ฉันก็แค่อยากตาย แต่ไหงต้องมาเกิดใหม่ด้วยล่ะ! - ตอนที่ 38 สิ่งผิดปกติ
“ผู้ส่งสารแห่งชะตา?”
ยูริทำสีหน้าแปลกๆ พลางเลิกคิ้ว ทำไมชื่อมันฟังดูเหมือนพวกป่วยมอสองเลยล่ะ?
แม้ว่าจะรู้ว่าโลกนี้มีเวทมนตร์อยู่จริง แต่ด้วยสามัญสำนึกของคนต่างโลก มันทำให้ยูริอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยังไม่รู้จักโต
ทั้งชื่อ ‘ศูนย์กลางแห่งชะตากรรม’ ‘วังวนที่มิอาจหลีกเลี่ยง’ และ ‘ผู้ส่งสารแห่งชะตา’
จะชื่อไหนๆ ก็ฟังดู—จูนิเบียว
“ใช่ ผมคือผู้ที่นำสารจากโชคชะตาไปส่งให้ถึงมือของผู้ที่คู่ควร”
โนอาพูด เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ภายในใจของเด็กสาวกำลังคิดอะไรอยู่ จึงยังยิ้มได้แบบนั้น
แต่ยูริกลับเข้าใจผิดไปอีกทาง
‘หมอนี่มันต้องรู้แน่ๆ ว่าฉันคิดอะไรอยู่ แต่ยังยิ้มได้แบบนั้น—หน้าด้านชะมัด’
แต่จริงๆ แล้วโนอาไม่รู้เรื่องอะไรแม้แต่น้อย
“นั่นไม่ได้ช่วยตอบคำถามเลยนะ…เอาเถอะ คุณ ‘ผู้ส่งสารแห่งชะตา’ คุณมีเป้าหมายอะไรถึงอยากช่วยฉันล่ะ?”
ให้ตายเถอะ แล้วไอ้ผู้ส่งสารแห่งชะตามันคืออะไรล่ะ?
โนอาไม่ตอบคำถามนั้น เขาทำเพียงแค่ยิ้มก่อนจะพูดอย่างอื่นออกมาแทน
“ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่คุณจะต้องรู้”
ชิ ยูริเดาะลิ้น ไม่ต่างจากที่คิดไว้เลยให้ตายสิ
“งั้นฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าฉันเชื่อใจคุณได้? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันไม่สร้างศาสนาตามที่คุณบอกแล้วปล่อยให้ผู้ชักใยคอยควบคุมฉันไปเรื่อยๆ?”
เธอไม่เชื่อใจอีกฝ่าย ทั้งเทคนิคการพุด น้ำเสียง และการแสดงสีหน้าของโนอา มันทำให้เธอนึกถึงนักต้มตุ๋นมากประสบการณ์
ในฐานะของฆาตกรที่หลอกลวงเก่งที่สุด เธอย่อมหวาดระแวงโดยธรรมชาติ
“ผมบอกได้แค่ว่าสิ่งที่รอคอยคุณอยู่จะเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย”
รอยยิ้มของเขาทำให้เธอสะดุ้งเฮือก หมายความว่ายังไงที่ว่าเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย? นี่ฉันไปทำอะไรให้ผู้ชักใยโกรธแค้นมารึไงนะ?
“…”
แล้ว…ตอนนี้ควรเอาไงต่อดี?
เธอใช้โอกาสตอนที่ฮันน่าหลับเพื่อหาโอกาสคุยกับโนอา มีอะไรหลายๆ อย่างที่เธออยากรู้ ทั้งเป้าหมายและแผนการของอีกฝ่าย เธอต้องแน่ใจว่าตัวตนของเขาจะไม่เป็นภัยอันตรายต่อตัวของเธอ
แต่ดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้ว เธอจะไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับไปเลยแม้แต่อย่างเดียว
นั่นทำให้เธอหงุดหงิดมากในตอนนี้
“ไม่คิดจะบอกอะไรหน่อยรึไง?”
“ขอโทษด้วย ผมยังไม่สามารถบอกอะไรคุณตอนนี้ได้”
คำพูดขอโทษแบบไม่รู้สึกผิดนั่นทำให้ยูริรู้สึกอยากกำหมัดแน่นๆ แล้วซัดเข้าไปที่หน้าของอีกฝ่ายซะเหลือเกิน
“ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบที่ผมพูดแบบนี้ คุณยูริ แต่โปรดเข้าใจด้วย”
โนอาเริ่มพูดอย่างประนีประนอม สีหน้าท่าทางเริ่มดูลำบากใจกว่าเดิมเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะตระหนักได้แล้วว่าพฤติกรรมของเขานั้นค่อนข้างน่าสงสัยไปหน่อย
“บนโลกนี้มีความรู้บางอย่างที่มนุษย์ไม่ควรรู้ มันเป็นโลกที่เต็มไปด้วยความลึกลับและความโกลาหลอย่างแท้จริง”
ยูริเริ่มสนใจฟังเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าเด็กสาวเริ่มฟังที่เขาพูด โนอาก็เริ่มทำสีหน้าผ่อนคลายก่อนจะเล่าต่อไป
“ความรู้ที่ผมจงใจปิดจากคุณเป็นความรู้ในระดับ ‘ทวยเทพ’ การที่คุณรู้ถึงข้อมูลพวกนั้นเร็วเกินไปมันจะทำให้คุณถูกเทพมารตนอื่นๆ จ้องมอง นอกจากนั้นมันยังทำให้คุณตกอยู่ในอันตราย ‘มากๆ’ ด้วย”
ยูริทำสีหน้าปั้นยากเมื่อฟังที่อีกฝ่ายพูดจนจบ ความรู้มันเป็นอันตรายได้ขนาดนั้นเลยเหรอ? มันก็แค่ความรู้เองนะ
อารมณ์แบบรู้เกี่ยวกับการทำขีปนาวุธข้ามทวีปแล้วจะมีคนมาตามเก็บถึงบ้านไรงี้เหรอ?
“เหรอ? ถ้าเป็นแบบที่นายเล่า ตอนนี้ฉันที่เป็นมนุษย์ธรรมดายังไม่สามารถรู้ได้งั้นเหรอ?”
โนอาพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
“ใช่ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่คุณจะต้องรู้”
ยูริหรี่ตาลงอย่างไม่เข้าใจเล็กน้อย
“ฉันไม่เข้าใจ ความรู้มันจะฆ่าคนได้ยังไง? มันก็แค่ความรู้เองนะ? สำหรับฉันแล้วสิ่งที่อันตรายเกี่ยวกับความรู้คือการที่มีคนนำความรู้พวกนั้นไปใช้ในทางที่ผิดกับการที่ได้รับความรู้มากเกินไปในเวลาสั้นๆ จนหัวแทบระเบิดเท่านั้นเอง”
แม้ว่าเธอจะอ่านนิยายแนวแฟนตาซีมาเยอะ แต่ก็แทบไม่เคยเจอเรื่องไหนที่เล่าเกี่ยวกับความรู้ที่สามารถฆ่าคนได้เลยนะ
บางทีเธออาจจะยังเข้าใจสามัญสำนึกของโลกนี้ได้ไม่มากพอก็เป็นได้
“ความรู้ที่ผมพูดถึงมันไม่ใช่ความรู้ธรรมดาๆ หรอกนะ ก่อนอื่น คุณรู้จักสิ่งที่เรียกว่าจันทร์หายนะใช่ไหม?”
โนอาถาม และยูริก็พยักหน้า
“แน่นอน ใครบ้างไม่รู้จักสิ่งนั้น?”
เศษซากของคำสาปจากเทพมารเบนิล นั่นคือนิยามของจันทร์หายนะทรีอาร์ที่เธอเคยได้ยินมา
“งั้นคุณควรได้อ่านนี่”
โนอาก้มลงและนำบางสิ่งออกมาจากลิ้นชักโต๊ะ ก่อนจะโยนมันให้เด็กสาวที่คว้าเอาไว้ได้ทันท่วงที
มันคือหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง
“นี่มันอะไร?”
“คุณควรอ่านมันนะ”
ยูริจ้องไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายและไม่พบร่องรอยของการยิ้มอีกต่อไป นั่นทำให้เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย
ข่าวจากหนังสือพิมพ์นี่มีอะไรกันแน่ถึงทำให้คนอย่างโนอาหุบยิ้มได้? น่าสงสัยชะมัด
เธอตัดสินใจเปิดมันอ่านตามที่ชายหนุ่มบอก
และเมื่อยิ่งอ่านเธอก็ยิ่งรู้สึกสับสน
[คดีฆาตกรรมสยองแห่งท่อระบายน้ำ!]
[เมื่อวันที่1ของเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้เกิดโศกนาฏกรรมสยดสยองขึ้นณเมืองรัตติกาลแห่งนี้ นายตำรวจคนหนึ่งบังเอิญพบศพของสตรีวัยกลางคนนอนเสียชีวิตคาปากท่อระบายน้ำ]
และภาพในหนังสือพิมพ์ก็แสดงให้เห็นถึงชายคนหนึ่งที่สวมชุดตำรวจและกำลังให้สัมภาษณ์กับทางสื่อข่าว
[ “มันน่ากลัวมาก” นายโจ ไรอันกล่าว “ผมไม่เคยเห็นอะไรน่าสยดสยองขนาดนั้นมาก่อนเลย ศพของเธอมีสภาพที่—อ่า ผมไม่รู้จะนิยามว่ายังไงดี แค่คิดก็อยากอ้วกแล้ว เอาเป็นว่าผมบอกได้แค่ว่าน่ากลัวมาก ผมบอกได้เลยว่าคนที่ทำเรื่องนี้จิตใจไม่ปกติแน่นอน” ]
ดูเหมือนว่าจะมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นสินะ ยูริเอียงคออย่างครุ่นคิด
แบบนี้มัน…คนประเภทเดียวกันกับฉัน?
แต่ไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด…
ขณะที่กำลังคิดสิ่งต่างๆ อยู่นั้นเอง สีหน้าของเธอก็เหม่อลอยไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะกลับไปสนใจข่าวในหนังสือพิมพ์ต่อ
[ทางกรมตำรวจยืนยันว่าจะจับกุมคนร้ายมาลงโทษให้ได้ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม ในขณะเดียวกันทางเราก็ได้รับข่าวมาว่าบางทีนี่อาจจะไม่ใช่เหยื่อรายแรกของฆาตกรรายนี้]
หืม ไม่ใช่เหยื่อรายแรกงั้นเหรอ?
ยูริหรี่ตาลงอย่างสงสัย เธอสังเกตุว่าประโยคสุดท้ายนั่นคือส่วนที่สำคัญที่สุด
ถ้าหากหญิงวัยกลางคนคนนั้นไม่ใช่เหยื่อรายแรก แล้วเธอเป็นเหยื่อรายที่เท่าไหร่ล่ะ?
คุ้นๆ จังเลยนะสถานการณ์แบบนี้ รู้สึกเหมือนได้เจอคนประเภทเดียวกันเลย
“ฆาตกรต่อเนื่องงั้นเหรอ?”
สีหน้าของเธอสงบนิ่งยามที่เอ่ยคำนั้นออกมา แต่ถ้าลองคิดๆ ดูแล้ว นี่ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าตกใจใช่ไหมนะ?
“เปล่า ไม่ใช่”
โนอาส่ายหัว ซึ่งนั่นทำให้เด็กสาวสงสัยกว่าเดิม ถ้าหากคนร้ายในคดีนี้ไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องแล้วจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ?
“ลองเปิดหน้าต่อไปสิ คุณจะเข้าใจเอง”
ด้วยความสงสัยใคร่รู้ ยูริเปิดหนังสือพิมพ์หน้าถัดไปก่อนจะเริ่มอ่าน
[ด่วน!ฆาตกรต่อเนื่องออกอาละวาด!]
[จากคดีก่อนที่มีหญิงสาววัยกลางคนนอนเสียชีวิตอยู่ปากท่อระบายน้ำ ทางกรมตำรวจได้ออกมาแถลงการณ์แล้วว่าการฆาตกรรมในครั้งนั้นเกิดมาจากฆาตกรต่อเนื่อง!]
[มีรายงานการพบศพของผู้เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนแรกทางกรมตำรวจได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าพวกเขาจะหาทางจับฆาตกรให้ได้ด้วยตัวเอง แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาทางผู้กำกับตำรวจได้ออกมาแถลงการณ์ว่าจะประสานงานไปทาง ‘หน่วยผู้ลงทัณฑ์’ เพื่อให้มาช่วยเหลือในการจับคนร้ายในคดีนี้]
ยูริรู้สึกสับสนนิดหน่อย
ไหนว่าไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องไง?
ถ้าให้สรุปจากสถานการณ์ที่อ่าน มีนายตำรวจคนหนึ่งบังเอิญไปพบกับศพของผู้หญิงคนหนึ่งตรงปากท่อระบายน้ำ และเวลาต่อมาก็มีการค้นพบว่าหญิงวัยกลางคนคนนั้นไม่ใช่เหยื่อรายแรกสินะ
นั่นทำให้ทางกรมตำรวจสรุปไปว่าคดีฆาตกรรมนั่นเกิดมาจากฝีมือของฆาตกรต่อเนื่อง และถ้าให้เดา เหยื่อของฆาตกรรายนั้นน่าจะมีหลายรายแล้ว
“หน่วยผู้ลงทัณฑ์?”
การแสดงออกของเธอกลายเป็นสับสนเมื่ออ่านชื่อนี้ เธอไม่เข้าใจว่าไอ้หน่วยผู้ลงทัณฑ์นี่มันหมายถึงอะไรกันแน่
“มันคือหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับโบสถ์”
โนอาเห็นว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักหน่วยงานนี้ เขาจึงเริ่มอธิบายอย่างคร่าวๆ
“โลกนี้เต็มไปด้วยพลังเหนือธรรมชาติ ในหลายๆ ครั้งคนร้ายที่ก่อคดีขึ้นล้วนเกี่ยวข้องกับศาสตร์เร้นลับไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่นในอดีตมีชายคนหนึ่งสังเวยคนทั้งเมืองให้แก่เทพปีศาจ แน่นอนว่าชายคนนั้นเป็นอาชญากรจำพวกที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์แห่งความลึกลับและเทพปีศาจ ตำรวจธรรมดาๆ ไม่สามารถจัดการกับชายคนนั้นได้ และหน่วยผู้ลงทัณฑ์ก็มีหน้าที่ในการจัดการกับอาชญากรแบบนั้น”
เข้าใจแล้ว ยูริพยักหน้าแผ่วเบา เอาง่ายๆ ว่าหากอาชญากรคนนั้นมีความอันตรายและเกี่ยวข้องกับพลังเหนือธรรมชาติไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หน้าที่ในการ ‘เก็บกวาด’ จะตกเป็นของหน่วยผู้ลงทัณฑ์
สมกับเป็นต่างโลกดีนะ พึ่งรู้เลยว่ามันมีอะไรแบบนี้ด้วย
“แต่ปกติประชาชนทั่วไปก็มีพลังเวทอยู่ในตัวอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
ยูริเอียงคออีกครั้ง
“ถ้าใช้ตามตรรกะนั้น เวลามีใครสักคนก่อคดีขึ้น มันก็ย่อมมีพลังเหนือธรรมชาติมาเกี่ยวข้องอยู่แล้วนี่?”
ในโลกที่มีเวทมนตร์แบบนี้ เวลามีใครสักคนก่อคดีขึ้น คนๆ นั้นย่อมใช้เวทมนตร์ของตัวเองให้เกิดประโยชน์อยู่แล้ว
ถ้าหากมีเวทมนตร์ไว้ในครอบครอง มันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่คนก่อคดีจะไม่ใช้มันเพื่อความสะดวกสบายของตัวเอง
ถ้าเป็นแบบนั้น ทุกๆ คดีก็จะเกิดจากพลังเหนือธรรมชาติ หน่วยผู้ลงทัณฑ์ย่อมต้องทำงานตลอดเวลาอยู่แล้ว ตำรวจจะมีประโยชน์อะไรล่ะ?
“หน่วยผู้ลงทัณฑ์คือหน่วยงานที่จะปฏิบัติงานเฉพาะเวลาเกิดคดีเหนือธรรมชาติ ‘ครั้งใหญ่’ เท่านั้น ถ้าหากเป็นคดีเล็กๆ อย่างการใช้เวทมนตร์สะเดาะกุญแจเข้าไปขโมยของ หรือการใช้เวทมนตร์สู้กันแล้วมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย หน้าที่ในการจัดการคดีพวกนั้นจะตกเป็นของตำรวจ”
โนอาอธิบายอย่างใจเย็น
“แต่ถ้าเป็นคดีที่ร้ายแรงพอจะส่งผลกระทบต่อคนหมู่มาก ร้ายแรงจนสั่นคลอนเมืองได้ทั้งเมือง หรือส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความมั่นคงของประเทศ นั่นแหละคือเวลาที่หน่วยงานต่างๆ จากโบสถ์จะออกปฏิบัติการ”
หน่วยงานต่างๆ? แสดงว่าไม่ได้มีแค่หน่วยผู้ลงทัณฑ์อย่างเดียวงั้นเหรอ?
ยูริทำสีหน้าสงสัย แต่โนอารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงชิงตัดบทว่า
“เปิดไปหน้าต่อๆ ไป คุณจะเข้าใจเองว่าไอ้ความรู้ที่เป็นอันตรายที่ผมพูดถึงมันหมายถึงอะไรกันแน่”
ยูริรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นพวกน่ารำคาญหน่อยๆ ตรงที่ไม่ยอมอธิบายอะไรให้มันเคลียร์ๆ ไปซะ แต่ถ้าให้เดา ก็คงจะมีหน่วยงานอื่นๆ อีก และแต่ละหน่วยงานก็คงจะมีหน้าที่แตกต่างกันไปสินะ
เอาเถอะ ตอนนี้ประเด็นสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่หน่วยงานพวกนั้น ไว้ค่อยหาข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงานต่างๆ ภายในโบสถ์ทีหลังก็ได้
เด็กสาวเปิดหนังสือพิมพ์ไปยังหน้าสุดท้าย
[วันนี้ก็พบเหยื่อรายใหม่อีกครั้งแล้ว! ประชาชนของเมืองรัตติกาลจะต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวอีกนานแค่ไหนกัน!?]
[ราวๆ สองสามวันที่ผ่านมามีการพบผู้เสียชีวิตรายใหม่อีกครั้ง คราวนี้เหยื่อคือเด็กอายุราวๆ สิบปีเท่านั้น]
[ผู้พบศพคือมิสเตอร์เอ (นามสมมุติ) ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเอาไว้ว่า]
[ “ตอนนั้นผมออกไปเดินเล่นข้างนอกยามดึกเหมือนที่ทำเป็นปกติ แต่ว่าจู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงของใครบางคนกรีดร้อง เลยวิ่งไปดู” ]
[ “ตอนนั้นมันมืดมาก ผมเลยมองอะไรไม่ค่อยเห็น แต่—แต่ผมสาบานว่าทั้งชีวิตนี้ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อนเลย” ]
[ “ไอ้สิ่งนั้น มันไม่มีทางเป็นมนุษย์แน่ๆ ไอ้ปีศาจนั่น ม มันกำลังคว้านท้องของเด็กคนนั้น ผมเห็นลำไส้ของเด็กนั่นถูกควักออกมาและถูกไอ้ปีศาจนั่นกิน” ]
[ “ผมกลัวมาก ผมเลยวิ่งหนีออกมา และผมสาบานเลยว่าต่อจากนี้ไปผมจะไม่ไปเดินเล่นในสวนสาธารณะตอนดึกอีกแล้ว” ]
[ยังไงก็ตาม ทางกรมตำรวจได้มีรายงานเข้ามาใหม่ว่าบางทีตัวการของคดีนี้อาจจะไม่ใช่มนุษย์อย่างที่คิด สอดคล้องกับคำให้การของมิสเตอร์เอที่ว่าเขามองเห็น ‘ปีศาจ’ นั่น]
จากนั้นยูริก็สังเกตุเห็นหัวข้อที่น่าสนใจอีกข้อตรงมุมกระดาษของหนังสือพิมพ์ มันคือบทความที่ถูกเขียนเอาไว้ข้างใต้ข่าวคดีฆาตกรรมเมื่อกี้นี้
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นบทความวิเคราะห์ข่าวนั่นอีกทีสินะ โลกนี้มีอะไรน่าสนใจเต็มไปหมดเลยแฮะ
ยูริครุ่นคิดขณะที่เริ่มลงมืออ่านบทความ
[นักข่าวริต้า:คุณคิดยังไงกับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมาบ้างมิสเตอร์สตีเบิร์ท]
[มิสเตอร์สตีเบิร์ท:ครับ ต้องบอกว่ามันน่าเศร้าทีเดียว ฆาตกรนั่นฆ่าคนไปหลายคนแล้ว ตอนนี้ผมได้ยินว่าทางกรมตำรวจได้ติดต่อประสานงานไปยังหน่วยผู้ลงทัณฑ์ให้ลงตรวจตราพื้นที่และคอยเฝ้าระวังแล้ว]
[นักข่าวริต้า:คุณคิดว่าอาชญากรคนนี้จะก่อคดีในอนาคตอีกไหมคะ? และคิดว่าเหยื่อรายต่อไปจะเป็นใคร]
[มิสเตอร์สตีเบิร์ท:มาดามริต้า ผมคิดว่าคำถามนั้นดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นะครับ ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้หรอกว่าเหยื่อรายต่อไปจะเป็นใคร แต่ผมมั่นใจว่าอีกไม่ช้าก็เร็วๆ คนๆ นั้นจะต้องถูกจับได้แน่นอน ผมเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้…อย่างน้อยๆ มันก็ดีกว่าของประเทศผมมาก]
[นักข่าวริต้า:ได้ยินว่าคุณมาจากประเทศทางตะวันออกใช่ไหมคะ?]
[มิสเตอร์สตีเบิร์ท:ใช่ครับ ผมมาจากที่นั่นแหละ]
[นักข่าวริต้า:ค่ะ กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ คุณมีความเห็นหรือแนวคิดอะไรเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้นรึเปล่าคะ?]
[มิสเตอร์สตีเบิร์ท:แน่นอนครับ อย่างที่รู้กันอยู่ว่าตอนนี้เริ่มมีการพบเห็นผู้เสียชีวิตมากขึ้น และแทบทุกคนก็คือเหยื่อของฆาตกรคนนั้น แต่ผมคิดว่าบางทีคนลงมืออาจจะไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องอย่างที่ทุกคนคิดน่ะสิครับ]
[นักข่าวริต้า:มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะที่ทำให้คุณคิดอย่างนั้น?]
[มิสเตอร์สตีเบิร์ท:ครับ แน่นอน อย่างที่หลายๆ คนทราบกันดีอยู่แล้วเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะตัวของฆาตกรต่อเนื่อง ทุกๆ คนจะต้องได้เรียนรู้เกี่ยวกับฆาตกรประเภทนั้นมาจากชั้นเรียนตั้งแต่สมัยประถมแล้วใช่ไหมล่ะครับ?]
[นักข่าวริต้า:ใช่ค่ะ มันเป็นหลักสูตรขั้นพื้นฐาน รัฐบาลกำหนดให้เหล่าเด็กๆ เรียนรู้เกี่ยวกับความอันตรายของคนพวกนั้นและลักษณะเฉพาะตัวของอาชญากรเพื่อให้พวกเขาสามารถรับมือเวลาเจอพวกนั้นตามลำพังในอนาคตได้]
[มิสเตอร์สตีเบิร์ท:ถูกต้องครับ เป็นอย่างที่คุณพูดเลย จากกรณีศึกษาอาชญากรและฆาตกรส่วนใหญ่ พวกเขาหรือเธอมักจะมีปมในวัยเด็กที่เจ็บปวดหรือไม่ก็เติบโตมาในสภาพสังคมที่บิดเบี้ยว หรือไม่ก็ถูกสั่งสอนมาแบบผิดๆ ฆาตกรต่อเนื่องเองก็เป็นแบบนั้นครับ พวกเขามักจะมีปมและปัญหาที่แตกต่างกันไป คุณยังจำคดี ‘คฤหาสน์ผีดูดเลือด’ ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนได้รึเปล่าครับ?]
[นักข่าวริต้า:แน่นอนค่ะ ไม่มีใครลืมคดีนั้นลงแน่นอน คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ถูกก่อขึ้นโดยฝีมือของ ‘ฆาตกรสวมหน้ากาก’ ที่จะเลือกฆ่าเฉพาะโสเภณีที่มีผมสีแดงเท่านั้น]
[มิสเตอร์สตีเบิร์ท:ครับ พวกเราทราบกันดีว่าฆาตกรคนนั้นเติบโตมาอย่างทารุณขนาดไหน เขาถูกแม่ของตัวเองที่เป็นโสเภณีทำร้ายแทบทุกวัน และบ้านที่เป็นเหมือนนรกของเขาก็ถูกทาด้วยสีแดงด้วย นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเขาถึงเลือกเหยื่อเป็นโสเภณีที่มีผมสีแดงเท่านั้น]
[นักข่าวริต้า:ฉันเข้าใจที่คุณจะสื่อแล้วค่ะ ฆาตกรต่อเนื่องมักจะมีวิธีการเลือกเหยื่อที่สอดคล้องกับปมของตัวเองสินะคะ เช่นฆาตกรบางคนจะมีวิธีฆ่าแค่วิธีเดียวคือการวางยาพิษ บางคนเลือกฆ่าเฉพาะอาชญากรด้วยกันเอง บางคนเลือกเฉพาะเด็กผู้หญิงที่อายุไม่เกินเจ็ดขวบเท่านั้นเอง ถ้าเกินคือจะไม่แตะต้องเลย]
[มิสเตอร์สตีเบิร์ท:ถูกต้องครับ ฆาตกรต่อเนื่องทุกคนเป็นแบบนั้น แต่ในคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นมันไม่เป็นแบบนั้นน่ะสิครับ คนร้ายไม่มีวิธีฆ่าที่ตายตัว ไม่มีเหยื่อที่เจาะจง ไม่มีอาวุธที่ใช้เป็นพิเศษด้วย]
อืม ยูริลูบคางของตัวเอง สีหน้าเย้ยหยันเล็กน้อยตอนที่อ่านคำให้สัมภาษณ์ของมิสเตอร์สตีเบิร์ทอะไรนั่น
ฆาตกรต่อเนื่องที่ไม่มีวิธีการฆ่าที่ตายตัวก็กำลังยืนอ่านบทความของนายอยู่ตอนนี้ไงล่ะ
ในอดีตเธอเป็นพวกที่ ขอแค่ได้ฆ่า ไม่ว่าจะได้ใช้วิธีไหนเธอก็จะทำ จะจับกดน้ำ วางยาพิษ ใช้เลื่อยไฟฟ้า ยุยงให้ฆ่าตัวตาย หลอกให้กินเนื้อของครอบครัวตัวเองแล้วค่อยยิงทิ้ง ทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่เธอเคยทำ
มิสเตอร์สตีเบิร์ท การที่นายบอกว่าฆาตกรทุกคนมีรูปแบบการฆ่าที่ตายตัวน่ะ นั่นแสดงว่านายยังไม่เคยเจอคนแบบฉันไงล่ะ
[นักข่าวริต้า:งั้น…คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ฆ่าคนน่าสงสารพวกนั้นเหรอคะ]
[มิสเตอร์สตีเบิร์ท:ผมก็ไม่รู้ครับ แต่จำได้รึเปล่าครับว่ารายงานการชันสูตรศพพวกนั้นบอกว่าเหยื่อตายเวลาไหนน่ะครับ]
[นักข่าวริต้า:ศพของเหยื่อรายแรกถูกพบในวันที่หนึ่งมกราคมของปีนี้ค่ะ เหยื่อรายที่สองถูกพบวันที่—]
[มิสเตอร์สตีเบิร์ท:นั่นล่ะครับ เหยื่อพวกนั้นมีจุดเชื่อมโยงกันอย่างหนึ่ง คือพวกเขาถูกฆ่าภายในวันที่ ‘จันทร์หายนะทรีอาร์’ ปรากฏตัวขึ้นพอดีเลย]
จันทร์หายนะ!?
การแสดงออกของเด็กสาวกลายเป็นซับซ้อนเมื่อได้ยินชื่อนั้นอีกครั้ง ในฐานะของคนที่มาอยู่โลกนี้ได้สักพักแล้ว เธอย่อมรู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของสิ่งนั้นอย่างแน่นอน
พระจันทร์ที่ต้องคำสาปของพระเจ้าผู้ร่วงหล่น คำสาปของเทพมารเบนิล
ดูเหมือนว่าเทพมารเบนิลจะมีบทบาทกับโลกนี้มากไปหน่อยมั้ง? ขนาดว่าร่วงหล่น หรือก็คือ ‘ตาย’ ไปแล้วนะ
จะว่าไป ถ้าให้ไล่เรียงช่วงเวลาที่เหยื่อถูกฆ่า แต่ละคนถูกฆ่าในตอนที่จันทร์หายนะขึ้น และเหยื่อคนแรกสุดที่พบก็ตายในวันที่หนึ่งมกราคม
แล้ววันนั้นมันวันที่เธอมาเกิดใหม่ยังโลกนี้พอดีเลยด้วย?
ความบังเอิญ? อย่างงั้นเหรอ?
ส่วนจันทร์หายนะที่ขึ้นในตอนที่เหยื่อรายที่สองถูกฆ่า นั่นคือช่วงเวลาเดียวกับที่เธอไปกินอาหารที่ร้านกับฮันน่า และเป็นตอนที่เธอได้เจอกับฟุมิ มัตสึโมโตะอีกครั้ง
และก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน มันเป็นตอนที่เธอเดินทางไปเขตสลัมและเจอลอยด์กับลูเมี่ยนครั้งแรกด้วย?
นี่มัน…จะบังเอิญจริงๆ งั้นเหรอ?
เธอเริ่มรู้สึกว่านี่มันผิดปกติอย่างแปลกประหลาด มันราวกับว่าการฆาตกรรมพวกนั้นเกิดขึ้นอย่างจงใจในช่วงเวลาสำคัญต่างๆ ที่เธอทำทั้งนั้น ทั้งตอนที่มาโลกนี้ใหม่ๆ ทั้งตอนที่เธอเดินทางไปเผยแพร่ศาสนาครั้งแรก
ทั้งหมดนั่น มันบังเอิญจริงๆ ใช่ไหม?
[นักข่าวริต้า:คุณจะบอกว่า…]
[มิสเตอร์สตีเบิร์ท:ใช่ครับ ผมกำลังคิดว่า…]
[สิ่งที่ฆ่าพวกเขา และเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทางโบสถ์ถึงกับต้องส่งหน่วยผู้ลงทัณฑ์มาด้วยตัวเอง สิ่งนั้นคือ]
[สิ่งผิดปกติ]