ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่ 87 ปัญหาคลี่คลายด้วยการโทร
ตอนที่87 ปัญหาคลี่คลายด้วยการโทร
หวังเฉียงเดินไปหาจ้าวเฉียนและเอ่ยถามขึ้นว่า
“จ้าวเฉียน นายได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว เดินทางไปซิงหยวนตอนนี้เลยได้ไหม?”
จ้าวเฉียนเพียงยิ้มและส่ายหัวตอบ หวังเฉียงที่เห็นแบบนั้นเอ่ยถามทันทีว่า นี่หมายความว่ายังไง? ทั้งๆ ที่ได้สิ่งที่ต้องการไปหมดแล้ว ยังจะหน้าด้านไม่ช่วย?
จ้าวเฉียนส่ายหัวอีกครา กล่าวไปว่า
“ฉันไม่จำเป็นต้องเดินทางไปถึงซิงหยวน แค่โทรหาCEOเพื่อเรียกความร่วมมือกลับคืนก็พอแล้ว”
หวังเฉียงระเบิดหัวเราะลั่นในทันใด ขณะที่เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ต่างตกตะลึงหนัก แม้พวกเขาจะไม่ค่อยคาดหวังเท่าไหร่นักว่าจ้าวเฉียนจะทำได้สำเร็จ แต่อย่างน้อยก็ยังมีความหวังที่จ้าวเฉียนยังได้ลอง ทว่าใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะมักง่ายขนาดนี้?
“ไม่…จ้าวเฉียนนายมันมักง่ายเกินไป พวกเราทุกคนต่างหวังพึ่งในตัวนาย แต่นายจะทำแบบนี้กับพวกเราไม่ได้!”
“ถูกต้อง! ฉันเพิ่งซื้อบ้านเองนะ ถ้าบริษัทไปต่อไม่ได้แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายหนี้?”
“ตราบเท่าที่นายสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ฉันจะเชิญนายมาเยี่ยมบ้านฉันเลย จะนอนค้างคืนกับฉันเลยก็ได้!”
จ้าวเฉียนถึงกับพูดไม่ออก เพราะบรรดาเพื่อนร่วมงานสาวๆ เหล่านี้ถึงกับใช้ความงามหลอกล่อ ไม่รู้ว่าที่พวกเธอพูดไปจะจริงหรือปลอม แต่การที่พวกเธอยอมปริปากพูดแบบนี้ออกมาได้ แสดงให้เห็นว่าพวกเธอเครียดเพียงใด
ในเวลานั้นเอง ฟางนี่กับจางหยาง ทั้งคู่ก็เดินออกมาพร้อมถามว่า
“มีอะไรเหรอ?”
หวังเฉียงได้โอกาสรีบฟ้องทั้งคู่ทันทีว่า
“ประธานฟาง จ้าวเฉียนมันหน้าด้านเกินไป มันไม่คิดจะไปซิงหยวนด้วยซ้ำ มันหลอกพวกเรา!”
ฟางนี่ยังคงปิดปากเงียบไม่พูดไม่จา แต่จางหยางตะคอกใส่ทันทีด้วยความหงุดหงิดว่า
“จ้าวเฉียน! นี่มันหมายความว่ายังไง? แกได้ทุกสิ่งที่ต้องการไปแล้ว คิดจะหลอกฉันงั้นเหรอ? แก…แกนี่มันไร้ยางอายจริงๆ! หรือจริงๆ แล้วคนอย่างแกไม่มีหน้าไปซิงหยวนด้วยซ้ำ? ฉันว่าแล้ว…ว่าแล้วว่าพนักงานลูกกระจ๊อกอย่างแกมันไร้ประโยชน์!”
ในอีกด้าน ฟางนี่ไม่เชื่อว่าจ้าวเฉียนจะเป็นคนแบบนี้ เธอเข้ามาห้ามทุกคนให้หยุดทะเลาะกัน และเอ่ยถามจ้าวเฉียนไปว่า
“จ้าวเฉียน นายมีแผนยังไงกันแน่? ฉันเชื่อว่านายไม่ใช่พวกหน้าไหว้หลังหลอก แต่กุญแจสำคัญคือ นายควรบอกแผนให้คนรอบข้างนายฟังบ้าง”
จ้าวเฉียนนั่งลงบนตำแหน่งเก้าอี้ตัวเก่งของเขา และเอ่ยตอบพร้อมสีหน้าสุดแสนพอใจว่า
“ผมไม่จำเป็นต้องไปซิงหยวน แค่ยกหูโทรออกก็สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว”
เมื่อคำกล่าวนี้เปล่งดังออกมา ทุกคนในออฟฟิศต่างตกตะลึงกันยกใหญ่ แม้แต่ฟางนี่กับจางหยางที่เดินทางไปรอพบCEOถึงบริษัทซิงหยวนโดยส่วนตัว อีกฝ่ายยังไม่เห็นแก่หน้าเลยสักนิด ทว่าจ้าวเฉียนบอกว่า แค่ยกหูโทรออกก็แก้ปัญหาได้แล้ว
นี่มันไม่เป็นการหยามเหยียดฟางนี่กับจางหยางมากเกินไปหน่อยเหรอ?
จ้าวเฉียนคนนี้หยิ่งผยองเกินไป!
คู่ดวงตาของจางหยางแปรเปลี่ยนแลดูเย็นชา เขาระเบิดหัวเราะเยาะลั่น เอ่ยปากเย้ยหยันสวนไปว่า
“จ้าวเฉียน ฉันว่าแกจงใจทำให้ฉันกับฟางนี่อับอายมากกว่า? คิดว่าตัวเองใหญ่มากจนสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการโทรเพียงครั้งเดียว? หน้าอย่างแกไม่น่าจะมีเบอร์ระดับCEOของซิงหยวนด้วยซ้ำ ขนาดฉันกับฟางนี่ที่เดินทางเข้าพบเป็นการส่วนตัว อีกฝ่ายยังไม่ไว้หน้าเลย แล้วแกเป็นใครวะ?”
“ถ้าผู้จัดการจางคิดแบบนั้น ผมเองก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหมือนกัน ผมแค่ขี้เกียจขับรถไปที่ซิงหยวน ถ้าแก้ปัญหาได้ด้วยการโทร แล้วผมจะถ่อไปถึงที่โน้นให้เสียเวลาเปล่าทำไม? ผมไม่สนหรอกว่าการทำแบบนี้จะทำให้คุณอับอายขายขี้หน้าไหม”
“จ้าวเฉียน แกนี่ชักจะหยิ่งยโสเกินไปแล้ว จงใจดูถูกประธานฟางกับผู้จัดการจางโดยการโทรแก้ปัญหาต่อหน้าทุกคน ก็เอาสิ! ฉันอยากเห็นเหมือนกันว่า นายจะมีปัญหาทำอะไรได้กับแค่การโทรครั้งเดียว?”
ทุกคนที่ได้ฟังดังนั้นต่างเห็นด้วยกับคำพูดของเจวียงหยวน แต่ละคนต่างร้องขอให้จ้าวเฉียนโทรหาเดี๋ยวนี้เลย อยากจะรู้จริงๆ ว่า จ้าวเฉียนจะมีศิลปะการพูดที่ดีเลิศเพียงใด ถึงสามารถเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายยอมกลับมาร่วมมือได้ เพียงแค่การโทรหนึ่งสาย
จ้าวเฉียนใช้นิ้วชี้ปาดบนโต๊ะเป็นเส้นยาวและพบว่ามีฝุ่นเกาะเป็นชั้นบางอยู่ เห็นดังนั้นเขาจึงหันไปพูดกับจางหยางว่า
“ถ้าผมสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการโทรแค่ครั้งเดียว คุณช่วยทำความสะอาดโต๊ะให้ผมหน่อยได้ไหม? เช็ดเก้าอี้ให้ด้วย?”
จางหยางไม่เชื่อเรื่องไร้สาระของจ้าวเฉียนอยู่แล้ว CEOของซิงหยวนเป็นชายมีอายุ มากประสบการณ์ด้านแวดวงธุรกิจ แล้วจ้าวเฉียนเป็นใคร ทำไมอีกฝ่ายถึงต้องเสียเวลาคุยโทรศัพท์กับมัน?
“โอเค! ถ้านายสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการยกหูแค่ครั้งเดียวจริง ฉันจะเช็ดทั้งโต๊ะทั้งเก้าอี้ให้แกเลย! แต่ถ้าแกทำไม่ได้จะว่ายังไง?”
จ้าวเฉียนหยิบมือถือขึ้นมาพร้อมกดหมายเลขโทรออก พลางกล่าวตอบไปว่า
“อะไรก็ได้ที่คุณต้องการ!”
พอพูดจบจ้าวเฉียนก็กดโทรออกไปหากัวหมิงต้าต่อหน้าทุกคน พร้อมเปิดลำโพงให้ทุกคนฟัง
“ฮาโหล คุณกัวยุ่งอยู่หรือเปล่า? พอมีเวลาคุยด้วยไหม?”
แค่คำกล่าวเปิดตัวของจ้าวเฉียนก็เรียกได้ว่าไม่ผ่านแล้ว คำพูดที่ใช้ช่างดูเงียบง่ายและธรรมดาเกินไป ราวกับคุยกับเพื่อนหรือคนในระดับเดียวกัน สิ่งนี้ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะคุยกับคู่ค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปลายสายเป็นถึงCEOบริษัทยักษ์ใหญ่
จางหยางและคนอื่นๆ ต่างเผยสีหน้าที่แสนจะดูถูก ผลลัพธ์ของการเจรจาครั้งนี้กลับถูกตัดสินได้แล้วเพียงแค่ประโยคกล่าวเปิดของจ้าวเฉียน
สุ้มเสียงของกัวหมิงต้าดังตอบขึ้นมาทันที เขากล่าวว่า
“น้องจ้าว อย่าบอกนะว่าจะยื่นมือไปช่วยไอ้พวกบริษัทฟางนี่อีก? นายไม่ได้ทำงานที่นั่นแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องช่วยพวกนั้นกัน?”
“วันนี้ผมค่อนข้างอารมณ์ดีน่ะ อยากให้โอกาสพวกเขาอีกสักครั้ง”
“แล้วนายจะกลับไปทำงานที่นั่นอีกไหม ไม่ต้องกังวลไป ถ้าออกถาวร ฉันเองก็จะถอนโปรเจคเกมทั้งหมดออกจากบริษัทนั้นเอง แต่ถ้ากลับไปทำ ฉันจะคืนโปรเจคทั้งหมดให้”
“ผมกลับมาทำแล้ว ทางบริษัทกำลังรอข่าวดีจากคุณอยู่ หวังว่าคุณกัวจะช่วยผมนะครับ”
“โอ้ไม่มีปัญหา ฉันจะส่งคนไปคุยเรื่องสัญญาหลังจากนี้ นายกลับไปยืนยันกับบริษัทได้เลย เราจะกลับมาร่วมมือกันอีกครั้งด้วยความยินดี ตราบเท่าที่นายยังคงอยู่ในบริษัทแห่งนี้”
“ขอบคุณมากครับคุณกัว ถ้ามีเวลาว่างพวกเราออกไปทานอาหารกันสักมื้อนะครับ”
“ฮ่าฮ่า…จัดการเรื่องโปรเจตเสร็จแล้ว ถ้าว่างเดี๋ยวออกไปหาอะไรทานกันสักมื้อแน่นอน ฉันยังมีธุระต้องทำ นายควรไปบอกทางบริษัทนะว่าค่อยรับสายด้วย หลังจากนี้คนของฉันจะติดต่อไปหา”
“ได้ครับ ผมไม่รบกวนคุณกัวแล้ว แค่นี้นะครับ”
จ้าวเฉียนกดวางสายไปพร้อมลุกขึ้นพรวด เดินเข้าไปตบไหล่จางหยางและพูดขึ้นว่า
“ผมให้เวลาคุณสิบนาทีนะครับ บนโต๊ะและเก้าอี้ต้องสะอาดปราศจากไรฝุ่น หวังว่าเรื่องง่ายๆ แค่นี้จะทำได้นะครับ?”
ริมฝีปากของจางหยางสั่นเทาไม่หยุด เขาแทบไม่อยากเชื่อกหูตัวเองว่าทั้งหมดจะเป็นเรื่องจริง เขาหันควับจับจ้องจ้าวเฉียนอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า
“แค่นี้…แค่นี้เองเหรอ?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบ
“ก็ได้ยินไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
“ไม่…ไม่จริง! ขนาดฉันกับฟางนี่เดินทางไปหาเขาถึงหน้าออฟฟิศ เขายังไม่แยแสพวกฉันเลยด้วยซ้ำ แต่นี่….แต่นี่แค่โทรหา…อีกฝ่ายก็ยอมให้โอกาสแล้ว?”
“หื้ม? ไม่ทราบว่าผู้จัดการจางหูหนวก ไม่ได้ยินที่พูดไปเมื่อกี้?”
จางหยางถึงกับพูดไม่ออก
ในเวลานั้นเอง หวังเฉียงก็พูดแทรกขึ้นมาว่า
“ผู้จัดการจางอย่าเพิ่งไปหลงกลมันครับ! ปลายสายอาจจะเป็นคนที่จ้าวเฉียนจ้างมาให้แสดงเป็นคุณกัวก็เป็นได้! นายแน่ใจเหรอว่า คนที่นายคุยด้วยเมื่อกี้คือคุณกัวจากซิงหยวน?”
จ้าวเฉียนเหลือบสายตามองอีกฝ่าย ชักสีหน้าเบื่อหน่าย
“ปัญญาอ่อนรึไง? ถ้าไม่ใช่คุณกัวตัวจริง เขาจะรู้จักฟางนี่ได้ยังไง? ก่อนจะพูดอะไรออกมาหัดใช้สมองหน่อย!”
หวังเฉียงหน้าชาไปเล็กน้อย แต่เขายังคงเถียงกลับไปน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“ไม่! ฉันไม่เชื่อ! คนที่นายเพิ่งคุยไปคือคนที่นายจ้างมาหลอกพวกเราใช่ไหม?!”
“รองผู้จัดการหวังครับ งั้นเรามาเดิมพันกันเพิ่มหน่อยเป็นไง? ถ้าซิงหยวนยอมกลับมาร่วมมืออีกครั้ง คุณจะต้องย้ายไปที่แผนกทำความสะอาดภายในสัปดาห์หน้า แต่ถ้าซิงหยวนไม่มา ผมจะทำอะไรก็ได้ตามที่คุณต้องการ”
ทุกคนต่างไม่คิดว่าจ้าวเฉียนจะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ก็เลยร้องเรียกให้จ้าวเฉียนรับคำท้าไป
หวังเฉียงที่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับขี่หลังเสืออยู่ ก็เลยทำได้เพียงพยักหน้ากล่าวตอบไปว่า
“ได้เลย! ในเมื่อทุกคนเรียกร้องแบบนั้นฉันก็รับคำท้า! ถ้าแกแพ้ ต้องพาทุกคนไปเลี้ยงที่โรงแรมตงไห่!”
“สุดยอดไปเลยรองผู้จัดการหวัง ตั้งเดิมพันได้ดี!”
“ฮ่าฮ่า…รองผู้จัดการหวังเป็นหัวหน้าที่ดีจริงๆ เห็นแก่ประโยชน์สุขของลูกน้อง!”
“จ้าวเฉียน นายโอเคหรือเปล่า?”
จ้าวเฉียนหัวเราะและตอบไปว่า
“ฉันพูดคำไหนคำนั้น ถ้าแพ้เตรียมไปกินเลี้ยงที่โรงแรมตงไห่!”
ในความเป็นจริง ไม่มีใครเชื่อสักคนว่า การที่จ้าวเฉียนยกหูโทรไปแค่ครั้งเดียวจะสามารถแกไขปัญหาได้จริงๆ พวกเขามีแผนสำรองในใจไว้อยู่แล้ว ถ้าจ้าวเฉียนทำสำเร็จและกลับมาทำงานอีกครั้ง ยังไงพวกเขาก็ได้ไปกินเลี้ยงแน่นอนในสักวัน แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ พวกเขาก็จะได้กินดื่มทันทีบัดเดี๋ยวนี้แน่นอน