ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - ตอนที่ 336: เกราะพยัคฆา (1)
บทที่ 336: เกราะพยัคฆา (1)
ฉินเย่เข้าใจหลักการง่าย ๆ ทั้งหมดที่พ่อค้าอาวุธส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ และนั่นก็คือหลักการที่ว่าสินค้าระดับไฮเอนด์ย่อมเป็นที่ปรารถนาที่สุด และที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าสินค้าระดับไฮเอนด์นั้นสามารถบดขยี้สินค้าธรรมดา ๆ ในแง่ของประสิทธิภาพในการรบได้อย่างชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่น ในตอนที่เกาะฟอร์โมซาซื้อขีปนาวุธอเวนเจอร์และขีปนาวุธสติงเจอร์อูโซเนีย พวกเขาถูกบอกว่าในราคาเดียวกันนี้ พวกเขาสามารถซื้อปืนแก็ตลิงได้ 10,000 กระบอก
แต่พวกเขาได้เปลี่ยนใจหรือไม่ ?
พวกเขาจะต้องการปืนแก็ตลิงไปทำไมในเมื่อสามารถยิงขีปนาวุธและกำจัดศัตรูทั้งหมดได้ภายในคราวเดียว ?
และหากอูโซเนียเปลี่ยนกลยุทธ์และเสนอขายอาวุธนิวเคลียร์ให้กับทางเกาะฟอร์โมซาในราคาสองเท่า คุณคิดว่าทางเกาะฟอร์โมซาจะลังเลสักเล็กน้อยก่อนจะกระโดดรับข้อเสนอนั้นหรือไม่ ?
กำไรจากการค้าอาวุธระดับไฮเอนด์นั้นสูงกว่าอาวุธปกติหลายสิบเท่า ! เขาน่าจะคิดอะไรแบบนี้ได้ตั้งนานแล้ว !
ที่สำคัญกว่านั้น หากข้าราชการศักดินาเหล่านี้ไม่ปรับตัวให้ทันต่อกาลเวลา… หึหึ… ถ้าเช่นนั้นก็มารอดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเขาได้ลิ้มรสกับการตลาดและการขายสินค้าฟุ่มเฟือยในสมัยใหม่
“ท่านฉิน ?” หวังซูตกตะลึง นางชะงักไปและมองฉินเย่
“รัฐมนตรีหวัง เชิญนั่งลงก่อนเถิด” ฉินเย่โบกมือและเหลือบไปมองชายวัยกลางคนร่างท้วมที่รีบพยักหน้า “ท่านฉิน ท่านต้องการฟังรายงานของข้าเลยหรือไม่ ?”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หราวซิงรุ่ย… ฉินเย่พยักหน้า “รัฐมนตรีหราว หากเราทุ่มเทความพยายามทำหมดไปที่การก่อสร้างหอประชุม เราจะสามารถสร้างมันเสร็จก่อนปลายเดือนธันวาคมได้หรือไม่ ? เหล่ากู่ เรามีแบบร่างสำหรับตัวอาคารแล้วใช่หรือไม่ ?”
กู่ชิงพยักหน้าก่อนจะเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้ร่างแบบเอาไว้จำนวนมาก และหนึ่งในนั้นก็มีหอประชุมรวมอยู่ด้วย แต่มันก็ไม่ได้ถือว่าใหญ่มากนัก เพราะข้าวาดแบบขึ้นมาโดยคำนึงถึงจำนวนวิญญาณ บุคลากร ข้าราชการ และตัวแทนของหน่วยงานต่างๆ ดังนั้นหอประชุมนี้จึงออกแบบมาให้รองรับที่นั่งได้สูงสุด 300 ที่”
สมบูรณ์แบบ !
หากเขาต้องการนำเสนออาวุธของยมโลกในฐานะของพ่อค้าอาวุธ ! ฉินเย่ก็ต้องการเวทีที่เหมาะสม!
บางสิ่งบางอย่างใหญ่เกินไปก็ไม่ดี เพราะมันจะทำให้รู้สึกว่างเปล่าและเย็นยะเยือก และเขาก็จะไม่สามารถสร้างความฮือฮาได้มากพอ ดังนั้นขนาดของหอประชุมในเวลานี้จึงเหมาะกับเป้าประสงค์ของเขาเป็นอย่างมาก
หราวซิงรุ่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หากเราระงับงานทั้งหมดและมอบหมายงานก่อสร้างหอประชุมให้คนงานและผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด เราอาจจะสามารถสร้างมันเสร็จทันเวลา”
“ประการแรก เราไม่มีปัญหาในเรื่องของการพักผ่อนหรือการนอน ตัวแปรหลักในการพิจารณาเรื่องนี้ก็คือปัญหาความเหนื่อยล้าทางจิตใจ นี่คือสิ่งที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการแบ่งกะทำงาน หอประชุมไม่ใช่อาคารที่ซับซ้อน และไม่ได้มีความยากในการก่อสร้างมากนัก ที่นั่ง 300 ที่ก็ไม่ใช่ปัญหาเช่นกัน พวกเราน่าจะสามารถทำตามกำหนดได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ แต่… ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าต้องการจะระงับงานทั้งหมดจริง ๆ?”
เขาเองก็เห็นด้วยกับความคิดของรัฐมนตรีหวังซูเช่นกัน
ฉินเย่ตอบ “เตรียมหน่วยงานและแผนกก่อสร้าง รวมถึงรายชื่อของผู้มีส่วนร่วมทั้งหมดให้เรียบร้อย นอกจากนี้ข้าอยากให้เจ้าเตรียมจัดตารางการทำงานด้วย แบ่งเป็นกะละสามชั่วโมง เรื่องนี้จะต้องมีความสำคัญเป็นอันดับแรก ส่วนรายละเอียดนอกเหนือจากนี้ข้าจะแจ้งให้ทราบอีกที”
“รับทราบ”
ฉินเย่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขาคือผู้เรียกประชุมเพื่อตรวจสอบความคืบหน้าของเดือนนี้ ดังนั้นหลังจากได้รับการรายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าทั้งหมด คนทั้งหมดก็จากไป เหลือไว้เพียงอาร์ทิส โนบูนางะ และหวังเฉิงห่าวเท่านั้นที่ยังอยู่ภายในห้องประชุม
“ข้าต้องการชุดอุปกรณ์ระดับสูง” เขาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “มันจะต้องเป็นสินค้าที่ดีและทนทานที่สุดที่ยมโลกสามารถผลิตได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยันต์ นอกจากนี้ มันยังต้องเป็นสิ่งที่โลกใต้พิภพอื่น ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของวัตถุดิบหรือทักษะฝีมือ และจะต้องไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ด้วย”
“เจ้ากำลังคิดที่จะทำสิ่งใด ?” อาร์ทิสเลิ่กคิ้วถามอย่างสงสัย
“ทำสินค้าต้นแบบ !” ดวงตาของฉินเย่เป็นประกายขึ้นขณะที่เขาระงับคลื่นความตื่นเต้นภายในใจของตัวเอง “การใช้กระดองของแมลงแห่งหายนะในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์นั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันมีศักยภาพที่จะวางตลาดในฐานะแบรนด์สินค้าอย่าง Adidas แทนที่จะเป็นสินค้าทั่วไปอย่าง Adivon[1] อันที่จริง เราอาจจะสามารถพัฒนาต่อยอดไปเป็นสินค้าอื่น ๆ ได้อีกด้วย !”
ทั้งโนบูนางะและอาร์ทิสต่างอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง หวังเฉิงห่าวกลับจ้องมองฉินเย่ราวกับเห็นผี
สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าคนตรงหน้ากำลังจะทำให้ทุกอย่างยากขึ้นไปอีก
“ผลิตสินค้าออกมาในจำนวนที่จำกัดและขายมันออกไป ก่อนจะบอกว่าจะไม่ขายมันอีกแล้ว ! ตราบใดที่เราสามารถรับประกันคุณภาพสินค้าได้ ของเหล่านี้… อาจจะกลายเป็นสินค้าพิเศษสำหรับราชทูตทั้ง 12 ! เหมือนอย่างที่ทหารม้าของโอดะซังนั้นเป็นเครื่องหมายของการดำรงอยู่ของตัวเขาเอง พวกเราจะขายสัญลักษณ์ ขายจิตวิญญาณ !”
ดวงตาของอาร์ทิสและโนบูนางะเป็นประกายขึ้นอีกครั้ง ทั้งสองต่างใช้ชีวิตอยู่ในยุคสมัยที่สงครามนั้นเกิดขึ้นโดยปราศจากอาวุธพื้น ๆ และทั้งคู่ก็ย่อมรู้ดีถึงความสำคัญของการที่กองกำลังพิเศษปรากฏตัวขึ้นในสนามรบ !
มันคือการต่อต้าน แรงบันดาลใจและการทำลายล้างในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม การสร้างกองกำลังระดับสูงเช่นนี้นั้นพูดง่ายกว่าทำ อันที่จริง มันก็เปรียบเสมือนการหาเข็มในกองฟาง กองกำลังเหล่านี้จะกลายเป็นไพ่ตายของจักรพรรดิทุกองค์ การมีอยู่ของพวกเขานั้นไม่ต่างจากจิตวิญญาณของกองกำลังของชาติ หรือธง หรือตราสัญลักษณ์ของกองทัพในสนามรบ !!
ฉินเย่เริ่มอธิบาย “อาวุธนั้นสามารถทำกำไรได้มากกว่าการขายยาเสพติดเสียอีก และกำไรทั้งหมดก็อยู่ที่หอแห่งการสั่นสะเทือน ! มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่สามารถครอบครองอาวุธที่แท้จริงที่สุดของยมโลกได้ อาร์ตี้ หากปราศจากหอแห่งการสั่นสะเทือน มันจะส่งผลอย่างไรต่ออาวุธที่จะถูกผลิต ?”
“มันไม่ใช่ประเด็นว่ามันจะส่งผลอย่างไร” ดวงตาของอาร์ทิสเป็นประกายขึ้น “อาวุธทั้งหมดของราชทูตทั้ง 12 ถูกผลิตและแจกจ่ายให้กับพวกเขาโดยยมโลกแห่งเก่า ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่สามารถสร้างขึ้นได้ภายในหอแห่งการสั่นสะเทือนเท่านั้น อีกทางเลือกหนึ่งก็คือซื้อจากโลกใต้พิภพอื่น”
“เช่นนั้นก็จบ !” ฉินเย่ทุบโต๊ะด้วยความตื่นเต้น “สิ่งที่พวกเราขายคือสัญลักษณ์ คือจิตวิญญาณ นอกจากนี้ ข้ายังวางแผนที่จะทำลายสินค้าต้นแบบต่อหน้าของพวกเขาหลังจากที่ผลิตสินค้าออกมาในจำนวนที่จำกัด ด้วยวิธีนี้ พวกเขาก็จะได้รู้ว่าสิ่งที่ตนเองซื้อไปจากเรานั้นพิเศษ และไม่มีสิ่งใดที่สามารถเทียบได้ ! ผู้เดียวที่สามารถเอาชนะพวกเขาได้มีเพียงแค่เราเท่านั้น !”
อาร์ทิส และโนบูนางะ: ……
เดี๋ยวก่อนนะ… เจ้าแน่ใจหรือว่าตัวเองกำลังขายอาวุธอยู่ ? เหตุใดมันถึงเริ่มรู้สึกเหมือนว่าเจ้ากำลังตั้งใจจะขายสิ่งอื่นด้วย…
แถมมันยังเป็นความคิดที่เจ้าเล่ห์กับสิ่งของธรรมดาอย่างอาวุธอีกด้วย… เจ้าจะต้องเป็นร่างจุติของปีศาจเป็นแน่…
“สินค้าจำนวนจำกัด ?” หวังเฉิงห่าวเข้าใจทุกอย่าง
เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็มาจากตระกูลที่ร่ำรวย
ให้ตายเถอะ… นี่ท่านถึงขนาดที่ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับพวกสินค้าฟุ่มเฟือยเลยหรือ ?!
“ถูกต้อง !” ฉินเย่ดีดนิ้ว “ดังนั้นราคาของมันจึงสูงขึ้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว เราก็กำลังพูดถึงสินค้าจำนวนจำกัดที่จะไม่ถูกผลิตออกมาขายอีก !”
“แต่ต่อให้ท่านจะไม่ผลิตมันขึ้นมาอีก มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำลายสินค้าตัวอย่างไม่ใช่หรือ ?” โนบูนางะเอ่ยขึ้นในที่สุด และทันทีที่เขาพูดจบ หวังเฉิงห่าวก็ส่ายหน้า นี่คือครั้งแรกที่เขาแสดงความคิดเห็นของตัวเอง “พูดนั้นง่าย แต่การลงมือทำนั้นยาก นี่เป็นเหมือนการบอกว่าพวกเรานั้นพูดความจริง และเราจะไม่มีทางขายมันให้กับผู้อื่น ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะต้องยอมแบกรับต้นทุนที่สูงของสินค้า ค่าออกแบบ และอื่น ๆ เพราะมันเป็นสินค้าที่จะถูกผลิตเพียงแค่ครั้งเดียว ส่วนจะผลิตครั้งเดียวจริงหรือไม่นั้น… นั่นก็จะขึ้นอยู่กับว่าสภาพแวดล้อมในตลาดเป็นเช่นไร”
“เราอาจจะสามารถรออีกสักร้อยปีก่อนจะคิดโปรโมชั่นตอบแทนลูกค้าในเทศกาลสารทจีนหรือเทศกาลเช็งเม้ง ไม่เพียงเท่านั้น ทันทีที่เราผลิตอาวุธออกมาจำนวนมาก เราอาจจะสามารถขายหีบสมบัติที่ไม่ต่างอะไรไปจากลอตเตอรี่ ผู้ซื้ออาจจะไม่ได้ของที่พวกเขาต้องการ แต่ทุกหีบที่พวกเขาได้ไปจะมีโอกาสในการได้อาวุธรุ่นคลาสสิกที่ไม่ได้ถูกผลิตออกมาอีกแล้ว และเมื่อถึงเวลานั้น เราสามารถออกแบบโครงสร้างการค้าของลอตเตอรี่อย่างไรก็ได้ตามต้องการ มันอาจจะเป็น จ่าย 5 พันล้านหินวิญญาณต่อการจับฉลากหนึ่งครั้ง หรืออาจจะจ่าย 5 หมื่นล้านหินวิญญาณในคราวเดียวเพื่อเพิ่มโอกาสในการถูกลอตเตอรี่…”
เจ้ามันชั่วร้ายที่สุด !
โนบูนางะหันไปจ้องมองคู่หูคนใหม่ของท่านจ้าวนรกด้วยความตกตะลึง
เด็กหนุ่มผู้นี้ได้เข้ามาอยู่ในวงในของจ้าวนรกอย่างเงียบ ๆ และว่ากันว่าถูกแนะนำมาโดยท่านจ้าวนรกเอง ตอนแรกโนบูนางะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เล่นระดับบรอนซ์เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้เล่นระดับชาเลนเจอร์ที่ปลอมตัวมา ! [3]
“ถูกต้อง ดูเหมือนว่าเกมโทรศัพท์ที่เล่นมาจะไม่ได้เสียเปล่านะ” ฉินเย่มองหวังเฉิงห่าวอย่างพึงพอใจก่อนจะเคาะโต๊ะเบา ๆ ขณะที่ตนเองเอ่ยต่อจากหวังเฉิงห่าว “พวกเราจะต้องทำให้แน่ใจว่าการเปิดตัวสินค้าของเราจะเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ในเมื่อเรายังไม่มีสถาบันออกแบบ เราก็ต้องการแม่พิมพ์เดิม อาร์ตี้ ข้าอยากจะดัดแปลงจากชุดเกราะที่ยังไม่ได้รับการปล่อยออกมาโดยยมโลกแห่งเก่า หรืออาจจะเพิ่งถูกปล่อยออกมาได้ไม่นานนัก อย่างน้อย มันจะต้องมีบางอย่างที่ราชทูตทั้ง 12 ยังไม่รู้”
“แล้วข้าจะไปหาของเหล่านี้มาให้จากที่ใด…” อาร์ทิสเอ่ยด้วยท่าทีที่ยังไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดของฉินเย่นัก
“ไม่ ท่านมี” ฉินเย่แย้มยิ้มบาง “แมลงแห่งหายนะจะหนาแน่นที่สุดในจุดที่มีคราบเทพเจ้าอยู่ใช่หรือไม่ ?”
อาร์ทิสพยักหน้า
ฉินเย่ยิ้มกว้างกว่าเดิม “เช่นนั้นกำแพงที่ล้อมรอบเมืองเฟิงตูก็ไม่น่ามีคราบเทพเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ ? ข้าจำได้ว่ากำแพงพวกนั้นยังคงตั้งตระหง่านอยู่ดังเดิมในตอนที่เรากลับไปที่นั่น”
อาร์ทิสพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนและอ้าปากค้าง “เจ้ากำลังจะบอกว่า…”
“ผู้พิทักษ์” ฉินเย่แย้มยิ้มออกมาราวกับวิญญาณร้าย “มันจะไม่มีผู้พิทักษ์อยู่บนกำแพงที่สูงใหญ่ซึ่งล้อมรอบดินแดนที่สำคัญที่สุดของยมโลกเลยได้อย่างไร ? กำแพงเมืองนั้นมีความยาวหลายล้านไมล์ และแต่ละส่วนก็ถูกเสริมกำลังโดยกองกำลังจำนวนมาก ดังนั้นมันจะต้องมีชุดเกราะจำนวนมากให้เลือกแน่ ๆ ตั้งแต่เกราะพื้นฐานที่มอบให้กับขั้นยมเทพไปจนถึงเกราะที่มอบให้เฉพาะขั้นตุลาการนรก ! มันอาจจะมีแมลงแห่งหายนะบ้าง ทว่ามันก็จะไม่หนาแน่นมาก ! ข้ามั่นใจว่ามันคงจะไม่เป็นปัญหาสำหรับท่านที่จะนำชุดเกราะเหล่านั้นมาในคราวเดียวแน่ !”
“นอกจากนี้…” เขาสะบัดมือเล็กน้อยก่อนที่ถุงเอกภพจะเปิดออกกลางอากาศ ม้วนกระดาษมากมายลอยออกมาและคลี่ตัวออก เผยให้เห็นภาพของชุดเกราะอันงดงาม คนทั้งหมดต่างจ้องมองมันด้วยแววตาที่ลุกโชน
“ก่อนหน้านี้ข้าได้สำรวจมรดกจากยมโลกแห่งเก่า และข้าก็บังเอิญพบกับชุดเกราะที่แข็งแรงและทรงพลังชุดนี้เข้า ความสามารถทางการป้องกันของมันอยู่ในอันดับต้น ๆ ของเกราะทั้งหมด และที่สำคัญที่สุด… มันไม่จำเป็นต้องใช้ยันต์ในการผลิต และขั้นตอนการผลิตของมันก็ไม่ซับซ้อนเช่นกัน ชุดเกราะชุดนี้คือผลงานที่ใหม่ที่สุดของยมโลกแห่งเก่า ยิ่งกว่านั้น…”
“ชุดเกราะหนึ่งพันชุดเพิ่งถูกมอบให้กับกองกำลังป้องกันเมืองก่อนหน้าที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์จะตรัสรู้และขึ้นสู่สรวงสวรรค์เพียงนิดเดียวเท่านั้น”
“มันชื่อว่าเกราะพยัคฆา” เขาจ้องมองชุดเกราะตรงหน้าด้วยแววตาลุกโชน “มันเป็นเหมือนกับของที่พระเจ้าทรงประทานมาสำหรับการค้าอาวุธของเราโดยเฉพาะ ! ทั้งหมดที่ท่านต้องทำก็คือไปนำเกราะชุดนี้มาให้ได้ จากนั้นเราก็มารอดูกันว่าข้าจะสามารถเปิดกระเป๋าเงินของราชทูตทั้ง 12 ได้หรือไม่ !”
คนทั้งหมดมองชุดเกราะตรงหน้าด้วยดวงตาที่เป็นประกาย แม้แต่ดวงตาของโนบูนางะเองก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาสามารถเห็นได้จากการออกแบบเลยว่าชุดเกราะตรงหน้านี้ถูกจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ อย่างแท้จริง !
มันคืออาวุธสังหารที่ทรงพลัง !
ในฐานะของอดีตไดเมียว เขาถามตัวเองว่าเขาจะสามารถต้านทานความยั่วยวนของชุดเกราะตรงหน้าได้หรือไม่
และคำตอบที่ดังกลับมาก็คือ “ไม่”
และเขาก็เชื่อว่าคนอื่น ๆ เองก็ต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้เช่นกัน !
“ดีมาก…” เสียงที่เอ่ยออกมาสั่นเทาด้วยความตื่นเต้นขณะที่เขาไล่นิ้วไปตามแบบร่างตรงหน้า “เยี่ยมยอดมาก… การออกแบบที่งดงามเหล่านี้จะทำให้ผู้ที่สวมใส่มันได้เปรียบคู่ต่อสู้ในสนามรบ ! ใช่แล้ว เรามีทัพเกราะทมิฬ หากเราให้พวกเขาสวมชุดเกราะนี้และทำการแสดงเล็ก ๆ น้อย… ข้ารับรองได้เลยว่าราชทูตทั้ง 12 จะต้องตกหลุมรักมันในทันที !”
อาร์ทิสรีบจากไปโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
โนบูนางะเองก็เช่นกัน การค้นหาของอาร์ทิสนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และมันก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 วัน
ด้วยเหตุนี้ ภายในห้องโถงเสริมจึงเหลือเพียงฉินเย่และหวังเฉิงห่าวเท่านั้น ฉินเย่หมุนปากกาในมือและมองเด็กหนุ่มตรงหน้า “เจ้ามีสิ่งใดจะพูดอะไรกับข้าหรือไม่ ?”
เขาไม่ได้โกหกในตอนที่บอกว่าเขาต้องการจะฝึกฝนหวังเฉิงห่าวและมอบเวทีให้อีกฝ่ายได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงของตัวเองอย่างเต็มที่
เขาเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่าไม่มีคนโง่อยู่ในโลกนี้ จะมีก็แต่ผู้ที่ขาดประสบการณ์เท่านั้น เขาชื่อว่าการเลี้ยงดูนั้นอยู่เหนือธรรมชาติที่เกิดมา ต่อให้หวังเฉิงห่าวจะยังไม่สามารถทำอะไรได้มากนักในเวลานี้ แต่ด้วยโอกาสที่เหมาะสม อีกฝ่ายจะยังเหมือนเดิมหลังจากที่ผ่านไป 300 ปีแล้วอย่างนั้นหรือ ?
หวังเฉิงห่าวเกาศีรษะของตนและตอบกลับอย่างสงสัย “พี่ฉิน สิ่งที่ท่านกำลังทำ… นั้นไม่ต่างอะไรกับการขายพวกสินค้าฟุ่มเฟือยในท้องตลาด ถ้าหากพวกราชทูตทั้ง 12 คุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้แล้วล่ะ ? ท่านคิดว่าพวกเขาจะตกหลุมพรางของความยั่วยวนเหล่านี้อย่างนั้นหรือ? ”
ฉินเย่มองหวังเฉิงห่าวด้วยสายตาพึงพอใจ การตัดสินใจที่จะฝึกฝนหวังเฉิงห่าวของเขาไม่ได้มาจากความรู้สึกหรือไร้เหตุผล กลับกัน… มันเป็นเพราะว่าเขากำลังถูกล้อมรอบโดยเหล่า ‘คนโบราณ’ มากกว่า และนั่นก็รวมถึงอาร์ทิสและโนบูนางะด้วย
ความแตกต่างในกระบวนการคิดของพวกเขานั้นถูกแยกโดยกำแพงที่มองไม่เห็น
กำแพงที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยการวิวัฒนาการทางความคิดและจิตวิทยา
บางสิ่งบางอย่างก็ควรถูกทำโดยการจับคู่ความคิดของสมัยก่อนกับวิธีการของสมัยใหม่ เพราะอย่างไรแล้ว การผสมผสานกันของสองสิ่งก็สามารถทำให้เกิดประกายไฟของความคิดขึ้นมาได้ เหมือนอย่างเช่นตอนนี้
ดังนั้น เขาจึงต้องการคนยุคใหม่ที่เขาสามารถไว้วางใจได้
“แน่นอน… ข้าไม่สามารถแน่ใจในเรื่องนั้นนัก” ฉินเย่แย้มยิ้มบางและหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาจากโต๊ะ “ดังนั้นข้าจึงเตรียมสิ่งนี้เอาไว้”
หวังเฉิงห่าวรับมันมาจากฉินเย่ และเขาก็ต้องเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็น “พระเจ้า… ท่านเสียสติไปแล้ว… ท่านควรจะไปเป็นนักพัฒนาเกมชัด ๆ …ความสามารถของท่านจะสูญเปล่าเมื่อมาอยู่ที่นี่ !”
[1] แบรนด์สินค้าที่มันจะพบเห็นในประเทศจีน
[2] อ้างอิงจากการจัดอันดับของเกม LOL