ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่ 67 เธอเป็นของฉันแล้ว
ตอนที่67 เธอเป็นของฉันแล้ว
เมื่อเห็นว่าหวานเจียงกำลังโดนหลอก จ้าวเฉียนจึงกล่าวอธิบายต่อว่า
“เธอเองก็เป็นผู้หญิงฉลาดคนหนึ่งนะ ไม่ควรมันเชื่อมั่นอะไรที่ไร้เหตุผล เธอไม่ใช่เด็กสาวตัวน้อยแล้ว ที่ฉันพูดไปทั้งหมดลองเก็บไปวิเคราะห์ดูล่ะกัน การจะรักใครสักคนมันไม่ผิดหรอก แค่ต้องใช้สติด้วย คิดจะทำทุกอย่างให้เขาโดยไม่สนอะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเขาเป็นทายาทมหาเศรษฐีที่เอาแต่ใจแบบหยางหมิง เธอไม่ยิ่งหลงกลง่ายเลยรึไง?”
ภายในใจของหวานเจียงสับสนรวนเรไปหมดสิ้น เธอรีบกล่าวตัดคำขึ้นทันใด
“หยุดพูด หยุดพูดเดี๋ยวนี้ ฉัน…ฉันอยากอยู่เงียบๆ….”
แม้ว่าจ้าวเฉียนจะไม่ค่อยชอบผู้หญิงแบบหวานเจียง แต่พวกเขายังมีพันธสัญญาสำคัญ ดังนั้นเขาไม่สามารถปล่อยให้เธออยู่ในอารมณ์เศร้าซึมแบบนี้ได้แน่นอน
“ไปเถอะ ฉันจะพาเธอกลับบ้าน ระหว่างทางแวะซื้อยาคุมฉุกเฉินด้วย”
พอหวานเจียงได้ยินแบบนั้น เธอก็หันควับจ้องจ้าวเฉียนเขม็ง ระเบิดอารมณ์ใส่เขาอีกยกใหญ่ หลังจากได้แหกปากออกไปบ้าง เธอก็รู้สึกดีขึ้นมาก
ด้วยบุคลิกนิสัยอย่างหวานเจียง เธอไม่มีวันยอมแพ้หรือหนีปัญหาไปทั้งแบบนี้แน่ เธอต้องสืบทราบจนกว่าจะรู้ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ให้จงได้ เธอกล่าวว่า
“นายไม่ต้องกังวลไปหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง ฉันจะกลับไปถามหวานฮันซูให้รู้ดำรู้แดงไปเลย!”
จ้าวเฉียนรีบพุ่งเข้าไปล็อกแขนเธอทันทีและตอบไปว่า
“เธอนั้นแหละปล่อยให้ฉันจัดการเอง! ถ้าเธอยิ่งดิ่นแบบนี้มันจะยิ่งสืบยากเข้าไปใหญ่ ฉันจะโทรหาตำรวจให้เข้ามาสอบเองว่าใครเป็นเจ้าของยาดังกล่าว”
จ้าวเฉียนยังคงจับแขนเธอแน่นไม่ยอมปล่อย
“สิ่งแรกที่ฉันจะทำคือ โทรหาตำรวจเพื่อพิสูจน์ว่ามันไม่ใช่ยาของฉัน! แค่ถ้ากลับไปถามเข้าโต้งๆแบบนั้น อีกฝ่ายไหวตัวทันแน่นอน ห้ามกลับไปเด็ดขาด!”
หวานเจียงอดหัวเราะไม่ได้และเอ่ยถามสวนไปว่า
“นี่นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ถึงได้เป็นห่วงฉันขนาดนี้? แล้วมีสิทธิ์อะไรมาจับฉัน! ปล่อยเดี๋ยวนี้!”
จ้าวเฉียนไม่ยอมปล่อยมือพร้อมใช้มืออีกข้างกดล็อกประตูและขับออกไปทั้งแบบนั้นเลย
หวานเจียงหงุดหงิดไม่น้อย ตบกะโหลกจ้าวเฉียนไปทีหนึ่งและนั่งหน้ามุ่ยไม่พูดไม่จา ส่วนเขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไร ขับรถไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งและขอเปิดห้องทันที
หวานเจียงตะคอกอย่างฉุนเฉียวว่า
“หยุดเลย! นายจะทำอะไรฉันอีก?!”
จ้าวเฉียนกล่าวตัดบททันทีเจือท่าทีหน่ายใจว่า
“ฉันจะให้เธอขึ้นไปอาบน้ำเย็นๆสักรอบ เผื่อจะสงบสติอารมณ์ได้บ้าง! ระหว่างนี้ฉันจะออกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินให้ ขึ้นไปเปิดห้องเองไป”
พอพูดจบ จ้าวเฉียนก็ยัดบัตรเข้าห้องลงในมือหวานเจียง และหันหลังกลับไป หาร้านขายยาระแวกใกล้เคียง
ในอีกด้าน พอเห็นจ้าวเฉียนหายตัวไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว บรรดาเพื่อนร่วมงานเริ่มใจคอไม่ดี ไม่ใช่ว่าเขาฉวยโอกาสนี้ชิ่งหนีเพื่อไม่อยากจ่ายเงิน?
เจวียงหยวนรีบโทรหาจ้าวเฉียนทันทีและถามไปว่าอยู่ไหน ทำไมถึงยังไม่กลับมา ทุกคนกำลังรอให้นายจ่ายเงินอยู่
จ้าวเฉียนตอบสวนกลับไปอย่างไม่เป็นสุขเท่าไหร่นัก
“พอพวกนายกินเสร็จก็เดินออกไปได้เลย ฉันเคลียร์ทุกอย่างให้แล้ว”
เจวียงหยวนไม่เชื่อคำพูดอีกฝ่าย จึงเอ่ยถามต่อว่า
“นี่นายหน้าด้านเกินไปหรือเปล่า? พาทุกคนมาเลี้ยงขนาดนี้ แต่กลับชิ่งหนี? แม้ครั้งนี้ราคาอาหารที่พวกฉันสั่งมาจะไม่ได้แพงมาก แต่ราคา…”
“แกนี่มันน่ารำคาญจริงๆ! ก็ฉันบอกไปแล้วว่าไง กินเสร็จก็ไสหัวกลับไปได้เลย ฉันจัดการให้หมดแล้ว! ถ้ายังไม่หุบปาก ฉันจะโทรไปยกเลิกแล้วให้พวกแกจ่ายกันเอง!”
คล้อยหลังกล่าวจบจ้าวเฉียนก็ตัดสายทิ้งทันที และเดินกลับไปที่ร้านขายยาระแวกใกล้เคียง เพื่อซื้อยาคุมฉุกเฉิน
หวานเจียงกำลังอาบน้ำยังไม่เสร็จดี จ้าวเฉียนยืนรออยู่หน้าประตูห้อง อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เธอจึงค่อยออกมาเปิดประตูให้ โดยปกติทุกคนจะเห็นเธอในฐานะควีนแห่งฮวาหยิน กรุ๊ป แต่ตอนนี้ใบหน้าปราศจากเครื่องสำอาง กลับดูเป็นสาวสวยใสซื่อแบบธรรมชาติ เรียกได้ว่าน่ารักไปอีกแบบ
เมื่อเห็นจ้าวเฉียนจ้องเธอไม่วางตา หวานเจียงพลันขมวดคิ้วแน่นทันทีและกล่าวขึ้นว่า
“นี่นายกำลังจ้องอะไร? เรื่องในคืนนี้ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้นายบอกใครทั้งสิ้นจำไว้!”
จ้าวเฉียนหัวเราะครืนและเอ่ยตอบไปว่า
“ฉันต่างหากที่ต้องกลัวเธอไปบอกคนอื่น ฉันไม่ชอบผู้หญิงแบบเธอ ลองคิดดูสิ ถ้าเธอหลุดปากไปบอกพ่อตัวเอง แล้วฉันต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับเธอ เฮ้ออ…ชีวิตของฉันต้องพังพินาศไปตลอดกาล…”
หวานเจียงรู้สึกหดหู่ไม่น้อยที่จ้าวเฉียนพูดแบบนี้ ราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่แย่มาก และไม่คู่ควรกับเขาแม้สักนิด
“นี่นาย…นายไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน? ฉันต่างหากที่ต้องรู้สึกเสียใจไปชั่วชีวิต! กินอยู่กับเจ้าของบริษัทเล็กๆ คงมีความสุขตายแหละ!”
ได้ยินอีกฝ่ายดูถูกออกไปแบบนี้ จ้าวเฉียนเองก็เริ่มมีน้ำโหเช่นกัน เขาสวนตอบกลับไปอย่างไม่ไยดีว่า
“ตอนนี้ดูถูกฉันได้ก็ทำไป แต่อีกไม่นานบริษัทของฉันจะก้าวข้ามฮวาหยิน กรุ๊ปได้แน่นอน ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้?”
หวานเจียงระเบิดหัวเราะลั่นราวกับเพิ่งได้ยินเรื่องตลกที่สุดในชีวิตมา บริษัทขนาดเล็กที่เพิ่งจดทะเบียนไม่ถึงปี กลับต้องการพัฒนากิจการแซงหน้าฮวาหยิน กรุ๊ปที่เป็นจ้าวแห่งอุตสาหกรรมในประเทศแล้ว?
“ตอนนี้พวกเรากำลังถือหุ้นร่วมกัน ดังนั้นฉันจึงไม่อยากพูดอะไรที่ทำลายความมั่นใจของนายไป แต่ฉันขอเตือนไว้หน่อย ไม่ใช่ว่าความมั่นใจมันไม่ดี แต่มั่นใจกับอะไรที่มันลมๆแล้งๆ ฉันว่ามันเป็นเรื่องสาระน่ะ”
จ้าวเฉียนตั้งเป้าหมายไว้แล้ว สักวันเขาจะต้องทำให้คุณหนูคนโตแห่งฮวาหยิน กรุ๊ปผู้นี้ยอมจำนนแทบเท้าเขาให้จงได้ เช่นนั้นแล้วเขาจึงกล่าวตอบไปว่า
“ในเมื่อเธอไม่เชื่อแบบนี้ เรามาเดิมพันกันหน่อยเป็นไง? หากบริษัทของฉันก้าวข้ามฮวาหยิน กรุ๊ปไปได้ในอนาคต เธอจะต้องเป็นของฉัน ไม่ต้องห่วงหรอกนะว่าฉันจะทำเรื่องสกปรกกับเธอ ฉันแค่อยากหาแม่บ้านพอดี ส่วนถ้าเธออยากเป็นภรรยาของฉัน ฉันจะลองเก็บไปพิจารณาดู ตุถ้าบริษัทของฉันไม่สามารถก้าวข้ามฮวาหยิน กรุ๊ปไปได้ ขอเพียงแค่เธอพูดออกมาเท่านั้น ไม่ว่าต้องการสิ่งใด ฉันก็จะทำให้เธอสมความปรารถนา ต่อให้อยากไปเที่ยวดวงจันทร์ ฉันก็จะพาไป”
หวานเจียงตอบกลับไปทันทีพร้อมท่าทีเจือรังเกียจว่า
“ช่างเป็นการเดิมพันที่น่าขยะแขยงสิ้นดี นายดูได้เปรียบเห็นๆเลยถ้าเทียบกับสิ่งที่ฉันได้!”
จ้าวเฉียนเอ่ยปปากถามพลางหัวเราะว่า
“อย่าได้กังวลไป ฉันเป็นคนมีคุณธรรมที่สุดแล้ว แค่บอกมาก็พอว่ากล้าเดิมพันไหม? ถ้ากล้า ฉันจะยอมเปลี่ยนข้อเดิมพันก็ได้ ขอแค่ต่อไปเวลาที่ฉันเจอเธอ กรุณนาพูดจาสุภาพ อย่าแหกปากโวยวายก็พอ แล้วมารยาทหัดมีบ้าง พออยู่กับฉันแข็งกระด้างยิ่งกว่าอะไร”
สถานะของหวานเจียงล้วนอยู่สูงเหนือคนอื่นมาโดยตลอด เธอไม่เคยมองใครเหนือกว่า และไม่เคยต้องมาแบกรับความอัปยศอดสูเช่นกัน
หวานหลิน พ่อของเธอ เขาต้องใช้เวลานานกว่ายี่สิบปีกว่าจะทำให้ฮวาหยิน กรุ๊ปประสบความสำเร็จอย่างในวันนี้ นับประสาอะไรกับจ้าวเฉียน แม้เขาจะมีความสามารถเหมือนกับหวานหลินพ่อของเธอ แต่อย่างน้อยที่สุดจำเป็นต้องใช้เวลาเป็นหลักสิบปี ถึงจะตีตัวขึ้นเทียบฮวาหยิน กรุ๊ป ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่า การเดิมพันครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายชนะตั้งแต่ต้นแล้ว และไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธข้อเดิมพันของอีกฝ่ายเลย
“เอาก็เอา! ใครจะไปกลัว! แต่เราต้องกำหนดเดตไลน์ ฉันไม่มีทางให้เวลานานไม่จำกัดแน่นอน ตอนนี้ฉันอายุ25 และฉันต้องแต่งงานมีลูกก่อนอายุ30 ดังนั้นห้าปีให้หลัง นายต้องทำให้บริษัทของตัวเองก้าวข้ามฮวาหยิน กรุ๊ปให้ได้ ตราบเท่าที่นายต้องการ ฉันจะยอมแต่งงานเป็นภรรยาของนาย แต่ถ้านายทำไม่สำเร็จก็เตรียมตัวเป็นทาสของฉันได้เลย ไม่ว่าฉันจะสั่งอะไรนายก็ต้องทำด้วยความเต็มใจ! โอเคไหม?”
จ้าวเฉียนถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“เธออย่าสำคัญตนผิดไป ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ เธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ฉันชอบ กล้าพูดได้ยังไงว่าเธอจะยอมแต่งงานกับฉัน ไม่ทราบว่าไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน? น่าขยะแขยงสิ้นดี เอาเป็นแบบนี้ล่ะกัน…เธอต้องคุกเข่าแล้วเลียเท้าฉัน!”
หวานเจียงไม่เคยพบเจอผู้ชายคนใดที่กล้าพูดแบบนี้กับเธอมาก่อนเลยในชีวิต ผู้ชายทุกคนต่างปฏิบัติราวกับเธอเป็นเจ้าหญิงของพวกเขา แล้วดูเจ้าบ้านี่สิ? เดิมพันครั้งนี้ไม่ว่ายังไงเธอต้องชนะให้ได้ และจะต้องทำให้มันมาเป็นทาส!
“นี่นายหัดพูดจาให้มีอริยธรรมกว่านี้ไม่ได้เหรอ? ลืมไปหรือเปล่าว่าฉันเป็นผู้หญิงนะ? ให้เกียรติกันหน่อย! แต่เอาเถอะ กล้าพูดขนาดนี้ ฉันย่อมรับคำท้า!”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบทันทีและบอกว่าไม่มีปัญหา ก่อนจะเอ่ยต่อว่า
“เดิมพันถือเป็นผลแล้วนะตั้งแต่บัดนี้ ส่วนเพื่อนที่เพิ่งกลับจากอเมริกานั้น ทางที่ดีเธอไม่ควรไปพบเขาแล้ว”
หวานเจียงส่ายหัวทันที กล่าวค้านขึ้นว่า
“นายไม่มีสิทธิ์ ฉันแค่ร่วมเดิมพันกับนายเท่านั้น แล้วมีคุณสมบัติอะไรมาบงการชีวิตฉัน?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถามอย่างช่วยไม่ได้ว่า
“สมองเธอยังดีอยู่ใช่ไหม? เขาใช้วิธีสกปรกกะรวบหัวรวบหางเธอขนาดนี้ ยังจะโง่ทำดีกับเขาอยู่อีก?”
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้หวานเจียงยังไม่ปักใจเชื่อว่า หวานฮันซูจะเป็นคนวางยาเธอจริงๆ ดังนั้นเธอไม่ควรมองอีกฝ่ายเป็นคนร้าย
จ้าวเฉียนถอนหายใจท่าทีแสนหน่ายใจนัก ดูท่าหวานเจียงจะสนใจเพื่อนที่มาจากอเมริกานั้นจริงๆ ถ้าไม่ยอมปล่อยให้เธอเผชิญพบกับความผิดหวังกับตัว คงไม่มีทางลืมเขาได้แน่นอน
จ้าวเฉียนทราบดีว่าเรื่องเช่นนี้ไม่ควรรีบร้อน เขาจึงตอบไปว่า
“เข้าใจแล้ว ฉันอนุญาตให้เธอออกไปพบเขาได้ แต่อย่าสร้างเรื่องจนมันกระทบถึงฉัน แล้วจำใส่กะโหลกเธอเอาไว้ เธอเป็นของฉันแล้ว!”
“ใครกันที่เป็นของนายห๊ะ?! นี่ฉันอายุเท่าไหร่แล้ว หลับนอนกันแค่คืนเดียว นายจะจับผิดชั้นไปชั่วชีวิตเลยเหรอ?!!”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง? หรือคิดจะฟันฉันแล้วทิ้ง? เธอนี่มันไม่มีความรับผิดชอบเลยรึไง!!!”
หวานเจียงถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เดี๋ยวนะ เธอเป็นผู้หญิง…ดังนั้นเธอควรจะเป็นฝ่ายพูดคำนั้นไม่ใช่เหรอ?
“ฉันไม่อยากคุยกับคนน่ารังเกียจแบบนายเต็มทนแล้ว! ฉันต้องกลับไปที่โรงแรมตงไห่ มือถือของฉันอยู่ในห้องอาหาร!”
ทันทีที่หวานเจียงพูดจบ เธอก็รีบเดินออกจากห้องทันที
จ้าวเฉียนเดินติดตามออกมาด้วยพร้อมยัดยาคุมลงในมือของเธอ
“อย่าลืมกินยาให้ตรงเวลา ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา ฉันเสียหาย!”
หวานเจียนถลึงตาใส่เขาอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะคว้ายาคุมยัดใส่กระเป๋าไป
ทั้งสองรีบกลับไปที่โรงแรมตงไห่อีกครั้งทันที จ้าวเฉียนกังวลว่าหวานเจียงจะไปพูดอะไรไม่เข้าท่ากับเพื่อนจากอเมริกา
เขาจึงกล่าวย้ำไปอีกรอบว่า
“ฉันบอกเธอแล้วนะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องถูกวางยา”
หวานเจียงพยักหน้าตอบกลับไปว่า
“ฉันรู้หน่าว่าต้องทำไง ไม่ต้องให้นายสอน!”
จ้าวเฉียนทอดสายตาเฝ้ามองหวานเจียงเดินกลับไปที่ห้องอาหาร และเริ่มคิดหาวิธีให้หวานเจียงเชื่อว่า เป็นเพื่อนจากอเมริกาของเธอนั้นแหละที่เป็นคนวางยา