ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 112 ฉันทำอะไรก็เด่นจะตายไป
บทที่ 112 ฉันทำอะไรก็เด่นจะตายไป
ไป๋โม่ฮัวคิดว่าเขาสามารถจัดการเรื่องซื้อบ้านได้ ตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไป และเขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ข้างพ่อแม่ตลอดเวลา เขาสามารถวาดภาพเองที่ไหนก็ได้
หนวนหน่วนไม่คาดคิดมาก่อนว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอจะกระตือรือร้นขนาดนี้ ทันทีที่เขาเสนอเรื่องซื้อบ้าน เขาก็พาเธอไปดูบ้านด้วยกันทันใด
หนวนหน่วน “!”
“เดี๋ยวก่อน… พี่สามยังอยู่ในบ้านค่ะ”
ไป๋โม่ฮัวพูดทำนองว่าลืมไปเสียสนิท เขาหันกลับมาจับมือเล็ก ๆ ของหนวนหน่วนเพื่อมองหากู้หมิงอวี๋
“กู้หมิงอวี๋ ไปซื้อบ้านกันเถอะ”
กู้หมิงอวี๋ที่กำลังยกลูกเหล็ก “???”
เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เขาไม่อยู่? ทำไมจู่ ๆ ถึงอยากจะซื้อบ้านกันล่ะ!
สุดท้ายเขาก็ถูกพาไปดูบ้านด้วยกัน เด็กน้อยไร้เดียงสาทั้งสองคนที่ดูไม่เข้าใจอะไรเลยมองเงินเป็นของเล่นไปแล้ว
“พี่ซื้อบ้านให้หนวนหน่วนด้วยดีไหม?”
หนวนหน่วนรีบส่ายหน้า “หนูไม่เอาค่ะ”
กู้หมิงอวี๋ “นายรวยมากสินะ”
ไป๋โม่ฮัวยิ้มอย่างไร้เดียงสา “ภาพวาดในนิทรรศการศิลปะมีราคามากกว่าสิบล้านหยวน ถ้าบวกกับภาพที่วาดไว้ก่อนหน้านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
หนวนหน่วนตาเป็นประกายในทันใด ลูกพี่ลูกน้องหาเงินเก่งมาก!
กู้หมิงอวี๋ที่ออกมาด้วยตอนนี้เหมือนชายผู้มีอาวุธครบมือ ร่างกายของเขาปิดเนื้อหนังเอาไว้อย่างมิดชิด เอาเข้าจริงเหลือไว้เพียงดวงตาเท่านั้น เมื่อเขาเดินเข้าไปในศูนย์การขาย เขาก็ไม่เหมือนมาซื้อบ้าน แต่ดูเหมือนกำลังจะมาปล้นมากกว่า
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตนดึงดูดสายตาหลายคู่และเสียงกระซิบกระซาบจึงยังมีท่าทีสงบนิ่ง
“พี่สาม คนมองเยอะเลยค่ะ”
หนวนหน่วนดึงมือเขาแล้วพูดเสียงเบา เด็กหญิงน้อยรู้สึกว่ามีคนกำลังมองพี่สามของเธออยู่
กู้หมิงอวี๋พูดอย่างไม่อาย “นั่นหมายความว่าพี่ดูดีไงล่ะ”
ไป๋โม่ฮัวมองสภาพกู้หมิงอวี๋ ลังเลที่จะพูด
“โผล่มาแค่ตาจะรู้ได้ไง”
กู้หมิงอวี๋ตอบ “นายไม่เข้าใจ ถึงจะพรางตัวยังไงแฟนคลับฉันก็จำฉันได้ ฉันทำอะไรก็เด่นจะตายไป”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนเดินผ่านหนวนหน่วนและไป๋โม่ฮัวไป แต่จับจ้องกู้หมิงอวี๋เป็นพิเศษ
ตอนแรกกู้หมิงอวี๋ไม่ได้สนใจสายตาใคร แต่เขาก็ต้องหูผึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่กระซิบกับวิทยุว่า
“ไม่ได้เข้ามาปล้นหรือสร้างความเดือดร้อน น่าจะแค่บ้า ๆ บอ ๆ ทราบแล้วเปลี่ยน”
กู้หมิงอวี๋ “…”
ไป๋โม่ฮัว “ฉัน…”
กู้หมิงอวี๋ “หุบปาก”
ไป๋โม่ฮัว “…”
หนวนหน่วนกะพริบตา เธอก็ได้ยินชัดเจนเช่นกัน
บ้านที่ไป๋โม่ฮัวซื้อก็อยู่ในหนานจิ่นเปี๋ยหว่านเช่นกัน ไม่ต้องถามว่าทำไม เพราะมันอยู่ใกล้กับบ้านของกู้หนาน เมื่อหนวนหน่วนมาที่นี่ เขาก็สามารถไปเล่นที่คฤหาสน์ของกู้หนานหรือพาหนวนหน่วนมาบ้านของเขาเองได้
“ซื้อสวนปลูกองุ่นให้หนวนหน่วนด้วย!”
ไป๋โม่ฮัวภูมิใจมาก หนวนหน่วนเองก็ประทับใจเขามาก เด็กหญิงตัดสินใจรอให้สตรอว์เบอร์รีสุก สตรอว์เบอร์รีลูกใหญ่ลูกแรกที่เก็บได้ เธอจะให้ลูกพี่ลูกน้องของเธอ
บ้านที่อยู่ในหนานจิ่นเปี๋ยหว่านมีราคาแพงมาก ไป๋โม่ฮัวจินตนาการถึงบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ไม่ไกลจากบ้านกู้หนาน เขาไม่ต้องการหลังใหญ่นัก แค่เพียงพอสำหรับเขาและหนวนหน่วนเท่านั้น
แต่เขาก็ต้องเสียเงินครึ่งหนึ่งของเงินออมทั้งหมดของเขา
ไป๋โม่ฮัวถือบัตรธนาคารของเขาด้วยสีหน้าจริงจัง ดูเหมือนว่าเขาต้องหาเงินให้ได้มากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นเขาจะเลี้ยงดูเสี่ยวจูและลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยของเขาได้อย่างไร
กู้หมิงอวี๋เดิมทีมาที่นี่พร้อมกับเด็กไร้เดียงสาสองคนนี้ ในที่สุดก็ซื้อบ้านไปด้วย ชายหนุ่มรู้สึกดีใจที่เขาได้ซื้อบ้านที่นี่ เขามีลางสังหรณ์ว่าในอนาคตพวกเขาจะมาที่นี่บ่อย ๆ
การขายบ้านได้สองหลังในคราวเดียว ทำให้พนักงานขายมีความสุขมากจนเกือบจะยกพวกเขาให้เป็นบรรพบุรุษของที่นี่
กู้หมิงอวี๋ ‘เมื่อกี้พวกนายไม่ได้บอกว่าฉันดูเหมือนโจรหรอกเหรอ!’
หลังจากซื้อบ้านทั้งสองหลัง ทั้งคู่ได้นัดพบนักออกแบบตกแต่งที่มีฝีมือ ส่วนใหญ่เป็นคนรู้จักของกู้หมิงอวี๋ ชายผู้มีเส้นสายมากมาย
ทั้งคู่ต่างจองห้องให้หนวนหน่วนไว้ และให้นักออกแบบถามความเห็นของเธอจะได้ตกแต่งห้องให้เธอ
พอรู้ว่าพี่ชายทั้งสองจองห้องไว้ให้ หนวนหน่วนก็รู้สึกตื้นตันในใจ
ก่อนอายุห้าขวบ หนวนหน่วนรู้สึกว่าตนไม่มีที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่คุณยายเสียชีวิตในหมู่บ้านเสี่ยวซี เธอก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่มีบ้าน
แต่หลังจากอายุห้าขวบ ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง หลังจากที่ตระกูลกู้พบเธอ หนวนหน่วนก็รู้สึกว่าเธอไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้อีกต่อไป ในใจของเธอทั้งดีใจทั้งเสียใจ
คืนนั้นกู้หมิงอวี๋กลับไปก่อน ส่วนหนวนหน่วนและลูกพี่ลูกน้องของเธอพากันไปช็อปปิง
“หนวนหน่วน อยากซื้ออะไรเหรอ”
หนวนหน่วน “อยากซื้อของขวัญให้พี่ ๆ ค่ะ”
เด็กหญิงรู้สึกว่าพี่ ๆ ของเธอใจดีกับเธอมากเกินไป เธอจึงต้องทำดีกับพวกเขาด้วย
น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอยังเด็กเกินไปที่จะหาเงินด้วยตัวเอง เธอทำได้เพียงใช้ค่าขนมที่พ่อและพี่ชายให้เธอมาเท่านั้น
“มีของฉันด้วยเหรอ”
ดวงตาของไป๋โม่ฮัวเป็นประกายเมื่อเขาได้ยินว่าหนวนหน่วนกำลังจะซื้อของขวัญให้
เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังจับมือเขาพยักหน้าเบา ๆ แล้วเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว
“มีสิคะ พี่ใจดีกับหนวนหน่วนมาก หนูอยากซื้อของขวัญตอบแทนให้”
ขณะที่เดินไปที่ห้างสรรพสินค้า หนวนหน่วนก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน เธอไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ของเธอชอบอะไร เธอเลยไปถามหนานเฟิงมา และผลที่ได้คือ… สิ่งที่เขาชอบคือการหาเงิน
หนวนหน่วน “…”
ถ้าอย่างนั้นเธอก็ช่วยพี่ใหญ่ไม่ได้ เพราะพี่ใหญ่มีเงินมากกว่าตัวเธอเองมาก
เด็กหญิงถามผู้จัดการพี่สามเกี่ยวกับสิ่งที่พี่สามชอบ แต่เขาบอกเธอว่าพี่สามก็ชอบหาเงินเช่นกัน นอกจากการหาเงินและความรักสวยรักงามแล้วก็ไม่มีอะไรอื่นที่เขาชอบเป็นพิเศษ
ตอนนี้หนวนหน่วนเลยไม่รู้จะซื้ออะไรให้เขาดี
แล้วก็ยังมีพี่สี่ งานอดิเรกของพี่สี่นั้นค่อนข้างชัดเจน เขาชอบรถเท่ ๆ แต่เธอคงไม่มีเงินพอที่จะซื้อรถ
ส่วนพี่ชายตัวน้อยของเธอชอบงานศิลปะ น่าจะดีถ้าซื้อให้
คนสุดท้ายคือลูกพี่ลูกน้องของเธอ เพราะเธอยังเด็กเกินไป เวลาที่เธอไปซื้อของคนเดียว ครอบครัวจะเป็นห่วง จึงต้องมีญาติของเธอไปด้วย เธอเลยพาเขาไปด้วย แน่นอนเธอถามเขาตรง ๆ ว่าลูกพี่ลูกน้องชอบอะไร
“พี่ชอบอะไรคะ”
“ภาพวาด”
ใบหน้าเล็ก ๆ ที่บอบบางของหนวนหน่วนเศร้าลงในทันใด เธอช้อนดวงตากลมโตมองไป๋โม่ฮัวอย่างน่าสงสาร
“แต่หนูวาดไม่เป็น หนูอยากซื้อของให้พี่แทน”
ไป๋โม่ฮัวหัวเราะ รอยยิ้มของเขาดูบริสุทธิ์และจริงใจ ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายรอบตัวให้มองมาเป็นสายตาเดียว
“ถ้าหนวนหน่วนอยากจะซื้อให้ ก็ซื้อนั่นให้พี่สิ”
เขาชี้ไปที่ร้านขายกล้อง
ดวงตาของหนวนหน่วนเบิกกว้างขึ้น เธอวิ่งเข้าไปในร้านทันที เมื่อออกมาอีกครั้ง ไป๋โม่ฮัวก็คล้องกล้องที่คอของเธอ
“ถ้าเห็นวิวสวย ๆ พี่จะถ่ายรูปด้วยกล้องที่หนวนหน่วนซื้อมาให้ แล้วพี่จะส่งไปให้หนวนหน่วนดูนะ”
“ตกลงค่ะ!”
เด็กหญิงตัวน้อยเดินตามเขาไปทีละก้าวพลางพยักหน้าเห็นด้วย