ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่ 153 นี่น่ะเป็นจูบแรก
ตอนที่153 นี่น่ะเป็นจูบแรก
เหลียวเซียวหยุนถอนหายใจเสียงหนัก เธอยกมือทุบอกจ้าวเฉียนไปทีหนึ่งและบ่นขึ้นว่า
“นี่นายไม่คิดจะบอกอะไรกับฉันเลยใช่ไหม! ปล่อยให้ฉันห่วงอยู่ฝ่ายเดียว ขี้โกง!”
“ผมต้องบอกทุกอย่างยันกางเกงในที่ใส่มาวันนี้เลยรึเปล่าว่าสีอะไร?”
จ้าวเฉียนแซวตอบ
เหลียวเซียวหยุนหน้าแดงก่ำในทันใด เธอทุบจ้าวเฉียนอีกระลอกพร้อมกล่าวตอบไปว่า
“นี่นายช่วยจริงจังกว่านี้หน่อยได้ไหม?”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อยเอ่ยกล่าวไปว่า
“นี่ผมกฌกำลังจริงจังอยู่นะ แค่ว่าจำเป็นต้องบอกทุกอย่างด้วยเหรอ? นี่ผมเป็นแฟนคุณอยู่หรือเปล่า?”
เหลียวเซียวหยุนปั้นหน้าบูดบึ้งพูดต่อว่า
“ถ้านายมีภูมิหลังครอบครัวที่ดีกว่านี้ เรื่องของเราอาจเป็นไปได้ แต่น่าเสียดาย…ด้วยสถานะของตัวนายในตอนนี้ ถึงฉันจะเห็นด้วย แต่พ่อต้องไม่ยอมแน่เลย แล้วถ้าไม่มีพ่อ ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กคนหนึ่ง”
จ้าวเฉียนกลอกตามองบนชั่วขณะ พลางตอบไปว่า
“คิดมากเกินไปแล้ว ผมไม่สนใจเรื่องแบบนั้นหรอก เอาล่ะ จะไปกินข้าวที่ไหนดี?”
เหลียวเซียวหยุนจ้องจ้าวเฉียนตาเขม็งเจือแววหงุดหงิดชั่วแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยตอบเสียงเย็นกลับไปว่า
“ไปกินที่โรงแรมตงไห่ก็แล้วกัน นายคงไม่เคยได้ทานอาหารหรูๆ แบบนี้สักครั้ง งั้นฉันจะพาไปให้นายได้สัมผัสประสบการณ์ดีๆ แบบนี้สักครั้ง”
จ้าวเฉียนเกือบหลุดหัวเราะลั่น แต่ก็ไม่แย่เช่นกันที่จะไปกินอาหารในสถานที่ของเขาเอง ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยตอบอันใด
“จะไปไหนก็ได้หมดนั้นแหละ”
จ้าวเฉียนยักไหล่ตอบ
เหลียวเซียวหยุนเอ่ยกล่าวพร้อมท่าทางรังเกียจเล็กน้อย
“แน่นอนว่านายต้องอยากไปอยู่แล้ว เคยกินแต่ร้านอาหารข้างทาง โรงแรมตงไห่ นายคงไม่รู้จักด้วยซ้ำ”
จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นไม่รู้จักโรงแรงตงไห้ ก็เลยตอบไปแค่ว่า
“โอ้น่าสนใจจัง ไม่ยักรู้เลยนะว่าจะมีโรงแรมหรูอยู่ในเมืองตงไห่ด้วย”
“งั้นไปกินที่นั้นแหละ! ฉันจะขับนำทางไปเอง ส่วนนายก็ตามมานะ”
เหลียวเซียวหยุนตอบกลับไปอย่างช่วยไม่เ
จากนั้นทั้งสองก็ขึ้นรถและขับไปยังโรงแมรตงไก่ทันที
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เป็นช่วงประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้โรงแรมตงไห่คิกคักเป็นพิเศษ บรรดาแขกมากมายแห่เข้ามาจองห้องกินดื่มกันจนเต็ม ทำให้ไม่มีห้องว่างสำหรับทั้งสอง
เหลียวเซียวหยุนรู้สึกอับอายอย่างมากที่ไม่มีห้องสำหรับทั้งคู่ เธอเอ่ยถามพนักงานต้อนรับไปว่า
“ช่วยเช็คอีกรอบได้ไหมว่า มีแขกโต๊ะไหนใกล้กินเสร็จรึยัง พวกเรารอได้”
“ต้องขออภัยจริงๆ ค่ะ วันนี้ทั้งในส่วนโต๊ะและห้องอาหารถูกจองคิวเต็มไม่เหลือที่ว่างแล้ว ห้องที่คาดว่าจะกินเสร็จในเร็วๆ นี้ต้องรอไปอีกสองชั่วโมง รวมกับเวลาเก็บกวาดห้อง แต่ถ้าคุณลูกค้าทั้งสองต้องการจะทานจริงๆ ทางเรามีห้องว่างที่ชั้นหก สนใจไหมค่ะ?”
แม้ว่าเหลียวเซียวหยุนจะเป็นทายาทเศรษฐีเจ้าของบริษัทหัวโหย้ว แต่เธอก็มีเงินติดตัวแค่ไม่กี่แสนหยวนเท่านั้น เงินเพียงเท่านี้เพียงพอสำหรับแค่ห้องอาหารชั้นหนึ่งหรือสองเท่านั้น ชั้นหกมีราคาเปิดห้องที่แพงเกินไป และเธอเองก็ไม่อยากยืมเงินพ่อต่อให้จ้าวเฉียน แต่จะให้เดินจากไปแบบนี้ก็เสียหน้า
จ้าวเฉียนไม่อยากทำให้เหลียวเซียวหยุนรู้สึกแย่ เขาเลยก้าวออกมากล่าวว่า
“หรือเราไปกินที่อื่นก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก”
เหลียวเซียวหยุนพยายามหาทางลงจากหลังเสือ พอได้ยินแบบนี้ขณะที่เธอกำลังจะเห็นดีเห็นงามด้วย ทันใดนั้นพนักงานต้อนรับก็เอ่ยกล่าวขึ้นมาพร้อมท่าทีรังเกียจว่า
“คุณลูกค้าตัดสินใจให้ดีนะค่ะ การได้ทานอาหารที่นี่สักครั้งนับว่าเป็นเกียรติอย่างมาก แค่ครั้งเดียวก็เอาเรื่องนี้ไปคุยโวโอ้อวดในกลุ่มเพื่อนได้อีกนานเลยนะคะ สำหรับคนจน การกินคือการเลี้ยงชีพไปวันๆ แต่สำหรับคนรวยคือการเพิ่มพูนหน้าตาในอีกรูปแบบหนึ่ง ลองคิดดูให้ดีนะคะ บางทีถ้าคุณลูกค้ายอมลงทุนสักหน่อย อาจได้ความสัมพันธ์ทางธุรกิจดีๆ กับแขกคนอื่นๆ แต่ถ้าพวกคุณไม่มีเงินจริงๆ ก็เชิญค่ะ ออกไปกินอาหารข้างทางเถอะ”
ประเภทพนักงานที่จ้าวเฉียนไม่ชอบที่สุดคือพวกดูถูกลูกค้า การที่พูดจาแบบนี้กับเขามันหมายความว่าอะไรได้อีก?
“คุณคงเพิ่งมาใหม่ใช่ไหม?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถาม
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณเหรอค่ะ?”
พนักงานต้อนรับตอบกลับพร้อมน้ำเสียงคล้ายจะหาเรื่อง
“มารยาทไม่ผ่านนะ เก็บข้าวของแล้วออกไปจากที่นี่ซะ!”
จ้าวเฉียนชี้ไปที่ประตูทางออก
พนักงานต้อนรับคนนั้นปิดปากขำคิกคักไม่หยุด เธอเหลือบมองจ้าวเฉียนราวกับกำลังมองคนโง่และตอบกลับไปว่า
“คุณลูกค้า เห็นดิฉันว่างเล่นด้วยขนาดนั้นเลย?”
พนักงานต้อนรับคนนั้นหัวเราะใส่คำหนึ่งและเดินออกไปทันทีอย่างไม่แยแส
เหลียวเซียวหยุนโกรธจัดถึงขั้นบ่นพึมพำไม่หยุด พนักงานบ้าอะไรกล้าดูถูกลูกค้า
“จ้าวเฉียน! นายต้องคิดหาวิธีไล่เธอออกไปนะ!”
เหลียวเซียวหยุนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งราวกับกำลังสั่งการ
จ้าวเฉียนเหลือบมองเธอเล็กน้อย
“แล้วผมจะได้อะไร?”
“ฉันให้หมื่นหนึ่งพอไหม?”
เหลียวเซียวหยุนตอบกลับด้วยความมั่นใจ
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มบางพลางส่ายหัว
“ผมไม่ได้ต้องการเงิน ขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่มีค่ากว่านี้”
เหลียวเซียวหยุนอารมณ์เสียอย่างมาก เธอทนให้พนักงานต่ำต้อยแบบนั้นดูถูกเธอไม่ได้เด็ดขาด พนักงานแบบนี้ต้องถุกไล่ออกสถานเดียว!
“ถ้า…ถ้านายไล่เธอออกไปได้ ฉัน…ฉันจะจูบนาย…ว่าไง?”
เหลียวเซียวหยุนกล่าวเจือท่าทีเก้อเขิน
จ้าวเฉียนเหลือบมองใบหน้าของเธอที่แดงฉ่า ยิ้มตอบกลับไปว่า
“มันไม่ใช่จูบแรกของเธอ คงไม่มีค่าพอ”
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! นี่น่ะ…นี่น่ะเป็น…จูบแรกของฉันเลยนะ…”
ทั่วใบหน้าแดงก่ำลามไปยังใบหู เหลียวเซียวหยุนไม่เคยเขินอายขนาดนี้มาก่อน
จ้าวเฉียนยิ้มตอบเล็กน้อย
“งั้นไม่มีปัญหา แต่แค่จูบเองเหรอ?”
“แค่จูบยังไม่พอรึไง?!”
เหลียวเซียวหยุนตะคอกตอบ
“งั้นมาลองพนันดูไหม ถ้าผมสามารถเปิดห้องอาหารได้โดยไม่เสียเงินสักหยวน คืนนี้คุณไม่ต้องกลับบ้าน มานอนที่บ้านผมแทนว่าไง?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
เหลียวเซียวหยุนใจเต้นแรงในทันที ตอนนี้เธอเป็นผู้ใหญ่ในระดับหนึ่งแล้ว และทราบดีว่าที่จ้าวเฉียนพูดไปมันหมายความว่ายังไง
“นาย….นี่นายคิดแบบนี้กับฉันตั้งแต่แรกแล้วงั้นเหรอ?! ไม่! อย่างมากที่สุดก็จูบ! จะจูบกี่ครั้งก็ได้ แต่ไม่ไปบ้านนายเด็ดขาด แล้วอีกอย่างนะ ฉันไม่เชื่อว่านายจะสามารถเปิดห้องได้โดยไม่เสียเงิน!”
เมื่อพินิจจับจ้องท่าทางเก้อเขินของเหลียวเซียวหยุน จ้าวเฉียนก็อดหัวเราะไม่ได้
“งั้นนับเป็นอันตกลง!”
จ้าวเฉียนโบกมือเรียกพนักงานต้อนรับที่อยู่ใกล้ที่สุดและหยิบบัตรVIPสีทองคำออกมาโดยไว
“ช่วยเปิดห้องอาหารที่ดีที่สุดบนชั้นเจ็ดให้หน่อย สมาชิกหมายเลข68 จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วเรียกด้วย”
พนักงานต้อนรับคนนั้นรีบรับบัตรและกล่าวตอบด้วยความเคราพว่า
“เรียนลูกค้าvip ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมตงไห่ พวกเราจะพยายามบริการเต็มที่เพื่อตอบสนองความต้องการของคุณลูกค้าให้ได้มากที่สุด ขอเชิญคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงขึ้นไปนั่งรอในโซนรับแขกที่ชั้นเจ็ดก่อนนะคะ”
เหลียวเซียวหยุนตกตะลึงโดยสมบูรณ์ เธอคิดไม่ถึงมาก่อนเลยว่า จ้าวเฉียนจะมีบัตรVIPสีทองซึ่งเป็นระดับสูงสุดของที่นี่ เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย ในขณะที่จ้าวเฉียนเพียงกล่าวไม่กี่คำ ปัญหาทั้งหมดก็ถูกคลี่คลาย
เดี๋ยวนะ? หรือเจ้าหมอนี่มันแสร่งมำเป็นหมูกินเสือกัน?
“จ้าวเฉียน! นายนี่มันเลวจริงๆ! นายจงใจหลอกฉันตั้งแต่แรก! เจ้าเล่ห์! ไร้ยางอายสิ้นดี! ใช้ประโยชน์ฉวยโอกาสฉัน!”
เหลียวเซียวหยุนกล่าวตอบด้วยความโกรธจัด
จ้าวเฉียนเหลือบมองเธออย่างไม่แยแส เอ่ยตอบกลับไปแค่ว่า
“ก็คุณเต็มใจพนันกับผมเอง ยังไม่ได้หลอกอะไรเลย”
“นายรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะชนะ แต่ก็ยังกล้าพนันกับฉัน นี่มันจงใจหลอกกันไม่ใช่เหรอไง? เจ้าเล่ห์จริงๆ! เหอะ!”
“อ้อ งั้นไปกินอาหารริมทางล่ะกัน”
จ้าวเฉียนหมุนตัวหันหลังเตรียมกลับ แต่เหลียวเซียวหยุนกลับรีบคว้าแขนเขาเอาไว้ก่อน
“อย่าเพิ่งสิ! ก็จองห้องอาหารไปแล้วไม่ใช่เหรอไง? จะมาเปลี่ยนแบบนี้ได้ยังไงกัน? ในฐานะผู้หญิงอย่างฉัน ก็ควรห่วงเนื้อห่วงตัวเป็นธรรมดา นายนั้นแหละที่จงใจเอาเปรียบ! ไม่คิดจะขอโทษหน่อยเหรอ?”
“ว้าว ที่พูดแบบนี้คือจงใจจะผิดสัญญาไม่จูบผมแล้ว?”
เมื่อเห็น ‘คู่รักหนุ่มสาว’ ทะเลาะกัน เหล่าพนักงานโดยรอบก็อดหัวเราะไม่ได้
เหลียวเซียวหยุนรู้สึกอายอย่างมาก เธอแตะจ้าวเฉียนไปทีหนึ่งก่อนวิ่งขึ้นลิฟต์ทันที
ในขณะเดียวกัน หยางหู่ก็ส่งข้อความผ่านWechatถึงจ้าวเฉียนพอดี
“คุณชายจ้าว เรื่องเมื่อช่วงกลางวันทุกอย่างคลี่คลายแล้วนะครับ ฟู่เอ๋อร์คงไม่กล้าหยิ่งผยองไปอีกยาย อย่างำรก็ตาม พ่อของเขาเป็นหัวหน้าแก๊งเหล่ยอู่ ผลที่ตามมาอาจทำให้เรื่องนี้ยุ่งยากเล็กน้อย แต่ใช้เงินจำนวนหนึ่งตบใส่น่าจะแก้ปัญหาได้อยู่ครับ”
ตราบใดที่มีเงินมากพอก็ไม่มีปัญหา
จ้าวเฉียนส่งข้อความตอบหยางหู่กลับไปว่า
“เอาเลย ฉันจะบอกเรื่องเงินให้พ่อทราบอีกทีเอง”