ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 115 สตูดิโอของพี่ใหญ่
บทที่ 115 สตูดิโอของพี่ใหญ่
น่าแปลกใจจริง ๆ เขาไม่เคยเห็นชายคนนี้ยิ้มแบบนี้กับลูกชายตนเองด้วยซ้ำ
ประธานบริษัทเจอหนูน้อยที่น่ารักคนนี้ครั้งแรกจึงจ้องมองอย่างสงสัย
อีกด้าน หนวนหน่วนก็ส่งกล่องอาหารกลางวันให้กับกู้หลินโม่
“คุณพ่อกินนี่สิคะ ลุงอู๋ทำมาให้ ยังร้อนอยู่เลยนะคะ”
“งั้นเหรอ นึกว่าหนวนหน่วนทำกับข้าวให้พ่อเองซะอีก พ่อยังไม่หิวหรอก ยังปวดท้องอยู่เลย งั้นหนวนหน่วนกินข้าวกับคุณพ่อได้ไหมล่ะ?”
เด็กหญิงตัวน้อยส่ายหน้าอย่างงุ่มง่าม “แต่ว่าหนวนหน่วนเพิ่งจะกินข้าวไป หนูต้องไปส่งอาหารให้พี่ใหญ่อีกนะคะ”
จู่ ๆ กู้หลินโม่ก็เอ่ยอย่างน้อยใจ “พี่ชายของลูกโตขนาดนี้แล้ว เขาจะลืมกินข้าวได้ยังไง ทำไมยังต้องไปส่งอาหารให้อยู่อีก”
หนวนหน่วนเม้มริมฝีปากก่อนจะหัวเราะออกมา เธอกอดคอคุณพ่อราวกับว่าตนเป็นลูกแมวตัวน้อยแล้วถูไถใบหน้าไปมา
“พี่ชายก็ยุ่ง คุณพ่อก็ยุ่ง หนวนหน่วนเลยมาส่งข้าวให้ไงคะ”
น่ารักอะไรอย่างนี้
เหล่าผู้บริหารที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ “…”
ไม่แปลกใจเลย ถ้าเขามีลูกสาวที่เอาใจใส่และเชื่อฟังแบบนี้ เขาจะต้องอยากอยู่กับลูกสาวตลอดเวลาแน่นอน
หนวนหน่วนกลัวว่ากับข้าวของพี่ใหญ่จะเย็นจึงอยู่ที่นี่กับคุณพ่อได้ไม่นานนัก เธอโบกแขนเล็ก ๆ และก่อนที่จะจากไป เธอก็กำชับผู้เป็นพ่อให้กินข้าวตรงเวลา กินให้อิ่มและอย่าลืมพักผ่อน
เด็กน้อยทั้งน่ารักและเอาใจใส่ รู้จักเหตุและผล แถมยังเป็นเด็กที่มีมารยาทอีกด้วย
เมื่อหนวนหน่วนจากไปแล้ว ประธานบริษัทที่กำลังพูดคุยอยู่กับกู้หลินโม่ก็เอ่ยขึ้นมาอย่างอิจฉา
“ลูกสาวของคุณเป็นเด็กมีเหตุผลจริง ๆ นะครับ”
ปัจจุบันเขามีลูกชายเพียงคนเดียว ลูกชายคนนี้คอยแต่จะสร้างแต่ปัญหาและทำให้เขาโกรธอยู่เรื่อย
กู้หลินโม่ยกมุมปากขึ้น “หนวนหน่วนเป็นเด็กที่เชื่อฟังมาก”
ประธานบริษัทเอ่ยชมลูกชายว่า “แต่จริง ๆ แล้ว ลูกชายของผมก็เชื่อฟังอยู่บ้าง”
โดยเฉพาะเวลานอน เขาจะเงียบและเชื่อฟังที่สุด บางครั้งเขาก็ทั้งเกลียดและรักลูกชายมาก ที่เกลียดก็เป็นเพราะเด็กคนนั้นชอบสร้างปัญหา ไม่ยอมกินข้าว สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แต่อย่างไรเขาก็ยังรักลูกชายอยู่ดี… อย่างไรลูกชายก็เป็นตัวของตนเองและเป็นเมล็ดพันธุ์ของเขาด้วย
กู้หลินโม่เอ่ย “แต่ลูกสาวของผมเก่งที่สุด”
ชายร่างใหญ่ทั้งสองมองหน้ากันราวกับว่ามีประกายไฟในอากาศ
“ลูกชายของผมรินชาให้ด้วยนะ”
แม้ว่าจะแค่เวลาขอเงินก็เถอะ
กู้หลินโม่เอ่ยต่อ “ลูกสาวของผมให้ของขวัญผมด้วย คุณเห็นเน็กไทนี่ไหม ลูกสาวซื้อให้น่ะ แล้วเห็นกระดุมข้อมือนี่ไหม ลูกสาวก็ให้มาเหมือนกัน”
จากการสนทนาที่ดูเรียบง่ายกลายเป็นการโอ้อวดทันที
ประธานบริษัท “…”
เขาแพ้แล้ว คุณกลับไปหาภรรยาและลูกชายของคุณเถอะ
ผู้ช่วยและเลขาที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมด “…”
สองคนนี้ … ทะเลาะกันอย่างกับเป็นเด็ก!
หนวนหน่วนที่จากไปแล้วไม่รู้ว่าพ่อของเธอกำลังอวดลูกสาวให้คนอื่นฟัง ตอนนี้เธอและพี่สามมาถึงที่สตูดิโอของพี่ใหญ่แล้ว
พนักงานต้อนรับด้านหน้าสตูดิโอเห็นทั้งสองกำลังจะขึ้นไปจึงถามทั้งสองว่ามาหาใคร และในตอนนั้น กู้หนานที่สวมเสื้อกันลมสีดำก็เดินออกมาพอดี
“เจ้านาย!”
ดวงตาที่เย็นชาและแผ่ไอกดดันของเขาอ่อนโยนลงทันทีที่เห็นร่างเล็กยืนอยู่ไม่ไกล
“พี่ใหญ่!”
หนวนหน่วนวิ่งไปพร้อมกับกล่องอาหารกลางวันที่อยู่ในมือ เธอหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แล้วเงยหน้ามองเขา
“หนวนหน่วนมาส่งอาหารให้พี่ใหญ่ค่ะ”
คนตัวเล็กพูดเบา ๆ แล้วยกมือขึ้นเพื่อส่งกล่องอาหารกลางวันให้
กล่องอาหารขนาดพอดีมือดูใหญ่มากเมื่ออยู่ในมือของหนวนหน่วน กู้หนานหยิบมันขึ้นมาด้วยมือเดียว พออยู่ในมือของเขามันดูเล็กลงมาก
ชายหนุ่มยื่นกล่องอาหารกลางวันให้กับหนานเฟิงที่ยืนอยู่ข้างหลัง จากนั้นก็ก้มตัวลงโดยไม่พูดอะไรสักคำแล้วสวมกอดเด็กหญิงร่างเล็กไว้
หนวนหน่วนกอดคอพี่ชาย ขึ้นนั่งบนแขนของเขาแล้วส่ายขาสั้น ๆ ของเธอเบา ๆ พร้อมคลี่รอยยิ้มสดใสออกมา
จนกระทั่งทุกคนเดินจากไป พนักงานต้อนรับก็ยังคงยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น
นี่มันอะไรกัน….
เธอตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก นั่นใช่เจ้านายที่เย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งจริง ๆ เหรอ?
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมาก็ตาม แต่เธอก็สามารถเห็นความเอาใจใส่ของเขาที่มีต่อเด็กหญิงตัวน้อยได้
เดี๋ยวก่อน… เมื่อกี้เด็กคนนั้นเรียกเจ้านายว่าอะไรนะ!
หนวนหน่วนนั่งอยู่บนแขนของพี่ใหญ่ มองดูสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวด้วยตากลมโตของเธอ มันช่างรู้สึก… เต็มไปด้วยเทคโนโลยีจริง ๆ
บนผิวของพื้นทางเดินเรืองแสงสีฟ้าเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อย ๆ ทันทีที่ก้าวเข้าไป แสงและเงาก็กระจายออกมาเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมาย ในเวลานี้ดูราวกับว่ากำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับเลย
หนวนหน่วนอุทานออกมาเล็กน้อย ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นทันที
“พี่คะ!”
แขนเล็ก ๆ ของเธอกอดคอพี่ชายไว้แน่น ส่วนดวงตากลมโตมองลงไปที่พื้น
เทคโนโลยีนี้มันช่างดูเหมือนจริงมาก ๆ ราวกับว่าเธอจะหลุดลอยไปในอากาศเลย
กู้หมิงอวี๋ถอดแมสก์ออกเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงรอบตัว เขาอุทานหลังจากเห็นแสงสีมากมายตรงหน้า
“รู้สึกเหมือนกำลังลอยได้จริง ๆ เลย”
ส่วนกู้หนานยังคงนิ่งเงียบและไม่ได้พูดอะไรออกมา หนานเฟิงจึงถือโอกาสแนะนำสถานที่ตามหน้าที่
“นี่คือเทคโนโลยีโฮโลแกรมของสตูดิโอของเราที่ออกแบบการสร้างร่วมกับสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ถ้าสวมแว่นโฮโลแกรมจะสามารถมองเห็นได้สมจริงมากกว่านี้ครับ”
กู้หมิงอวี๋ดูสนใจทันที “โฮโลแกรมงั้นเหรอ? โฮโลแกรมอย่างที่ฉันคิดหรือเปล่า?”
หนานเฟิงพยักหน้า “เทคโนโลยีนี้ยังไม่ได้ออกสู่ตลาด หวังว่าจะเก็บเป็นความลับนะครับ”
กู้หมิงอวี๋ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าเขาต้องเก็บเป็นความลับ
“ไม่ใช่พี่รองเหรอที่เป็นคนทำสิ่งนี้?”
พี่รอง?
หนวนหน่วนหูขยับ นัยน์ตาเป็นประกายแสดงออกถึงความสงสัยใคร่รู้ พี่รองเป็นคนทำหรือเปล่านะ? เขาต้องเหนื่อยมากแน่เลย
กู้หนานพยักหน้า
หนานเฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดเสริมขึ้น “เทคโนโลยีโฮโลแกรมนำเข้าโดยคุณชายรอง เทคโนโลยีปัจจุบันในโลกนี้คือชุดเดิมครับ”
เขาพูดจริง หากใส่แว่นโฮโลกราฟิกก็จะสามารถมองเห็นดาวที่จำลองมาจากอวกาศได้อย่างสมบูรณ์ มีเพียงไม่กี่ทีมในโลกที่สามารถสร้างเทคโนโลยีดังกล่าวได้
นี่เป็นพันธมิตรพี่น้องที่แข็งแกร่งมาก พี่น้องฝาแฝดคู่นี้แข็งแกร่งกว่าคู่อื่นจริง ๆ
หลังจากเดินผ่านทะเลดาวจักรวาลที่สมจริงที่สุด พวกเขาก็มาถึงสตูดิโออันกว้างขวางเป็นระเบียบ สตูดิโอสร้างอย่างทันสมัยและตกแต่งอย่างเรียบง่ายสมกับเป็นสไตล์ของกู้หนาน
แต่… โต๊ะรก ๆ นั่นมันอะไรกัน?
คนที่อยู่ข้างใน… ดูราวกับว่าเป็นขอทานก็ไม่ปาน
พวกเขามีรอยคล้ำบนใบหน้า หนวดเครารุงรัง ผมยุ่งเหยิง แถมสีหน้าที่ดูตื่นเต้นนั้นดูไม่เหมือนคนปกติเลยจริง ๆ
คนที่ปกติที่สุดในนี้ดูจะเป็นกู้หนานและหนานเฟิง
กู้หนานสวมเสื้อกันลมสีดำ ใบหน้าสะอาดสะอ้าน เครื่องหน้าคมชัด ผมของเขาถูกจัดเป็นทรงอย่างพิถีพิถัน ที่สำคัญคือเขาทำงานล่วงเวลาเช่นเดียวกับพวกเขา แต่สภาพจิตใจของเขานั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!
หนานเฟิงดูสะอาดมากในชุดสูท จริง ๆ แล้วเขาเป็นเพียงผู้จัดการส่วนตัวและพ่อบ้านของกู้หนานเท่านั้น ไม่ใช่พนักงานโปรแกรมเมอร์ เขาจึงยังดูดีอยู่
ส่วนคนอื่น ๆ …
“เจ้านาย คุณไป เอ่อ…”
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เห็นกู้หนานกำลังเดินเข้ามาก็ลุกมาทักทาย แต่เมื่อเขาเห็นเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนเจ้านาย เขาก็จ้องมองไปที่เธอแล้วกลายเป็นใบ้ชั่วขณะ
แวบแรกในความคิด : นี่ใคร?
แวบต่อมา : คุ้นมากเลย!
“เอ๊ะ เจ้านาย ทำไมคุณไม่บอกเราว่ามีคนมาด้วย!”
เขารีบปิดหน้าอย่างรวดเร็ว เขาจะให้คนอื่นเห็นสภาพนี้ไม่ได้!
กู้หนานเหลือบมอง “หนานเฟิงบอกไปนานแล้วนี่”
“เมื่อไหร่กันล่ะครับ!”
กู้หนาน “ก็ตอนที่นายยังหลับอยู่ไง”
ทุกคน “…”
ถ้าไม่ใช่เจ้านายนี่โดนเพื่อนร่วมงานด่าไปแล้วรู้ไหม?