ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 111 ซื้อบ้าน
บทที่ 111 ซื้อบ้าน
ดวงอาทิตย์เอียงไปทางทิศตะวันตก ค่อย ๆ ย้อมผิวน้ำทะเลทั้งหมดให้เป็นสีส้ม
เมื่อใดก็ตามที่ดวงอาทิตย์ตกหรือขึ้นจากทะเล มันจะสร้างภาพลวงตาให้ผู้คนได้เห็นจุดจบของโลกเสมอ
กู้อันเอามือไพล่หลังเดินไปที่กู้หนาน ทำท่าเหมือนเป็นผู้ใหญ่ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
“เป็นช่วงเวลาที่สวยงามมากเลยนะเนี่ย เราน่าจะเปิดแชมเปญเฉลิมฉลองกันดีไหม?”
กู้หนาน “ออกไปซะ”
“ก็ได้!”
จากนั้นเขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
กู้หมิงอวี๋โยนองุ่นเข้าปากแล้วยิ้ม “กินถั่วไปกี่เม็ดถึงได้เมาขนาดนี้”
แม้ว่าตอนนี้จะเหมาะแก่การดื่มมาก แต่เขาจะดื่มต่อหน้าน้องสาวได้ไง ไม่มีทางซะหรอก
ชายหนุ่มโบกมือแล้วพูดว่า “งั้นดื่มอะไรแทนดี โค้กหนึ่งขวดไหม!”
กู้อัน “…”
ช่างมันเถอะ!
แต่กู้หมิงอวี๋ก็เดินมาพร้อมกับโค้กขวดใหญ่จริง ๆ
ไป๋โม่ฮัว “มีนมไหม…”
กู้หมิงอวี๋ “ไม่มี”
ไป๋โม่ฮัวพูด “งั้นฉันจะดื่มโค้กด้วย”
วันนี้ช่างเป็นวันที่สวยงาม พระอาทิตย์ก็กำลังตกดิน บนเรือสำราญหรูปรากฏภาพกลุ่มชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งนั่งดื่มโค้กกันอยู่
หนานเฟิง “…”
เขาไม่เข้าใจโลกของคนรวยจริง ๆ
หลังการชมทิวทัศน์จบลงก็ถึงเวลาต้องจากทะเลแสนอบอุ่นไปเมืองอันหนาวเย็น ไม่ต้องพูดถึงคน หมา แมวและนกก็ทนไม่ได้เช่นกัน
ทันทีที่หนวนหน่วนลงจากเครื่องบิน โต้วโต้วก็บินขึ้นไปบนไหล่ของเธออย่างสั่น ๆ เจ้านกขยับร่างเล็ก ๆ เข้าไปในคอเสื้อ แต่ถูกมือใหญ่คว้าไว้อย่างไร้ความปรานีแล้วเหวี่ยงไปที่กู้อันทันที
“อย่ารบกวนเวลานอนของเธอ”
กู้หนานมองไปที่เจ้านกตัวกะเปี๊ยก มันตัวสั่นพั่บ ๆ ทันที มันรู้สึกว่ามนุษย์ที่น่าสะพรึงกลัวคนนี้น่ากลัวกว่าอากาศเย็นภายนอกเสียอีก
โต้วโต้วไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากซ่อนตัวอยู่ในหมวกที่อยู่ด้านหลังกู้อัน
กู้อัน “…ออกมานะ!”
โต้วโต้วตอบเสียงอู้อี้กลับมา
“ไม่ไม่ไม่!”
วันนี้หนวนหน่วนเล่นที่ชายทะเลทั้งวัน ทันทีที่ขึ้นเครื่องบินจึงผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของพี่ชายคนโต กู้หนานคลุมเสื้อโค้ตให้แล้วกอดเธอไว้ มีเพียงศีรษะเท่านั้นที่โผล่ออกมา ส่วนใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอถูกบดบังไปหมด
พวกเขามุ่งหน้ากลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลกู้ในหลินเฉิง โดยไป๋โม่ฮัวจะอยู่เล่นด้วยสองสามวันก่อนจะกลับไป
“ในที่สุดก็กลับมาถึง!”
กู้หลินโม่รออยู่นานแล้ว เขาเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะดึงลูกสาวออกจากอ้อมแขนของลูกชายคนโต
กู้หนานคิดในใจว่าเห็นแก่อายุหรอกนะ เขาจึงทำเป็นไม่สนใจ
กู้หลินโม่กอดหนวนหน่วนที่นอนหลับอุตุ เพราะกลัวลูกสาวจะหนาว เขาเลยถอดเสื้อโค้ตออกแล้วเอามาคลุมให้
ร่างกายของสาวน้อยอบอุ่นและไม่หนาวแล้ว เธอดูน่ารักมากเวลานอนหลับอย่างสบายใจแบบนี้
“ลุงครับ วันนี้ผมขอนอนที่บ้านนะครับ…”
กู้หมิงอวี๋หาวอย่างเกียจคร้าน
กู้หลินโม่เดินขึ้นไปข้างบนพร้อมลูกสาวในอ้อมแขน “เลือกห้องได้ตามใจเลยนะ วันนี้หนวนหน่วนจะนอนกับฉัน”
ต้าหวงและเหม่ยฉิวมุ่งหน้าไปยังที่นอนของตัวเองทันทีที่พวกมันกลับมา แม้แต่เสี่ยวจูก็มีบ้านแมวให้มันนอนด้วย
ทุกคนสนุกมากบนเรือสำราญ กลับมาคฤหาสน์ตระกูลกู้ก็บ่ายสองโมงแล้ว กู้หลินโม่จึงต้องนั่งแกร่วรอลูกสาวกลับมาตลอดเวลา
เมื่อหนวนหน่วนตื่นในวันรุ่งขึ้น สีหน้าของเธอยังคงงุนงงอยู่มาก และหลังจากที่แม่แต่งตัวให้เรียบร้อย เธอก็ได้สติขึ้น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณแม่”
เด็กหญิงตัวน้อยที่เพิ่งจะตื่นเอ่ยอรุณสวัสดิ์เบา ๆ จากนั้นก็กอดคอแม่แล้วหอมอีกฝ่ายไปหนึ่งฟอด
คุณหญิงกู้จัดผมให้เธออย่างเบามือแล้วประทับจูบลงไปบนหน้าผาก
“อรุณสวัสดิ์จ้ะที่รัก”
กู้อันและกู้หมิงหลี่ไปโรงเรียนแล้ว วันนี้หนวนหน่วนตื่นสาย เมื่อลงไปชั้นล่างก็เห็นเพียงคุณปู่ พี่ชายคนโตและพ่อเท่านั้น
ส่วนพี่สามและลูกพี่ลูกน้องยังไม่ตื่นนอน
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณปู่ อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อ อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ใหญ่”
เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวอรุณสวัสดิ์กับทุกคนอย่างแผ่วเบา
คุณปู่กู้ไม่ได้เจอหลานสาวของเขามาสองสามวันแล้ว เขากำลังยิ้มอย่างมีความสุขมากกว่าใคร ๆ ในตอนนี้
“หนวนหน่วนมานั่งกินข้าวข้าง ๆ ปู่สิ”
หนวนหน่วนรีบวิ่งตามไปทันที เธอลูบมือคุณปู่เหมือนลูบแมวแล้วนั่งลงอย่างเชื่อฟังรอกินอาหารเช้าแสนอร่อย
หลังจากที่กู้หลินโม่และกู้หนานไปทำงานแล้ว กู้หมิงอวี๋และไป๋โม่ฮัวก็ตื่นขึ้นทีละคน
กู้หมิงอวี๋กินอาหารเช้าเพียงเล็กน้อย หนวนหน่วนอดไม่ได้ที่จะมองเขาและถามอย่างเป็นห่วง
“พี่สาม พี่กินน้อยจัง”
กินน้อยกว่าเธอเสียอีก
กู้หมิงอวี๋นั่งไขว่ห้าง สีหน้าเศร้าหมองปรากฏบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา
“ฉันก็อยากกินเนื้อด้วยเหมือนกัน แต่งานของฉันกินมากเกินไปไม่ได้ อ้วนนิดหน่อยก็ไม่ได้ ต่อให้ฉันจะกินน้อย ฉันก็ยังต้องออกกำลังกายทุกวันเพื่อลดน้ำหนักด้วย”
ดวงตาของหนวนหน่วนเบิกกว้างในทันที จากนั้นเธอก็มองเขาอย่างเห็นอกเห็นใจ
“พี่สามน่าสงสารมากเลย”
กู้หมิงอวี๋ก็รู้สึกสงสารตัวเองด้วยเช่นกัน
“ใช่ แต่ฉันรู้สึกดีใจนะที่เห็นเธอกินตอนนี้”
แม้ว่าเขาจะอยากกินให้มากกว่านี้ก็ตาม
แต่มื้อเที่ยงวันนี้จัดเต็มจริง ๆ หมูตุ๋น โคล่า ปีกไก่ กุ้งตุ๋น และอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นอาหารที่เขาชอบกินทั้งนั้น
กู้หมิงอวี๋น้ำลายไหล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นหนวนหน่วนกินอย่างมีความสุข
เขาอดใจไว้ไม่ไหว เผลอกินตามไปจนรู้สึกว่าตนกินเยอะไปแล้ว
หลังจากกินข้าวเสร็จ กู้หมิงอวี๋ก็อุ้มหนวนหน่วนขึ้นมา “ไป… ไปวิ่งกันเถอะ!”
ปกติอากาศเย็นแบบนี้เขาจะไม่ออกไปวิ่ง และเพราะที่นี่ไม่มียิมเขาจึงต้องไปที่คฤหาสน์ส่วนตัวของกู้หนานที่อยู่ในหนานจิ่นเปี๋ยหว่าน หลังจากได้รับความยินยอมจากเจ้าของบ้าน กู้หมิงอวี๋ก็พาหนวนหน่วนไปด้วยกัน
ที่คฤหาสน์ของกู้หนานมีห้องออกกำลังกายที่มีอุปกรณ์ครบครัน ทันทีที่กู้หมิงอวี๋ไปที่นั่น เขาก็วิ่งอย่างฮึกเหิมอยู่ในโรงยิมเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง และออกกำลังหนักอย่างอื่นเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยพัก
ไป๋โม่ฮัวก็ถูกพาไปด้วย หนวนหน่วนกับเขาวิ่งกับกู้หมิงอวี๋น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วเถลไถลไปที่อื่น เด็กหญิงตัวน้อยพาไป๋โม่ฮัวไปที่สวนด้านหลัง เธอไม่รู้ว่าผักที่ปลูกไว้ที่นี่จะเป็นอย่างไรแล้วบ้าง
ในที่สุดก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ต้นท้อและต้นแพร์ที่ปลูกไว้ก่อนหน้านี้มีใบไม่มากนัก ตอนนี้พวกมันร่วงหล่นไปหมดแล้ว มองอย่างผิวเผินไม่น่าดูชมอย่างยิ่ง
แต่ผักตามฤดูกาลที่ปลูกไว้เช่น ผักกาดขาวและหัวไชเท้าเติบโตได้ดีมาก ต้นอ่อนสูงเท่าฝ่ามือของผู้ใหญ่ สีเขียว ๆ ของพวกมันก็น่าดึงดูดใจมากเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจที่สุดคือสตรอว์เบอร์รีในโรงเก็บของ
โรงเก็บสตรอว์เบอร์รีนั้นไม่ได้สูงเกินไป ความสูงของหนวนหน่วนก็เพียงพอที่จะเดินเข้าไปเก็บได้ด้วยตัวเอง แต่ไป๋โม่ฮัวไม่สามารถทำได้ เขาต้องก้มตัวเพราะขนาดตัวของเขานั้นสูงกว่าหนวนหน่วน
ต้นกล้าสตรอว์เบอร์รีบนคันดินเติบโตดีและมีชีวิตรอดทุกต้น
“หนวนหน่วนปลูกเองหมดเลยเหรอ”
ไป๋โม่ฮัวย่อตัวลงแล้วใช้นิ้วเรียวยาวเล่นกับต้นกล้า
“พี่ใหญ่กับพ่อปลูกไว้ให้หนวนหน่วน”
ไป๋โม่ฮัวรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย “ครั้งหน้าถ้าเธอปลูกมันอีกครั้ง อย่าลืมบอกฉันด้วยนะ”
“แล้วถ้าพี่ไม่อยู่ล่ะคะ”
ไป๋โม่ฮัวคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน อย่างไรเขาก็ต้องกลับไป
ใบหน้าเกลี้ยงเกลาหม่นแสงลงทันที ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรออก
“หนวนหน่วน ทำไมเราไม่ซื้อบ้านที่นี่เลยล่ะ?”
หนวนหน่วน “???”