ฉันก็แค่อยากตาย แต่ไหงต้องมาเกิดใหม่ด้วยล่ะ! - ตอนที่ 31 (เล่ม2)บทนำ บ้านที่ไม่สะอาด
บรรยากาศของบ้านไม้กลางป่ายังคงเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยนแม้ว่ายูริจะไม่ได้กลับมาที่นี่สักพักแล้วก็ตาม
ตัวบ้านอาจจะดูเก่ากว่าเดิมไปบ้าง แต่มันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับบ้านหลังเล็กๆ ที่ตั้งตระหง่านใจกลางป่าและคอยต่อสู้กับพายุฝนที่โหมกระหน่ำ
เธอสังเกตุเห็นว่าหญ้าและต้นไม้เล็กๆ งอกขึ้นมาตามพื้นดินรอบบ้าน สวนดอกไม้ที่ฮันน่าปลูกก็รกไปด้วยวัชพืชหลากหลายชนิด
ไม่อยู่แป๊ปเดียวพวกมันขึ้นมาเต็มเลยเหรอ? แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ แต่พอเห็นแบบนี้แล้วเธอก็เลยรู้ว่าปกติแล้วฮันน่ามักจะดูแลบ้านของตนอยู่เสมอๆ
พออีกฝ่ายจากไป ที่นี่ก็เต็มไปด้วยวัชพืชมากมายมหาศาล
“คงต้องทำความสะอาดยาวๆ เลย”
ฮันน่าถอนหายใจออกมา ดวงตาสีแดงของเธอดูเบื่อหน่ายเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ค่อยชอบการทำงานบ้านสักเท่าไหร่ แน่นอน ตามปกติแล้วเธอก็จะทำความสะอาดบ้านของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะชื่นชอบการทำแบบนั้น
“เดี๋ยวหนูช่วยเองค่ะ”
ยูริยิ้มสดใสพลางให้กำลังใจอีกฝ่าย นั่นทำให้ฮันน่าที่กำลังทำสีหน้าท้อแท้จนถึงเมื่อกี้นี้รู้สึกฮึกเหิมขึ้นกว่าเดิมมาก
“โอเค พวกเรามาช่วยกันทำกันเถอะ!”
บางทีเธอก็คิดว่าการทำงานบ้านก็ไม่เลว อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้เธอสามารถทำกิจกรรมร่วมกับน้องสาวของเธอได้
แต่ หวังว่าเธอจะไม่ต้องทำแบบนี้บ่อยๆ นะ การทำความสะอาดเป็นงานที่เหนื่อยมาก ความจริงแล้วในสมัยเด็กๆ เธอไม่เคยทำความสะอาดด้วยตัวเองเลย
พึ่งจะมาทำงานบ้านงานเรือนก็ตอนอายุสิบสามถึงปัจจุบันเนี่ยแหละ
“เริ่มจากถอนวัชพืชในสวนก่อนดีไหมคะ?”
“อันนั้นเดี๋ยวพี่ทำเอง ยูริจังแค่ไปกวาดบ้านหรือล้างจานก็พอ”
ฮันน่าอมยิ้มให้กับความกระตือรือร้นของน้องสาว แน่นอนว่าเธอเคยใช้เวทมนตร์ที่ทำให้บ้านหลังนี้สกปรกน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว นั่นทำให้ฝุ่นผงและแมลงรบกวนมีน้อยมาก
ดังนั้นน้องสาวของเธอจะไม่ได้ทำงานหนักมากนัก แต่ในฐานะผู้ปกครองที่ดี การสอนให้เด็กเล็กรู้จักมีน้ำใจและมีความรับผิดชอบก็ถือเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว
ดังนั้นเธอจึงจงใจเหลือฝุ่นสกปรกเอาไว้นิดหน่อยในบ้าน เพื่อให้ยูริจังได้ทำงานบ้านนิดหน่อย แต่ก็ไม่เหลือเอาไว้มากเกินไปจนทำให้ยูริจังต้องเหนื่อย
เธอรู้ว่าเด็กเจ็ดขวบคือวัยแสนซน ไม่ค่อยชอบอยู่นิ่งๆ และชอบความสนุกสนาน หากให้ยูริจังทำงานหนักเกินไป เธออาจจะรู้สึกว่างานบ้านน่าเบื่อและพาลเกลียดการทำงานอย่างหนักไปในที่สุด
ฮันน่ารู้ว่าใช่ว่าตัวเองจะอยู่กับยูริไปได้ตลอดกาล ทุกๆ สรรพสิ่งล้วนมีการแยกจาก ทุกๆ สรรพสิ่งล้วนมีการพลัดพราก ดังนั้นก่อนจะถึงเวลานั้น เธอจะมอบอาวุธให้กับน้องสาวของเธอ
การเอาชีวิตรอดยังไงล่ะ
สรุปง่ายๆ ก็คือ การทำแบบนี้จะทำให้ยูริจังกลายเป็นคนมีความรับผิดชอบมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะไม่ป่วยจากการสูดฝุ่นที่มากเกินไปด้วย
ร่างกายของเด็กน่ะแพ้ง่ายจะตาย ถ้าเธอไม่ใช้เวทมนตร์ลดปริมาณของฝุ่นลง ยูริอาจจะป่วยเอาได้
ถึงจะอยากฝึกให้มีความรับผิดชอบ แต่มันไม่คุ้มหากต้องนำสุขภาพของอีกฝ่ายมาแลก
ค่อยๆ สอน ค่อยๆ เรียนรู้กันไป
ให้ตายสิ คิดอะไรแปลกๆ อยู่สินะฮันน่า
ยูริมองอีกฝ่ายที่กำลังทำสีหน้ายิ้มแย้มอย่างสงสัย เธอกำลังคิดว่าการที่ฮันน่าให้เธอไปทำงานบ้านนั้นมีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า
เอาเถอะ น่าจะคิดไปเอง ก็แค่การทำงานบ้านมันจะมีอะไรซับซ้อนกันล่ะ?
แต่ปัญหาคือในอดีตเธอแทบไม่เคยทำงานบ้านเลยเนี่ยสิ ลำพังแค่การวางแผนและตบตาตำรวจก็เหนื่อยมากแล้ว ถ้าจะให้ทำงานบ้านเธอคงจะตายเพราะทำงานหนักเกินไปแน่ๆ
ยังไงก็ตาม ตอนแรกเธอแค่แกล้งทำเป็นเสนอว่าจะช่วยฮันน่าถอนวัชพืชไปงั้นแหละ แต่จริงๆ แล้วเธอคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะบอกเธอว่าไม่ต้องทำและให้ไปทำอะไรที่มันเหนื่อยน้อยกว่าแทน
และดูเหมือนว่าแผนของเธอจะได้ผลดีเยี่ยมเลยล่ะ อย่างน้อยๆ ถ้าเป็นการกวาดบ้านหรือถูบ้านเธอก็พอทำเป็นอยู่บ้าง
เรื่องพวกนั้นมันไม่ได้ยากขนาดนั้น
“ไม้กวาดอยู่ตรงไหนเหรอคะ”
“เอ่อ ถ้าจำไม่ผิดวางเอาไว้แถวๆ ห้องครัวนะ ลองไปหาแถวๆ นั้นก่อน ถ้าไม่เจอก็กลับมานะ”
เอาอุปกรณ์ทำความสะอาดไปไว้แถวๆ ครัวเนี่ยนะ…เอาเถอะ บางทีฮันน่าก็มีมุมขี้เกียจแบบนี้สินะ
ยูริเดินไปที่ห้องครัวก่อนจะพบไม้กวาดด้ามยาว มันค่อนข้างถือยากถ้าให้เด็กเจ็ดขวบแบบเธอมาถือ แต่ยังไงซะเรื่องนั้นมันก็ไม่ใช่ปัญหาของเธอมากขนาดนั้น
ตอนนี้ฮันน่ากำลังถอนวัชพืชและคอยจัดการกับพวกหญ้าและต้นไม้ที่ขึ้นรอบๆ บ้านจนรก ยูริใช้เวลานั้นในการกวาดพวกฝุ่นผงและเศษของสกปรกออกไปนอกบ้าน
ไม่จำเป็นต้องมีที่ตักผง เพราะยังไงซะนอกบ้านก็เป็นป่าอยู่แล้ว เดี๋ยวลมก็พัดฝุ่นพวกนั้นให้ปลิวหายไปเอง
นานๆ ทีได้ทำงานบ้าน และยอมรับเลยว่าเธอไม่ค่อยชอบมันสักเท่าไหร่
แต่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น—ยูริครุ่นคิดพลางมองฮันน่านอกหน้าต่างที่กำลังถอนวัชพืชอย่างเงียบๆ
ยังไงก็ตาม ในฐานะฆาตกรต่อเนื่อง เธอจะจัดการฝุ่นผงพวกนี้ให้หมดเลยล่ะ
ฆ่าฝุ่นผงยังไงล่ะ
“ฝุ่นผงกำลังปลิวไป เข้าเบ้าหน้าของนาย และกลายเป็นระเบิดนิวเคลียร์ที่ระเบิดแล้วโลกทั้งใบกลายเป็นดอกไม้— “
เธอฮัมเพลงเบาๆ อย่างอารมณ์ดี การได้กลับมาบ้านไม้กลางป่าคือการพักจิตใจอย่างหนึ่ง อย่างน้อยที่นี่ก็ไม่มีปัญหามลพิษแบบเมืองรัตติกาล มันเป็นสถานที่ที่สงบสุขที่สุดสำหรับเธอแล้ว
ส่วนเนื้อเพลงที่แปลกประหลาดที่เธอแต่งขึ้นเองนั่น…มันไม่มีสาระอะไรให้ใส่ใจหรอก เธอนึกอะไรออกก็แค่ใส่ๆ ไปในเนื้อเพลงเท่านั้นเอง
ยูริยังคงร้องเพลงต่อไปโดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นฮันน่าที่กำลังพยายามกลั้นหัวเราะอยู่นอกหน้าต่าง
“จู่ๆ แดดก็หายเหรอ?”
เด็กสาวขมวดคิ้วเล็กๆ เธอสังเกตุว่าแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านหน้าต่างในตอนนี้นั้นไม่ส่องสว่างเท่าก่อนหน้านี้เลยสักนิด
เมื่อหันไปมองด้านนอกก็พบว่าเมฆสีดำขนาดมหึมากำลังเคลื่อนตัวมาบดบังแสงอาทิตย์อย่างช้าๆ ดูเหมือนว่าอีกไม่นานฝนจะตกแล้ว
แต่ทำไมกันนะ ยูริถึงรู้สึกแปลกๆ กับเมฆฝนนั่น
บางทีเธออาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่รู้สึกราวกับว่าเมฆสีดำนั่นเก็บซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้ ความลับที่ทำให้เธออยากค้นหาและอยากสำรวจมันด้วยตัวของเธอเอง
ไม่สิ จะบ้ารึไง มันก็แค่เมฆฝน บางทีเธออาจจะอ่านนิยายแนวลึกลับสืบสวนสอบสวนมากเกินไปก็ได้
ฮันน่าเองก็สังเกตถึงเมฆฝนเช่นกัน เธอจึงทิ้งกิจกรรมทุกอย่างที่ทำแล้วเข้ามาในบ้านก่อนจะเข้าไปล้างไม้ล้างมือในห้องครัว
ไม่รู้ตาฝาดไปรึเปล่า แต่เหมือนเห็นบางสิ่งจากที่ไกลๆ—
เดี๋ยวนะ แล้วเธอไปเห็นมันตอนไหนล่ะ?
บางทีเธอน่าจะนอนน้อยเกินไปจริงๆ ด้วย
“ฝนตกแบบนี้ก็ดีนะ อย่างน้อยๆ จันทร์หายนะก็ไม่เคยขึ้นเวลาฝนตก”
ฮันน่าพูดด้วยรอยยิ้มของคนที่ไม่รู้สึกถึงอะไรแปลกๆ เลย เธอใช้ผ้าขนหนูเช็ดมือของตัวเองก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาและหยิบหนังสือสอบขึ้นมาอ่าน
ลืมไปเลยว่าฮันน่ากำลังจะเข้ามหาลัย ในหลายๆ ครั้งฮันน่าก็แสดงให้เห็นถึงความฉลาดที่น่าเหลือเชื่อ วุฒิภาวะทางอารมณ์ที่ค่อนข้างสูง แตกต่างกับเด็กอายุสิบห้าในโลกเก่าของเธอมาก
“อ่านอะไรอยู่เหรอคะ”
ด้วยความเบื่อและไม่มีอะไรทำ ยูริตัดสินใจไปนั่งข้างๆ อีกฝ่ายก่อนจะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
บางทีจิตใจของเธออาจจะมีความเป็นเด็กผสมเข้าไปบางส่วนก็ได้ เพราะแต่ก่อนเธอคงไม่สนใจว่าฮันน่าจะอ่านอะไร แต่นิสัยอยากรู้อยากเห็นแบบนี้—มันเป็นนิสัยของเธอก่อนจะกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง แม้ว่าหลังจากนั้นจะละทิ้งมันไปแล้วก็ตาม
ดูเหมือนว่าตอนนี้นิสัยนั้นจะกลับมาอีกครั้ง
“คณิตศาสตร์น่ะ”
แคลคูลัส ตรีโกณมิติ ทฤษฎีบทพีทาโกรัสขั้นสูง การหาค่าของฟังก์ชันไซน์และโคไซน์ มิติและคณิตศาสตร์
ยูริรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ถามคำถามนั้นออกไป เธอเกลียดคณิตศาสตร์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ในโลกเก่าคณิตศาสตร์เป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ฟุมิ มัตสึโมโตะ ไอ้เวรนั่นเอาสูตรการคำนวณความน่าจะเป็นมาใช้ในการสืบคดีด้วยซ้ำ!
ถ้าเธอเป็นอัจฉริยะที่เกิดจากความพยายาม ไอ้เวรนั่นก็เป็นอัจฉริยะที่เกิดจากพรสวรรค์ล้วนๆ เลย
ในขณะที่เธอเล่นหมากรุกแพ้ให้กับเอไอหมากรุกเป็นล้านๆ ครั้งกว่าจะคำนวณตาเดินที่เป็นไปได้จนเอาชนะมันได้ ไอ้หมอนั่นกลับสามารถคำนวณตาเดินหมากได้ตั้งห้ายกกำลังสิบรูปแบบได้ภายในการมองเพียงครั้งเดียว
โลกช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
ขณะที่เด็กสาวกำลังครุ่นคิดถึงอดีตอันเจ็บปวด (?) อยู่นั้น ฮันน่าก็ได้ทักขึ้นมาว่า
“ยูริจัง คิดอะไรอยู่เหรอ”
“กำลังคิดว่าทำไมพี่ต้องมาทรมานตัวเองด้วยวิธีนี้น่ะค่ะ”
ยูริถอนหายใจออกมาอย่างไม่เข้าใจ คณิตศาสตร์พวกนี้มีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันรึไง? ทำไมต้องเรียนด้วย?
แม้ว่าเธอจะเรียนจบมาแล้ว แต่เธอก็ยังไม่เคยเข้าใจเลยว่าของพวกนี้มีประโยชน์อะไร ใช่ มันก็จริงอยู่ที่คณิตศาสตร์คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์สามารถคำนวณสิ่งต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ มีผลต่อการสร้างสิ่งต่างๆ
การสร้างตึก แบบแปลนอาคาร บลาๆๆ ทั้งหมดนั่นต้องใช้คณิตศาสตร์
แต่ถามจริงเหอะ นักเรียนหนึ่งร้อยคนจะไปเป็นวิศวกรหมดทั้งร้อยคนเลยรึไง? มันต้องมีบ้างสิที่เรียนจบไปเป็นคนจรจัด ขอทาน นักเขียน นักวาด หรือไปจบที่โรงพยาบาลบ้า!
วิธีการเรียนแบบยัดความรู้ทุกอย่างแบบไม่ใส่ใจความสามารถหรือความถนัดของนักเรียน การยัดเยียดสิ่งที่พวกนั้นไม่ชอบ ทั้งหมดนั่นมันเป็นสิ่งที่ดีแล้วจริงๆ เหรอ?
ถ้าไม่ถนัดวิชาดนตรีและไม่ชอบมัน ต่อให้ยัดเยียดแทบตายนักเรียนก็ไม่เก่งขึ้นมาหรอก ถ้าแค่ไม่ถนัดแต่ชอบดนตรีก็ว่าไปอย่าง เพราะอย่างน้อยนักเรียนคนนั้นก็จะพยายามจนเก่งเอง
ให้ตายเถอะน่า รู้รึเปล่าว่าประเทศของเธอมีคนฆ่าตัวตายเยอะขนาดไหนเพราะความกดดันแบบไม่มีที่สิ้นสุดพวกนั้นน่ะ?
ยูริรู้สึกโกรธ เธอกังวลว่าฮันน่าจะรู้สึกกดดันกับวิชาคณิตศาสตร์พวกนี้ กดดันจนชิงลงมือปลิดชีวิตตัวเองไปแบบคนที่เธอรู้จักในโลกก่อน
รู้รึเปล่าว่ามันน่าหงุดหงิดขนาดไหนกับการที่คนๆ หนึ่งจะมาทำอะไรแบบนั้นทั้งๆ ที่ควรไปใช้ชีวิตให้มีความสุขน่ะ?
มนุษย์ทุกคนเกิดมาล้วนก็อยากมีความสุขกันทั้งนั้น แต่สุดท้ายคนส่วนใหญ่ก็มานั่งทรมานตัวเองเหมือนพวกมาโซคิสม์แบบนี้
“เอ่อ ยูริจัง พี่แค่เตรียมตัวสอบเองนะ”
ฮันน่าดูสับสน ทำไมน้องสาวของเธอทำหน้าไม่ชอบใจแบบนั้นล่ะ? ยังกะว่าหนังสือคณิตศาสตร์นี่เป็นพิษร้ายหรืออะไรแบบนั้นเลย
“ก็ใช่ ว่าแต่พี่เข้าใจคณิตศาสตร์ยากๆ พวกนี้ด้วยเหรอคะ?”
ยูริทำหน้ามุ่ย ไม่ชอบคณิตศาสตร์เลย ถึงจะรู้ว่ามันมีประโยชน์แต่เธอก็ไม่ชอบอยู่ดี มันเหมือนกับการไม่ชอบกินพริกหยวกแม้จะรู้ว่ามันมีประโยชน์นั่นแหละ
แต่เธอกินพริกหยวกได้นะ เมื่อกี้แค่เปรียบเทียบเฉยๆ
“ยาก? เอ่อ สำหรับพี่มันก็ไม่ยากเท่าไหร่ ความจริงแล้วของพวกนี้เป็นแค่คณิตพื้นๆ เท่านั้นน่ะ ถ้าพี่เข้ามหาลัยเมื่อไหร่เดี๋ยวจะมีของที่ยากกว่านี้โผล่ออกมาเพียบเลยล่ะ”
หญิงสาวยิ้มแย้มพลางพูดอย่างสบายๆ เธอไม่กังวลเกี่ยวกับวิชาคณิตศาสตร์พวกนี้เลยสักนิด แน่นอนว่าในสายตาของน้องสาวของเธอ มันคงเป็นอะไรที่ยากและชวนให้ปวดหัวแน่นอน
แต่สำหรับเธอแล้ว มันก็แค่บทเรียนพื้นฐานง่ายๆ ที่เด็กมัธยมต้นยังทำได้
“ถ้ายูริจังโตกว่านี้แล้วได้เข้าเรียน เดี๋ยววิชาคณิตศาสตร์พวกนี้ก็จะได้เรียนเอง แล้วยูริจะเข้าใจว่ามันไม่ได้ยากอะไรเลย”
นั่นเป็นมุกตลกที่ไม่ตลกเอาซะเลย ไม่สิ บอกเธอทีว่ามันเป็นแค่มุกตลก
มุมปากของยูริกระตุกแผ่วเบา ง่ายเหรอ? แม้ว่าเธอจะเรียนจบและเคยเผชิญหน้ากับหลักสูตรพวกนั้นมาแล้ว แต่เธอก็ยังมองว่าพวกมันเป็นดั่งฝันร้าย
บางทีฮันน่าอาจจะฉลาดกว่าที่เธอคิด แม้ว่าในแง่ของประสบการณ์การใช้ชีวิต ประสบการณ์วางแผน คิดวิเคราะห์ รวมไปถึงการรู้เท่าทันเล่ห์กลอุบายของผู้คน เธอจะเหนือกว่าก็ตาม แต่นั่นเป็นเพราะประสบการณ์ที่เธอสั่งสมมาทั้งชีวิต ไม่ใช่เพราะความฉลาดแต่กำเนิด
บางทีฮันน่าอาจจะสมองดีกว่า ถ้าอีกฝ่ายได้ใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์และบ่มเพาะความรู้ของตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าฮันน่าอาจจะก้าวข้ามเธอไปเลยก็ได้
“เอ่อ หนูไม่เห็นว่ามันจะง่ายตรงไหน หมายถึง สำหรับหนูก็ทำโจทย์พวกนี้ได้นะคะ แต่มันไม่ง่ายแน่ๆ”
ยูริเหลือบมองโจทย์พวกนั้นอีกครั้ง
“จริงเหรอ? ยูริจังทำได้เหรอ?”
ฮันน่าถามพลางทำสีหน้าประหลาดใจ เธอกำลังคิดว่าน้องสาวของเธอกำลังอำเล่นรึเปล่า เด็กเจ็ดขวบไม่น่าจะทำโจทย์พวกนี้ได้นะ
แถมยูริจัง ไม่ใช่ว่าความจำเสื่อมหรอกเหรอ? ต่อให้จะเคยเรียนเรื่องพวกนี้มาก่อนก็ไม่น่าจะจำสูตรคำนวณได้นี่?
“แน่นอน พี่ไม่เชื่องั้นเหรอ?”
เด็กสาวกอดอกพลางเลิกคิ้ว ในสายตาของฮันน่า นั่นเป็นท่าทางที่น่ารักจนใจเจ็บเลยทีเดียว
“ฮะแฮ่ม เปล่า พี่กำลังคิดว่ายูริจังเป็นอัจฉริยะงั้นเหรอ หรืออะไรทำนองนั้นน่ะ”
“ไม่เนียนค่ะ…เอาเป็นว่าลองเขียนโจทย์ของทฤษฎีบทพีทาโกรัสมาสักข้อสิคะ”
“จะดีเหรอ? โอเค ก็ได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ หรือถ้าติดขัดตรงไหนเดี๋ยวพี่ช่วย”
“ขอบคุณ แต่ไม่ต้องหรอกค่ะ”
ฮันน่าไม่เชื่อยูริแม้แต่น้อย แต่เพื่อให้น้องสาวไม่เสียใจ เธอลุกออกไปหากระดาษเปล่ามาก่อนจะเริ่มลงมือเขียนโจทย์ลงไป
“แบบนี้ได้ไหมยูริจัง?”
เธอยื่นกระดาษให้เด็กสาวก่อนจะนั่งลงอีกครั้ง ยูริก้มหน้ามองดูโจทย์พวกนั้นก่อนจะครุ่นคิดในใจ
เดี๋ยวนะ ทฤษฎีบทพีทาโกรัสมันต้องทำยังไงนะ?
เธอลืมไปว่าเธอเรียนจบจากมหาลัยมาได้สักพักแล้ว เนื่องจากเธอเรียนจบจากที่นั่นตั้งแต่อายุยี่สิบ เข้ากรมตำรวจพร้อมกับเรียนไปด้วยตั้งแต่อายุสิบเก้า
และเธอก็ตายตอนอายุยี่สิบปลายๆ และเธอก็มาอยู่โลกนี้ได้ไม่นานนัก นั่นแปลว่าไม่กี่เดือนก่อนเธอพึ่งจะเรียนจบจากที่นั่น
และการเรียนจบนั่นก็ทำให้เธอเอาวิชาที่เรียนมาคืนอาจารย์ไปหมดแล้ว ทำให้เธอลืมวิธีทำไปโดยปริยาย
แต่ถ้าให้ท่องสูตรอีกสักรอบก็คงจำได้เองล่ะมั้ง?
“เอ่อ แฮะแฮะ”
ยูริเกาหัวแกรกๆ ให้ตายเถอะ ตั้งใจจะโชว์สักหน่อย แต่ดันลืมวิธีทำเนี่ยนะ ขายหน้าชะมัด
“หนูไม่รู้สูตรนี่คะ ถ้าพี่สอนสูตรการทำสักหน่อยหนูอาจจะทำได้ก็ได้ค่ะ”
ยูริจังที่พยายามทำเป็นเก่งน่ารักจัง ฮันน่าแอบอมยิ้ม เอาเถอะ ก็ไม่ต่างจากที่คิดเอาไว้สักเท่าไหร่
“เดี๋ยวพี่สอนเอง ทฤษฎีบทพีทาโกรัสคือ…”
หลังจากนั้นฮันน่าก็สอนยูริสักพัก นั่นทำให้ความทรงจำเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ที่หายไปนานแล้วของเด็กสาวค่อยๆ กลับคืนมาทีละนิด
“โอเค เข้าใจแล้วค่ะ”
ถ้าให้ถูก จำสูตรได้แล้ว
“งั้นขอโจทย์ข้อนั้นมาทีค่ะ จะทำ”
ยูริจัง? เรียนรู้สูตรแล้วอยากลองทำเลยงั้นเหรอ แบบนี้เรียกว่าร้อนวิชารึเปล่านะ
ฮันน่ารำพันก่อนจะยื่นโจทย์ให้อีกฝ่ายทำ
“ถ้าไม่ไหวก็แค่บอกนะ”
“แค่นี้สบายมากค่ะ”
หลังจากนั้นยูริก็ลงมือทำโจทย์ไปเรื่อยๆ เวลาล่วงเลยไปหลายนาที ยูริทำหน้านิ่วบ้างเวลาเจอจุดที่ตัวเองไม่เข้าใจ แน่นอน ถึงเธอจะจำสูตรได้แต่การทำจริงมันต่างกัน
เธอไม่ใช่อัจฉริยะที่จะเรียนรู้ทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วสักหน่อย แม้ว่าจะเคยเรียนมาแล้วแต่ก็ต้องมีลืมๆ ไปบ้าง มันทำให้การทำของเธอมีจุดที่ติดขัดเล็กน้อย แต่เธอก็ผ่านมันมาได้
“เสร็จแล้วค่ะ”
เธอยื่นกระดาษให้ฮันน่า อีกฝ่ายรับมันไปตรวจอย่างละเอียดก่อนจะเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ
มีจุดที่ขีดฆ่าเยอะมาก แสดงให้เห็นถึงความสับสนของเจ้าตัว นอกจากนี้ยังมีการคำนวณบางจุดที่พลาดไป แต่โดยรวมแล้วทำออกมาได้ดี แถมคำตอบยังถูกอีกต่างหาก
“ยูริจัง? เป็นอัจฉริยะเหรอ?”
แม้ว่าจะไม่ได้สมบูรณ์แบบขนาดนั้น แต่ยูริที่พึ่งจะอายุเจ็ดขวบกลับทำได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
คำชมนั้นทำให้ยูริรู้สึกละอายใจเล็กน้อย อัจฉริยะเหรอ!? ไม่!ฉันก็แค่เคยทำมาหลายร้อยครั้งแล้วเท่านั้นเอง
“นั่นก็เว่อร์ไปนะคะ แฮะแฮะ”
เธอเกาท้ายทอย ฮันน่าเอ่ยปากชมไม่หยุด
“ไม่เลย ยูริจังต้องเป็นอัจฉริยะแน่ๆ ไม่มีเด็กเจ็ดขวบคนไหนทำโจทย์แบบนี้ได้หรอกนะ แถมเป็นโจทย์ที่พึ่งลองทำครั้งแรกอีก”
แวมไพร์สาวขยี้หัวของอีกฝ่ายพลางยิ้มสดใส
“เก่งมากยูริจัง”
ก็ดีใจอยู่นะที่ถูกชม แต่แบบนี้แอบรู้สึกผิดเลยแฮะ…
จากนั้นฮันน่าก็กลับไปมองกระดาษอีกครั้ง ก่อนจะวิเคราะห์การทำโจทย์ของน้องสาวอย่างถี่ถ้วน
น่าสนใจ วิธีการทำแตกต่างจากวิธีการของฉัน การคำนวณง่ายๆ ที่ทำให้ลัดขั้นตอนการคำนวณทั้งหมด แถมเป็นวิธีที่ถูกต้องอีกต่างหาก
ยูริจัง เป็นอัจฉริยะจริงๆ ด้วย
ยูริเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบเฉย แต่มุมปากยกยิ้มขึ้นมา
นั่นคือแผนการของเธอ แม้ว่าจะแอบติดขัดไปนิดหน่อยก็เถอะ
เธอจงใจทำโจทย์คณิตศาสตร์พวกนี้ก็เพื่อฮันน่าโดยเฉพาะ ปีหน้าอีกฝ่ายจะต้องเข้ามหาวิทยาลัย ย่อมต้องเจอโจทย์แบบนี้แน่ๆ ความจริงมันจะนรกยิ่งกว่านี้ด้วยซ้ำ
ดังนั้น เพื่อให้ฮันน่าได้รับแรงบันดาลใจในการทำคณิตศาสตร์ รวมไปถึงการมอบวิธีการคิดใหม่ๆ ให้กับอีกฝ่าย เธอจึงทำโจทย์นั่น
เท่านี้ฮันน่าก็น่าจะทำความเข้าใจกับวิชาเฮงซวยพวกนั้นได้มากขึ้นแล้ว
นั่นคือการตอบแทนที่ดีที่สุดเท่าที่เธอให้ได้ในตอนนี้แล้ว
นอกจากนี้ เธอคิดว่าอยากจะมอบความรู้ของตัวเองในโลกเก่า รวมไปถึงประสบการณ์ใช้ชีวิตของตัวเองให้กับอีกฝ่ายด้วย
ในอนาคต หลังจากที่เธอชนะอโลวีนัสและฆ่าตัวตายได้แล้ว
ฮันน่าจะได้มีความรู้และประสบการณ์ในการใช้ชีวิตที่เหลือของตัวเองได้ยังไงล่ะ
ใช่ว่าเธอจะอยู่กับอีกฝ่ายไปได้ตลอด สุดท้ายแล้วฮันน่าก็จะต้องไปใช้ชีวิตของตัวเองในสักวันหนึ่ง
เธอไม่อยากทิ้งอีกฝ่ายไว้เพียงลำพัง แต่มันเลือกไม่ได้
ดังนั้น ประสบการณ์และความรู้พวกนั้นคือของขวัญที่ดีที่สุดเท่าที่เธอมอบให้ได้แล้ว
หวังว่าฮันน่าจะไม่เศร้าเมื่อเวลานั้นมาถึง…
เฮ้พวก ผมกลับมาแล้ววววว ขอโทษที่หายไปนาน พอดีผมดองเนื้อเรื่องเอาไว้แล้วกะว่าจะมาลงทีเดียวตอนเขียนเล่ม2จบเลยน่ะ แต่ตอนนี้ผมเขียนเล่ม2จบแล้ว ดังนั้น นี่คือการกลับมาของผมล่ะ!!!!!!
บอกไว้ก่อนเลยว่าเนื้อหาเล่ม2แน่น หนา แล้วก็ยาวสุดๆ ตอนอ่านอย่าลืมพักผ่อนบ้างนะ เพราะมันยาวจนแม้แต่ผมที่เป็นคนเขียนยังกรีดร้องตอนเขียนเลย!(700หน้าและ57ตอนในเล่มเดียว)