จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ - ตอนที่ 9 เลือกวิชายุทธ์
“ถูกแล้ว…” หลังจากได้ฟังสิ่งที่หลู่เส่าโหย่วกล่าว ลุงหนานก็พยักหน้าเบาๆ “แต่เจ้าต้องจำไว้ว่า ห้ามใช้ทักษะวิญญาณหยินหยางกลืนกินผู้อื่นต่อหน้าผู้คนเด็ดขาด”
“เพราะอะไรกัน หรือว่าแม้แต่จะใช้กับพวกผู้ฝึกตนที่ชั่วร้ายก็ไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
“เจ้าจะลองดูก็ได้ ถ้าไม่กลัวผู้ฝึกตนทั้งหมดบนโลกไล่ฆ่าเจ้า” เมื่อได้ฟังคำตอบของลุงหนาน หลู่เส่าโหย่วก็ได้แต่ยิ้มแห้ง เป็นเรื่องธรรมดา หากผู้อื่นรู้ถึงการมีอยู่ของทักษะที่วิปริตเช่นนี้ ไม่ต้องแบ่งแยกผู้ฝึกตนสายธรรมะหรือสายอธรรม ไม่ว่าใครก็คงรีบฆ่าเขาอย่างรวดเร็ว การที่เขาครอบครองทักษะนี้ ก็นับว่าเขาได้กลายเป็นศัตรูตามธรรมชาติ หรือภัยคุกคามของผู้ฝึกตนทั้งหมดแล้ว
“แล้วอีกหนึ่งข้อดีล่ะ” หลู่เส่าโหย่วถาม
“อีกหนึ่งข้อดีนั้น…” ลุงหนานสูดลมหายใจก่อนจะกล่าวต่อ “เมื่อร่างกายหยินหยางฝึกฝนทักษะวิญญาณหยินหยางนั้น จะสามารถกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์สายครอบคลุมได้”
“อะไรคือผู้ฝึกยุทธ์สายครอบคลุม?”
“เรื่องนี้ค่อยอธิบายกับเจ้าอย่างช้าๆ ในภายหลัง เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เจ้าคงไม่สามารถเข้าใจได้หมด รู้เพียงแค่ว่าผู้ฝึกยุทธ์สายครอบคลุมนั้นไม่ได้แข็งแกร่งดั่งผู้ฝึกตนสายควบคู่ แต่ทั้งสองก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ในภายภาคหน้าเจ้าจะรู้ถึงข้อดีของมันเอง เด็กน้อย เจ้าช่างโชคดีนัก ดีจนข้ารู้สึกอิจฉา” ลุงหนานกล่าว
“ลุงหนาน แล้วข้อด้อยอีกข้อล่ะ” เมื่อครู่ลุงหนานกล่าวว่าทักษะวิญญาณหยินหยางยังมีอีกสองข้อด้อย ข้อแรกคือเวลาฝึกตนนั้นช้ากว่าปกติมาก แต่ยังเหลืออีกหนึ่งข้อ หลู่เส่าโหย่วได้เตรียมใจรอไว้แล้ว
“อีกข้อด้อยก็คือ หากอยากจะทะลวงระดับ เจ้าจะต้องทะลวงระดับพร้อมกันทั้งคู่ ทักษะวิญญาณหยินหยางนั้น จิตวิญญาณและลมปราณจะต้องประสานกันถึงจะสามารถทะลวงผ่านพร้อมกันได้ ไม่เช่นนั้น เจ้าก็อย่าคิดที่จะทะลวงระดับ”
“ร้ายแรงขนาดนี้เลย” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมา “เช่นนั้นข้าควรจะฝึกฝนอย่างไร?”
“หากอยากยกระดับพลัง ดูจากสถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ มีแต่ต้องหาแก่นอสูรและแก่นวิญญาณมากลืนกิน” ลุงหนานยิ้มเยาะ
“ลุงหนาน ท่านต้องล้อข้าเล่นแล้ว แก่นอสูรกับแก่นวิญญาณนั่น จะต้องเป็นสัตว์อสูรกับสัตว์วิญญาณระดับสี่เท่านั้นถึงจะมีไม่ใช่หรือ ของพรรค์นั้นต่อให้ใช้ทรัพย์สินทั้งหมดในตระกูลหลู่ก็ซื้อได้แค่ไม่กี่ลูก ท่านจะให้ข้าไปหาแก่นอสูรกับแก่นวิญญาณที่ไหนมากลืนกิน?” หลู่เส่าโหย่วกลอกตา แก่นอสูรกับแก่นวิญญาณอย่างนั้นหรือ ล้อกันเล่นแล้ว สถานะของเขาในตอนนี้ก็เป็นแค่นายน้อยไร้ค่า จะมีเงินไปหาซื้อแก่นอสูรกับแก่นวิญญาณจากที่ไหนมากลืนกินกัน
“เจ้าก็คิดหาวิธีเอาเอง เป็นศิษย์ข้าหรือก็ไม่ใช่ ยังจะให้ข้าช่วยเจ้าคิดหาวิธีอีกหรือ?” ลุงหนานถลึงตาใส่หลู่เส่าโหย่วอีกครั้ง
“ลุงหนาน เช่นนั้นทำไมท่านไม่ให้ข้ายืมเงินสักหน่อยล่ะ?” หลังจากลังเลไปครู่หนึ่ง หลู่เส่าโหย่วก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายพร้อมกับกล่าวถามขึ้น ลุงหนานนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่ ตัวเขาน่าจะมีของมีค่าอยู่
“เจ้าคิดว่าตาเฒ่าเช่นข้าจะมีเงินให้เจ้ายืมหรือ” ลุงหนานกล่าวอย่างแน่วแน่ สายตาบ่งบอกว่าหลู่เส่าโหย่วนั้นไม่มีทางจะได้เงินจากเขาอย่างแน่นอน
“ลุงหนาน ตัวข้าก็ได้หมอบคำนับท่านไปแล้ว หรือว่าท่านจะทิ้งข้าไว้ ไม่สนใจข้าแล้วหรือ?” หลู่เส่าโหย่วกล่าวอย่างไร้ซึ่งหนทาง เขาทำได้เพียงพึ่งพาลุงหนานแล้ว
“เจ้านี่ได้คืบจะเอาศอก” ลุงหนานกล่าว “ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้ แต่ข้าสามารถคิดหาวิธีให้เจ้าได้”
“แค่มีวิธีก็พอแล้ว” หลู่เส่าโหย่วพึงพอใจ ขอแค่มีวิธีก็ถือเป็นเรื่องดีทั้งนั้น กว่าตัวเขาจะได้เป็นผู้ฝึกตนควบคู่นั้นไม่ง่าย เดิมทีเขาคิดว่าอนาคตจะสดใสไร้อุปสรรค แต่ถ้าหากพลังเพิ่มขึ้นช้าอย่างกับหอยทากเช่นนี้ ในอนาคตจะเหลืออะไร
“เจ้าอย่าลืมไปว่า ตอนนี้เจ้าไม่ได้เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ เจ้ายังเป็นผู้ฝึกวิญญาณด้วย ผู้ฝึกวิญญาณนั้นมีวิธีหาเงินตั้งมากมาย อย่างเช่นกลั่นเม็ดยา หล่อเลี้ยงยาจิตวิญญาณ อีกทั้งหากผู้ฝึกวิญญาณหล่อหลอมอาวุธขึ้นมานั้น ราคาก็สูงไม่ใช่น้อย” ลุงหนานกล่าว
“ถึงแม้ข้าจะเป็นผู้ฝึกวิญญาณ แต่ข้าทำสิ่งพวกนี้ไม่เป็นน่ะสิ?” หลู่เส่าโหย่วกล่าวอย่างห่อเหี่ยว ถึงแม้ตัวเขาในตอนนี้จะเป็นผู้ฝึกวิญญาณแล้ว แต่เหมือนกับน้ำครึ่งถัง พวกกลั่นเม็ดยา หล่อเลี้ยงยาจิตวิญญาณ หรือหล่อหลอมอาวุธ เขานั้นไม่รู้เรื่องเลยสักนิดเดียว
“เด็กน้อย ถึงเจ้าจะทำไม่เป็น แต่ข้าไม่ได้บอกว่าข้าทำไม่เป็นเสียหน่อย” ลุงหนานเอ่ยอย่างไม่พอใจอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“ลุงหนาน ท่านหมายความว่าท่านจะกลั่นเม็ดยา หรือหลอมอาวุธที่จะขายแทนข้าอย่างนั้นหรือ” หลู่เส่าโหย่วดีใจยังไม่ทันจบคำ ก็ถูกเขกหัวอย่างแรงจนต้องเอามือขึ้นมากุมหัวตัวเองทันที เขากล่าวกับลุงหนานอย่างคนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม “ท่านตีข้าทำไม?”
“เจ้าฝันหวานอยู่หรือ เฒ่าชราเช่นข้าถึงจะมากลั่นเม็ดยาและหลอมอาวุธแทนเจ้า” ลุงหนานมองหลู่เส่าโหย่วก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าเพียงสามารถช่วยเจ้าได้เท่านั้น นึกถึงเมื่อปีนั้น มีผู้ฝึกวิญญาณระดับราชา กับระดับเจ้ายุทธ์มาคุกเข่าร้องไห้ขอร้องให้ข้าสอน ข้ายังคร้านจะใส่ใจ นี่จะถูกเจ้าเอาเปรียบเสียแล้ว”
“ก็ดีแล้ว” มุมปากของหลู่เส่าโหย่วยกขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มชั่วร้าย
“ถึงแม้เจ้าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ แต่เจ้ายังไม่มีวิชายุทธ์ใดๆ อย่างดีเจ้าก็เหมือนกับวัวที่ไม่มีสมอง มีแต่พละกำลังเท่านั้น ไหนเจ้าลองพูดมา เจ้าอยากจะเรียนวิชายุทธ์แบบไหน”
“ลุงหนาน ท่านบอกว่าวิชายุทธ์นั้นแบ่งเป็น นภา ปฐพี ดำ เหลือง ขาว แดง หกชนิดไม่ใช่หรือ เช่นนั้น มีวิชายุทธ์ระดับนภาหรือไม่?” หลู่เส่าโหย่วแอบคิดอยู่ในใจ วิชายุทธ์นั้น ระดับยิ่งสูงก็ยิ่งดีเป็นธรรมดา
“นี่วิชายุทธ์ระดับนภาเจ้ายังคิดจะอยากได้ เจ้าคิดว่าวิชายุทธ์ระดับนภาเป็นแครอทหรือกะหล่ำปลีอย่างนั้นหรือ” ลุงหนานถลึงตา
หลู่เส่าโหย่วได้แต่กระพริบตาปริบๆ “เช่นนั้นระดับปฐพีเล่า ระดับปฐพีข้าคงพอถูไถได้”
“ด้วยความสามารถระดับสาวกของเจ้า คิดว่าระดับปฐพีเจ้าจะฝึกฝนได้หรือ?” ลุงหนานกล่าวถามอีกที
“หากเป็นระดับดำคงได้แล้วใช่ไหม หากต่ำกว่านี้ ลุงหนานคงไม่กล้านำออกมา?”
“ดูสิ่งที่เจ้าคิดสิ เอาอย่างนี้ ข้ามีวิชาอยู่หนึ่งชุด ค่อนข้างลึกลับ เจ้าจะเอาหรือไม่?”
“ค่อนข้างลึกลับ เช่นนั้นก็ต้องเป็นของดีแน่นอน ข้าน้อยเอาแล้ว” หลู่เส่าโหย่วผุดยิ้ม “ลุงหนาน วิชายุทธ์นี้อยู่ระดับไหนล่ะ?”
“ไม่มีระดับ” ลุงหนานกล่าว
“ไม่มีระดับคือระดับอะไร?” หลู่เส่าโหย่วถูกกระชากจากสวรรค์ลงนรกในทันที ลุงหนานคนนี้ช่างแกล้งกันเก่งนัก
“ก็คือข้าก็ไม่รู้ว่าระดับอะไร แม้แต่ข้าก็ไม่เข้าใจมันมาตลอด หวังว่าเจ้าจะเข้าใจมันได้ อีกอย่าง ด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้ ข้าจะให้วิชายุทธ์กับเจ้าอีกสองชุด วิชาโจมตีหนึ่งชุด วิชาป้องกันหนึ่งชุด วิชาโจมตีนั้นระดับไม่สูง เป็นเพียงแค่ระดับขาว แต่ก็เหมาะสมกับเจ้าในตอนนี้ที่สุดแล้ว หากสูงกว่านี้ เจ้าคงไม่สามารถฝึกฝนได้ ส่วนวิชาป้องกันนั้น เดิมทีมีคนวอนให้ข้าช่วยบางอย่างถึงให้ข้ามา มันก็ค่อนข้างลึกลับเช่นกัน โชคดีที่เด็กน้อยเช่นเจ้าดวงดี มีสัตว์วิญญาณจักรพรรดิอยู่กับตัว” ลุงหนานกล่าว
“ลุงหนาน ที่ท่านกล่าวถึงคืองูน้อยตัวนั้นอย่างนั้นหรือ มันเป็นสัตว์วิญญาณจักรพรรดิประเภทไหน?”
“เจ้าที่เกิดมาบนความสุขแต่กลับไร้ซึ่งความสุข ก็คืองูน้อยตัวนี้ หากผู้ฝึกยุทธ์และผู้ฝึกวิญญาณระดับเจ้ายุทธ์รับรู้ความเป็นมานั้น คงไม่ปล่อยเจ้าไว้อย่างแน่นอน แต่ว่ายังดี คนที่รู้จักสัตว์วิญญาณจักรพรรดินั้นมีไม่มากนัก” ภายในแววตาของลุงหนานเต็มไปด้วยความพอใจ อยู่ในตระกูลหลู่มาหลายสิบปี ปกปิดตัวตนมาตลอด แต่ตอนนี้กลับได้พูดถึงความสำเร็จและความสามารถต่อหน้าเด็กน้อยคนหนึ่ง มันทำให้เขามีความสุขไม่น้อย
“ร้ายกาจถึงเพียงนี้?” หลู่เส่าโหย่วประหลาดใจขึ้นมา งูตัวเล็กที่ยาวเพียงสิบเซนติเมตร ที่แท้ก็มีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา ตัวเขานั้นไม่ได้รู้เลย
“สงบจิตใจ อย่าขยับ” ลุงหนานกล่าวกับหลู่เส่าโหย่ว พร้อมกับมีแสงสว่างอ่อนๆ วาบผ่านที่มือของลุงหนาน จากนั้นสองนิ้วของชายชราก็ประกบชิดบนระหว่างคิ้วของเขา
หลู่เส่าโหย่วรู้สึกราวกับภายในจิตใจของเขาถูกดึงเส้นบางอย่างออกมา ทันใดนั้นก็มีลมปราณเรืองแสงตกลงไปอยู่ในมือของลุงหนาน ในเวลาเดียวกันนั้น ระหว่างคิ้วของเขา ก็มีเลือดหนึ่งหยดหยดลงมาบนมือของลุงหนานด้วยเช่นกัน
“มา” หลู่เส่าโหย่วเห็นลุงหนานพึมพำ แล้วมือของลุงหนานก็เคลื่อนไหวด้วยท่าทางลึกลับ จากนั้นงูสีเหลืองอ่อนก็ได้ปรากฏอยู่ที่มือของลุงหนาน