จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ - ตอนที่ 42 พรสวรรค์ระดับยอดเยี่ยม
หลู่เส่าโหย่วพยักหน้าเบาๆ หลู่เม่ยจงใจโปรยเสน่ห์ใส่เขา นางอายุน้อยแค่นี้แต่ก็รู้จักทำให้ผู้อื่นหลงใหลจนควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว หากผ่านไปอีกสักสองสามปี ไม่รู้ว่าจะมีกี่คนที่ตกหลุมพราง
ในเวลานี้ หลู่หวู๋ซวงกลับดูงุนงงเล็กน้อย ผู้คนในตระกูลหลู่เอาแต่พูดกันว่าหลู่เส่าโหย่วเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับนักรบ แต่เท่าที่นางรู้มา หลู่เส่าโหย่วนั้นเป็นผู้ฝึกวิญญาณต่างหาก
“คนที่จะเข้ารับการทดสอบ ให้มาทางนี้ทั้งหมด” มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหน้า ลูกหลานที่เตรียมตัวเข้ารับการทดสอบก็ได้ไปรวมตัวกัน
“พี่เส่าโหย่ว พวกเราไปกันเถอะ ข้าก็ต้องเข้าร่วมการทดสอบเช่นกัน” หลู่เม่ยกล่าวกับหลู่เส่าโหย่ว
“เส่าโหย่วไปเถอะ ข้าไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการทดสอบ” หลู่หวู๋ซวงกล่าว
หลู่เส่าโหย่วเดินตามหลู่เม่ยไปอยู่ด้านหลังลูกหลานตระกูลหลู่คนอื่นๆ เมื่อมองผ่านช่องว่างของกลุ่มคน เขาก็เห็นลูกหลานบางคนได้เข้ารับการทดสอบแล้ว ผู้อาวุโสของตระกูลหลู่ที่สวมชุดคลุมยาวสีเทาได้เอาลูกบอลคริสตัลสีฟ้าขนาดเท่าฝ่ามือออกมา และลูกหลานคนหนึ่งของตระกูลหลู่ก็หลับตาลงและสงบจิตใจ พร้อมวางนิ้วมือข้างขวาทั้งห้าลงบนลูกบอลคริสตัลสีฟ้า
และเมื่อลูกหลานของตระกูลหลู่ผู้นี้ได้ปล่อยลมปราณ ทันใดนั้นบนลูกบอลคริสตัลสีฟ้าก็ได้ปรากฏแสงสีแดงขึ้นมา
“หลู่เถา ธาตุไฟระดับสาวกขั้นสาม พรสวรรค์ระดับทั่วไป คนต่อไป” ผู้อาวุโสของตระกูลหลู่ประกาศออกมาเสียงดัง จากนั้นลูกหลานคนต่อไปก็เริ่มขึ้นไปรับการทดสอบ
หลู่เส่าโหย่วจับจ้องไปยังลูกหลานของตระกูลหลู่ที่พึ่งรับการทดสอบเสร็จ ชายหนุ่มผู้นั้นดูมีอายุราวๆ สิบหกสิบเจ็ดปี หลังรู้ว่าตัวเองมีพลังบ่มเพาะระดับสาวกขั้นสาม และมีพรสวรรค์ทั่วไป สีหน้าของชายหนุ่มก็เหมือนจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
จากนั้นลูกหลานคนที่สองก็ได้ก้าวไปข้างหน้าแล้ววางมือขวาลงบนลูกบอลคริสตัล ทันใดนั้น แสงสีกากีก็ปรากฏขึ้นที่ด้านบนลูกบอลคริสตัลนั้น
“หลู่ชิง ธาตุดินระดับสาวกขั้นห้า พรสวรรค์ระดับกลาง คนต่อไป” ผู้อาวุโสของตระกูลกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นลูกหลานคนต่อไปก็ขึ้นไปรับการทดสอบ ลูกหลานคนเมื่อครู่นั้นแข็งแกร่งกว่าคนก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน
“หลู่หมิง ธาตุน้ำระดับสาวกขั้นสี่ พรสวรรค์ระดับกลาง คนต่อไป”
“หลู่ลู่ ธาตุไฟระดับสาวกขั้นแปด พรสวรรค์ระดับสูง คนต่อไป”
“หลู่ไป๋ ธาตุดินระดับสาวกขั้นหก พรสวรรค์ระดับกลางค่อนสูง คนต่อไป”
“หลู่อวิ๋น ธาตุน้ำระดับนักรบขั้นสอง พรสวรรค์ระดับ…” ผู้อาวุโสตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวต่อไป หลู่อวิ๋นคือหญิงสาวที่สวมใส่กระโปรงยาวสีน้ำเงิน มีใบหน้าสวยบริสุทธิ์ อายุราวๆ สิบเจ็ดสิบแปดปี นางได้ดึงดูดความสนใจของเหล่าคนในตระกูล สามารถทะลวงมาถึงระดับนักรบ นี่ถือเป็นพรสวรรค์ที่สูงส่งอย่างมาก
ลูกหลานของตระกูลได้เข้ารับการทดสอบทีละคน ลูกหลานของตระกูลสาขาก็ไม่ได้มีเพียงหนึ่งหรือสองคนที่มีพรสวรรค์ระดับสูง เรื่องนี้ทำให้ผู้คนในตระกูลหลู่รู้สึกมีความสุขอย่างมาก เพราะรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ระดับสูงนั้นถือเป็นอนาคตของตระกูลหลู่
หลู่เส่าโหย่วที่มองดูการทดสอบอยู่ที่ด้านข้างนั้นก็ได้รู้ว่า พรสวรรค์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังบ่มเพาะเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูทั้งพลังบ่มเพาะและอายุด้วย คนหนึ่งอายุหกขวบมีพลังบ่มเพาะระดับสาวกขั้นหก กับอีกคนที่อายุยี่สิบแต่มีพลังบ่มเพาะระดับสาวกขั้นหกเช่นกัน ดังนั้นพรสวรรค์ของทั้งสองก็จะต่างกันอย่างสิ้นเชิง ยิ่งอายุน้อยก็ยิ่งยืนยันได้ว่าจะยิ่งมีพรสวรรค์สูงส่ง
หลังจากผ่านมาประมาณครึ่งชั่วยาม คนที่อยู่ด้านหน้าก็ได้รับการทดสอบไปไม่น้อยแล้ว เหลือเพียงแค่พวกทายาทสายตรงของตระกูลอย่างโจวไห่หมิง หลู่เส่าหู่ หลู่เส่าหย่ง และหลู่เม่ย แน่นอนว่ายังเหลือหลู่เส่าโหย่วอีกคนหนึ่งด้วย การทดสอบของลูกหลานสายตรงของตระกูลนั้นดึงดูดความสนใจของทุกคน เพราะในด้านการฝึกฝนและทรัพยากร ลูกหลานสายตรงนั้นจะได้เปรียบกว่าลูกหลานสายรองมาตั้งแต่เด็ก
บนอัฒจันทร์ หลู่ตง หลู่ซี และคนอื่นๆ ก็ได้มองไปยังด้านหน้า พวกเขารู้เรื่องพลังบ่มเพาะของลูกหลานสายตรงดี เมื่อเทียบกับลูกหลานสายรองแล้ว ลูกหลานสายตรงนั้นแข็งแกร่งกว่าไม่น้อย ทว่าในหมู่ลูกหลานสายรองนั้น หลู่อวิ๋นก็กลับทำให้พวกหลู่ตงและคนอื่นๆ ประหลาดใจอย่างมาก แต่ที่มากกว่านั้นก็คือความปีติ เพราะอย่างไรนางก็คือคนของตระกูลหลู่
“น้องสี่ พรสวรรค์ของเส่าหย่งนั้นไม่เลวเลย” หลู่ตงหันร่างกลับมากล่าวกับหลู่ซีผู้บึกบึนที่อยู่ด้านข้าง
“ก็ไม่เลว แต่ยังไม่ได้ทะลวงถึงระดับนักรบ ขาดอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น” หลู่ซีถอนหายใจเล็กน้อย ทว่ากลับมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ถึงแม้ลูกของเขาอย่างหลู่เส่าหย่งจะยังไม่ทะลวงระดับนักรบ แต่เส่าหย่งนั้นยังมีอายุต่ำกว่าสิบห้าปีเท่านั้น ด้วยอายุแค่นี้ แต่มาถึงระดับสาวกขั้นเก้าได้ ก็ถือว่ามีพรสวรรค์ที่สูงส่งแล้ว ให้หาทั้งตระกูลหลู่พรสวรรค์ระดับนี้ก็มีเพียงหนึ่งหรือสองคน เมื่อเทียบกับหลู่หวู๋ซวงในตอนนั้นก็แทบไม่ได้แตกต่างกันเลย
“เส่าหย่งพึ่งจะมีอายุไม่ถึงสิบห้าปี หลังจากนี้อีกสามปี เมื่อนิกายอวิ๋นรับศิษย์อีกครั้ง เส่าหย่งจะต้องทำได้แน่ พรสวรรค์ระดับนี้นับว่าไม่แตกต่างจากหลู่หวู๋ซวงแล้ว ดูแลเขาให้ดี รุ่นเยาว์ในตระกูลหลู่ของเราในตอนนี้ เมื่อเทียบกับตระกูลอื่นแล้วแข็งแกร่งมากกว่า” หลู่ตงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ตระกูลหนึ่งตระกูล นอกเหนือจากพึ่งพาบุคคลที่แข็งแกร่งในตระกูลแล้วก็ยังต้องพึ่งพาพวกสายเลือดใหม่ของตระกูลที่เกิดขึ้นไม่หยุด สิ่งนี้ถึงจะเป็นรากฐานของตระกูลได้
“พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าครั้งนี้ใครจะเป็นรุ่นเยาว์สองคนที่สามารถเป็นตัวแทนของตระกูลหลู่ไปแข่งขันกับตระกูลหวังและตระกูลหยางต่อ” หลู่ซีเอ่ยถาม
“นี่…ตอนนี้มันก็ค่อนข้างพูดยาก เส่าหู่นั้นทะลวงระดับนักรบมานานแล้ว ไห่หมิงก็ด้วย เดิมทีก็ควรจะเป็นสองคนนี้ แต่ตอนนี้ยังมีหลู่อวิ๋นที่ทำให้พวกเราประหลาดใจกับเส่าโหย่วด้วย สามารถพูดได้ว่าหนุ่มสาวรุ่นนี้เป็นรุ่นที่เต็มไปด้วยบุคคลมีความสามารถ” หลู่ตงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พี่ใหญ่ หลู่เส่าโหย่วคงไม่ถูกนับเป็นคนของตระกูลหลู่กระมัง?” จ้าวฮุ่ยกล่าวด้วยสีหน้าที่มืดมนเล็กน้อย
“ถึงอย่างไรเส่าโหย่วก็มีเลือดของตระกูลหลู่ไหลเวียนอยู่ ได้ยินมาว่าเขาสามารถทะลวงมาถึงระดับนักรบได้ด้วยตัวคนเดียว พรสวรรค์ระดับนี้หายากนัก พี่สะใภ้ควรคำนึงถึงตระกูลหลู่ ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนี้มากเกินไป” หลู่ตงกล่าวขึ้นมาเบาๆ เหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยชอบจ้าวฮุ่ยมากนัก หลู่ตงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด
“เอาล่ะ เรื่องนี้ค่อยไปพูดในภายหลัง รีบดูเถอะ เจ้าหนูเส่าหย่งกำลังจะรับการทดสอบแล้ว” หลู่ตงยิ้มและกล่าวโดยไม่แสดงพิรุธใดๆ ในตอนนี้สายตาของกลุ่มคนก็ได้จดจ้องอยู่ที่สนามประลองเช่นกัน
หลู่เส่าหย่งที่สวมใส่ชุดจีนกำลังยืนอยู่ในสนามประลอง เขาดูมีกลิ่นอายของความกล้าหาญอยู่หลายส่วน หลู่เส่าหย่งวางฝ่ามือของตนลงบนคริสตัล เพียงพริบตา บนลูกบอลคริสตัลก็ได้ปรากฏแสงสีน้ำเงินขึ้นมา
“หลู่เส่าหย่ง ธาตุน้ำระดับสาวกขั้นเก้า พรสวรรค์ระดับยอดเยี่ยม” ผู้อาวุโสในตระกูลรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา คงจะน่าเหลือเชื่อกว่านี้หากหลู่เส่าหย่งทะลวงถึงระดับนักรบก่อนอายุสิบห้าปี ไม่ว่าทางใดทางหนึ่งสิ่งนี้ก็แสดงในเห็นถึงเส้นทางในอนาคตของตระกูล
หลังจากผลการทดสอบออกมา เหล่าหญิงสาวสายรองและคนรับใช้ในตระกูลต่างก็จ้องมองไปที่หลู่เส่าหย่งด้วยสายตาที่หลงใหลอย่างลึกซึ้ง
“พรสวรรค์ระดับนี้ ไม่เลวจริงๆ อีกสามปีได้เข้านิกายอวิ๋นหยางแน่นอน” หลู่ตงมีความสุขมาก นี่คือหลานชายของเขา และเป็นอนาคตของตระกูลหลู่
ในเวลานี้ หลู่ซีกับเฉินซื่อก็ได้ยิ้มออกมา พรสวรรค์ระดับนี้ถือว่าดีมากแล้ว
“คนต่อไป” ผู้อาวุโสได้กล่าวเบาๆ ทันใดนั้น โจวไห่หมิงก็ก้าวขึ้นไปด้วยใบหน้าที่หยิ่งผยอง ความมั่นใจถูกเขียนเอาไว้อยู่บนใบหน้าของเขา
“พี่สอง พี่เขย พลังบ่มเพาะของโจวไห่หมิงถึงไหนแล้วหรือ?” บนอัฒจันทร์ หลู่ซีได้เอ่ยถามขึ้น
“ข้าไม่ค่อยแน่ใจ ช่วงนี้ข้าก็ไม่ได้ถามไห่หมิงเหมือนกัน” หลู่หนานยิ้มเล็กน้อย ดูเหมือนนางจะมีความมั่นใจต่อลูกชายของตนอย่างมาก
“ปีนี้ไห่หมิงอายุสิบเก้าแล้ว ข้าได้ยินมาว่าเขาทะลวงระดับนักรบนานแล้ว” หลู่ซีกล่าวเบาๆ
“ใช่แล้ว เมื่อสามปีก่อนไห่หมิงไม่อยู่ที่ตระกูลหลู่พอดี ไม่เช่นนั้นก็คงเข้านิกายอวิ๋นหยางพร้อมหวู๋ซวงไปแล้ว” โจวลี่ซิงกล่าวด้วยร้อยยิ้ม
เวลานั้นเอง ฝ่ามือข้างขวาของโจวไห่หมิงก็ได้วางลงบนลูกบอลคริสตัล เขาเหยียดยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ปล่อยพลังลมปราณเข้าไป ทันใดนั้น ลูกบอลคริสตัลก็เริ่มส่องแสงออกมา
ขณะเดียวกัน หลู่เส่าโหย่วก็เฝ้ามองด้วยความสงสัย เมื่อสัมผัสถึงออร่าบนร่างของโจวไห่หมิง หลู่เส่าโหย่วก็สามารถรู้ได้ว่าโจวไห่หมิงนี้น่าจะแข็งแกร่งที่สุดในบรรดากลุ่มคน
ลูกบอลคริสตัลได้ส่องแสงสีกากีที่สว่างไสวออกมา แสงของมันสว่างไสวกว่าที่เคยผ่านมาทั้งหมด ส่วนลูกบอลคริสตัลลูกนี้ หลู่เส่าโหย่วกลับมองไม่ออกแม้แต่น้อย
“โจวไห่หมิง ธาตุดิน ระดับนักรบขั้นเจ็ด พรสวรรค์ระดับยอดเยี่ยม” ผู้อาวุโสของตระกูลประกาศออกมา ในปีก่อนๆ หากตรวจพบคนที่มีพรสวรรค์ระดับยอดเยี่ยมก็ถือเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อแล้ว แต่ปีนี้กลับตรวจพบได้มากมาย ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น