ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 114 ทาสของลูกสาว
บทที่ 114 ทาสของลูกสาว
ขณะที่นอนอยู่ หนวนหน่วนก็รู้สึกเหมือนว่าลืมอะไรไป แต่ด้วยความง่วงงุนจึงค่อยคิดใหม่ในวันพรุ่งดีกว่า
วันรุ่งขึ้น เมื่อหนวนหน่วนตื่นขึ้น เธอก็ถือของขวัญที่อยากจะมอบให้พี่ชายด้วยความสับสนเล็กน้อย
อ้อ เมื่อวานนี้ลืมถามพี่ใหญ่ว่าเธอไปหาที่ทำงานได้ไหม!
การโทรหาพี่ใหญ่ตอนนี้จะเป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของเขาหรือเปล่า ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ใหญ่ตื่นแล้วหรือยัง หรือควรรอถามเขาตอนพักเที่ยงดีนะ
หนวนหน่วนตัวน้อยคิ้วพันกันยุ่งเหยิง ดวงตาของเธอมองไปข้างหน้าอย่างล่องลอย ปล่อยให้ลมพัดผมบนศีรษะให้กระเพื่อมขึ้นลงเบา ๆ
จนกระทั่งโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น หนวนหน่วนจึงหาวออกมาหนึ่งรอบก่อนจะเอื้อมมือน้อย ๆ ไปรับโทรศัพท์
“พี่ซูหรานเหรอคะ…”
ดวงตาที่ปรือปรอยเริ่มมีน้ำตาคลอ ขับให้เด็กน้อยน่ารักน่ามองเป็นอย่างยิ่ง
[หนวนหน่วน]
ทั้งสองจอวิดีโอคอลคุยกัน ใบหน้าอันหล่อเหลาของซูหรานจึงปรากฏขึ้นในหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่ซูหราน~”
เด็กหญิงตัวเล็กโบกมือน้อย ๆ ไปมาเบา ๆ เพื่อทักทายคนที่อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์
ซูหรานยิ้มที่มุมปากของเขาพลางก้าวเท้าถอยหลังเล็กน้อยแล้วนั่งลงตรงหน้ากู่ฉิน
[เริ่มเรียนกันเลยไหม วันนี้หนวนหน่วนว่างเมื่อไหร่]
หนวนหน่วนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วปีนลงจากเตียงทันที “พี่ซูหราน เดี๋ยวหนวนหน่วนไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน ค่อยคุยกันนะคะ”
ซูหรานไม่ได้รีบร้อนอะไร [หลังทานอาหารเช้าเสร็จ เธอวิดีโอคอลหาฉันนะ]
“ตกลงค่ะ”
เด็กหญิงตัวน้อยพยักหน้าเบา ๆ วันที่เธอและพี่น้องของเธอไปที่เกาะ พี่ซูหรานได้ส่งกู่ฉินไปให้เธอที่หลินเฉิง คุณพ่อเลยจัดห้องให้เป็นห้องสำหรับเรียนกู่ฉินโดยเฉพาะ
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ หนวนหน่วนก็วิดีโอคอลหาซูหราน จากนั้นเธอก็ตั้งใจฟังการบรรยายจากซูหรานอย่างจริงจัง
เสียงของเขาแม้จะผ่านทางโทรศัพท์แต่ก็ฟังดูไพเราะมาก เขาสอนอย่างตั้งใจและเข้าใจง่าย เหมาะกับการเป็นคุณครูของหนวนหน่วนที่ไม่เข้าใจอะไรเลย
หลังจากเรียนไปได้หนึ่งชั่วโมง ซูหรานก็ขอหยุดการเรียนสำหรับวันนี้
[วันนี้พี่สอนเธอเท่านี้ก่อน พรุ่งนี้จะสอนเธอใช้นิ้วนะ แต่สอนทางโทรศัพท์คงจะไม่สะดวกเท่าไหร่]
หนวนหน่วนกะพริบตา “แต่หนูเรียนได้!”
ซูหรานยิ้มที่มุมปาก [ไม่เป็นไร พี่ขอให้คนไปซื้อบ้านในหลินเฉิงแล้ว วันนี้พี่จะไปที่นั่น]
หนวนหน่วน “!!!”
คนตัวเล็กอ้าปากกว้าง “พี่ซูหราน พี่จะมาที่หลินเฉิงเหรอคะ!”
ชายหนุ่มฮัมเพลงแล้วค่อย ๆ ดึงสายกู่ฉินด้วยนิ้วขาวผ่องราวกับหยก
[ใกล้วันเกิดเธอแล้วไม่ใช่เหรอ?]
หนวนหน่วนพยักหน้าหงึกหงัก “ค่ะ”
[อยากได้ของขวัญวันเกิดอะไรล่ะ]
หนวนหน่วนยกมือน้อย ๆ ขึ้นประคองคางแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หนวนหน่วนก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เธอไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร มีเสื้อผ้าและของเล่นครบแล้วเลยไม่รู้สึกขาดอะไรเลย
ซูหรานกล่าวว่า [งั้นพี่จะเลือกให้เธอเอง]
หนวนหน่วนเม้มริมฝีปาก คลี่ยิ้มเขิน ๆ แล้วขอบคุณเขาเบา ๆ
“ขอบคุณค่ะพี่ซูหราน”
ทั้งสองคุยกันต่อสักพักก็วางสาย หลังจากนั้นหนวนหน่วนก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะใช้โทรศัพท์ส่งข้อความไปหาพี่ใหญ่
โชคดีที่เธอสามารถอ่านตัวอักษรได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้จึงสามารถส่งข้อความได้แล้ว แต่การจิ้มหน้าจอด้วยนิ้วเล็ก ๆ นั้นจะใช้เวลาหน่อย
[พี่ใหญ่คะ หนวนหน่วนไปหาพี่ได้ไหม?]
หลังจากส่งข้อความแล้ว เด็กหญิงตัวน้อยก็ถือโทรศัพท์อย่างประหม่าแล้วรอกู้หนานตอบกลับมาอยู่ครู่หนึ่ง
[ได้สิ พี่จะให้หนานเฟิงไปรับ]
หนวนหน่วนอ่านข้อความแล้วหัวเราะอย่างมีความสุข เธอรีบสวมรองเท้าแตะ วิ่งไปหาลูกพี่ลูกน้องทันที
ญาติผู้พี่ของเธอกำลังวาดภาพพระอาทิตย์ตกในทะเล เธอเห็นแสงสีส้มโทนร้อนสาดทั่วมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เรือสำราญลำใหญ่ในวันนั้นกลายเป็นเรือลำน้อย ๆ แม้จะเป็นภาพวาด แต่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนอยู่บนเรือสำราญได้
“มานี่สิหนวนหน่วน เดี๋ยวพี่สอนวาดภาพให้”
จากนั้นหนวนหน่วนก็เริ่มเรียนวาดภาพหลังจากเพิ่งเรียนกู่ฉินเสร็จ
แม้ว่าจะเป็นการเริ่มต้น แต่คุณครูอย่างไป๋โม่ฮัวก็มีความอดทนมาก นักเรียนอย่างหนวนหน่วนเองก็ให้ความร่วมมือโดยการตั้งใจเรียนอย่างจริงจัง
เธอเพิ่งจะเรียนได้แค่ชั่วโมงเดียวก็กะว่าจะพักสักครู่แล้วค่อยไปเรียนต่อ แต่ก็จวนจะเที่ยงแล้ว
เมื่อถึงเวลาเที่ยง หนวนหน่วนก็เดินตามหลังพ่อครัวเหมือนเป็นหางของเขา พอพ่อครัวบรรจุกล่องอาหารกลางวันแสนอร่อยสองกล่องเสร็จ เด็กหญิงตัวน้อยก็เขย่งเท้าแล้วแบมือออก
“ขอบคุณค่ะคุณลุงอู๋~”
ลุงอู๋เป็นพ่อครัวของตระกูลกู้ เขาสามารถทำอาหารได้ทุกประเภท
พ่อครัวร่างท้วมแสนใจดีรับคำขอบคุณของเด็กหญิงตัวน้อยแล้วยิ้มอย่างมีความสุขราวกับว่าเป็นพระโพธิสัตว์ผู้เมตตา เขายังหยิบลูกอมหนึ่งกำมือให้หนวนหน่วนอีกด้วย
“กินด้วยกันสิคะ หลังจากกินเสร็จแล้ว หนูมีคำถามอยากถามคุณลุงอู๋ด้วยค่ะ”
“คุณลุงอู๋คะ หนวนหน่วนขอเรียนทำอาหารกับลุงได้ไหมคะ”
“ไม่ได้ครับ ห้องครัวมันสกปรก ต้องหั่นผักทำอาหาร คุณหนูยังเด็ก ยังถือมีดแบบนี้ไม่ได้ครับ”
หนวนหน่วน “แต่หนูถือมีดอันเล็กได้”
“แล้วคุณหนูล่ะครับ ทำไมถึงอยากเรียนทำอาหารขึ้นมา”
หนวนหน่วนผู้เป็นเด็กดีตอบอย่างจริงใจว่า “หนูอยากทำกับข้าวให้ครอบครัวทานค่ะ”
พ่อครัวอู๋มีความสุขมากที่เด็กน้อยมีเหตุผลและมีน้ำใจแบบนี้
แต่… เขายังไม่เห็นด้วยเพราะหนวนหน่วนยังเด็กเกินไป และมีดก็อันตรายมากด้วยเช่นกัน
“ลุงสอนหนวนหน่วนทำขนมได้นะ”
ทันใดนั้นเด็กน้อยหนวนหน่วนที่กำลังก้มหน้าอย่างผิดหวังก็ทำตาระยิบระยับ
“ขอบคุณค่ะคุณลุงอู๋”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เป็นไร รีบไปส่งอาหารให้คุณพ่อกับพี่ชายเถอะ”
หนวนหน่วนกอดกล่องอาหารแล้วพยักหน้าลงแรง ๆ “ค่ะ”
พูดจบเธอก็วิ่งออกไป
ลูกพี่ลูกน้องไม่สามารถออกไปไหนได้ วันนี้เขาตั้งใจจะวาดภาพให้เสร็จ พอหนานเฟิงมารับ พี่สามกับเธอจึงไปส่งอาหารให้คุณพ่อและพี่ใหญ่ด้วยกัน โดยคนแรกที่จะไปหาก็คือคุณพ่อของเธอ
หนวนหน่วนเดินเข้าไปในบริษัทของพ่อพร้อมกับกล่องอาหารในอ้อมแขน หญิงสาวที่แผนกต้อนรับจำเธอได้ เมื่อเห็นเธอจึงรีบเอ่ยคำทักทาย
“หนวนหน่วนมาส่งกับข้าวให้คุณพ่อเหรอคะ”
คนตัวเล็กขี้อายเป็นพิเศษ เมื่อโดนทักเข้า บนใบหน้าขาวผ่องราวกับน้ำนมก็ปรากฏริ้วแดงทันที แต่เธอก็ไม่ได้อายที่จะตอบกลับไป
“ใช่แล้วค่ะ พี่สาวคนขยัน”
หญิงสาวที่แผนกต้อนรับน่ารักมาก เธอตอบกลับด้วยสายตาเป็นมิตร ด้านหลังของเธอเป็นชายร่างสูง สวมหน้ากากอนามัยและหมวกแก๊ปปิดบังหน้าตา หญิงสาวได้แต่สงสัยอยู่ในใจว่าทำไมชายหนุ่มสวมหมวกคนนี้ถึงดูคุ้น ๆ
เมื่อหญิงสาวที่แผนกต้อนรับรู้ว่าชายหนุ่มที่ตามหนวนหน่วนมาคือใคร เธอก็ให้ทั้งสองขึ้นลิฟต์ไปชั้นสำนักงานของกู้หลินโม่ ทันทีที่ออกจากลิฟต์ ทั้งสองก็เห็นกู้หลินโม่ยืนอยู่ตรงทางเดิน เขาเหมือนกำลังคุยกับใครบางคนอยู่
“คุณพ่อ~”
กู้หลินโม่แทบจะหันไปมองทันทีเมื่อเขาได้ยินเสียงของลูกสาวที่น่ารัก
“หนวนหน่วน มาได้ยังไง!”
เขาทิ้งทุกคนไว้ข้างหลังแล้วเดินไปอุ้มลูกสาวสุดที่รักขึ้นมา เมื่อมองเด็กหญิงตัวน้อยผู้นุ่มนวลในอ้อมแขน ใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ออกมา
ประธานบริษัทที่กำลังพูดคุยกับกู้หลินโม่ก่อนหน้านี้ “…”
แม้ว่าจะถูกละเลยไปชั่วขณะ แต่เขาไม่ได้รู้สึกเคืองอะไรเลย เพราะก่อนที่จะมาที่นี่ เขาได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวของตระกูลกู้แล้ว อีกอย่างหนวนหน่วนคนนี้ทำให้เขาประทับใจไม่น้อย
เขาแทบไม่อยากเชื่อว่ากู้หลินโม่จะกลายเป็นทาสของลูกสาว แต่ตอนนี้… เขาได้เห็นด้วยตาตนเองแล้ว