จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ - ตอนที่ 43 หนึ่งการลงมือตกตะลึงทุกคน
“ระดับนักรบขั้นเจ็ด ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง” หลู่ตงถอนหายใจ “หากตอนนั้นเขาสามารถเข้าสู้นิกายอวิ๋นหยางได้ ระดับบ่มเพาะในตอนนี้คงจะไปถึงระดับปรมาจารย์แล้ว”
“ขอแสดงความยินดีกับพี่สองด้วย ดูเหมือนว่าคราวนี้เรื่องที่ไห่หมิงจะเข้าสู่นิกายอวิ๋นหยางได้นั้นไม่ใช่เรื่องยากแล้ว” หลู่ซีกล่าว
“เรื่องนี้ยังพูดยาก ไม่รู้ว่าตระกูลอื่นๆ จะมีผู้แข็งแกร่งกว่านี้หรือไม่” หลู่หนานกล่าวด้วยรอยยิ้ม นางกังวลว่าตระกูลอื่นจะมีคนที่มีความสามารถปรากฏตัวขึ้น สำหรับคนในตระกูลหลู่นั้น นางไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย จากปีที่ผ่านมา เพียงระดับนักรบขั้นสี่ก็สามารถเข้านิกายอวิ๋นหยางได้แล้ว
หลังจากที่ได้รู้ผลของการทดสอบ เด็กผู้หญิงหลายคนในตระกูลก็มองไปที่โจวไห่หมิงทันที
โจวไห่หมิงยิ้มอย่างพึงพอใจ ท่ามกลางรุ่นเยาว์ภายในตระกูลหลู่ ไม่มีใครแข็งแกร่งไปกว่าเขาแล้ว เขาจะได้เข้าร่วมนิกายอวิ๋นหยางอย่างแน่นอน เมื่อเข้านิกายอวิ๋นหยางไปแล้ว เขาก็จะมีอนาคตที่สดใสรออยู่
“คนต่อไป” ผู้อาวุโสชุดเทาได้กล่าวต่อ
ในเวลานั้น หลู่เส่าหู่ที่สวมชุดคลุมผ้าไหมซึ่งมีท่าทางที่หยิ่งผยองก็ได้ก้าวออกไปข้างหน้า เขามีรอยยิ้มอยู่ในดวงตา ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างให้พึ่งพิง
เมื่อมองไปบนอัฒจันทร์ ก็จะเห็นว่าในตอนนี้จ้าวฮุ่ยก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าเช่นกัน
“เริ่มได้” ผู้อาวุโสชุดเทากล่าว
หลู่เส่าหู่เก็บรอยยิ้มของตนกลับไป จากนั้นก็วางมือขวาลงบนลูกบอลคริสตัล พลังลมปราณได้ถูกปล่อยเข้าไปในลูกคริสตัล ทันใดนั้นรอบกายก็มีกระแสลมที่มองไม่เห็นพัดผ่าน
“ธาตุดิน และยังมีธาตุไม้” ในเวลานั้น ด้วยการตอบสนองที่รวดเร็วของหลู่เส่าโหย่วในฐานะที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ห้าธาตุ เขาก็สัมผัสได้ว่าอากาศโดยรอบในตอนนี้มีการคงอยู่ขององค์ประกอบของธาตุทั้งสองเต็มไปหมด
“หรือว่านั่นคือผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุ?” ความคิดนี้ได้แวบเข้ามาในหัวของหลู่เส่าโหย่วในทันที
บนลูกบอลคริสตัลได้มีแสงสว่างปรากฏขึ้น แต่แสงนี้เป็นแสงสีเขียวครึ่งหนึ่งกับแสงสีกากีอีกครึ่งหนึ่งกำลังแย่งชิงและเติมเต็มกันและกัน ในเวลานี้ หลู่ตง หลู่หนาน หลู่ซีและผู้อาวุโสบนอัฒจันทร์ต่างก็ประหลาดใจ
“หลู่เส่าหู่ ธาตุดิน ธาตุไม้ ผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุระดับนักรบขั้นสาม พรสวรรค์ระดับล้ำเลิศ…” ผู้อาวุโสชุดเทาพลันอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ ผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุ ในทวีปหลิงหวู่นั้นก็ถือว่าเป็นการดำรงอยู่ที่หายากระดับขนฟินิกซ์เขากิเลน โดยเฉพาะหลู่เส่าหู่ที่ตอนนี้มีอายุไม่ถึงสิบหกปีก็มีพลังบ่มเพาะระดับนักรบขั้นสามแล้ว แค่พรสวรรค์ก็น่าเหลือเชื่อแล้ว เมื่อเทียบกับหลู่เส่าหย่งถือว่าดีกว่ามาก อัจฉริยะเช่นนี้ต้องอยู่ระดับล้ำเลิศอย่างแน่นอน ในอนาคตคงจะมีแต่ความสดใสรออยู่
“แม่เจ้า ผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุ”
บรรดากลุ่มคนในตระกูลต่างก็ประหลาดใจไม่น้อย ผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุ สำหรับตระกูลผู้ฝึกตนอย่างตระกูลหลู่นั้นรู้ดีว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร
“น้องสาม เจ้าปิดบังพวกเรามานานเหลือเกิน เส่าหู่เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุ ทำไมเจ้าถึงไม่บอกพวกเรา” ในเวลานี้ หลู่ตงรู้สึกประหลาดใจจนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุนั้นไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในตระกูลหลู่
“ใช่แล้ว พี่สะใภ้สาม เส่าหู่เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุ ทำไมท่านถึงไม่บอกพวกเรา” หลู่ซีก็ประหลาดใจเช่นกัน
“มันก็ไม่มีอะไรมาก ไม่ใช่ว่าตอนนี้พวกท่านรู้แล้วหรือ” จ้าวฮุ่ยยิ้มเล็กน้อย นางมองไปยังหลู่เส่าโหย่วหลายครั้ง ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
“ตระกูลหลู่ของพวกเรา ครั้งนี้ได้กำเนิดอัจฉริยะขึ้นมาแล้ว ถ้าท่านพ่อรู้เรื่องนี้ ท่านต้องดีใจอย่างมากแน่นอน” หลู่หนานกล่าว
“เป็นผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุจริงๆ ด้วย” หลู่เส่าโหย่วประหลาดใจเล็กน้อย แต่มันก็ไม่น่ามีอะไรให้ประหลาดใจมากถึงเพียงนั้น ตัวเขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ครอบคลุม ดังนั้นมันจึงดูไม่ได้มีอะไรมากมายสำหรับเขา
“คนต่อไป” ผู้อาวุโสชุดเทาได้เก็บความประหลาดใจของตัวเองกลับไปแล้วกล่าวต่อ
หลู่เม่ยยังคงมีสีหน้าปกติ นางก้าวไปข้างหน้าอย่างแผ่วเบา ขณะที่นางเดินนั้นจะเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกาย ส่วนโค้งเว้าที่เย้ายวนทำให้ชายหนุ่มหลายคนเริ่มมีดวงตาที่ร้อนแรง แต่ทุกคนในตระกูลหลู่รู้ดีว่าหลู่เม่ยมีวิสัยทัศน์ที่สูงส่ง คนที่สามารถเข้าใกล้นางได้มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
หลู่เส่าโหย่วเหลือบมอง หลู่เม่ยผู้นี้น่าจะยังอยู่ที่ระดับสาวก พรสวรรค์ไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับหลู่เส่าหย่งและหลู่เส่าหู่แล้ว ยังถือว่าด้อยกว่าเล็กน้อย
หลู่เม่ยวางฝ่ามือที่ขาวดั่งหยกลงบนลูกบอลคริสตัล หลังจากนั้นชั่วครู่ก็ได้มีแสงสีฟ้าปรากฏขึ้นด้านบนลูกคริสตัล
“หลู่เม่ย ธาตุน้ำระดับสาวกขั้นแปด พรสวรรค์ยอดเยี่ยม” ผู้อาวุโสชุดเทากล่าว
“หลู่เม่ย เด็กคนนี้พรสวรรค์ไม่เลวเลย” หลู่ตงและคนอื่นๆ กล่าวอย่างชื่นชม พรสวรรค์ระดับนี้ เมื่อเทียบกับลูกหลานคนอื่นๆ นางก็สามารถติดอันดับหนึ่งในห้าได้
แต่เหมือนว่าหลู่เม่ยจะไม่ค่อยพอใจกับผลลัพธ์ของตัวเอง ใบหน้าของนางดูมืดมนลงเล็กน้อย สาเหตุหลักก็มาจากที่หลู่เส่าหู่และโจวไห่หมิงได้กลบรัศมีของนางไปหมดแล้ว
“คนสุดท้ายแล้ว หลู่เส่าโหย่ว ขึ้นมาเถอะ” ผู้อาวุโสชุดเทาได้กล่าวขึ้นและมองดูหลู่เส่าโหย่วด้วยความสงสัย สำหรับหลู่เส่าโหย่ว คนที่รู้จักเขานั้นมีมากมาย
หลู่เส่าโหย่วไม่ได้ลังเลอะไร เขาก้าวขึ้นไปข้างหน้าอย่างอ่อนโยน อย่างไรเขาก็อายุสิบหกจะสิบเจ็ดปีแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่มเหล่านี้ ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่รู้สึกประหม่าอะไร
“เหอะ…” บนอัฒจันทร์นั้น จ้าวฮุ่ยได้ส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอื่นใด
“เส่าโหย่วสามารถทะลวงถึงระดับนักรบด้วยตัวเอง พรสวรรค์คงจะไม่เลว” หลู่ซีกล่าว
“ไม่มีคนคอยชี้แนะ จะแข็งแกร่งได้เท่าใดกัน” หลู่หนานกล่าวเบาๆ
“เสี่ยวไป๋ เจ้าคิดว่าพรสวรรค์ของเส่าโหย่วจะเป็นอย่างไร?” ที่ด้านนอก ลั่วหลานซือที่อยู่ในกลุ่มคนรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย ลูกชายของนางสามารถเข้าร่วมพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษได้แล้ว ตอนนี้ยังสามารถเข้าร่วมการประลองและการทดสอบของตระกูลได้อีก ลั่วหลานซือจึงมีความสุขมาก ทว่าในตอนนี้นางกลับรู้สึกกังวลเรื่องพรสวรรค์ของลูกชายขึ้นมา
“นายหญิงวางใจเถอะ คุณชายจะไม่มีปัญหาอะไร” หลู่เสี่ยวไป๋กล่าว ตัวเขาสามารถกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้ก็เพราะความช่วยเหลือจากคุณชาย ดังนั้นเรื่องของคุณชายก็ไม่จำเป็นต้องกังวลแล้ว
“จริงหรือ?” ลั่วหลานซือกุมมือแน่น นางยังคงแสดงท่าทีกังวลเช่นเดิม
“ปล่อยพลังลมปราณเข้าไป ไม่ต้องคิดอะไรและกระตุ้นพลังธาตุในร่างของตัวเอง” ผู้อาวุโสชุดเทากล่าวกับหลู่เส่าโหย่วเบาๆ
หลู่เส่าโหย่วยกมือขวาขึ้นมาและวางมันลงบนลูกบอลคริสตัล จากนั้นเขาก็สงบจิตใจ ค่อยๆ ปล่อยพลังลมปราณออกไป และเริ่มกระตุ้นพลังธาตุในร่างกาย สำหรับหลู่เส่าโหย่วแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก
ทันใดนั้น แสงห้าสี ได้แก่ สีเขียว แดง เหลือง ขาว และฟ้าก็ได้เริ่มล้อมรอบร่างกายของหลู่เส่าโหย่วโดยที่มีหลู่เส่าโหย่วเป็นจุดศูนย์กลาง แสงทั้งห้าได้ก่อตัวเป็นพายุขนาดเล็ก และอากาศก็เริ่มผันผวนขึ้นมา
“นี่คือ…”
เมื่อเห็นภาพนี้ ผู้อาวุโสของตระกูลรวมถึงหลู่ตง หลู่ซี และคนอื่นๆ ที่อยู่บนอัฒจันทร์ก็หน้าเปลี่ยนสีไปในทันที
“เจ้าหนู เจ้ายับยั้งตัวเองหน่อย เรื่องที่เจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ห้าธาตุนั้นยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะสามารถเปิดเผยมันออกมา” ทันใดนั้นเอง เสียงของลุงหนานก็ดังขึ้นในหูของหลู่เส่าโหย่วอีกครั้ง
“ข้าลืมไปเลย” หลู่เส่าโหย่วพลันได้สติ เขาไม่ได้อยากจะแสดงมันออกมา เพียงแค่ลืมตัวไปเท่านั้น ทันใดนั้นเขาก็รีบควบคุมพลังธาตุให้กลับมาทันที
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” หลู่เส่าโหย่วได้พบเรื่องน่าประหลาดใจ ตัวเขาพบว่าลูกบอลคริสตัลที่อยู่ในมือขวาของตนนั้นเหมือนกับเครื่องจักรที่กำลังกลืนกินพลังธาตุของเขา ทำให้เป็นการยากที่เขาจะสามารถเก็บพลังธาตุกลับมาได้
“กลับมาให้ข้า” หลู่เส่าโหย่วแสดงท่าทีเคร่งขรึมและกล่าวในใจ ตัวเขาที่มีความชำนาญในการควบคุมพลังธาตุก็เร่งรีบเก็บพลังธาตุกลับมาในทันที แต่เพราะความเร่งรีบ จึงทำให้เขาเก็บกลับมาได้เพียงสองธาตุเท่านั้น
แสงห้าสีรอบกายได้หายไปสองสีในทันที แต่ยังมีอีกสามสีที่เหลืออยู่ และในเวลานั้นเอง บนลูกบอลคริสตัลก็ได้ปรากฏแสงสามสีขึ้นมา แสงสีกากีนั้นสว่างไสวที่สุด ส่วนแสงอีกสองสีคือแสงสีขาวกับแสงสีแดง
“แม่เจ้า…” ผู้อาวุโสชุดเทาได้ถอยหลังไปสองก้าว สายตาจับจ้องไปที่หลู่เส่าโหย่วด้วยความตกใจ หน้าอกของเขาเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงราวกับว่าหายใจไม่ออก
ในเวลานี้ หลู่หวู๋ซวงที่อยู่ไม่ไกลก็รู้สึกตกใจเช่นกัน ดูเหมือนนางจะสามารถเข้าใจว่าลูกบอลคริสตัลนั้นหมายความว่าอย่างไร
หลู่เส่าโหย่วรีบชักมือขวากลับ เมื่อครู่เขาไม่ได้ระวังให้ดี กลับแสดงพลังธาตุของตัวเองออกมาทั้งหมด
“หลู่เส่าโหย่ว ธาตุดิน ธาตุไฟ ธาตุลม ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุระดับนักรบขั้นสาม” ผู้อาวุโสชุดเทามองหลู่เส่าโหย่ว จากนั้นก็หันไปทางหลู่ตงและคนอื่นๆ ที่อยู่บนอัฒจันทร์ “พรสวรรค์ระดับสูงสุด”
“แม่เจ้า กลับเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับนักรบขั้นสาม”
“ตำนานกล่าวไว้ว่าผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุนั้นเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ และหลู่เส่าโหย่วก็เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ”
คนทั้งหมดเริ่มบ้าคลั่งและมองหลู่เส่าโหย่วด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ ในตอนนี้ ไม่มีใครมองหลู่เส่าโหย่วด้วยสายตาที่สงสัยหรือไร้ค่า หากคนที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ มีพรสวรรค์ระดับสูงสุดยังเป็นคนไร้ค่า เช่นนั้นพวกมันก็คงยิ่งกว่าไร้ค่า ต้องกลายเป็นขยะแล้ว