ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 419: การต่อสู้ที่เมืองเจียงอิน (2)
บทที่ 419: การต่อสู้ที่เมืองเจียงอิน (2)
ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟแห่งกรรม เหล่าทหารวิญญาณกรีดร้อง และทิ้งร่องรอยของเปลวไฟนรกเอาไว้ในทุกจุดที่พวกเขาเคลื่อนที่ผ่าน ทั่วทั้งเมืองเจียงอินถูกเปลี่ยนให้เป็นดินแดนแห่งการชำระ ที่ซึ่งเหล่าทหารวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนต่างพยายามสะบั้นคอของอีกฝ่าย
“พวกนั้นรออะไรอยู่?” ซาเซียงจู่หันไปหาขั้นยมทูตขาวดำทั้งเจ็ดที่อยู่โดยรอบและตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “กองกำลังของอีกฝ่ายแปลกมาก และข้าก็ไม่ได้นำทหารวิญญาณมามากมายขนาดนั้นเพื่อการนี้! กองกำลังของข้า—…”
เขากัดฟันแน่นอย่างเจ็บปวดหัวใจ เมื่อมองไปด้านล่าง เขามองเห็นกองกำลังทั้งสองฝ่ายกำลังปะทะกัน ประกายไฟปรากฏขึ้นในทุกครั้งที่หอกกับใบมีดปะทะเข้ากับชุดเกราะของศัตรู ทหารวิญญาณดูราวกับแมลง แต่อันตราส่วนของจำนวนผู้เสียชีวิตก็ยังอยู่ที่ประมาณสิบต่อหนึ่งอยู่ดี นอกจากนี้ ความแตกต่างของวินัยทางการทหารเองก็ชัดเจน เมื่อใดก็ตามที่ทหารของเขาล้มลง พวกเขาจะสร้างช่องโหว่ขึ้นในค่ายกล แต่เมื่อกองกำลังของยมโลกล้มลง ช่องว่างในค่ายกลก็จะถูกเติมเต็มโดยกองหลังที่เตรียมรออยู่ก่อนแล้วในทันที
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหวั่นสะพรึงมากกว่าก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าเขามองเห็นร่างเงาดำของกองกำลังพยัคฆ์คลั่งกว่าหมื่นนายยืนรออยู่ด้านหลังของพลหอกและพลโล่ทั้งหมด ราวกับอสรพิษร้าย กองกำลังพยัคฆ์คลั่งทั้งหมดนอนราบ รอเวลาที่จะจู่โจมออกมาอย่างรุนแรง
พวกเขากำลังรอเวลา…ซาเซียงจู่กรีดร้องออกมาในใจ – อีกฝ่ายกำลังรอเวลาที่จะได้โจมตีพวกเขาอย่างรุนแรง!
“ไอ้พวกไร้ประโยชน์!” เขากัดฟันแน่นและละสายตาจากภาพตรงหน้า กองกำลังของเขานั้นดูทรงพลังเป็นอย่างมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพวกอสูรวิญญาณในดินแดนต่างๆ แต่เมื่อได้พบกับกองทัพหลวงของยมโลก มันก็ทำให้พวกเขารับรู้ถึงจุดอ่อนที่แท้จริงของตัวเอง!
น่าเสียดายที่เขาไม่มีเวลาให้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เขาเงยหน้าขึ้น มองไปยังจุดที่ฉินเย่ อาร์ทิส และขั้นตุลาการนรกคนอื่นๆยืนอยู่ หัวใจของเขาเต้นเแรงขึ้นด้วยความโกรธ และในที่สุดเขาชักดับของตัวเองออกมา
ขั้นตุลาการนรกถึงสอกตน… บัดซบ… บัดซบจริงๆ
ในครั้งที่แล้วที่เขาได้พบกับฉินเย่ เขาอยู่ห่างจากอีกฝ่ายมาก และเขาก็ไม่สังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติอะไร แต่ตอนนี้ เขาตระหนักได้แล้วว่าความแตกต่างทางความสามารถระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นเกิดขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ว่าฉินเย่นั้นเป็นยมทูตที่แท้จริงของยมโลก นั่นคือเหตุผลเพียงอย่างเดียว! พลังและรัศมีที่แผ่ออกมาจากตัวของฉินเย่นั้นสร้างความกดดันจนทำให้จิตใจและจิตวิญญาณของเขาสั่นเทา นี่คือผลของการปราบปรามทางสายเลือด – ร่างกายของเขากรีดร้องออกมา บอกให้เขาหนี! และในขณะนั้นเอง ฉินเย่ก็ค่อย ๆ เดินเข้ามา มันเป็นการเดินที่เชื่องช้าและสงบนิ่งท่ามกลางการต่อสู้ที่โกลาหล แต่ถึงกระนั้น ทุกย่างก้าวที่ฉินเย่เดินกลับทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แรงกดดันที่อยู่ภายในใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนทำให้การหายไปเป็นไปด้วยความยากลำบาก!
ความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้ทำให้เขาเสียสติในที่สุด พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่บ้าคลั่ง ซาเซียงจู่อ้าปากออก และลิ้นของเขาก็พุ่งออกไปราวกับสายฟ้า เล็งตรงไปที่ลำคอของฉินเย่
หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงอย่างหนักหน่วง แรงกดดันนั้นมากมายมหาศาล มันยังทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองต้องทำอะไรบางอย่าง…อะไรก็ได้ เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะต้องมาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ แม้แต่ขงโม่เองก็ไม่สามารถทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวได้มากถึงเพียงนี้
ลิ้นสีแดงเข้มของเขาพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดเสียงแหวกผ่านอากาศ แต่ในขณะที่มันกำลังจะพุ่งทะลุร่างของฉินเย่ พลังหยินที่หนาแน่นก็เริ่มหลั่งไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเด็กหนุ่ม มันมีสีดำสนิท และค่อยๆเบ่งบานราวกับดอกปี่อั้นที่ลอยอยู่ในอากาศ “ดูเหมือนว่าขงโม่จะปกปิดอะไรหลายๆอย่างจากเจ้าสินะ… ถึงขนาดทำให้เจ้ากล้าที่จะพุ่งเข้าหายมทูตที่อยู่ในระดับขั้นพลังเดียวกันได้เช่นนี้ ความกล้าของเจ้านั้นช่างน่าชื่นชม…และน่าขันเสียจริง”
ฉึก! ซ่ากกก!!! ซาเซียงจู่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขารีบหดลิ้นของตัวเองกลับมา และเขาก็พบว่ามันถูกตัดออกเป็นสองส่วน
พรึ่บ…พลังหยินที่ยิ่งใหญ่ระเบิดออกมาจากร่างของฉินเย่และเปลี่ยนเป็นกระแสน้ำวนพลังหยินที่น่าสะพรึงกลัว และเปลวไฟนรกสีทองสองจุดก็ลุกโชนขึ้นจากภายใน “ข้ามักจะเป็นพวกขี้ขลาดมาตลอด แต่มันก็มีข้อยกเว้นเพียงข้อเดียวเท่านั้น”
“และนั่นก็คือ… เมื่อข้าต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายที่อยู่ระดับขั้นพลังเดียวกัน”
“เห้อ~ วิญญาณร้ายในช่วงร้อยปีที่ผ่านมานี้ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ…”
ทันทีที่เอ่ยจบ กระแสนำ้วนพลังหยินก็สลายไป และปากกาที่ก่อตัวขึ้นจากพลังหยินก็จิ้มไปในความว่างเปล่าตรงหน้า
มันเป็นการกระทำที่แผ่วเบา
ทว่าปลายปากกากลับฉีกกระชากสายลมตรงหน้าอย่างรุนแรง! ระเบิดคลื่นกระแทกพลังเสียงพุ่งตรงไปที่ร่างของซาเซียงจู่อย่างฉับพลัน
“เวรเอ้ย!!” แววตาของเขาวูบไหวอย่างรุนแรง และเขาก็รีบโยนวัตถุหยินสิบชิ้นที่มีอยู่ในครอบครองออกไปทันที ทั้งหมดนี้มีครั้งกะโหลกของมนุษย์ที่มีเขา สร้อยคอที่ทำจากกระดูกส่วนนิ้ว หุ่นเชิดโครงกระดูกขนาดเท่าฝ่ามือ และอื่นๆอีกมากมาย หลังจากนั้น ทุกอย่างโดยรอบก็พลันเงียบเสียงลง แทบจะเหมือนกับว่าเขาถูกตัดขาดออกจากส่วนอื่น ๆ ของโลก
รูม่านตาของเขาหดเล็กลง ด้านนอก คลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวของพลังหยินได้แพร่สะพัดเป็นวงกว้าง ห่อหุ้มเมืองเจียงอินทั้งหมดเอาไว้
“นี่มัน…” ยมทูตขาวดำทั้งเจ็ดที่ยืนอยู่รอบๆแทบจะไม่สามารถหลบหนีได้อย่างทันท่วงทีในขณะที่ฉินเย่ลงมือ พวกเขาจ้องมองไปยังแหล่งกำเนิดการปะทุของพลังหยิน ที่ซึ่งซาเซียงจู่เคยยืนอยู่เมื่อครู่ด้วยอาการอ้าปากค้าง ตอนนี้มันได้เปลี่ยนเป็นหลุมดำที่น่าสะพรึงกลัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพวกเขาก็ยังได้ยินเสียงกรีดร้องของอีกฝ่ายอีกด้วย
นี่คือยมทูตอย่างนั้นหรือ?
ตัวตนในตำนานของนรกที่พวกเขาเคยได้ยินเรื่องเล่ามากมายก่อนที่จะตาย?
แม้แต่ท่านซา…ก็ยังไม่สามารถสู้ได้?
แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวของขั้นตุลาการนรกที่กดทับลงมานั้นหนักหน่วงจนพวกเขาไม่กล้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียว ทันใดนั้น ลูกบอกพลังหยินก็ค่อย ๆ จายหายไป เผยให้เห็นร่างของชายคนหนึ่งที่ยังคงไม่บุบสลาย ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ในขณะที่ผิวของหนังส่วนใหญ่ของเขาถูกฉีกขาด
เปลวไฟนรกไหลออกมาจากรอยแยกบนผิวเนื้อของซาเซียงจู่ ส่งผลให้เขาดูน่าสงสารและน่าสะพรึงกลัวในเวลาเดียวกัน และวัตถุหยินที่เขาได้โยนออกมาก่อนหน้านี้ก็ได้แตกสลายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ริมฝีปากของเขาเอ่ยด้วยความสั่นเทา “ยังอยู่เฉยอีกอย่างนั้นหรือ?”
ขั้นยมทูตขาวดำทั้งเจ็ดกลับมาได้สติและจ้องมองกันและกันด้วยความหวาดกลัว
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์” ดวงตาระหว่างคิ้วของซาเซียงจู่ได้หลุดออกจากร่างและเริ่มปรากฏระลอกคลื่นสีทองจางๆออกมา เส้นผมของเขาสยายอย่างน่าสะพรึงกลัวขณะที่เขาจ้องมองฉินเย่ด้วยความหวาดระแวง “ลงไปช่วยทหารวิญญาณฝ่าวงล้อมบ้าๆนี่ ผู้ใดก็ตามที่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ให้รีบไปรายงานกลุ่มพันธมิตรแห่งความมืดทันทีว่ามีคนกำลังพยายามจะลอบโจมตีนครชฺวีฟู่!!”
หนึ่งในขั้นยมทูตขาวดำที่ได้ยินเช่นนั้นก็อ้าปากค้าง “แล้วท่านเล่า?”
“เจ้าโง่!!” ซาเซียงจู่หันไปมองและตะคอกด้วยน้ำเสียงดุดัน “หากข้าตายที่นี่ กลุ่มพันธมิตรแห่งความมืดก็จะเสียขั้นตุลาการนรกไปแค่หนึ่งตน แต่หากเจ้าสามารถออกไปจากที่นี่และรายงานเรื่องนี้ได้ พวกเราก็ยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตรอด แต่ถ้าเราไม่สามารถไปรายงานได้ พวกเราทั้งหมดก็ต้องตายที่นี่!!!”
คำพูดของเขาสร้างความหวั่นสะพรึงให้กับขั้นยมทูตขาวดำทั้งหมดได้เป็นอย่างดี พวกเขาไม่แม้แต่จะตอบ และทั้งหมดก็กรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวขณะที่เปลี่ยนร่างเป็นกระแสลมเจ็ดสายที่พุ่งลงไปยังการต่อสู้ด้านล่าง
สายลมรุนแรงเจ็ดสายกรีดร้องออกมาขณะที่พวกเขาปะทะเข้ากับกองกำลังด้านล่างราวกับอสรพิษ ที่ใดก็ตามที่พวกเขาผ่าน พลังหยินจะระเบิดออกมาและทหารวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะสลายหายไป ภายในไม่กี่วินาที สนามรบด้านล่างเปลี่ยนเป็นการนองเลือดอย่างสมบูรณ์
อึก... ทหารวิญญาณหลายสิบนายถูกกลืนกินเข้าไปโดยเหล่ายมทูตขาวดำอย่างรวดเร็ว จากนั้น ด้วยการขบเคี้ยวเบาๆ ทหารวิญญาณทั้งหมดก็กลายเป็นเพียงกลุ่มก้อนพลังหยินที่ไหลเล็ดลอดออกมาจากปาก
หนึ่งในขั้นยมทูตขาวดำที่หัวโล้นและสวมเสื้อคลุมแขนกุดสีขาว กางเกงสีดำและรองเท้าผ้าสีดำ เขามีรูปร่างผอมอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ท้องของเขากลับใหญ่ขึ้นเรื่อย มันดิ้นไปดิ้นมาราวกับมันเป็นคนละส่วนกับร่างของเขาอย่างสิ้นเชิง ดวงตาของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงด้วยความกลัว
อึกกกก!!
ในขณะนั้นเอง เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้น ซาเซียงจู่พยายามข่มเสียงกรีดร้องของตนเอาไว้และส่งเสียงครางอู้อื้อออกมาแทน แต่ถึงกระนั้น ชายสูงวัยกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน และมันก็ทำให้ขนบนร่างของเขาลุกชัน
น่ากลัว… นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เมื่อตอนที่อยู่ข้างบนนั้น พวกเขารู้สึกไม่ต่างอะไรกับมดเลยแม้แต่น้อย มีเพียงหลังจากลงมาจากสนามรบของเหล่าขั้นตุลาการนรกเท่านั้นที่ทำให้เขาฟื้นฟูความมั่นใจในความสามารถของตนในฐานะของยมทูตขาวดำกลับคืนมาอีกครั้ง มันเป็นตอนที่เขาได้ฉีกกระชากร่างของทหารวิญญาณตรงหน้าแล้วเท่านั้นที่เขาจำได้ว่าตัวเองเป็นวิญญาณร้าย
ใช่แล้ว… ข้าอยู่ขั้นยมทูตขาวดำ ข้าฆ่าวิญญาณเหล่านี้ได้… ข้าจะฆ่าให้หมด! เรายังมีทางออก!
ความกลัวมักตามมาด้วยการยอมจำนนต่ออารมณ์ของตนด้วยการสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมด้วย หรืออาจเป็นความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นในการปฏิเสธแหล่งที่มาของความหวาดกลัวนั้น
ความกลัวที่มากเกินขนาดได้กระตุ้นความกระหายเลือดภายในใจของขั้นยมทูตขาวดำออกมา ชายหัวโล้นล้มตัวลงคลานบนพื้น ล้อมรอบโดยเหล่าทหารกล้าของยมโลก กองกำลังของซาเซียงจู่ตามหลังเขามาติด ๆ เขาแลบลิ้นสีแดงของตนออกมาและเลียริมฝีปากของตนเอง “บุก...ฆ่ามันให้หมด! ใครหนีต้องตาย!!”
ซ่ากกก!!! สิ้นสุดเสียงพูด เขาก็พุ่งเข้าหากองกำลังยมโลกอย่างรวดเร็ว
เหล่าทหารวิญญาณของกลุ่มพันธมิตรแห่งความมืดที่อยู่ด้านหลังของเขาสูดหายใจเข้าช้าๆ การปรากฏตัวของขั้นยมทูตขาวดำทำให้พวกเขามั่นใจมากกว่าเดิมหลายเท่า ก่อนหน้านี้พวกเขารู้สึกหลงทางและหมดหวังเนื่องจากกองกำลังของยมโลกนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ตอนนี้…พวกเขามีความช่วยเหลือจากยมทูตขาวดำที่นำทัพแล้วไม่ใช่หรือ?
“พวกเจ้ารออะไรกันอยู่?! บุก!!!” หนึ่งในแม่ทัพของกลุ่มพันธมิตรแห่งความมืดตะโกนออกมาใส่กองกำลังทั้งหมดขณะที่ตัวเองพุ่งเข้าหากองกำลังของศัตรู ทันใดนั้น ทหารวิญญาณที่อยู่ด้านหลังของเขาก็สูดหายใจเข้าช้าๆ กระชับมือที่กำรอบอาวุธของตัวเองและคำรามออกมาเสียงดังขณะที่พวกเขาพุ่งเข้าหาศัตรูเช่นกัน
พุ่งไปข้างหน้า! เหยียบย่ำกองกำลังของศัตรู! อย่าหยุดจนกว่าอีกฝ่ายจะตาย! ดวงตาของพวกเขาฉายแววกระหายเลือดออกมาอย่างชัดเจน หอกและดาบปะทะกันอย่างรุนแรง วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนกรีดร้องออกมาขณะที่พวกเขากลายเป็นเพียงกลุ่มลูกไฟนรก ทันทีที่เหล่าทหารที่พุ่งไปข้างหน้าล้มลง ผู้ที่อยู่ด้านหลังก็รีบพุ่งเข้าไปแทนที่ทันที ปราศจากความปรานีและร้อนระอุ แม้แต่วิญญาณที่ขี้ขลาดที่สุดก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณของพวกเขาถูกกระตุ้นด้วยความกระหายเลือด พวกเขายังคงพุ่งตัวไปข้างหน้า กระโจนใส่ศัตรู ทำทุกอย่างเพื่อจัดการกับศัตรูให้ได้มากที่สุดก่อนที่ตัวเองจะต้องตายไป
ณ เวลานี้ กองกำลังของกลุ่มพันธมิตรแห่งความมืดที่หลงทางก่อนหน้านี้ก็แสดงสัญญาณของระลอกคลื่นครั้งที่สองอีกครั้ง และพวกเขาก็เริ่มตอบโต้กลับในที่สุด
และมันก็ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้น
แต่ขั้นยมทูตขาวดำอีกเจ็ดตนก็เปลี่ยนร่างเป็นสายลมอันทรงพลังที่พุ่งตัวผ่านกองกำลังของยมโลก คลายความกดดันที่มีต่อกองกำลังของตนเองและบรรเทาความหวาดกลัวภายในใจของพวกเขาจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ทางตะวันออกเฉียงใต้ กองกำลังของยมโลกถอยห่างออกมาจากศัตรูของตน เว้นช่องว่างเกือบร้อยเมตรเอาไว้ กองกำลังทหารของยมโลกกว่าพันนายก่อกำแพงป้องกันขึ้นอย่างหนาแน่น แต่ก็เหลือช่องว่างไว้เพียงพอที่หอกจะสามารถพุ่งผ่านไปใน ในขณะเดียวกัน ลูกดอกหน้าไม้กว่าพันดอกของหน้าไม้ศักดิสิทธิ์เปลวไฟแห่งกรรมถูกชูขึ้นเหนือโล่และเล็กไปยังจุดศูนย์กลางของวงล้อม
ณ จุดนั้น มีร่างของผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่
นางสวมชุดกระโปรงสีดำ และเท้าเปลือยเปล่า เส้นผมของนางตกลงมาประบ่า และตอนนี้…นางก็กำลังกอดตัวเองขณะที่กรีดร้องออกมาด้วยเสียงที่สั่นเทา “น่ากลัว…น่ากลัวอะไรเช่นนี้!”
“ข้าคือยมทูตขาวดำ… ข้าอยู่ขั้นยมทูตขาวดำ… อ๊ากกกก!!!” นางยังคงให้กำลังใจตัวเองเพื่อสลัดความกลัวออกจากหัวใจ จากนั้น นางก็เงยหน้าขึ้นและกรีดร้องออกมาสุดเสียง ทันใดนั้นเอง คลื่นกระแทกพลังหยินก็ขยายออกเป็นวงกว้างและกระทบเข้ากับร่างของเหล่าทหารวิญญาณโดยรอบ ในขณะเดียวกัน เหล่าทหารวิญญาณที่เผชิญหน้ากับนางก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่านางเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวเพียงใด
นางไม่มีเครื่องหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว
กลับกัน มันมีเพียงหน้ากลวงโบ๋ซึ่งโชกไปด้วยเลือดและเต็มไปด้วยฟันที่แหลมคมเท่านั้น
ราวกับสามารถมองเห็น นางหันหน้าไปรอบๆในขณะที่พึมพำออกมาด้วยเสียงที่สั่นเทา “ใช่ ใช่แล้ว… ข้าคือขั้นยมทูตขาวดำ… ข้าเคยตายมาแล้ว ดังนั้นมันก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องกลัวอีก... ไม่มี…ไม่มีเลยสักนิด…”
เมื่อเอ่ยจบ เส้นผมสีดำสนิทก็พุ่งออกไปราวกับคลื่นสึนามิที่พันรอบทหารวิญญาณและหั่นร่างของเขาให้เป็นชิ้น ๆ ไม่มีใครมีโอกาสได้กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
ดวงตาสีแดงเลือดภายใต้ผมเผ้าสีดำสนิทเปลี่ยนจากแววหวาดกลัวเป็นสงบนิ่ง “ข้าคือขั้นยมทูตขาวดำ… หึหึหึ…”
การสังหารศัตรูทำให้นางคลายความหวาดกลัวภายในใจไปไดบ้าง หลังจากนั้น นางก็กรีดร้องออกมาเสียงดังขณะที่พุ่งเข้าหากองกำลังของยมโลกอีกครั้ง
เหล่าทหารวิญญาณของกลุ่มพันธมิตรแห่งความมืดเองก็ตามไปติดพร้อมกับเสียงร้องที่ดังลั่น “บุกกกกก!!!” หลังจากนั้น เขาก็พุ่งเข้าใส่กองกำลังของศัตรูด้วยแม่ทัพขั้นตุลาการนรกของตนเอง
หากมองจากด้านบน กองกำลังของกลุ่มพันธมิตรแห่งความมืดกำลังหลั่งไหลไปยังกองกำลังของยมโลกด้วยเปลวไฟแห่งความมุ่งมั่นที่ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง พวกเขาตะโกนออกมาสุดเสียงขณะที่พุ่งเข้าใส่ศัตรูโดยปราศจากรูปแบบการวางแผนใดๆ
นี่เป็นเพลงต่อสู้ระหว่างการปะทะกันของอาวุธปและพลังหยินที่มากมายมหาศาล มันเป็นสนามรบของคนตาย เปลวไฟนรกทำให้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตของเหล่าวิญญาณโบยบินอย่างอิสระ ในขณะที่เครื่องแต่งกายสีดำสนิทและพลังหยินปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองเจียงอิน หนึ่งในกองทัพวิญญาณดึงหอกของตนออกจากอกของหนึ่งในทหารวิญยาณ สั่นเทาด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้เปลี่ยนเป็นลูกไฟนรก – สุดยอด… สุดยอดมาก... แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็พบว่ามีหอกอีกเล่มหนึ่งที่แทงเข้าทะลุอกของตัวเองเช่นกัน
“ข้า–…” ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นลูกไฟนรกก่อนที่เจ้าตัวจะทันได้เอ่ยจนจบประโยชน์ ภาพเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วทุกมุมของสนามรบ
สิ่งเดียวที่สามารถสร้างความหวาดกลัวขึ้นภายในใจของวิญญาณร้ายได้ก็คือวิญญาณร้ายอีกตน
และทางเดียวที่จะสามารถจบสงครามได้ก็คือสงครามเช่นกัน