึกแล้วพูดว่า
“ฮ่าฮ่า… อรุณสวัสดิ์ครับเจ้านาย”
“…”
ราวกับมีอีกาบินอยู่เหนือหัวของเขา คนที่พูดยกมือขึ้นตบปากตัวเอง
เขากำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไรอยู่เนี่ย!
“เจ้านาย… กินอะไรหรือยังครับ”
พวกเขายืดคอสูงแล้วมองไปที่โต๊ะของกู้หนาน
กู้หนาน “ออกไปซะ”
“ครับ!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ทุกคนดูเหมือนจะได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี พวกเขาหายตัวไปจากประตูห้องทำงานของกู้หนานในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
หนวนหน่วน “…”
ทุกคนออกไปเร็วจัง…
กู้หนานดูสงบมาก เขาใช้นิ้วเรียวหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วมองลงไปที่แขนเล็ก ๆ ของหนวนหน่วนที่กดอยู่บนขาของเขา
“กินไหม?”
หนวนหน่วนส่ายหน้าตอบกลับด้วยเสียงน้อย ๆ ว่าอิ่มแล้ว
กู้หนานฮัมเพลง เขาวางมืออีกข้างบนท้องน้อย ๆ ของหนวนหน่วนแล้วกดลงเบา ๆ เมื่อพบว่าหนวนหน่วนอิ่มแล้วจริง ๆ กู้หนานก็ไม่ได้บังคับให้น้องสาวกินต่อ
อาหารในกล่องอาหารกลางวันนี้ทั้งหน้าตา กลิ่นและรสชาติน่ารับประทานมาก
เหนือสิ่งอื่นใด อาหารปรุงเองนี้มีรสชาติที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ เขาอยากจะลิ้มลองเร็ว ๆ เหลือเกิน
ในเวลานี้ เหล่าพนักงานที่แยกย้ายไปเมื่อครู่กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง พวกเขานั่งลงพร้อมกล่องข้าวในมือพลางพูดคุยกันเบา ๆ ขณะรับประทานอาหาร
“นายเห็นไหม? เจ้านายกินอะไร?”
พวกเขาจ้องไปที่ฉีจิ้นพร้อมกัน เจ้าตัวเป็นชายหนุ่มที่ชะโงกหน้าไปดูเมื่อกี้
ฉีจิ้นที่กำลังเคี้ยวข้าวอยู่ตอบ “เห็นแล้ว มะเขือตุ๋น เนื้อสันในผัดมะเขือเทศ หมูหยองกับไข่ พวกนายลองอธิบายมาหน่อยว่าทำไมถึงดูน่ากินได้ขนาดนั้น”
“เพราะเหมือนข้าวที่ที่บ้านทำให้ละมั้ง”
“ส่วนนี่คือรสชาติของการซื้อกลับบ้าน”
ทุกคนมองไปที่กล่องข้าวของตนแล้วถอนหายใจพร้อมกัน
เฮ้อ…
หลังจากกินอาหารที่ซื้อมา พวกเขาก็เกือบจะอาเจียนออกมา
น่าอิจฉาเจ้านายจริง ๆ ที่มีน้องสาวส่งอาหาร
เจ้านายของพวกเขายืนอยู่บนจุดสูงสุดด้วยมาตรฐานที่สูงที่สุด เขาไม่ใช่คนธรรมดาที่รวยและหล่อเท่านั้น แต่เขายังมีความสามารถอีกด้วย
มีครอบครัวที่กลมเกลียวจนน่าอิจฉาไม่พอ ยังมีน้องสาวที่แสนเชื่อฟังคอยส่งอาหารให้อีก!
บอกมาสิว่าใครบ้างจะไม่อิจฉา!
เพื่อไม่ให้หนวนหน่วนรู้สึกเบื่อ ตอนที่กู้หนานรู้ว่าเธอกำลังจะมา เขาจึงให้หนานเฟิงซื้อนมรสผลไม้ ขนม และของเล่นต่าง ๆ มาไว้ในออฟฟิศ
แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดภายในนี้ก็น่าจะเป็นเบาะรูปอุ้งเท้าแมวสีชมพูขาว
โซฟาแข็ง ๆ ในห้องทำงานของกู้หนานเป็นสีดำและสีน้ำตาล บรรยากาศในห้องทำงานจึงดูเคร่งขรึมและเย็นชา
พอมีเบาะนี้เข้ามาทำให้ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
หนวนหน่วนชำเลืองมองพี่ใหญ่ จากนั้นถึงใช้ขาสั้น ๆ วิ่งไปที่โซฟาแล้วกลิ้งตัวไปมาอย่างมีความสุขบนเบาะอุ้งเท้าแมวนุ่ม ๆ
กู้หนานเงยหน้าขึ้น เมื่อมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็ก มุมปากของเขาก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เขาคิดในใจว่าจะให้โบนัสแก่หนานเฟิงในเดือนนี้
หลังจากที่กู้หนานทานอาหารกลางวันแล้ว หนวนหน่วนที่กอดเบาะอุ้งเท้าแมวนุ่ม ๆ ก็เดินตามเขาออกไปทีละก้าว
“หนวนหน่วน ลืมอะไรหรือเปล่า”
หลังจากเยี่ยมชมสตูดิโอของกู้หนานแล้ว กู้หมิงอวี๋ก็เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ พร้อมกับถุงช็อปปิงในมือ
หนวนหน่วนนึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรไป นอกจากส่งอาหารให้พี่ชายแล้วเธอยังต้องให้ของขวัญเขาด้วย
“พี่ใหญ่ ของขวัญของพี่ค่ะ”
เด็กหญิงตัวเล็กวิ่งไปหยิบของขวัญจากพี่สามแล้วมอบให้พี่ใหญ่
กู้หนานหยิบเสื้อมาดู รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นสไตล์ที่เขาชอบ
“เธอซื้อเอง?”
หนวนหน่วนพยักหน้าหงึกหงัก
กู้หนานวางฝ่ามือลงบนศีรษะของเด็กหญิงตัวน้อยแล้วลูบเบา ๆ จากนั้นถึงเอ่ยเสียงต่ำออกมา
“ฉันชอบมาก”
หนวนหน่วนยิ้มอย่างมีความสุข มุมปากของเธอยกสูงขึ้น ดวงตาเองก็เปลี่ยนเป็นรูปจันทร์เสี้ยวเล็ก ๆ
ทุกคนในสตูดิโอที่ได้ยินการสนทนาทั้งหมด “…”
ไม่เป็นของกินก็เป็นของขวัญ
ทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่เป็นน้องสาวของพวกเขา!
ดวงตาอิจฉาคู่หนึ่งมองไปที่กู้หนานผู้นิ่งสงบ ตอนนี้เจ้านายของเขาดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย