ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่ 23 มาตรการรับมือ
ตอนที่23 มาตรการรับมือ
มีบางอย่างที่จ้าวเฉียนรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง และไม่สะดวกคุยต่อหน้าเพื่อนร่วมงานพวกนี้ ดังนั้นเขาจึงตรงไปหาฟางนี่ทันทีที่ห้องทำงาน
“ประธานฟาง หวันชวนเพิ่งได้รับแผนงานจากบริษัทเฟยอวี่ใช่ไหม?”
ฟางนี่ยิ้มแย้มเอ่ยตอบในทันทีว่า
“ใช่แล้ว! นี่คุณรู้อยู่แล้ว? ฉันคาดไม่ถึงเลยว่า หวันชวนจะมีความสามารถขนาดนี้ ถึงขั้นติดต่อจนทำให้บริษัทเฟยอวี่ยอมร่วมมือกับทางเรา!”
“ถ้าผมบอกว่านี่เป็นแผนเล่นงานเรา คุณยังคิดแบบนั้นอยู่หรือไม่?”
“ห๊ะ? หมายความว่ายังไง?”
ฟางนี่วางปากกาในมือลงทมันที และลุกให้จ้าวเฉียนนั่งลงพร้อมเตรียมสนทนาต่อจากนี้โดยไว จากนั้นจ้าวเฉียนก็ประเดิมด้วยการเล่าถึงความคับข้องใจกันระหว่างตนกับหยางหมิง
ฟางนี่ตกตะลึงอย่างยิ่งที่ได้ฟังดังนั้น หรือเป็นไปได้ไหมว่า ที่หยางหมิงมอบหมายแผนงานให้กับหวันชวน เบื้องหลังกลับมีเจตนาร้ายแฝงอยู่? และด้วยประสบการณ์ในวงการนี้ของเธอ เธอก็นึกออกถึงความเป็นไปได้นึงได้ทันทีว่า หากบริษัทใดบริษัทหนึ่งรับแผนงานมาแล้ว แต่ไม่สามารถพัฒนาได้เสร็จก่อนวันส่งมอบในสัญญา บริษัทนั้นจะต้องชำระค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก
ทันทีที่นึกได้ดังนั้นฟางนี่จึงถามกลับไปทันทีว่า จะทำอย่างไรดี? ถ้านี่เป็นกับดักจริง ทางเราไม่ต้องจ่ายเงินให้พวกนั้นฟรีๆ ไปกว่าสิบล้านเลยเหรอ?
จ้าวเฉียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ และขอให้ฟางนี่หยิบสัญญาที่เซ็นกับอีกฝ่ายขึ้นมาให้เขาตรวจสอบ โดยผิวเผินสัญญาฉบับนี้ค่อนข้างดูดีเลยทีเดียว แต่ข้อเสริมกลับอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะกับบรรทัดที่ว่า บริษัทเฟยอวี่มีสิทธิ์สั่งการให้บริษัทเกมฟางนี่แก้ไขผลงานจนกว่าทางบริษัทเฟยอวี่จะพอใจ จึงจะส่งมอบได้
ดังนั้นแล้ว หากบริษัทเกมฟางนี่ไม่สามารถแก้ไขงานตามข้อเรียกร้องของบริษัทเฟยอวี่ได้ทันวันส่งมอบ ก็เท่ากับว่าทางบริษัทเฟยอวี่จะมีสิทธิ์เรียกร้องค่าชดเชยได้
เฟยอวี่ที่เป็นบริษัทใหญ่สามารถทำอะไรก็ได้ และตอนนี้ก็เล็งเป้ามางทางฟางนี่อย่างชัดเจน
จ้าวเฉียนเริ่มฉุนขึ้นเล็กน้อย เขาถามขึ้นว่า
“คุณฟางนี่ อ่านสัญญาก่อนเซ็นแล้วใช่ไหม?”
ฟางนี่พยักหน้าและตอบว่า
“ฉันอ่านหมดแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมีปัญหาแบบนี้…”
“นี่ยังไม่ใช่ปัญหาอีก? อ่านเงื่อนไขเสริมในสัญญาใหม่ แล้วบอกผมเดี๋ยวนี้ว่ายังไม่มีปัญหาอีกงั้นเหรอ?”
ฟางนี่รีบหยิบสัญญาอ่านเงื่อนไขเสริมทันทีโดยไว แต่ต้องตกตะลึงขั้นหนักเมื่อเห็นค่าปรับที่ระบุไว้ เธอในตอนนี้ตื่นตระหนกอย่างมาก และเร่งถามจ้าวเฉียนว่า พวกเราควรทำอย่างไรดี?
ภายในเนื้อความสัญญาระบุไว้ว่า ค่าชดเชยในกรณีที่ไม่สามารถส่งงานทันวันมอบหมาย คิดเป็นจำนวนเงินสามเท่าหรือก็คือ15ล้านหยวน เป็นที่ชัดเจนว่า ตราบเท่าที่หยางหมิงต้องการก่อปัญหา เขาสามารถหาหนทางให้ฟางนี่ชดใช้เงินเป็นจำนวน15ล้านได้เพียงกระดิกมือเท่านั้น และถ้าฉักสัญญาในตอนนี้ฟางนี่ก็ต้องจ่ายเงินเป็นจำนวน15ล้านทันที ต่อให้เรื่องถึงศาลยังไง ฝ่ายที่ชนะคดีก็เป็นทางหยางหมิงอย่างไม่ต้องสงสัย
จ้าวเฉียนตอบได้เพียงว่า
“ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วที่จะพูดเรื่องแบบนี้ ในเมื่อตราประทับของบริษัทถูกประทับลงบนสัญญา ทุกอย่างถือว่ามีผลในทันที แต่ในอนาคตต่อไป ถ้ามีแผนงานจากบริษัทอื่นมาเสนออีก คุณต้องรายงานผมก่อนทุกครั้งเข้าใจไหม? อย่าเซ็นทั้งๆ ที่ยังอ่านเจตนาของอีกฝ่ายไม่ออก เอาเข้าจริงแล้ว แค่เห็นเงื่อนไขเสริมที่ไม่ยุติธรรมขนาดนี้ เป็นผมลงฉีกทิ้งต่อหน้ามันแล้วด้วยซ้ำ”
ฟางนี่รีบกล่าวขอโทษจ้าวเฉียนทันที และอธิบายว่า
“ฉันแค่คิดว่า บริษัทใหญ่อย่างเฟยอวี่คงไม่มีเจตนาร้ายแอบแฝง และคงอยากให้โอกาสบริษัทเล็กๆ แบบเราเท่านั้น แต่ใครจะไปคิด…กลับเป็นฉันเองที่ไม่มีสติ ฉันพลาดเอง!”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและไม่ปริปากพูดอะไรอีก ท้ายที่สุดนี้หยางหมิงจะต้องมาหาและเรียกร้องทุกสิ่งอย่างกลับเข้ากระเป๋าตัวเองแน่นอน
เนื่องจากหยางหมิงต้องการเล่นงานจ้าวเฉียนให้ถึงที่สุด ดังนั้นเขาเองก็จะเล่นกลับคืนให้ถึงที่สุดเช่นกัน
หลังจากที่จ้าวเฉียนได้ทุกอย่างกลับคืนมา เขาไม่ใช่บุคคลที่ชนชั้นระดับสูงทั่วไปจะยั่วยุด้วยได้ และมัน…หยางหมิงเล่นผิดคนแล้ว! จ้าวเฉียนรีบโทรหาหวังฉีผ่านทางWeChat โดยถามว่าตอนนี้โปรเจคใหม่ๆ ในธุรกิจภาพยนตร์บ้างหรือไม่? ธุรกิจภาพยนตร์เองก็เป็นหนึ่งในบริษัทลูกภายใต้การดูแลของบริษัทหยานจิงโอเชี่ยนเวลท์กรุ๊ป หรือก็คือบริษัทพ่อของเขาอย่างจ้าวฝู ซึ่งบริษัทลูกดังกล่าวได้รับการขนานนามว่าเป็น จ่าฝูงแห่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศ
“อืมมม…ผมเพิ่งทักถามผู้อำนวยการของบริษัทภาพยนตร์ไป เขาบอกว่าตอนนี้พวกตนกำลังเตรียมสร้างภาพยนตร์อยู่เรื่องนึง วางแผนทุนสร้างอยู่ที่300ล้านหยวน และอยู่ในระหว่างการแคสนักแสดงพระเอกกับนางเอก”
จ้าวเฉียนแสยะยิ้มฉีกขึ้นทันทีบนมุมปาก และเอ่ยขึ้นว่า
“งั้นช่วยตรวจสอบให้หน่อยว่า มีแคสเตอร์คนไหนบ้างในสังกัดเฟยอวี่ที่เหมาะสมกับบทบาทของหนังเรื่องนี้”
“คุณชายจ้าวหมายความว่ายังไงครับ? ทำไมถึงต้องใช้คนจากเฟยอวี่ด้วย?”
“เดี๋ยวก็รู้ ฝากตรวจสอบให้ที”
“ได้ครับ กรุณารอสักครู่”
จากนั้นพวกเขาก็วางสายไป และอีกประมาณครึ่งชั่วโมงถัดมา หวังฉีก็โทรมาแจ้งกับจ้าวเฉียนว่า
“ผมได้ปรึกษากับหัวหน้าแผนกที่รับผิดชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ดูแล้ว เขาบอกว่า ถ้าเป็นคนในสังกัดเฟยอวี่ บทบาทพระนางก็ควรจะเป็น หงต้าหมิงประกบคู่กับหลี่เซียวปิง นี่ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของพวกเขาเลย และด้วยกระแสความนิยมของทั้งคู่ในขณะนี้ น่าจะสร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย”
“เยี่ยม! บอกหัวหน้าแผนกคนดังกล่าวไปเลยว่า เอาหงต้าหมิงกับหลี่เซียวปิงนี่แหละมาแสดงนำ อ่อ…ส่วนเรื่องสัญญาที่ต้องเซ็นกับบริษัทเฟยอวี่ ในเงื่อนไขเสริมของสัญญา…ฉันขอหนักๆ โยนความรับผิดชอบทั้งหมดไปทางนั้น แล้วขอชนิดที่ว่าให้พวกมันกินไม่ได้นอนไม่หลับ!”
หวังฉีอยู่กับจ้าวฝูมานานกว่าสิบปีแล้ว เขาฉลาดหัวไวอย่างมาก แค่ได้ยินแบบนั้นก็ทราบได้ทันทีว่า ที่จ้าวเฉียนต้องการให้บริษัทเฟยอวี่เข้ามามีส่วนร่วมด้วย เพราะต้องการอะไร
เขาเอ่ยตอบกลับไปทันทีโดยเร็วว่า
“ไม่ต้องห่วงครับคูณชายจ้าว ผมทราบดีว่านี่หมายถึงอะไร เดี๋ยวจัดการให้ทันทีครับ”
“อ่า…ขอบคุณเลขาหวังมากจริงๆ ครับ รอบหน้ากลับหยานจิ้น ขออาสาไปเลี้ยงข้าวสักมื้อ!”
“คุณชายจ้าวใจดีเกินไปแล้ว ผมแค่ทำหน้าที่ในส่วนของผมครับ”
จ้าวเฉียนกดวางสายไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม
ขณะที่กำลังจะเลิกงาน อู๋ซินก็โทรเข้ามาหาจ้าวเฉียน
“นี่ จ้าวเฉียน! ฉันมีข่าวดีจะมาบอกด้วยแหละ! วันนี้มีแพลตฟอร์มไลฟ์สตีมแห่งหนึ่งติดต่อฉันมา เพื่อขอเซ็นสัญญาด้วย! แล้วค่าตัวค่อนข้างสูงเลยทีเดียว อิอิ…”
“จริงเหรอ! ข่าวดีมากเลย! ถ้าอย่างงั้นเธอต้องรักษาสัญญาด้วย!”
“ได้เลย! ฉันเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารเย็นคืนนี้เอง เจอกันที่ทางเข้าโรงแรมรอยัลตอนสองทุ่ม เอ่อ…แต่ฉันโทรบอกพี่ชายฉันด้วยน่ะ จะรังเกียจไหมถ้ามีพี่ไปด้วย?”
“รังเกียจอะไรกัน? ไปกันเยอะๆ สนุกดีออก! แล้วเจอกันสองทุ่ม!”
“อิอิ…ดีจัง”
อู๋ซินมีความสุขอย่างมาก ส่วนจ้าวเฉียนคลี่ยิ้มพลางหัวเราะด้วยความสบายใจ
ในปีนั้นที่เกิดอุบัติเหตุ เขาได้ทำลายช่วงชีวิตหนึ่งของเธอไปโดยตรง ดังนั้นเขาต้องการช่วยเหลือเธอให้ได้มากที่สุด เพื่ออนาคตที่ดีของตัวเธอเอง
เวลาสองทุ่ม ทั้งสามก็มานัดพบกันที่ทางเข้าโรงแรมรอยัล
ทัศนคติของอู๋เลอที่มีต่อจ้าวเฉียนตอนนี้นับว่าดีมาก ถึงขั้นที่ว่าเดี๋ยวนี้เรียกเขาแทนว่า บอสจ้าวเฉียน จ้าวเฉียนที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะลั่น และบอกว่าอย่าสุภาพเหมือนคนอื่นคนไกลกัน เรียกอย่างที่ควรเรียกปกติก็พอ
ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องอาหารและเริ่มสั่งอาหารเข้ามาทานทันที
อู๋ซินสาวน้อยผู้มีรอยยิ้มประดับประดาบนใบหน้าสวยอยู่เสมอ เอ่ยปากพูดกับจ้าวเฉียนอย่างมีความสุขว่า
“นายรู้ไหมว่า แพลตฟอร์มนี้เสนอเงินให้ฉันเท่าไหร่?”
จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นเดาว่า
“น่าจะสามถึงสี่แสน? ทางนั้นให้เท่าไหร่?”
“ฮิฮิ…ที่แรกฉันก็คิดว่าแค่นั้นก็ดีเกินคาดแล้ว แต่เธอเสนอให้ฉันตั้งสองล้านต่อปี! ยิ่งไปกว่านั้น ค่าโดเนทและของขวัญยังหารกันครึ่งต่อครึ่ง!”
จ้าวเฉียนแกล้งปั้นหน้าประหลาดใจ พร้อมอุทานขึ้นว่า
“โอ้ว เยอะมาก! เจ้าของแพลตฟอร์มคนนี้ไม่ได้โง่ใช่ไหม? ทำไมถึงใจกว้างเสนอมาเยอะแยะขนาดนี้? หรืออีกฝ่ายชอบเธอเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
“บ้า! เจ้าของแพลต์ฟอร์มเธอเป็นผู้หญิง!”
“จริงเหรอ? งั้นช่วยแนะนำฉันให้เธอรู้จักหน่อยสิ ฉันหวังมานานแล้ว อยากให้สาวสวยรวยๆ มาเลี้ยงฉันบ้าง!”
อู๋เลอกับอู๋ซิน ทั้งคู่ระเบิดเสียงหัวเราะขำขัน ทั้งสามนั่งกินข้าวพลางสนทนาพูดคุยกันอย่างมีความสุข
จากนั้นไม่นาน อู๋เลอต้องแยกตัวกลับไปก่อน เนื่องจากคนในอู๋โทรให้เรียกตัวกลับไปด่วน พอวางสายเสร็จก็ขอตัวลาออกไปทันที
จ้าวเฉียนและอู๋ซินก็ไม่ได้สนใจ เป็นเรื่องปกติของนายอู๋อยู่แล้วที่ต้องทำงานไม่เป็นเวลา พวกเขาก็กินกันต่ออย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อใกล้จะกินเสร็จกัน อู๋ซินก็ขอตัวออกไปเช็คบิล ส่วนจ้าวเฉียนยังคงดื่มซุปบนโต๊ะต่อไป แต่คล้อยหลังผ่านไปกว่าสิบนาที เธอก็ยังไม่กลับมาสักที
จ้าวเฉียนรีบโทรหาเธอทันที แต่พบว่าไม่สามารถเชื่อมต่อกับมือมือของเธอได้ ดังนั้นเขาจึงวิ่งออกไปที่เคาน์เตอร์เช็คบิลทันทีเพื่อหาอู๋ซิน ทันทีที่ขึ้นบันไดถึงขั้นสุดท้าย เขาก็พลางได้ยินเสียงอู๋ซินกำลังเถียงกับหยางหมิงอยู่