จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ - ตอนที่ 49 เสี่ยวหลงแสดงพลัง
“เจ้าหนู เจ้าตายแน่” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น และจากนั้นก็มีเงาตกลงมาจากท้องฟ้า ผู้ที่มานั้นสวมใส่ชุดสีดำ แม้แต่ใบหน้าก็ถูกปิดไว้ด้วยผ้าสีดำ ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่หลู่เส่าโหย่ว ออร่าที่กดขี่และเย็นชาได้แผ่ออกมาจากร่างกาย จากน้ำเสียงที่กล่าวออกมา เขาคาดว่าคนผู้นี้น่าจะเป็นคนที่มีอายุอยู่ในวัยกลางคน
“เป็นพลังที่แข็งแกร่งนัก” เมื่อสัมผัสถึงพลังที่แข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม หลู่เส่าโหย่วก็รู้สึกเหมือนว่าพลังลมปราณในร่างของเขาถูกกดทับไว้
“เจ้าเป็นใคร?” หลู่เส่าโหย่วก้าวถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อดูจากออร่าของคนๆ นี้ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้มาเพื่อจัดการกับเขา ส่วนคนที่มานั้นเป็นใคร หลู่เส่าโหย่วไม่ต้องเดาเลยแม้แต่น้อย เขารู้ว่าคนที่ว่านั้นมาเพื่ออะไร ไม่ว่าจะเป็นหลู่เส่าโหย่วคนก่อนหรือว่าตัวเขาก็ไม่มีศัตรูอื่นยกเว้นจ้าวฮุ่ย
“เป็นคนที่จะมาเอาชีวิตเจ้า” ชายชุดดำกล่าวอย่างเย็นชา ออร่ารอบตัวของคนผู้นั้นก็เยือกเย็นอย่างยิ่ง
“หรือว่าแม้แต่ชื่อเจ้าก็ไม่กล้ากล่าวออกมาอย่างนั้นหรือ?” หลู่เส่าโหย่วถาม หลู่เส่าโหย่วมองความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามไม่ออก แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าตัวเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ ทำได้แค่ถ่วงเวลาและหาโอกาสหนีไป ส่วนวิชาที่อีกฝ่ายใช้น่าจะเป็นวิชาธาตุน้ำ สามารถเปลี่ยนพลังลมปราณให้เป็นพลังที่หนาวเย็นได้ พลังบ่มเพาะของคนผู้นั้นคงถึงระดับที่น่ากลัวแล้ว
“เจ้าไม่คู่ควรที่จะรู้ เจ้าคิดจะถ่วงเวลาอย่างนั้นหรือ เหอะ” ความเย้ยหยันปรากฏขึ้นในดวงตาของชายชุดดำ
“หนี” หลู่เส่าโหย่วรีบหันหลังหนีทันที นอกจากการหนี ตัวเขาก็คิดหาวิธีอื่นไม่ได้แล้ว หลู่เส่าโหย่วกระโดดและพุ่งกลับไปข้างหลังทันที
“อยากหนีอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!” เมื่อเห็นการกระทำของหลู่เส่าโหย่ว ทั่วร่างของชายชุดดำก็ได้ปลดปล่อยออร่าที่ดูชั่วร้ายออกมา นัยน์ตาเผยความเย็นชา จากนั้นชายชุดดำก็ได้ขยับฝ่าเท้าที่พื้น และร่างของชายชุดดำก็พุ่งไปทางหลู่เส่าโหย่วราวกับสายฟ้า
เมื่อชายชุดดำพุ่งไล่หลู่เส่าโหย่วมา มันก็ได้ใช้ท่าประทับในมือ ทันใดนั้นพลังลมปราณที่เยือกเย็นก็แผ่กระจายไปบนอากาศอย่างรวดเร็ว หมอกจางๆ ได้ปกคลุมพื้นที่โดยรอบ เหมือนกับสภาพอากาศที่มีหมอกหนาและมีความหนาวเย็นที่เสียดแทงไปถึงกระดูก มันได้บดบังวิสัยทัศน์ของหลู่เส่าโหย่วอย่างสมบูรณ์
ใบหน้าของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อวิสัยทัศน์ของเขาถูกบดบังด้วยหมอกที่หนาวเย็น หลู่เส่าโหย่วก็เกรงว่าคราวนี้ตัวเขาจะเจอปัญหาใหญ่จริงๆ ดูจากความแข็งแกร่งที่เขามี เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายชุดดำคนนั้นแม้แต่น้อย แม้แต่โอกาสจะหนีก็ยังไม่มี
ภายใต้หมอกที่หนาวเย็น หลู่เส่าโหย่วก็รู้สึกว่าตัวเองได้สูญเสียทิศทางไปเสียแล้ว เขารู้สึกอยู่ในใจว่าท่าไม่ดีแล้ว ความเร็วของเขาในตอนนี้ก็ถูกจำกัด ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้
“ฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งเกินไป” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกตกใจ เขาสัมผัสถึงความตายได้อยู่เต็มหัวใจ
“เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ให้ข้ามาจัดการเจ้านี่ถือว่าเป็นดาบฆ่าวัวเชือดไก่แท้ๆ แต่ไม่เป็นไร เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต” คนชุดดำได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของหลู่เส่าโหย่ว ความหนาวเย็นตรงหน้าและพลังที่มองไม่เห็นได้กดทับลงบนตัวของเขา พลังลมปราณในร่างของหลู่เส่าโหย่วก็ราวกับว่ามันแข็งตัวอยู่ ไม่สามารถรวบรวมได้เลย
สีหน้าของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนเป็นมืดมน นี่เป็นความกดดันของระดับพลัง ระดับพลังของเขาแตกต่างจากศัตรูมากเกินไป ไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อย
“ตายซะเถอะ” คนชุดดำกล่าวเยาะเย้ย ท่าประทับในมือได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็ปล่อยฝ่ามือออกมา ทันใดนั้นอากาศรอบตัวก็แข็งตัวในทันที พลังลมปราณที่เยือกเย็นได้พุ่งไปทางหลู่เส่าโหย่ว
“ฟ่อ…” ในตอนนี้เอง ภายใต้หมอกสีขาวที่หนาทึบนั้นก็ได้มีแสงสีเหลืองอ่อนพุ่งจู่โจมออกไป เป็นเสี่ยวหลงที่อยู่ในหุบเขาด้านหลังมาหลายวันนั่นเอง
บนร่างกายที่เล็กจิ๋วของเสี่ยวหลงในเวลานี้ได้ส่องแสงที่สว่างไสว หลังจากนั้น บนหัวเล็กๆ ของมันก็มีเปลวเพลิงที่กำลังรวมตัวกันและปล่อยออกไปทันที อากาศที่หนาวเย็นโดยรอบก็ได้สลายหายไป
“หืม…” เมื่ออยู่ดีๆ มีงูตัวเล็กปรากฏตัวขึ้น ชายชุดดำก็รู้สึกประหลาดใจ แต่จากนั้นเขาก็กล่าวเยาะเย้ยและปล่อยฝ่ามือออกไป “สัตว์อสูรตัวน้อย ตายด้วยกันซะเถอะ”
พลังลมปราณที่หนาวเย็นได้รวมตัวกันอีกครั้ง มันปกคลุมพื้นที่โดยรอบอย่างรวดเร็ว ชายชุดดำสะบัดฝ่ามือไปทางเสี่ยวหลงอย่างโหดเหี้ยม
“ฟ่อ…” เสี่ยวหลงแลบลิ้นออกมาและอ้าปากเล็กๆ ของมัน ร่างกายของเสี่ยวหลงดูเหมือนสายฟ้าสีเหลืองที่สว่างไสว มันหลบการโจมตีของชายชุดดำด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ จากนั้นก็อ้าปากแล้วกัดไปที่คอของชายชุดดำในทันที
“สัตว์อสูรอะไรกัน” ชายชุดดำรู้สึกประหลาดใจ สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา จากนั้นก็ถอยหลังกลับในทันที ฝ่ามือของชายชุดดำได้เปลี่ยนเป็นกรงเล็บที่หนาวเย็นและพุ่งไปทางเสี่ยวหลง ความเร็วนั้นรวดเร็วอย่างมาก
“ปัง!” ร่างกายที่เล็กๆ ของเสี่ยวหลงถูกตบจนปลิวไปกระแทกเข้ากับพื้นที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร
“เสี่ยวหลง” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกตกใจ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวหลงเป็นอย่างไรบ้าง ในตอนนี้ชายชุดดำก็ได้พุ่งเข้ามาอีกครั้งพร้อมฝ่ามือที่เยือกเย็น “เจ้าหนู ไปตายซะ!”
“เกราะวิญญาณฟ้าคราม” หลู่เส่าโหย่วได้เรียกเกราะวิญญาณฟ้าครามออกมาอย่างเร่งรีบ เมื่อถึงจุดนี้ เขาก็ทำได้แค่สู้เท่านั้น ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าตัวเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน
เสียงของอากาศที่ฉีกขาดได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเสี่ยวหลงกลับมาอีกครั้งตั้งแต่ตอนไหน เสี่ยวหลงได้มาอยู่ที่ด้านหลังของชายชุดดำ หัวเล็กของมันแสดงท่าทีดุร้าย บนร่างสีเหลืองอ่อนของเสี่ยวหลงมีเปลวเพลิงสีทองที่กำลังลุกไหม้อยู่
“นี่ในสัตว์อสูรอะไรกัน” ชายชุดดำรู้สึกประหลาดใจอย่างสมบูรณ์ การลงมือของเขาเมื่อครู่ แม้แต่คนที่มีพลังบ่มเพาะระดับปรมาจารย์ก็ยังยากที่จะรอด แต่สัตว์อสูรตัวน้อยนี่กลับไม่ตาย แล้วยังมีการเปลี่ยนแปลงที่ประหลาดเช่นนี้ ช่างแปลกประหลาดนัก
ชายชุดดำได้ถอยกลับไปอีกครั้ง เขายอมแพ้ที่จะโจมตีหลู่เส่าโหย่วและกลับไปป้องกันตัวเองจากการโจมตีของงูประหลาดตัวเล็กนี้ ท่าประทับในมือของเขาได้เปลี่ยนไป จากนั้นก็ปล่อยกรงเล็บไปทางงูสีเหลืองตัวเล็กอีกครั้ง
“ฟ่อฟ่อ…”
ทว่าเมื่อกรงเก็บนั้นตกลงไปที่เสี่ยวหลง มันกลับถูกเปลวเพลิงบนร่างของงูน้อยแผดเผาจนเหลือเพียงความว่างเปล่า หลังจากนั้นเสี่ยวหลงก็ขยับร่างกายเล็กน้อยและพุ่งไปทางชายชุดดำทันที
“หมัดน้ำแข็ง” ชายชุดรู้สึกตกใจ ท่าประทับในมือของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง จากนั้นหมัดขวาขนาดไม่กี่เมตรก็พุ่งออกจากพลังลมปราณที่เยือกเย็นบนร่างของชายชุดดำ และตกลงบนร่างของเสี่ยวหลงอย่างแรง
“ปัง!”
ร่างของเสี่ยวหลงปลิวออกไปและตกลงบนพื้นที่อยู่ไกลๆ อย่างแรงอีกครั้ง
“เจ้าหนูนี่ยังไม่ตาย ต้องฆ่ามัน” สีหน้าของชายชุดดำมืดลง ท่าประทับในมือได้เปลี่ยนไป พลังลมปราณที่หนาวเย็นด้านหน้าได้กลายเป็นน้ำแข็งหนึ่งอันและพุ่งออกไป มันได้ทะลวงอากาศและมาถึงด้านหน้าของหลู่เส่าโหย่วในทันที
ความเร็วของมันนั้นรวดเร็วอย่างมาก เพียงพริบตาก็มาปรากฏที่ด้านหน้าของหลู่เส่าโหย่วแล้ว พลังลมปราณที่หนาวเย็นและกดดันได้พุ่งเข้ามา ทันใดนั้น หลู่เส่าโหย่วก็รู้สึกว่าพลังลมปราณในร่างได้แข็งตัวพร้อมกับอุณหภูมิที่ลดลงอย่างรวดเร็ว พื้นที่โดยรอบก็ราวกับถูกแช่แข็ง ทำให้เขาไม่สามารถหลบได้อย่างแน่นอน
“หนูที่ไหนมันเข้ามาอวดดีในตระกูลหลู่ของข้า” ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนี้เอง ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา หลังจากนั้นก็มีร่างสีขาวปรากฏขึ้นในอากาศ ร่างสีขาวที่ปรากฏขึ้นได้สะบัดนิ้วเบาๆ จู่ๆ ในมือก็ได้มีเปลวเพลิงขึ้นมา จากนั้นเปลวเพลิงก็ถูกรวบรวมเป็นม่านเพลิงและพุ่งออกไป ทันใดนั้นกรวยน้ำแข็งก็ถูกห่อและละลายหายไปในทันที
“นี่…” หลู่เส่าโหย่วเตรียมใจไว้แล้วว่าหากเขาไม่ตายก็คงจะบาดเจ็บสาหัส เมื่อมองไปยังผู้ที่มาใหม่ คนผู้นี้สวมใส่ชุดคลุมสีขาว คิ้วตรงยาวเหมือนดาบ และมีออร่าที่ดูองอาจกล้าหาญ แต่กลับมีความรู้สึกหดหู่บนสีหน้าของเขา เมื่อเห็นบุคคลตรงหน้า หัวใจของหลู่เส่าโหย่วก็รู้สึกจมลง ตามความทรงจำของเขา คนผู้นี้คือบิดาของหลู่เส่าโหย่วบนโลกใบนี้ เป็นหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลหลู่ บุตรคนที่สามในตระกูล นามว่าหลู่จง
ในช่วงเวลาที่กำลังตกตะลึง ทันใดนั้น เสี่ยวหลงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในมือของหลู่เส่าโหย่วและถูไถร่างกายของหลู่เส่าโหย่วอย่างสนิทสนม
“เสี่ยวหลง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” หลู่เส่าโหย่วได้ตรวจสอบร่างของเสี่ยวหลงอย่างละเอียด เมื่อครู่เสี่ยวหลงโดนชายชุดดำโจมตีจนปลิวไปถึงสองครั้ง แต่เสี่ยวหลงในตอนนี้กลับไม่มีบาดแผลใดๆ ร่างกายก็ดูใหญ่ขึ้นจากเมื่อเจ็ดวันก่อนเล็กน้อย
“หลู่จง” ชายชุดดำมองไปที่หลู่จงและในแววตาก็มืดลงทันที
“ทำตัวลับๆ ล่อๆ ท่านนี่ไม่มีความกล้ายิ่งนัก!” หลู่จงมองไปที่คนชุดดำและกล่าวออกมา
“เหอะ ตระกูลหลู่ตัวดี” คนชุดดำกล่าวอย่างเย็นชา
“ในเมื่อท่านไม่เต็มใจที่จะแสดงใบหน้าที่แท้จริง เช่นนั้นข้าก็คงต้องลงมือด้วยตัวเอง!” หลู่จงกล่าวออกมา ร่างนั้นได้กลายเป็นเงาสีขาวและพุ่งออกไปในทันที ความรวดเร็วของหลู่จงนั้นเร็วอย่างกับสายฟ้า
“เรื่องนั้นก็ต้องดูว่าเจ้ามีความสามารถพอหรือไม่” ชายชุดดำกล่าว และจากนั้นก็ถอยร่างกลับทันที พลังลมปราณที่หนาวเย็นทั่วร่างได้สั่นไหวไม่หยุด