ฉันก็แค่อยากตาย แต่ไหงต้องมาเกิดใหม่ด้วยล่ะ! - ตอนที่ 27 ไปเที่ยว
หลังจากนั้นยูริก็เดินทางออกมาจากเขตสลัม
เป้าหมายแรกของเธอสำเร็จไปแล้วบางส่วน ตอนนี้เธออาจจะยังไม่สามารถทำให้อัลเล่เชื่อได้ว่าเธอคือข้ารับใช้แห่งเทพจริงๆ แต่อนาคตเธอมั่นใจว่าสามารถทำให้อีกฝ่ายมาเป็นสาวกของเธอได้แน่นอน
แม้ว่าตอนแรกๆ จะเกิดเหตุการณ์นองเลือดไปบ้าง แต่อย่างน้อยเธอก็ผ่านมันมาได้แล้ว
โชคดีเหลือเกินที่เธอเคยขอให้ฮันน่าดูดเลือด มันทำให้เธอรอดชีวิตมาได้จากการถูกแทง ไม่อย่างงั้นเธอคงตายไปแล้ว
จะว่าไปสามคนนั้นไม่พูดอะไรเกี่ยวกับการที่เธอสามารถฟื้นฟูตัวเองและกลับมาจากความตายได้เลยงั้นเหรอ? บางทีเวทมนตร์ฟื้นฟูหรือเวทชุบชีวิตอาจจะเป็นเวทมนตร์ปกติของโลกนี้ก็ได้ล่ะมั้ง
ยังไงก็ตาม ถึงจะไม่เจ็บตัวแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงความรู้สึกแน่นหน้าอกนิดๆ ราวกับว่าผลข้างเคียงจากการถูกแทงยังไม่หายไปอย่างสมบูรณ์ บางทีอาจจะต้องรออีกนิดหน่อยมันถึงจะหายไป
ยังไงก็ตาม ตอนนี้รีบเดินทางกลับบ้านก่อนที่พี่ฮันน่าจะกลับมาดีกว่า แต่ก่อนอื่นต้องแวะไปซื้อของอร่อยๆ มากินด้วย อย่างน้อยฮันน่าก็จะได้กลิ่นอาหารจากตัวของเธอและจะได้เข้าใจว่าเธอพึ่งออกไปซื้อขนมมากิน
เด็กสาววางแผนการต่างๆ เอาไว้ในหัว ตั้งแต่ที่เธอได้รับรู้ว่าชะตากรรมของตัวเองกำลังถูกควบคุมอยู่ เธอก็รู้สึกว่ามันหมดเวลาพักผ่อนของเธอแล้ว
และหลังจากนี้เธอก็จะมีเวลาพักผ่อนน้อยลงไปอีก
วันนี้ท้องฟ้าของเมืองรัตติกาลดูมืดครึ้มกว่าปกติ
แม้ว่าเมืองแห่งนี้จะเต็มไปด้วยเมฆหมอกจนทำให้แสงแดดจากดวงตะวันส่องแสงได้ยากแล้วก็ตาม แต่วันนี้มันกลับมืดมนกว่าปกติราวกับฤดูฝนกำลังจะมา
สภาพอากาศของโลกใบนี้มันแปลกประหลาด แม้ว่าจะมีการกำหนดช่วงฤดูกาลเอาไว้อย่างชัดเจน ทั้งฤดูฝน ฤดูร้อน ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูใบไม้ผลิ
แต่ถึงจะมีการกำหนดฤดูกาลเอาไว้อย่างชัดเจน แต่หลายๆ ครั้งคนบนโลกก็มิอาจเดาใจเทพีแห่งฤดูกาลได้เลย
สายฝนสาดเทลงมาก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นคละคลุ้งจากท่อระบายน้ำ วาคาดะ ซายูริเอามืออุดจมูกขณะที่กำลังเดินเข้าไปในโรงแรมและหวังว่าพี่สาวของเธอจะยังไม่กลับมาบ้าน
“ฝนตก? ไม่ยักจะมีสัญญาณเตือนอะไรเลยนี่น่า”
เธอบ่นอุบพลางผลักประตูโรงแรมออกและเดินเข้าไปอย่างไม่แยแสสายตาของพนักงานต้อนรับที่ทำสีหน้าสงสัยใคร่รู้เลยสักนิด
เวลานี้เสียงสายฝนที่โหมกระหน่ำทำให้เธอนึกถึงเสียงครวญครางของอสุรกายจากเงามืด สายตาสีแดงเยือกเย็นของเธอส่องประกายเล็กๆ ราวกับจะข่มขู่เสียงคำรามของสายฝน
แม้ว่าฝนจะตกหนัก แต่โชคดีที่เด็กสาวเดินเข้ามาในโรงแรมได้ทันเวลาทำให้เธอไม่ค่อยเปียกมากนัก แต่ยังไงซะก็ต้องอาบน้ำอยู่ดีเพราะออกไปข้างนอกมาทั้งวัน
“…”
เธอเดินผ่านห้องของพนักงานเก็บกุญแจ สายตาจับจ้องไปยังเคาน์เตอร์ของพนักงาน สีหน้าราวกับคาดหวังบางสิ่งบางอย่าง
ไม่อยู่ ทั้งคุณโรนาทั้งชายลึกลับที่เรียกตัวเองว่าโนอาเลย
โนอาคือคนที่ทำให้เธอรู้ความจริงว่าโชคชะตาของเธอกำลังถูกควบคุมอยู่จากตัวตนที่เรียกว่าผู้ชักใย ตัวตนที่เป็นต้นตอของความบังเอิญอันมากมายในชีวิตของเธอ
อีกฝ่ายบอกให้เธอสร้างลัทธิ ซึ่งเธอก็ทำตามนั้น และเริ่มต้นได้สวยเลยด้วย แม้ว่าจะแลกกับการถูกแทงก็เถอะ
ดังนั้นเธอเลยอยากถามข้อมูลจากอีกฝ่ายเพิ่มสักหน่อย
แต่ก็ไม่เข้าใจเลย การสร้างลัทธิมันเกี่ยวอะไรกับการเอาชนะตัวตนที่ทรงพลังระดับคุมชะตาชีวิตคนอื่นได้เนี่ย?
“หายไปไหน? เอาเถอะ ค่อยตามหาวันหลังแล้วกัน”
ตอนนี้ยูริทั้งเหนื่อยทั้งหิว เดินทางไปที่เขตสลัม ใช้สมองล่อลวงเด็กอายุเก้าขวบ ใช้จิตวิทยาเพื่อบงการผู้คน ทั้งหมดนั่นทำให้เธอเหนื่อยมาก
เธออยากพัก อยากนอน อยากกิน และอยากกระโดดขึ้นไปเกลือกกลิ้งบนเตียงทั้งวันทั้งคืน
เห็นแบบนี้เธอก็เป็นคนขี้เกียจ ไม่สิ ถ้าให้พูดให้ถูก เป็นคนที่จะทำตัวขี้เกียจสันหลังยาวหลังจากที่ทำงานอย่างหนักมาตลอดทั้งวันต่างหาก
“ยังไม่กลับมาสินะ ดีเลย”
เธอป้องปากหาวและบิดขี้เกียจ เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูมอมแมมจากการเดินทางไกลในวันนี้ ก่อนอื่นจะต้องถอดชุดออกและนำไปซักแบบคร่าวๆ และนำมันลงตะกร้า
ถ้าพี่สาวรู้ว่าเธอเดินทางไปข้างนอกมา เธอก็คงพอแถได้ว่าออกไปซื้อขนม แต่ถ้าอีกฝ่ายดมกลิ่นเสื้อผ้าและค้นพบว่าเธอเดินทางไปที่ไหนมาล่ะก็ นั่นไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
ว่าแล้วก็เดินไปปิดม่านตรงหน้าต่าง ถอดเสื้อผ้าและเริ่มดำเนินตามแผนการของตัวเอง
เสียงสายฝนกระทบหน้าต่างก่อให้เกิดท่วงทำนองไพเราะและแผ่วเบา…
“ยูริจัง พี่กลับมาแล้ว”
ฮันน่าพูดเสียงสดใสขณะที่ผลักประตูเปิดออกและเดินเข้าไปข้างในห้อง เธอพบว่าตัวห้องมืดสนิทและหน้าต่างก็ถูกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด
“หืม? หลับอยู่เหรอ”
เธอเอ่ยด้วยท่าทางประหลาดใจขณะที่ก้าวเท้าเข้าไปข้างใน
สายตาของเธอจับจ้องไปยังบริเวณเตียงนอน เด็กผู้หญิงผมสีขาวเงินกำลังนอนหลับสนิท เส้นผมของเธอดูยับยู่ยี่และปรกแก้ม แก้มพองๆ ของอีกฝ่ายทำให้แวมไพร์สาวรู้สึกอยากเอานิ้วไปจิ้มอย่างเอ็นดู
ฟี้ ฟี้ เสียงกรนแผ่วเบาของอีกฝ่ายทำให้เธอนึกถึงลูกแมวเวลาหลับ ใบหน้าของอีกฝ่ายยามหลับสนิทดูไร้เดียงสาและอ่อนเยาว์
ในท่าทางที่ไร้การป้องกันตัวอย่างสิ้นเชิง ผ้าห่มของอีกฝ่ายหลุดออกพร้อมกับเสื้อที่ถกขึ้นหน่อยๆ
นั่นทำให้ฮันน่าแอบขมวดคิ้วเล็กๆ
ยูริจังออกไปข้างนอกมาเหรอ?
ในโลกใบนี้มักจะมีรายละเอียดเล็กๆ มากมายซุกซ่อนเอาไว้กับสิ่งต่างๆ เหตุการณ์บางอย่าง หรือวัตถุบางสิ่ง
นักคณิตศาสตร์ของโลกนี้คนหนึ่งเคยกล่าวเอาไว้ว่าสรรพสิ่งนั้นเชื่อมโยงกันเป็นเหตุและผล พวกมันโยงใยกันและกันดุจดั่งเส้นด้ายที่ร้อยเรียงกันอย่างมีระบบระเบียบ
ในความไร้ระเบียบย่อมมีกฎระเบียบ ในกฎระเบียบย่อมมีความไร้ระเบียบ
น้ำหนึ่งหยดอาจจะสามารถบอกเล่าเรื่องราวของการกำเนิดโลกได้เลย หรือแม้แต่การที่ผีเสื้อหนึ่งตัวกระพือปีกอาจจะทำให้อาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่งถึงแก่คราวล่มสลาย
ฮันน่าสังเกตว่าท่าทางของยูริดูเหนื่อยหน่าย เสียงหายใจตอนนอนหลับไม่เหมือนกับคนที่นอนตามปกติ แต่เหมือนกับคนที่เหน็ดเหนื่อยกับอะไรบางอย่างซะมากกว่า
เธอเป็นแวมไพร์จึงมีประสาทสัมผัสที่ไวมาก เธอสามารถจับสังเกตความเปลี่ยนแปลงของลมหายใจของผู้อื่น สังเกตสีหน้าและอ่านอารมณ์ทำให้เธอสามารถคาดเดาจิตใจและความคิดของผู้อื่นได้
ท่าทางตอนนอน อากัปกิริยาเล็กๆ ทั้งหมดนั่นคือจุดสังเกตุที่ละเอียดอ่อนจนมนุษย์ธรรมดาไม่มีทางจับสังเกตได้อย่างแน่นอน แต่เธอสามารถจับสังเกตมันได้
นอกจากนี้ยังมีกลิ่น กลิ่นของสายฝนที่เบาบางและเจือจางจนแม้แต่เธอยังจับสัมผัสแทบไม่ได้ หลักฐานทั้งหมดนั่นบ่งชี้ว่าน้องสาวของเธอเดินทางออกไปข้างนอกมา
ไปไหนมา? ทำไมถึงได้เหนื่อยขนาดนี้
หืม? ฟุดฟิด ฮันน่าดมกลิ่นอีกครั้ง เธอหลับตาลงพลางแยกกลิ่นต่างๆ ออกจากกันราวกับว่ากำลังทดสอบอะไรบางอย่าง
“พุดดิ้ง? สรุปก็คือยูริจังออกไปหาพุดดิ้งมากินงั้นเหรอ? โอเค ไอ้เราก็นึกว่าออกไปทำอะไรแปลกๆ ข้างนอกมาซะอีก”
ว่าแล้วเธอก็ยิ้มอย่างสบายใจพลางตัดสินใจว่าจะไปอาบน้ำ
โชคดีที่ยูริคาดการณ์ถึงเรื่องที่ฮันน่าจะจับสิ่งผิดปกติผ่านการดมกลิ่นได้แล้ว เธอจึงซื้อขนมหวานจำพวกพุดดิ้ง เค้ก และช็อกโกแลตมากินเพื่อตบตาความสามารถในการดมกลิ่นของฮันน่า
เธอจงใจทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเธอออกไปข้างนอกมาเพื่อซื้อขนมหวานมากิน เธอรู้ว่าตัวเองไม่สามารถปกปิดอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์แน่ว่าตัวเองออกไปทำอะไรมา ไม่ว่าเธอจะวางแผนอะไร แผนการของเธอก็ย่อมมีช่องโหว่เสมอ
ต่อให้จะอาบน้ำ แต่ใช่ว่ากลิ่นข้างนอกจะหายไปอย่างสมบูรณ์ เธอจึงตัดสินใจ ‘บิดเบือน’ อะไรนิดๆ หน่อยๆ
เธอจึงซื้อขนมหวานมากินเพื่อ ‘บิดเบือน’ กระบวนการคิดและประสาทสัมผัสของพี่สาว มันเป็นการบงการให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเธอออกไปข้างนอกมา แต่ออกไปเพราะอยากกินของหวานๆ เท่านั้น
แม้จะถูกจับได้ว่าออกไปข้างนอก แต่เธอก็จะไม่ถูกสงสัยว่าออกไปทำอะไร แตกต่างจากการพยายามปกปิดให้มิดราวกับว่าตัวเองไม่ได้ออกไปข้างนอกมา นั่นไม่มีทางปกปิดพี่สาวได้แน่
และถ้าให้พูดเรื่องการปกปิด เพราะการเปิดประตูเข้ามาและบ่มพึมพำของฮันน่า มันทำให้ยูริเริ่มตื่นแล้ว
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังอาบน้ำอยู่ งั้นก็หลับต่อดีกว่า ยังไม่หายง่วงสักเท่าไหร่
“ฝนหยุดตกแล้ว”
ฮันน่าเปิดม่านหน้าต่างกว้างพลางยิ้มสดใส ข้างนอกฝนหยุดตกแล้ว แต่บรรยากาศในเมืองรัตติกาลก็ยังคงมืดครึ้มเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ดีเลย ค่ะ…”
ยูริตอบพลางป้องปากหาวอย่างง่วงงุน
หลังจากที่กลับมาจากเขตสลัมและหลับใหล เวลาก็ผ่านไปราวๆ หกชั่วโมงแล้ว แต่ยูริยังคงอยากนอนหลับและอยากจะพักผ่อนเหมือนเดิม การเดินทางไปยังเขตสลัมมอบความอ่อนล้าอันไร้ที่สิ้นสุดไว้กับเธอ
“ยูริจัง ไหนๆ ตอนนี้ฝนก็หยุดตกแล้ว พวกเราลองออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกกันสักหน่อยไหม? อยู่แต่ในโรงแรมแบบนี้อึดอัดจะแย่”
ฮันน่ายิ้มและทำท่าทางกระตือรือร้น เธอรู้สึกกระปรี้กระเปร่าราวกับได้เกิดใหม่เลยล่ะ นั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกอยากออกไปหากิจกรรมน่าสนใจทำ นอกจากนี้ในโรงแรมก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย
“ฮ่าฮ่า…หนูไม่รู้ว่าพี่ไปดีดมาจากไหนนะคะ แต่ไม่ใช่ว่าตอนนี้พี่ยังหางานไม่ได้หรอกเหรอ?”
ก่อนหน้าที่ฮันน่าเดินทางออกไปจากโรงแรม เธอโกหกกับยูริว่าออกไปซื้อวัตถุดิบทำอาหาร แต่ยูริรู้ว่าอีกฝ่ายออกไปหางานทำ
และดูเหมือนฮันน่าจะลืมไปแล้วว่าตัวเองยังไม่เคยบอกกับยูริเรื่องที่ตัวเองออกไปหางานเลยสักครั้ง เธอเลยไม่สงสัยแม้แต่น้อยว่าทำไมอยู่ๆ น้องสาวของเธอถึงเอ่ยขึ้นมาราวกับรู้ว่าเธอออกไปทำอะไรมากันแน่
“ก็ใช่ แต่นั่นไม่เกี่ยว ถึงจะยังหางานไม่ได้ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเราควรอุดอู้อยู่แต่ในนี้นี่? ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์กันหน่อย”
อากาศบริสุทธิ์?
ยูริมองออกไปข้างนอกหน้าต่างด้วยใบหน้าสับสน
“เมืองนี้มันห่างไกลจากคำว่าอากาศบริสุทธิ์มากเลยนะคะ หนูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนูกำลังสูดเอาออกซิเจนเข้าไปจริงๆ รึเปล่า”
“ออกซิเจน? ยูริจังพูดถึงอะไรอยู่เหรอ?”
เออ ลืมไปว่ายุคนี้ยังไม่มีการค้นพบออกซิเจน ผู้คนต่างเรียกธาตุต่างๆ ในอากาศด้วยคำๆ เดียวกันด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ามีธาตุพวกนั้นอยู่ไงล่ะ
“เอาเป็นว่าหนูยังไม่อยากสูดดมกลิ่นมลพิษจนตายหรอกนะคะ พี่ดูสิ ที่เห็นดำๆ บนฟ้านั่นไม่ใช่เมฆหมอก แต่เป็นควันดำจากโรงงานไม่ใช่รึไงคะ”
แล้วจะให้เธอออกไปสูดดมของแบบนั้นน่ะเหรอ? ได้ตายกันพอดี
“อืม ถ้ายูริจังยังเป็นแค่คนธรรมดาๆ อยู่ก็อาจจะเป็นแบบนั้น”
ฮันน่าทำท่าทีไม่ทุกข์ไม่ร้อน ราวกับว่าเธอมั่นใจว่าน้องสาวของเธอจะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอนต่อให้จะสูดดมควันพิษไปมากขนาดไหนก็ตาม
“แต่ยูริจังก็รู้นี่ว่าพี่ดูดเลือดให้แล้ว การดูดเลือดของแวมไพร์มันช่วยป้องกันโรคร้ายและป้องกันยูริจังจากมลพิษได้นะ”
มันไม่สารพัดประโยชน์เกินไปหน่อยเหรอ? เด็กสาวเอียงคออย่างฉงน
“พูดจริงรึเปล่าคะ?”
“จริงสิ พี่จะโกหกทำไมล่ะ?”
อืม ก็น่าจะเป็นแบบนั้น ยูริหรี่ตาลงเล็กน้อย
“งั้นก็ได้ค่ะ ว่าแต่เราจะไปที่ไหนกันดีเหรอคะ?”
ในเมืองนี้มีที่ไหนน่าเที่ยวบ้างนอกจากพวกร้านอาหารอร่อยๆ และย่านสลัมที่สามารถใช้หาเหยื่อได้ด้วยเหรอ?
เธอไม่ได้รับรู้ถึงความสุขจากการออกเดินทางมานานแล้ว ในโลกเก่าเพราะหน้าที่ของฆาตกรต่อเนื่อง มันทำให้เธอต้องออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ บ่อยๆ จนชินชาและเบื่อหน่ายกับการท่องเที่ยวแล้ว
นั่นทำให้เธอกลายเป็นคนติดบ้านและชอบการนอนซุกใต้ผ้าห่มอุ่นๆ กว่าจะเอาชนะความขี้เกียจเพื่อออกไปสร้างความหายนะให้แก่โลกก็ยากเลยล่ะ
เธอเลยไม่คิดว่า ‘การเดินเล่น’ ในชาตินี้จะทำให้เธอรู้สึกสนุกได้หรอกนะ
แน่นอนว่ายูริไม่พูดเรื่องแบบนั้นออกไปหรอก
“อืม เดี๋ยวคิดก่อนนะ…พี่เคยพาไปร้านอาหารอร่อยๆ มาแล้วใช่ไหม? ตอนแรกก็กะว่าจะพาไปภัตตาคารทางเหนือของเมืองอยู่หรอก…แต่มันปิดปรับปรุงเนี่ยสิ อ้อ! หรือว่าจะลองไปทางใต้ ที่นั่นน่าจะมีร้านฟิชแอนด์ชิพดีๆ นะ ไม่สิ ได้ยินว่าแถวๆ นั้นมีแต่นักเลงเต็มไปหมด…”
แวมไพร์สาวเดินไปเดินมาพลางรำพึงรำพันกับตัวเองราวกับว่าจมสู่โลกส่วนตัวไปแล้ว สีหน้าของเธอยามพูดถึงร้านอาหารที่จะไปดูจริงจังราวกับพลทหารที่กำลังเตรียมตัวออกสู่สงคราม
พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับยูริ ฮันน่าก็มักจะจริงจังเกินตัวเสมอเลย
เด็กสาวป้องปากหาวเบาๆ ความจริงแล้วฮันน่าจะพาเธอไปที่ไหนเธอก็ไม่สนหรอก ขอแค่ได้ออกไปกับอีกฝ่ายก็พอ
ยังไงซะ ตอนนี้ชีวิตเธอก็มีความสุขเกินกว่าจะมาสนว่าตัวเองอยากจะไปเที่ยวที่ไหนล่ะนะ
ใช่แล้ว แม้ว่าจะเจอเรื่องชวนเครียดไปบ้าง ทั้งเรื่องผู้ชักใย ทั้งเรื่องการเผยแพร่ศาสนา ทั้งการที่จะต้องคิดแผนสังหารพระเจ้า แต่โดยรวมแล้วชีวิตของเธอในตอนนี้มีความสุขกว่าสมัยก่อนมาก
ใช้ชีวิตประจำวันกับพี่สาวอย่างมีความสุขไปเรื่อยๆ ว่างๆ ก็คิดแผนการฆ่าพระเจ้า บางทีก็ฝึกทำขนมและอาหารใหม่ๆ แม้ว่าสุดท้ายฮันน่าจะบอกเธอว่าอย่าทำอีกเพราะฝีมือทำอาหารของเธอมันเข้าขั้นเลวร้ายก็เถอะ
“นี่ยูริจัง มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษไหม?”
ฮันน่ารู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ออก เธอไม่รู้ว่าอยากจะพาน้องสาวไปที่ไหนดี
ตามปกติแล้วฮันน่าควรจะลองชวนยูริไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ หรือไม่ก็หาซื้ออุปกรณ์เสริมสวยหรืออะไรทำนองนั้น แต่ฮันน่ารู้ว่ายูริไม่เคยสนใจเรื่องแบบนั้นเลย
นอกจากนี้ในโรงแรมยังมีอุปกรณ์พวกนั้นอยู่แล้ว เสื้อผ้าที่มีอยู่ก็เยอะจนไม่รู้จะเยอะยังไงแล้ว
นั่นทำให้ฮันน่ามักจะชวนยูริไปเพิ่มน้ำหนักด้วยอาหารอร่อยๆ เสมอ เพราะเธอถือคติว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าปัจจัยสี่อีกแล้ว และอาหารคือหนึ่งในนั้น
จะว่ายังไงดี เสื้อผ้ามันกินไม่ได้นี่น่า
“ที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษงั้นเหรอคะ?”
“ใช่ๆ พอดีพี่หมดไอเดียแล้วน่ะ”
อืม ยูริถึงกับคิดหนัก เธออยากไปที่ไหนงั้นเหรอ? พูดตามตรงก็ไม่ค่อยอยากไปไหนเลย
เธอไม่ใช่พวกชอบเที่ยว นั่นทำให้ไอเดียในหัวของเธอมีน้อยมากๆ โลกแห่งนี้อาหารก็ไม่หลากหลายหรือพัฒนามากเท่าโลกเก่า ร้านอาหารที่ฮันน่าบอกว่าอร่อยก็ไปมาหมดแล้ว
จะว่าไปทำไมเธอถึงนึกแต่ร้านอาหารล่ะ โดนฮันน่าพาไปบ่อยจนเคยตัวแล้วรึไง?
ปกติแล้วการไปเที่ยวคือการพาตัวเองไปยังสถานที่ที่อยากไป ออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ และพาตัวเองไปกินอาหารต่างถิ่นอร่อยๆ นั่นคือนิยามของคำว่าท่องเที่ยวสำหรับเธอ
พูดง่ายๆ ว่ามันคือการพักผ่อนอย่างหนึ่ง แต่เธอไม่ชอบเที่ยว และไม่มองว่ามันเป็นการพักผ่อนด้วย เธอมองว่ามันเหนื่อย การนอนอยู่บ้านต่างหากคือการพักผ่อนที่แท้จริง
ดังนั้นหากอยากไปเที่ยว จงตัดแนวคิดของคำว่าพักผ่อนออกไปจากระบบสมการได้เลย มันจะเหนื่อยมากๆ เลยล่ะ
แต่ในเมื่อฮันน่าชวนมาขนาดนี้แล้ว จะเมินเฉยก็คงไม่ได้
ในเมื่อไม่สามารถตั้งเป้าหมายไว้ที่การพักผ่อนได้—ถ้าหากเธอไปเที่ยวโดยตั้งเป้าหมายไว้ที่การทำงานแทนล่ะ?
ตั้งเป้าหมายว่าการไปเที่ยวครั้งนี้เธอควรได้อะไรกลับมาบ้าง ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยม
ไม่เข้าใจเลยแฮะ แต่เอาเป็นว่าเธอต้องหาที่เที่ยวที่มีประโยชน์ต่อตัวของเธอนั่นแหละ
แล้วอะไรล่ะที่สามารถใช้คำนิยามของคำว่า ‘มีประโยชน์’ ได้
อะไรที่มีประโยชน์ต่อตัวของเธอล่ะ
สิ่งที่มีประโยชน์—สิ่งที่สามารถทำให้เป้าหมายของเธอบรรลุผลได้
เป้าหมายของเธอคือการฆ่าพระเจ้า
แต่เธอไม่มีพลังอะไรเลย นอกจากนี้เธอยังมีความสงสัยอีกหลายอย่าง ปริศนาอีกหลายสิ่งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
ทั้งเรื่องผู้ชักใยที่โนอาพูดถึง ทั้งเรื่องที่ว่าทำไมการที่เธอเผยแพร่ศาสนาถึงเป็นการเอาชนะผู้ชักใยได้ ทั้งเรื่องที่ว่าผู้ชักใยเป็นใคร
และทำไมเทพธิดาถึงส่งเธอมาเกิดยังโลกใบนี้ รวมไปถึงวิธีการเอาชนะยัยนั่น
เธอรู้แล้วว่าเธอจะไปที่แบบไหน