ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - ตอนที่ 352: การเปิดตัวยุทโธปกรณ์ชิ้นแรก (4)
บทที่ 352: การเปิดตัวยุทโธปกรณ์ชิ้นแรก (4)
บนชั้นที่สองของหอประชุม ฉินเย่เริ่มสงบใจของตัวเองลง
หัวใจของคนพวกนี้เริ่มลุกโชนด้วยความมุ่งมั่นแล้ว…
ดนตรีคือสิ่งพิเศษ มันสามารถทำให้ความรู้สึกของผู้คนพลุ่งพล่านราวกับปืนกล ปลุกปั่นและขับเคลื่อนให้คน ๆ หนึ่งกระทำบางสิ่งบางอย่างได้เมื่อใช้ในจังหวะที่ถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น การเลือกเพลงที่ถูกต้อง การป้องกันที่ไม่ได้มีไว้เพื่อผลกระทบจากดนตรีโดยตรงจะได้รับผลกระทบอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากเขาต้องตัดสินใจในไม่นานหลังจากนั้น แน่นอนว่าผลกระทบของมันจะลดลงเมื่อฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งผู้ซึ่งมาพร้อมกับความมุ่งมั่นที่แน่วแน่อย่างราชทูตพวกนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ส่งผลอะไรเลย ! คำถามก็คือมันส่งผลมากแค่ไหน และภายใต้เจตนาแฝงเหล่านี้ ชุดเกราะพยัคฆารูปแบบใหม่ก็พร้อมที่จะถูกเปิดตัวสู่ท้องตลาด !
“ไอ้หนู” เขาเอียงศีรษะและหันไปพูดกับหวังเฉิงห่าว “ไปตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกที่รับผิดชอบเรื่องชุดเกราะพยัคฆารูปแบบใหม่ประจำที่พร้อมแล้ว ทันทีที่เพลง ‘Go Time’ ซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายจบลง ข้าต้องการให้พวกเขาพร้อมสำหรับการเปิดตัวทันที !”
“รับทราบ” หวังเฉิงห่าวตอบและเดินออกไปทันที
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นาน เหล่าข้าราชการศักดินาทั้งหมดก็ถูกจู่โจมโดยลำดับเพลงที่ทรงพลัง พวกเขาทั้งหมดยังทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อรักษาใบหน้านิ่งสงบเอาไว้ แต่เมื่อลองสังเกตอย่างละเอียดจะพบว่าความรู้สึกที่แท้จริงของพวกเขานั้นได้แสดงออกมาผ่านรายละเอียดเล็กน้อย
หนึ่งในรายละเอียดเล็กน้อยที่ว่าก็คือการกำที่วางแขนข้าง ๆ ตนแน่น และมันก็ยังมีพวกที่ขยับขาไปตามทำนองเพลงอย่างไม่สามารถห้ามได้ ในขณะที่คนอื่น ๆ พากันหายใจติดขัด บางคนดวงตาลุกวาวด้วยเปลวไฟนรก ทุกสิ่งทุกอย่างบอกฉินเย่ว่าพวกเขาเริ่มเข้าสู่ภวังค์และเต้นรำอยู่บนมือของเขาแล้ว
ดนตรีที่ถูกเล่นทำให้พวกเขานึกถึงช่วงเวลารุ่งโรจน์ในตอนที่ยังมีชีวิต
คนทั้งหมดดื่มด่ำไปกับเสียงเพลง เสียงปะทะกันของดาบดังก้องขึ้นราวกับอยู่ในสมรภูมิรบ และพวกเขายังได้ยินเสียงแตรรบที่ส่งสัญญาณถึงการเริ่มต้นของสงครามอีกด้วย มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนจริง แม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่าสมองของตัวเองกำลังเล่นตลก แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเพลิดเพลินไปกับความรุ่งโรจน์ในชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง
มันใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบนาทีเท่านั้นที่พวกเขาได้เดินข้ามแม่น้ำแห่งการเวลาและกลับไปสู่ยุคสมัยรุ่งโรจน์นั้น มันพาพวกเขากลับไปสู่ช่วงที่หัวใจของพวกเขาอ่อนโยนที่มุด และยังย้ำเตือนถึงช่วงเวลาที่ความมุ่งมั่นของพวกเขาลุกโชนมากที่สุด เมื่อเพลง ‘Go Time’ ซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายเริ่มขึ้น คนทั้งหมดก็รับรู้ได้ทันทีว่านี่จะเป็นเพลงสุดท้าย เหล่าข้าราชการศักดินาทั้งหมดตั้งใจที่จะผ่อนคลายความรู้สึกภายในใจของตนเองเมื่อเพลงสุดท้ายดังขึ้น แต่…
‘Go Time’ เป็นเพลงประเภทใด ?
มันคือเพลงต่อสู้ที่ถูกฟังโดยซัมมอนเนอร์กว่าสิบล้านคนทั่วโลก ! [1]
มันไม่เข้ากันหรือเปล่าน่ะหรือ ?
ไม่เลยสักนิด ใครก็ตามที่รู้จักเพลงนี้จะรู้ดีว่าถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นมหากาพย์อย่าง ‘Star Sky’ หรือ ‘Victory’ แต่มันก็เพียงพอที่จะเป็นเพลงปิดแล้ว ! มันเต็มไปด้วยท่วงทำนองที่ทรงพลัง และเสียงเบสที่หนักหน่วงซึ่งปลุกเร้าทุกอณูความรู้สึกในร่างกายและจุดประกายจิตวิญญาณต่อสู้ของคนทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย มันคือเพลงที่ประกาศถึงการเริ่มต้นขึ้นของสงคราม !
เป็นอย่างที่คิด ไม่มีใครสูญเสียความมุ่งมั่นไปเลยแม้แต่นิดเดียว กลับกัน เลือดในกายของพวกเขากลับเดือดพล่านมากกว่าเดิม พลุ่งพล่านไปพร้อมกับเสียงเพลง !
วงออร์เคสตราบรรเลงอย่างเมามัน ในขณะที่วาทยากรขยับร่างกายของตนอย่างหนักหน่วงไปตามจังหวะ ทั้งหอประชุมระเบิดขึ้นสู่อีกระดับ นำพาความรู้สึกของคนทั้งหมดไปยังจุดที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน !
“เฮือก…” ลมหายใจของหลิวอวี้ติดขัดมากกว่าเดิม บทเพลงพวกนี้…งดงามมาก เขา… ไม่สิ ทุกคนที่แทบจะต่อสู้กันอย่างดุเดือด เพลงสุดท้ายนี้ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่ได้ต้องการความเจริญรุ่งเรือง สิ่งที่เขาต้องการก็คือการเฉิดฉายเช่นนี้ไปชั่วนิรันดร์ !
นี่คือความรุ่งโรจน์ที่ควรจะเป็นของเขาตั้งแต่แรก !
เกาฉางกง ฉางเย่ชุน ฮั่นฉินหู… และข้าราชการศักดินาที่เหลือต่างจ้องไปที่เวทีอย่างไม่ละสายตา สูดหายใจเข้าช้า ๆ เพื่อข่มหัวใจที่เต้นแรง เพลงนี้คือเพลงต่อสู้ของฉินเย่อย่างไม่ต้องสงสัย มันบ่งบอกว่างานเปิดตัวที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว คนทั้งหมดเริ่มมีลางสังหรณ์เกี่ยวกับสิ่งที่จะมาถึง แต่พวกเขาไม่อยากให้ความรู้สึกปั่นป่วนภายในใจจะต้องหยุดลง
พวกเขาถูกดึงขึ้นสูงขนาดนี้แล้วจะยอมปล่อยให้มันค้างคาโดยไม่มีการปิดจบอย่างเป็นทางการได้อย่างไร ?
พึงรู้ว่าความเป็นใหญ่ของแผ่นดินจีนในทวีปตะวันออกหมายความว่าพวกเขาไม่จำเป็นจะต้องเจรจาต่อรองกับผู้อื่นมาก่อน ใครจะกล้าขัดขวางพวกเขา ?
ดังนั้นคนทั้งหมดจึงไม่คิดที่จะยอมแพ้เลยแม้แต่น้อย
ทว่าทันทีที่ ‘Go Time’ จบลง แสงสว่างภายในหอประชุมก็ดับลงทันที
ภายในหัวของทุกคนยังคงติดค้างอยู่กับความรู้สึกสุดท้ายขณะขนที่ลุกชันค่อย ๆ สงบลง ความร้อนรุ่มค่อย ๆ บรรเทาลง ทำให้คนทั้งหมดถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างโล่งอก และทันใดนั้น หอประชุมก็กลับมาสว่างอีกครั้ง
ครั้งนี้ มันไม่ได้ส่องไปที่เวทีหลัง กลับกัน มันฉายขึ้นไปยังชั้นสองของหอประชุมซึ่งมีฉินเย่ยืนอยู่ ตอนนี้เขายืนอยู่ที่ระเบียงของชั้นที่สอง
“ทุกท่าน ข้าหวังว่าพวกท่านจะพบว่าการแสดงเมื่อครู่นั้นเป็นที่น่าพึงพอใจ” โดยไม่เว้นจังหวะ เขาเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มบาง “แต่นั่นเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น”
คำพูดของเขาแทบจะไม่มีความหมายสำหรับเหล่าข้าราชการศักดินาเลยสักนิด เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนส่วนใหญ่ก็ยังคงติดค้างอยู่กับการแสดงที่งดงามและดื่มด่ำเมื่อครู่นี้ หากพวกเขามีตัวเลือกเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง พวกเขาจะต้องเลือกตัวเลือกดังกล่าวอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่อาหารจานหลักกำลังจะถูกนำออกมาแล้ว
ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ โนบูนางะและอาร์ทิสยืนอยู่ข้าง ๆ เขา การเตรียมการที่ยากลำบากตลอดครึ่งปีกำลังจะมารวมตัวกันในเวลานี้ จะสำเร็จหรือจะล้มเหลว… ทั้งหมดจะถูกตัดสินใจอีกไม่กี่วินาทีต่อจากนี้
“อย่างที่ทุกท่านทราบ สถานะทางการเงินของยมโลกแห่งใหม่ยังไม่ได้ดีมากนัก หากพูดกันตามความจริง นี่คือความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้สำหรับโลกใต้พิภพที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ทั้งหมด ดังนั้น จ้าวนรกองค์ที่สามผู้ต่ำต้อยผู้นี้จึงไม่มีทางอื่นนอกจากเปิดประมูลบางอย่าง เชิญดู”
แสงไฟกะพริบเล็กน้อย สปอตไลต์ทั้งหมดถูกส่องไปที่จ้าวฉี ผู้ซึ่งขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ
“หืม ?” แววตาของหลิวอวี้ เกาฉางกง ชากัน และข้าราชการศักดินาบางตนเป็นประกายขึ้นทันที พวกเขาไม่มีโอกาสได้ปรับลมหายใจของตัวเองให้เป็นปกติด้วยซ้ำ ขณะที่หัวใจที่เต้นเร็วยังคงสั่นคลอนจากท่วงทำนองที่ทรงพลัง สิ่งของสำหรับการระบายความอึดอัดของพวกเขาก็ปรากฏขึ้น !
อาวุธ !
ชุดเกราะ !
นี่คือสองสิ่งที่พวกเขาให้ค่ามากที่สุด ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถสังหารใครได้ในตอนนี้ มันก็ไม่มีสิ่งใดที่น่าพอใจไปกว่าการระบายความอึดอัดทั้งหมดผ่านสิ่งที่สามารถสร้างประโยชน์ให้พวกเขาได้ในอนาคต !
แน่นอน พวกเขาไม่ได้ถูกครอบงำอย่างสมบูรณ์ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ หัวใจของพวกเขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วยที่พวกเขาควรจะผ่อนคลายและดื่มด่ำไปกับความยั่วยวนนี้ ตรรกะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่คอยฉุดรั้งพวกเขาทุกคนเอาไว้ในตอนนี้
มันแทบจะเหมือนกับว่ามีเสียงหนึ่งคอยกระซิบอยู่ข้างหูของพวกเขา : ลองสัมผัสดูสิว่าหัวใจของพวกเจ้าเต้นแรงมากเพียงใด ! รออะไรอยู่ ? มันไม่มีโสเภณีหรือผู้คนให้พวกเจ้าสังหาร เพราะฉะนั้นพวกเจ้าคิดจริง ๆ น่ะหรือว่าตนจะสามารถระงับเลือดที่เดือดพล่านภายในกายของตัวเองได้ ?
แต่อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดกัน : ใจเย็น ๆ เจ้าจะต้องใจเย็น ๆ! ยุทโธปกรณ์เป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาล เจ้าจะต้องแน่ใจเสียก่อนว่าสิ่งที่จะซื้อนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดจริง ๆ!
หลิวอวี้เลียริมฝีปากที่แห้งผากจากความตื่นเต้นที่มีมากเกินไปในช่วงมหกรรมดนตรีเมื่อครู่ เขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า “เช่นนี้นี่เอง ท่านฉิน นี่คือชุดเกราะที่ท่านต้องการจะเปิดประมูลใช่หรือไม่ ?”
พรึ่บ… ทันใดนั้นเอง ข้อความแถวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนผนังด้านหลังของชุดเกราะพยัคฆารูปแบบใหม่
รุ่น : เกราะพยัคฆารูปแบบใหม่
การป้องกัน : ขั้นยมทูตขาวดำ
พลังโจมตี : รวมใบมีดในชุดเกราะ
คุณสมบัติ : น้ำหนักเบา – ชุดเกราทั้งชุดมีน้ำหนักเพียงสิบกิโลกรัม นอกจากนี้ เกราะบริเวณอก ไหล่ และข้อต่ออื่น ๆ ยังมีช่องให้ใส่หินวิญญาณ เมื่อใส่หินเข้าไปแล้ว พลังหยินของผู้สวมจะเพิ่มขึ้น และสามารถสร้างค่ายกลต่อสู้ได้ด้วยจำนวนทหารวิญญาณที่น้อยกว่าเดิม 10%
“อะไรน่ะ ?!” “นี่มัน…อะไรกัน ?! เกราะพยัคฆารูปแบบใหม่ ? ยมโลกแห่งใหม่พัฒนาขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?!” “มันเป็นไปไม่ได้… นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ?!” “แม้แต่ยมโลกแห่งเก่าก็ไม่สามารถบรรลุสิ่งเหล่านี้ได้ !”
เป็นการแนะนำที่สั้นและกระชับ
แต่ทันทีที่พวกเขาอ่านมัน ข้าราชการศักดินาทั้งหมดก็ลุกขึ้นยืนและจ้องมองจ้าวฉีด้วยสายตาเหลือเชื่อ
ชุดเกราะนี้…ดูแข็งแกร่ง แต่ชุดเกราะที่มีดีเพียงแค่รูปลักษณ์นั้นไม่มีประโยชน์สำหรับพวกเขา ใครก็ตามสามารถทำให้มันดูยิ่งใหญ่ได้ แต่ความงดงามนั้นไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ในสนามรบ สิ่งที่พวกเขาต้องการคือประโยชน์ใช้สอย !
แต่ถึงกระนั้น…
ชุดเกราะที่มีน้ำหนักเพียงสิบกิโลกรัม ? และยังมีพลังป้องกันขั้นยมทูตขาวดำ ?!
นี่มันเป็นชุดเกราะที่เบาและแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลกใต้พิภพ ! ยมโลกแห่งใหม่สามารถทำลายสถิติทั้งสองนี้ได้ในเวลาเดียวกันเลยอย่างนั้นหรือ ?
เป็นไปไม่ได้… ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเรียนฟิสิกส์และไม่รู้ถึงความเกี่ยวพันธ์ระหว่างความหนาแน่นและน้ำหนัก แต่ประสบการณ์ในการใช้ชุดเกราะของพวกเขาบอกพวกเขาว่ามีเพียงชุดเกราะที่มีน้ำหนักมากเท่านั้นที่สร้างการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ชุดเกราะตรงหน้ากลับทำลายความเชื่อทั้งหมดของพวกเขาไป !
และนั่นก็ยังไม่รวมถึงประสิทธิภาพที่น่าสะพรึงกลัวอย่างการสร้างค่ายกลสู้รบได้ด้วยทหารวิญญาณน้อยกว่าเดิม 10% ! นี่มันเป็นเกราะที่จะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้เด็ดขาด !
พึงรู้ว่าสาเหตุที่ข้าราชการศักดินาทุกคนในที่นี้ต่างสร้างชื่อให้กับตัวเองได้ก็เพราะพวกเขานั้นเชี่ยวชาญทั้งด้านการปกครองและการทหาร ดังนั้น ทันทีที่พวกเขาได้รับรู้ถึงความสามารถของชุดเกราะตรงหน้า ดวงตาของคนทั้งหมดก็ลุกโชนขึ้นทันที
กองกำลังพิเศษ !
พวกเขาทุกคนล้วนมีกองกำลังพิเศษเป็นของตัวเอง ! ตราบใดที่กองกำลังของพวกเขาได้สวมเกราะพวกนี้ มันก็จะไม่ต่างอะไรกับการมอบปีกให้เสือ ! ชากันเริ่มคิดที่จะใช้ชุดเกราะนี้กับกองกำลังสถูปเหล็กของตัวเอง หากเขาสามารถทำเช่นนั้นได้ กองกำลังของเขาก็จะกลายเป็นเครื่องบดเนื้อเคลื่อนที่ดี ๆ นี่เอง !
ในทำนองเดียวกัน อวี๋เชียนและหยางจีเย่เองก็คิดถึงความเป็นไปได้เหล่านี้เช่นกัน แน่นอน พวกเขารีบเอ่ยออกไปทันทีว่า “ฝ่าบาท โปรดตรองดูอีกทีเถิดพ่ะย่ะค่ะ !” “สิ่งนี้สามารถถูกจัดให้เป็นยุทโธปกรณ์ประจำชาติได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ เราจะนำมันมาประมูลเช่นนี้ได้อย่างไร ? ห้ามประมูลมันเด็ดขาดเลยนะพ่ะย่ะค่ะ !”
ทั้งสองเคลื่อนไหวพร้อมกัน ส่งคลื่นพลังหยินซึ่งก่อตัวเป็นกรงเล็บและดันจ้าวฉีกลับไปหลังม่าน แต่ทันทีที่พวกเขาทำเช่นนั้น คลื่นพลังหยินอีกนับสิบก็ปะทุออกมาและผลักทั้งสองออกไป จนพลังของพวกเขากระจายออกไปรอบ ๆ
“พวกเจ้า…” อวี๋เชียนหันกลับไปมองคนทั้งหมดด้วยสายตาวาวโรจน์ “นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน ?”
เขาเป็นกังวลงอย่างมาก
กองกำลังพิเศษของข้าราชการศักดินาแต่ละตนล้วนโด่งดังและมีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง หากพวกเขาได้ชุดเกราะที่ทรงพลังนี้ไป นั่นจะไม่เปรียบได้กับการมอบเชือกให้กับศัตรูมารัดคอพวกเขาอย่างนั้นหรือ ?
“อวี๋เชียน ท่านฉินยังไม่ได้เอ่ยอะไรเลยไม่ใช่หรือ ? มันเหมาะสมแล้วหรืออย่างไรที่ขันทีจะเอ่ยก่อนองค์จักรพรรดิ ?” เห็นได้ชัดว่าเกาฉางกงกำลังเอ่ยกับอวี๋เชียน แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่จ้าวฉีและเกราะที่เขาสวมอยู่ เขาเลียริมฝีปากของตัวเองก่อนจะหันไปหาฉินเย่และโค้งคำนับเด็กหนุ่มอย่างเคารพ “ท่านฉิน ข้าอยากจะทราบว่าท่านมีชุดเกราะที่ต้องการจะขายอยู่จำนวนเท่าใด ? และราคาคือเท่าไหร่ ?”
ซื้อมันซะ !
สัญชาตญาณแรกของเขาก็คือต้องซื้อชุดเกราะชุดนี้ให้ได้ !
เขารู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลก เพราะเขาไม่ใช่คนที่ทำสิ่งต่าง ๆ อย่างหุนหันพลันแล่น แต่ตอนนี้…เขากลับต้องการที่จะระบายความรู้สึกที่ปั่นป่วนกับการซื้อของตรงหน้านี้ หัวใจของเกาฉางกงเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย และสินค้าที่น่าอัศจรรย์นี้ก็มาได้ถูกเวลา อันที่จริง…มันเหมาะสมกับความต้องการของเขาเป็นอย่างมาก
เพลงสงครามที่ถูกบรรเลงก่อนหน้านี้ทำให้หัวใจของเขาร้อนรุ่มไปหมด เขาจะยอมถอยกลับได้อย่างไร ? และตอนนี้โอกาสก็มาแล้ว ดังนั้นเขายังต้องรออะไรอีก ?
ถูกเวลา ราวกับหมอนที่ปรากฏขึ้นทันทีที่เขาหลับ
ดีมาก… ฉินเย่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ เขามั่นใจว่าข้าราชการศักดินาพวกนี้จะต้องแย่งซื้อเกราะพยัคฆาใหม่อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นของดี และการแสดงก่อนหน้านี้ก็ถูกจัดขึ้นเพื่อให้คนทั้งหมดตัดสินใจได้ง่ายขึ้น รวมถึงกระตุ้นให้พวกเขาเปิดกระเป๋าเงินออกเล็กน้อยเท่านั้น
แม้ว่าราคาของมันจะพุ่งสูงขึ้นแค่ 10% แต่มันก็ยังถือว่าเป็นกำไรมหาศาลอยู่ดี !
“10,000 ชุด” ทันทีที่ฉินเย่เอ่ยออกมา อวี๋เชียนก็โพล่งออกมาว่า “ฝ่าบาท ! โปรดพิจารณาดูอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ !”
ฉินเย่ไม่สนใจอีกฝ่าย กลับกัน เขาเพียงยิ้มบางและเชิดหน้ามองไปยังเวที ที่ซึ่งชายสูงวัยร่างท้วมที่แต่งกายด้วยชุดสูทจีนโบราณก้าวขึ้นมา
เขาก้าวออกมาอย่างมั่นใจและโค้งคำนับคนทั้งหมด “ข้าน้อย หลี่ซุ่นไจ๋ คารวะข้าราชการศักดินาผู้สูงศักดิ์ทุกท่าน”
“ข้าน้อยจะเป็นผู้ดำเนินงานประมูลในวันนี้ ลำดับแรก เราจะทำการออกหมายเลขประจำตัวสำหรับการประมูล ท่านใดที่สนใจจะเสนอราคาสามารถส่งตัวแทนลงมาที่เวทีกลางได้ หรือหากต้องการจริง ๆ พวกท่านเดินลงมาด้วยตนเองได้เช่นกัน”
ทันทีที่เขาเอ่ยจบ หลิวอวี้หันไปสบตากับผู้ช่วยของตนเองอย่างสื่อความหมายและผู้ช่วยของเขาก็ระเบิดพลังหยินของขั้นยมทูตขาวดำออกมาก่อนจะพุ่งลงไปที่เวทีกลางอย่างรวดเร็ว
[1] ซัมมอนเนอร์(Summoners) คือคำเรียกกลุ่มผู้เล่น LoL