ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่ 242 กลยุทธ์สกปรก
ตอนที่242 กลยุทธ์สกปรก
จ้าวเฉียนรีบปลอบเหรินจานซวนโดยกล่าวว่าไม่ต้องกลัว แต่ถึงอย่างไรการต่อสู่ด้านนอกหนักรุนแรงถึงขั้นเลือดตกยางออก แล้วจะไม่ให้เธอกลัวได้ยังไง?
เหรินจานซวนรีบกล่าวย้ำทันที
“เรารีบโทรหาตำรวจดีกว่าไหม?”
จ้าวเฉียนส่ายหัวปฏิเสธคำแนะนำของเธอไป ลูกน้องของหยางหู่แต่ละคนส่วนใหญ่เป็นอดีตทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษ กับอีแค่จัดการพวกอันตธานกลุ่มหนึ่ง มันไม่ใช่ปัญหาเลย ดังนั้นไม่มีเหตุจำเป็นจะต้องโทรหาตำรวจ
เหรินจานววนหวาดกลัวอย่างมาก เธอไม่อยากถูกคนของจานต้าเฉินลักพาตัวไปอีก ดังนั้นเธอจึงขดตัวซ่อนอยู่ในรถจ้าวเฉียนทั้งแบบนั้น
ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน การต่อสู้ด้านนอกก็จบลง คนของจางต้าเฉินถูกจัดการเรียบ พวกลูกน้องของหยางหู่รีบทำการเก็บกวาดทำความสะอาดบริษัทสู้รบอย่างรวดเร็วและจากไปพร้อมกับคนของจางต้าเฉินเพื่อนำไปทำลายหลักฐาน
จ้าวเฉียนหันกลับมาพูดกับเหรินจานเฉินว่า
“เอาล่ะ เสร็จสักที ทีนี้ก็ไปเซียนเหว่ยได้อย่างหมดห่วงแล้ว”
เหรินจานซวนรีบขัดเข็ดขัด ส่วนจ้าวเฉียนก็ขับรถมุ่งหน้าออกไปทันที
จากเหตุการณ์ดังนั้น มันยิ่งทำให้เหรินจานซวนมั่นใจว่า จ้าวเฉียนจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน เธอเอ่ยปากถามขึ้นทันทีว่า
“พี่จ้าว ฉัน…ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม? ทำไมนายถึงมีลูกน้องเยอะจัง?”
จ้าวเฉียนเหลือบมองเหรินจานซวนแต่ไม่ปริปากตอบสักคำ และขับรถต่อไปอย่างเงียบงัน
เหรินจานซวนไม่กล้าเอ่ยปากถามอะไรอีกต่อไป เพราะตัวตนของจ้าวเฉียนต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ถ้าเธอรู้อะไรที่ไม่ควรรู้เขา มีหวังเธอตายแน่ๆ
ไม่นาน ทั้งสองก็ออกจากบริเวณหมู่บ้านคฤหาสน์ แต่พอเดินทางไปถึงถนนสายหลัก พลันต้องหยุดรถทันที ข้างหน้ามีอุบัติเหตุรถชนกันยาวเป็นแพ
โดยไม่มีลังเล จ้าวเฉียนหักรถกลับรีบเดินทางไปที่เซียนเหว่ยโดยใช้ถนนอีกสายหนึ่ง
แต่พอพวกเขาไปถึง ปรากฏว่าถนนสายนี้เองก็มีอุบัติเหตุเช่นกัน
เหรินจานซวนเอ่ยปากบ่นขึ้นทันที
“ทำไมเราถึงโชคร้ายกันจัง? ไปทางไหนก็มีแต่รถชน นี่มันก็สายแล้วนะ”
จ้าวเฉียนหัวเราะกล่าวตอบว่า
“ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครสามารถหยุดพวกเราให้ไปที่เซียนเหว่ยได้”
“แต่ถนนที่มุ่งหน้าไปยังเซียนเหว่ยทั้งสองสายถูกปิดแบบนี้จะทำยังไง อ้อมไปอีกสายก็ไม่น่าทันแล้ว”
จ้าวเฉียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาหยางหู่อย่างใจเย็น
หยางหู่รีบรับโทรศัพท์มือถือทันที เอ่ยถามขึ้นว่า
“คุณชายจ้าว เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่าครับ?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบรับกลับไป และเอ่ยสั่งการทันที
“ตอนนี้ฉันต้องรีบไปที่บริษัท เซียนเหว่ย เทคโนโลยีโดยเร็วที่สุด แต่ถนนทั้งสองสายที่ใกล้ที่สุดกลับถูกปิด นายช่วยจัดเฮริคอปเตอร์มารับฉันเดี๋ยวนี้เลย”
หยางหู่ตอบรับคำสั่งโดยไว
“ไม่มีปัญหาครับ ผมจจะโทรหาฮ่าวซินขับไปรับคุณชายจ้าวเองครับ”
“งั้นฉันจะกลับไปรอที่บ้านนะ บอกให้เขารีบเลย แค่นี้แหละ”
หลังจากพูดจบ จ้าวเฉียนก็กดเวางสายและรถกลับบ้านไปรอ
เหรินจานซวนจับจ้องจ้าวเฉียนด้วยความตื่นตะลึงยิ่งตลอดทาง จ้าวเฉียนคนนี้เป็นใครกันแน่? สามารถเรียกเฮริคอปเตอร์ได้ภายในเวลาอันสั้น นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว
เธอพลางคิดไปว่า จางต้าเฉินจะต้องคิดไม่ถึงแน่นอนว่าฝ่ายเธอจะเล่นใหญ่ถึงขนาดนี้ จนทำเอาอดหัวเราะไม่ได้
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา เฮริคอปเตอร์ก็ลงจอดตรงลานกว้างหลังคฤหาสน์ของจ้าวเฉียน
จ้าวเฉียนรีบสะกิดเรียกเหรินจานซวนให้ขึ้นไปโดยเร็ว
หยางหู่กำกับฮ่าวซินซ้ำอยู่หลายรอบ ตัวเขาไม่ได้รับอนุญาตให้พูดหรือสื่อสารกับคุณชายจ้าวเด็ดขาด ขอจดจ่อกับการบินพร้อมไปส่งคุณชายจ้าวอย่างปลอดภัยก็พอ ดังนั้นตอนนี้ เขาไม่แม้แต่กล้าหันไปมองจ้าวเฉียนเลยด้วยซ้ำ
จ้าวเฉียนเอ่ยปากสั่งการฮ่าวซินทันที
“มุ่งหน้าไปที่บริษัทเซียนเหว่ย เทคโนโลยีเลย”
ฮ่าวซินพยักหน้าให้ด้วยความเคารพและออกตัวบินไปยังเซียนเหว่ยโดยทันที
เหรินจานซวนเอ่ยถามด้วยความสงสัยอย่างยิ่งว่า
“สุดหล่อ ก่อนจะเอาฮอมารับแบบนี้ไม่ใช่ว่าต้องรายงานกับภาครัฐก่อนเหรอ?”
ฮ่าวซินนั่งเหงื่อตก ลังเลอยู่นานว่าควรพูดตอบดีหรือไม่ หยางหู่สั่งให้เขาห้ามพูดเป็นอันขาด แต่ทางด้านเหรินจานซวนกลับเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามเขาเอง ถ้าไม่เอ่ยปากตอบอะไรกลับไปก็อาจเสียมารยาท และทำให้คุณชายจ้าวไม่พอใจได้
จ้าวเฉียนที่เห็นปฏิกิริยาของฮ่าวซินก็รู้ได้ทันทีว่า คงถูกหยางหู่สั่งให้ห้ามพูดมาแน่นอน ดังนั้นเขาจึงกล่าวตอบแทนไปว่า
“ภายใต้สถานการณ์ปกติ ก่อนบินทุกครั้งจำเป็นต้องรายงาน แต่เนื่องจากปีที่ผ่านมา จำนวน‘UFO’ในประเทศจีนเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ดังนั้นกฎดังกล่าวจึงค่อนข้างหย่อนยานลงเยอะน่ะ”
“UFO? นายหมายถึงเอเลี่ยนเหรอ?”
เหรินจานซวนถึงกับงง จนเอ่ยถามออกมาด้วยแววตาแสนว่างเปล่า
จ้าวเฉียนหัวเราะก่อนอธิบายไปว่า
“ไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่คือUnidentified Flying Object วัตถุบินที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้น่ะ หรือก็คือพวกเฮริคอปเตอร์หรือเครื่องบินที่ไม่ได้ลงทะเบียน ถ้าถูกจับได้ก็ต้องจ่ายค่าปรับประมาณสองถึสามหมื่นหยวน ถ้าเป็นคนธรรมดาก็คงมองว่าแพง แต่สำหรับคนที่มีปัญญาซื้อฮอหรือเครื่องบินส่วนตัว มันไม่ใช่ปัญหาเลย ก็แค่หลับตาข้างหนึ่งยอมจ่ายไป”
เหรินจานซวนพยักหน้าเชิงว่าเข้าใจแล้ว และสิ่งนี้ทำให้เธอเข้าใจถึงตัวตนของจ้าวเฉียนมากยิ่งขึ้น เขาไม่ใช่แค่คนรวยทั่วไปแน่นอน
ในขณะเดียวกัน การประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท เซียนเหว่ย เทคโนโลยีก็เริ่มขึ้นแล้วเช่นกัน จางต้าเฉินต้องการจะให้ห้องประชุมลงมัติโดยเร็วที่สุด ดงันั้นเขาจึงป่าวประกาศเสียงดังว่า
“คุณเหรินขาดประชุมในวันนี้ นั้นหมายความว่าเธอสละสิทธิ์ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่แล้วเช่นกัน ดังนั้นผมอยากจะเสนอให้ทุกคนร่วมกันลงมัติถอดถอนเธอจากตำแหน่งประธาน และบังคับให้เธอปล่อยหุ้นในมือทิ้งไปทั้งหมด คนที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ ไม่ควรมีสิทธิ์แม้แต่จะรับเงินปันผลบริษัทของเราด้วยซ้ำ!”
สิ่งที่ควรทราบอย่างแรกคือ เนื่องจากบริษัทแห่งนี้ถูกควบคุมโดยจานต้าเฉินโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่ว่าเขาจะเสนออะไรออกไป ทุกคนในที่นี่ย่อมเห็นด้วยโดยธรรมชาติ
พวกเขาเหล่าผู้ถือหุ้นเองต่างก็จ้องจะล้มล้างเหรินจานซวนอยู่แล้ว โดยหวังว่าจะพลอยได้ส่วนผู้ถือหุ้นในมือของเธอมาบ้างไม่มากก็น้อย
ทันทีที่จางต้าเฉินขึ้นกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งแทน ทุกคนจะใช้อำนาจที่มีโหวตเพื่อขับไล่เหรินจานซวนออกไปทันที หลังจากเธอไสหัวออกไปได้ พวกเขาค่อยแบ่งผลประโยชน์ต่อกันเอง
อย่างไรก็ตาม ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทของตระกูลเหริน ย่อมมีผู้ถือหุ้นใหญ่บางคนจงรักภักดีต่อตระกูลเหรินเช่นกัน พวกเขาลุกขึ้นต่อต้านความเสนอของจางต้าเฉินทันที และเรียกร้องให้รอเธอก่อนจึงค่อยลงมติเห็นชอบ โดยให้เหตุผลว่าเธอที่ล่าช้าแบบนี้เป็นเพราะอาจุมีอุบัติเหตุบนท้องถนน
แต่ทางด้านฝ่ายที่สนับสนุนจางต้าเฉินก็แสดงความไม่พอใจออกมาทันที
“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่การที่เธอมาสายแบบนี้มันแสดงให้เห็นแล้วว่า เธอไม่ได้สนใจบริษัทเลย แล้วเราจะปล่อยให้คนแบบนี้กุมชะตากรรมบริษัทต่อไปได้ยังไง? ในไม่ช้าก็เร็ว มีหวังบริษัทเซียนเหว่ยของเราต้องล้มจมแน่นอน!”
“ถูกต้อง! พวกเราทุกคนล้วนอยู่ที่นี่กันพร้อมหน้า แต่เธอเป็นคนเดียวที่มาสาย ถ้าจะโทษอุบัติเหตุทางท้องถนน คงต้องมาสายกันหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อเธอไม่มาแบบนี้ก็ถือว่าสละสิทธิ์!”
“ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มลงมัติกันเลยเถอะ!”
….
แต่ฝ่ายที่สนับสนุนตระกูลเหรินรีบโต้กลับไปทันที
“หุบปาก! อย่างแรกเลยนะ บริษัทแห่งนี้ก่อเกิดจากความพยายามอุสาหะของท่านประธานเหริน แล้วจะให้คนนอกอย่างพวกแกควบคุมกันได้ง่ายๆยังไง?!”
“ถูกต้อง! จางต้าเฉิน แกพยายามชุบมือเปิปจากความยากลำบากของคนอื่น! แกนี่มันหน้าด้านเกินไปแล้ว! สักวันจะต้องกรรมสนอง!”
“ถ้าคุณหนูเหรินยังไม่มาก็อย่าหวังจะได้ลงมัติ! เราไม่เห็นด้วย!”
………
ทั้งสองฝ่ายแหกปากตะโกนลั่นทะเลาะกันอย่างหนัก จนในที่สึดจางต้าเฉินจำต้องออกมาควบคุมสถานการณ์โดยเร็ว เขาทุบโต๊ะตะโกนลั่นดังว่า
“ทุกคนหยุด!”
ทั่วทั้งห้องประชุมเงียบลงทันใด
จางต้าเฉินกล่าวต่อว่า
“ในเมื่อตกลงกันไม่ได้ งั้นเอาแบบนี้เป็นไง ให้เวลารออีกสิบนาที ถ้าคุณเหรินยังไม่มาเป็นอันว่าสละสิทธิ์ นี่ถือว่ายุติธรรมที่สุดแล้ว”
บรรดาผู้สนับสนุนจางต้าเฉินพยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วยทันที
ส่วนฝ่ายที่สนับสนุนตระกูลเหรินดูลังเลเล็กน้อย เหลียวซ้ายแลขวาสบตากันไปมา ไม่มีใครสักคนที่กล้าแสดงความเห็นออกไป
อย่างไรก็ตามแต่ ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องพยักหน้าตอบอย่างจำใจ ตราบใดที่สามารถยื้อเวลาได้ออกเพียงเล็กน้อย ฝ่ายที่สนับสนุนตระกูลเหรินจำต้องพยักหน้าเห็นด้วยกับคำแนะนำของจางต้าเฉินไป
จางต้าเฉินระเบิดหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข อีกไม่นาน เขานี่แหละจะขึ้นกลายเป็นเจ้าของบริษัทเซียนเหว่ยคนใหม่!
ที่เส้นทางระหว่างบ้านจ้าวเฉียนมาถึงเซียนเหว่ยเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นโดยฝีมือของจางต้าเฉินทั้งสิ้น เขาส่งลูกน้องให้ไปขับรถชนกันเพื่อป้องกันไม่ให้เหรินจานซวนมาถึงได้ทันเวลา ทุกอย่างเป็นไปตามแผนด้วยดี
จางต้าเฉินคิดในใจกับตัวเองว่า ตราบใดที่เขารอให้ครบสิบนาที จากนี้ต่อไปเขาจะสามารถควบคุมเซียนเหว่ยได้อย่างเบ็ดเสร็จ