ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่ 169 ฉลาด
ตอนที่169 ฉลาด
ทุกคนล้วนได้ยินคำยืนยันจากผู้จัดการของหวางเจ๋อกันโดยทั่วแล้ว เขาชนะการประมูลที่ดินอาคารมาแล้วจริงๆ
“บอสหวางยินดีด้วย! นายสามารถหากินกับโครงการนี้อย่างไม่มีสิ้นสุดภายในระยะเวลาสามปีเต็ม!”
เฉินโฉวกล่าวอวยพรพร้อมท่าทีอิจฉา
หวางเจ๋อระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นและตอบกลับไปว่า
“ขอบคุณทุกคนมากนะ กลับไปฉลองต่อที่บ้านฉันไหม กินฉลองที่ฉันได้โครงการใหญ่มาครอง ดื่มกินคนเดียวมันน่าเบื่อน่ะ ถ้าใครสนใจไปต่อบอกมาเลยนะ!”
“ฮ่าฮ่า…งั้นต้องขอบคุณบอสหวางล่วงหน้าเลยครับ!”
เฉินโฉวเอ่ยตอบน้ำเสียงสุภาพ
โครงการใหญ่ขนาดนี้ ถ้าได้ทำงานร่วมด้วยสักนิด ค่าตอบแทนที่ได้คงเพียงพอแล้วที่จะอยู่กินไปได้ปีสองปี
หวังซินซินเหลือบหางตาเอ่ยถามจ้าวเฉียนอย่างเย้ยหยันว่า
“พ่อหนุ่มหล่อ มีอะไรอยากจะพูดอีกไหม?”
จ้าวเฉียนยังไม่ทันเอ่ยตอบ ทว่ากลับเป็นเหลียวเซียวหยุนที่กล่าวแทรกขึ้นแทน
“ยังไม่ได้ลงนามเซ็นสัญญา แค่พูดกันปากเปล่ามันก็ยังไม่แน่เสมอไป”
คำกล่าวเหล่านี้ของเหลียวเซียวหยุน ไม่เพียงทำให้หวางเจ๋อกับหวังซินซินขุ่นเคืองเท่านั้น แต่นี่ยังทำให้บรรดาเพื่อนร่วมชั้นอารมณ์เสียอีกด้วย ทุกคนกำลังชื่นชมหวางเจ๋ออยู่แท้ๆ แต่เธอดันพูดออกไปแบบนี้ เท่ากับขัดแย้งกับความตั้งใจของทุกคน
“เหลียวเซียวหยุน เธอกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เห็นขาวเป็นดำเห็นดำเป็นขาว เพราะคบกับผู้ชายแบบนี้ไงเธอจึงนิสัยแย่ลง!”
“ใช่แล้ว แต่ก่อนเธอแค่เอาแต่ใจตัวเอง เรื่องนี้ใครๆก็ยอมรับได้นะ แต่ตอนนี้กลายมาเป็นพวกอวดดีแต่ปากเหมือนแฟนเธอ คนนิสัยแบบนี้ไม่มีใครอยากคบด้วยหรอกนะ”
“ถ้าเธอยังไม่เลิกนิสัยแบบนี้ ต่อไปชัวิตเธอพังแน่!”
เหลียวเซียวหยุนกลั้นขำแทบไม่หยุดจนสุดท้ายต้องระเบิดหัวเราะออกมา ขณะที่บรรดาเพื่อนร่วมชั้นต่างจ้องมองเธอด้วยสายตารังเกียจ
“จ้าวเฉียน ฉันถูกคนพวกนี้หัวเราะเยาะ! นายต้องแก้แค้นให้ฉัน! ไม่ว่ายังไงก็ห้ามปล่อยให้หวางเจ๋อได้ที่ดินอาคารไปเด็ดขาด! นายต้องทำให้มันล้มจม!”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบกลับไปว่า
“ไม่ต้องกังวล ผมยังมีเส้นสายคนรู้จักอยู่ในแวดวงนี้อยู่อีกเยอะ ชีวิตของคุณคนนี้เตรียมพินาศได้เลยครับ”
แววตาของหวางเจ๋อเย็นยะเยือกขึ้นในบัดดล เขากล่าวว่า
“เอาล่ะ! ถ้างั้นฉันจะรอดูว่าชีวิตของตัวเองจะพินาศยังไง แต่ตอนนี้ความจริงก็คือความจริง ฉันชนะการประมูลแล้ว อยากจะรู้จริงๆว่าพวกเขาจะยึดโครงการนี้คืนกลับมาไหม!”
คนอื่นๆต่างหัวเราะเยาะกันอย่างสนุกสนาน รอดูว่าจ้าวเฉียนจะทำยังไงต่อไป และจะ‘แถ’ไปได้ไกลอีกแค่ไหน
จ้าวเฉียนไม่มีแม้แต่ปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ แต่ยังคงนั่งรออย่างเงียบงัน รอชางเจียกงรายงานผลกลับมา
สองนาทีต่อมา ชางเจียกงก็โทรเข้ามา
“ฮาโหลครับคุณชายจ้าว บริษัทที่ว่ามีชื่อว่า เจ๋อซิน ดรีคอนชั่น จำกัด จดทะเบียนในนามหวางเจ๋อครับ มีอะไรให้จัดการกับบริษัทนี้ไหมครับ?”
“ยกเลิกสัญญาการประมูลที่ดินทั้งหมด!”
“เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมจะรีบไปแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยทันทีครับ!”
“ดีมาก”
จ้าวเฉียนวางสายไป หวางเจ๋อที่เฝ้าสังเกตอยู่นานก็เอ่ยขึ้นพร้อมท่าทีกวนประสาทว่า
“เอาล่ะ การแสดงจบลงแล้ว ฉันรอดูอยู่นะว่านายจะแถยังไงต่อไป?”
“เลิกเสแสร้งได้แล้ว! ฉันเบื่อที่ต้องทนฟังนายโกหกต่อไปไม่ไหวแล้ว!”
หวางเจ๋อกล่าวพร้อมท่าทีสบประมาท
“โอเค โอเค ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว ไปหาอะไรดื่มกันเถอะ”
“ใช่ ใช่ อย่าไปสนใจเขาเลย บรรยากาศพลอยเสียหมด!”
“นี่มันวันรวมตัวเพื่อนเก่านะ คนนอกอย่างเขาไม่ต้องไปสนใจด้วยหรอก!”
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มชนแก้วกันอีกครั้ง หวางเจ๋อยังคงเป็นประเด็นหลักในวงสนทนานี้ ทุกคนต่าง‘สรรเสริญ’เขาอย่างไม่หยุดหย่อน
เหลียวเซียวหยุนเขยือบไปหาจ้าวเฉียน เอ่ยถามเสียงต่ำว่า
“นี่นายแน่ใจใช่ไหมว่ายังอยู่ในแผน? หวางเจ๋อมันชักจะหยิ่งผยองเกินไปแล้ว นายต้องสั่งสอนบทเรียนให้มัน!”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อยและเอ่ยถามกลับไปว่า
“แล้วถ้าผมบอกว่าล้มเหลวล่ะ? จะว่ายังไง?”
“หุหุ…คนที่สามารถมทำให้ลุงห้าเรียกว่าน้องชายได้ ฉันมั่นใจว่าภูมิหลังของนายคงไม่ง่ายกับแค่พนักงานบริษัททั่วไปแน่นอน ฉันน่ะรู้มาตลอดว่า นายจงใจปิดบังตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ และไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ ฉันจึงไม่เคยเอ่ยถามนายสักครั้งไง แต่สิ่งหนึ่งที่รู้คือ ไม่ว่าฉันต้องการอะไรนายจะต้องทำให้”
เหลียวเซียวหยุนคลี่ยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ
หลังจากนั้นไม่นาน โทรศัพธ์มือถือของหวางเจ๋อก็ดังขึ้นอีกครั้ง ปราฏว่าเป็นผู้จัดการของเขาเอง เพื่อทำให้จ้าวเฉียนขายหน้า เขาจึงเปิดลำโพงให้ทุกคนฟังโดยพร้อมเพรียงทันที
“ว่าไง อย่าบอกนะว่านายได้เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว? ฮ่าฮ่า…”
หวานเจ๋อเหลือบหางตามองจ้าวเฉียนอย่างดูแคลนยิ่ง
“ประธาน แย่แล้วครับ…เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! จู่ๆทางหยางไห่ก็ถอนสิทธิ์ที่ดินของเราไปทั้งหมดโดยให้เหตุผลว่า โครงการของ
เราไม่ได้มาตรฐานพอ!”
“ว่างไงนะ?! นี่…นี่จะเป็นไปได้ยังไง?”
หวางเจ๋ออุทานเสียงดังลั่น
“ผมเพิ่งโทรถามเพื่อนที่ทำงานอยู่ภายใน เขาบอกว่ามีผู้มีอิทธิพลสั่งประธานหยางไห่ให้ยกเลิกคำสั่งทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเขา ดูเหมือนคนที่ทำจะมีความแค้นส่วนตัวกับทางเรานะครับ! นี่ไม่ดีแล้ว!”
ทันทีที่คำกล่าวเหล่านี้เปล่งดังออกมา ทุกคนต่างหันควับมองไปทางจ้าวเฉียนจนเป็นตาเดียว
หวางเจ๋อกดสางสายไป เดินตรงไปหาจ้าวเฉียนด้วยความโกรธจัด พร้อมตะคอกใส่ว่า
“ฝีมือแกใช่ไหม!!?”
จ้าวเฉียนตอบกลับไปว่า
“ก็เพิ่งบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอครับว่า อย่าทำให้ผมโกรธ”
“แก…เป็นไปไม่ได้! แก…แกเป็นใครกันแน่?!”
หวางเจ๋อตะโกนโหลั่น แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ในเวลานี้เอง เหลียวเซียวหยุนก็ลุกขุ้นมาขัดจังหวะ
“ฉันบอกนายไปหลายครั้งแล้วนะ ว่าอย่าหาเรื่องกันเลยดีกว่า ที่เขาว่างงานไม่ได้หมายความว่าเขาจะจน แต่เขามีความทะเยอทะยานเป็นของตัวเอง ขนาดประธานเทียนซูวเสนอเงินเดือนหลักแสน เขายังปฏิเสธเลย แล้วเคยคิดไหมว่า คนระดับนี้จะมีเส้นสายขนาดไหนกัน? อันที่จริงเงินล้านมันยังไม่อยู่ในสายตาเขาเลยด้วยซ้ำ ฮ่าฮ่า…ไม่ฉลองต่อแล้วรึไง ฉลองให้กัน…ความพินาศของนาย!!”
หวางเจ๋อและบรรดาเพื่อนร่วมชั้นต่างรู้ซึ้งแล้วว่า จ้าวเฉียนมีอำนาจอิทธิพลมากมายเพียงใด ขนาดบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างหยางไห่ ยังต้องยอมทำตามเขา
“ฉันไม่คิดไม่ฝันเลยว่า แฟนของเซียวหยุนจะมีเส้นสายขนาดนี้ เขาสามารถสั่งให้หยางไห่ถอนคำสั่งประมูลออกไปได้!”
“แล้วยังไง…ก็อาจจะแค่โชคดีรู้จักกับประธานของหยางไห่ก็ได้ เส้นใหญ่ก็ใช่ว่าเขาจะมีความสามารถ”
“นายโง่รึไง! ในสังคมแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มันต้องใช้เงินต่อเงินซื้อความสัมพันธ์มา มันก็อาจใช่ที่เขาไม่มีความสารถ แต่ภายในบัญชีของเขาคงมีเงินเหลือกินเหลือใช้ไปทั้งชีวิต!”
เหล่าเพื่อนร่วมชั้นของเหลียวเซียวหยุน ทุกคนต่างเสียใจอย่างยิ่งที่หัวเราะเยาะจ้าวเฉียนก่อนหน้า พวกเขาอยากจะกราบขอโทษ และขอให้จ้าวเฉียนแนะนำที่ฝึกงานสักแห่งสองแห่งให้หน่อย เหมือนกับหลัวเสี่ยว
แต่คนพวกนี้ก็ไม่ได้หน้าด้านขนาดนั้น และอับอายเกินกว่าจะขอโทษ
เมื่อเห็นว่ากำไรหลายสิบล้านนกำลังจะหลุดลอยไป หวางเจ๋อไม่สามารถปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้อีกต่อไป เขาจึงรีบขอโทษตจ้าวเฉียนทันทีกับความผิดที่ได้ก่อขึ้น
“คุณจ้าว ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ผมทั้งใจร้อนทั้งปากเสีย และรู้สึกเสียใจจริงๆที่ทำเรื่องแบบนั้นกับคุณลงไป หากพนักงานงานของผมรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากผม ทุกคนคงไม่เหลือกระจิตกระใจการทำงานแน่นอน ผมหวังว่าคุณจ้าวจะเห็นใจผมนะครับ ช่วยโทรให้หยางไห่คืนที่ดินการประมูลให้ผมเถอะนะครับ เอาแบบนี้ไหมครับ ถ้าโครงการของผมดำเนินไปได้ด้วยดี ผมจะให้คุณจ้าวเลนหนึ่งล้าน…ไม่สิ…ห้าล้านเลยครับ! ผมขอร้องเถอะนะครับ!”
จ่ายให้ห้าล้านฟรีๆ จะเห็นได้ว่าโครงการนี้มันสำคัญสำหรับหวางจ์อเพียงใด แต่จ้าวเฉียนกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย กับอีแค่ห้าล้าน เศษเงินจำนวนเล็กน้อยแบบนี้ มันไม่อยู่ในสายตาของเขาเลย
“คุณหวางไม่ต้องสุภาพขนาดนี้ก็ได้ครับ ผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้อีกแล้ว ถ้าจะโทษก็โทษตัวเองเถอะนะครับ ที่ไม่รู้จักฟ้าต่ำแผ่นดินสูง ที่ทุกอย่างพังพินาศเพราะตัวคุณล้วนๆ”
จ้าวเฉียนเอ่ยตอบน้ำเสียงหนักแน่น
หวางเจ๋อยังคงเอ่ยปากขอโทษขอโผยจ้าวเฉียนไม่หยุดหย่อน
หวังซินซินทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว หวางเจ๋อเป็นแฟนของเธอ แต่ต้องมีกราบกรามจ้าวเฉียนราวกับหมา เธอย่อมแค้นใจเป็นธรรมดา
“หวางเจ๋อ นายไม่ต้องขอโทษเขาแล้ว พ่อฉันยังพอรู้จักกับประธานหยางไห่อยู่บ้าง ฉันจะให้พ่อโทรไปเจรจากับอีกฝ่ายดู นี่ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่อะไร”
หวางเจ๋อที่ครุ่นคิดตามก็รู้สึกสมเหตุสมผลดี ลองให้พ่อตาลองดูก่อน หากสามารถแก้ไขได้ย่อมเป็นเรื่องดี แต่ถ้าไม่เขาก็ค่อยหาทางแก้ทีหลังยังทัน
“โอเค งั้นต้องรบกวนพ่อเธอแล้วแหละ”
หวางเจ๋อกล่าวพร้อมสีหน้ากังวล
หวังซินซินพยักหน้าตอบและเดินออกไปโทรหาพ่อ เธอรายงานสถานการณ์ทั้งหมดให้พ่อฟังด้วยความหงุดหงิด และขอให้เขาออกโรงในนามหวางเจ๋อที
พ่อของหวังซินซินคือหวังเมียน เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์หวัง
หวังเมียนเป็นคนที่ค่อนข้างหัวสูง ปกติเขาจะไม่ค่อยเข้ามายุ่งกับเรื่องของเด็กๆ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าลูกสาวของเขาจะไม่สบายใจอย่างมาก หากไม่ยืนข้างแฟนของลูกสาวตัวเอง แล้วจะให้เขายืนข้างใคร?
“ลูกพ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงไป พ่อจะลองโทรไปคุยกับทางนั้นดู ไม่ว่ายังไงทางนั้นจะต้องคืนคำสั่งให้แน่นอน!”
ด้วยความมั่นอกมั่นใจของพ่อเธอ หวังซินซินยิ้มอย่างมีความสุขและกดวางสายไป
“พ่อหนุ่มหล่อ รอก่อนเถอะ ที่ดินจุดนี้ต้องเป็นของหวางเต๋อเท่านั้น ไม่มีใครสามารถเอาของเขาไปได้!”
หวังซินซินกล่าวขึ้นด้วยท่าทีอันสุดแสนจะภาคภูมิใจ