จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ - ตอนที่ 32 มาลงที่ข้าก็พอ
“เส่าโหย่ว เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าหากเจ้าไปจากตระกูลหลู่เจ้าจะมีอันตรายมากขึ้นกว่าเดิม อย่างน้อยพวกคนในตระกูลหลู่ที่ต้องการจำกัดเจ้าก็ยังต้องคำนึงถึงบางอย่าง”
“คุณชาย คุณชาย” ในตอนที่หลู่หวู๋ซวงพึ่งกล่าวจบ เสียงของหลู่เสี่ยวไป๋ก็ดังขึ้นที่ด้านนอกลานบ้าน จากนั้นเขาก็เข้ามาในลานบ้านด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ
“เสี่ยวไป๋ เจ้ามีอะไร” หลู่หวู๋ซวงกล่าวถาม
“คุณหนูหวู๋ซวง” หลู่เสี่ยวไป๋ที่เห็นหลู่หวู๋ซวงก็ทำความเคารพในทันที จากนั้นก็กล่าวกับหลู่เส่าโหย่วว่า “คุณชาย ไม่ดีแล้ว เมื่อครู่ข้าเห็นผู้ดูแลใหญ่จากลานด้านหน้านำคนมาจัดการกับท่าน”
“จ้าวต้า” หลู่เส่าโหย่วมีท่าทีเคร่งขรึมและเต็มไปด้วยความรู้สึกเย็นชาในทันที จ้าวต้าผู้นี้เป็นแกนนำในการฆ่าหลู่เส่าโหย่วคนก่อน และมันก็เป็นคนรับใช้ของนายหญิงใหญ่ที่ถูกพามาจากตระกูลของนางอีกด้วย
“จ้าวต้าอย่างนั้นหรือ หึ…ที่นี่คือตระกูลหลู่ เส่าโหย่ว เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าอยากดูว่าในวันนี้ใครจะกล้าแตะต้องเจ้า” หลู่หวู๋ซวงกล่าว
“มาแล้วหรือ” ด้านนอกลานบ้านเริ่มมีเสียงดังวุ่นวาย หลู่เส่าโหย่วจึงสอดแนมเล็กน้อย ทำให้รู้ว่าจ้าวต้าผู้นี้นำข้ารับใช้มาสิบกว่าคน หลังจากพลังบ่มเพาะของเขาทะลวงมาถึงระดับนักรบทั้งคู่แล้ว ประสาทสัมผัสของเขาก็อ่อนไหวขึ้นมาก หากมีการเคลื่อนไหวใดๆ ในบริเวณใกล้เคียง ขอแค่เขาเริ่มสอดแนมก็จะสามารถรับรู้ถึงทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
“หลู่เส่าโหย่ว เจ้ากล้าฆ่าคนในตระกูลหลู่ ช่างกล้านัก รีบยอมตามข้าไปแต่โดยดี” เพียงครู่เดียวก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น จากนั้นคนรับใช้หลายสิบคนก็เดินเข้ามาภายในลานบ้าน ผู้นำที่พาคนรับใช้เหล่านั้นเข้ามาก็คือจ้าวต้าที่หลู่เส่าโหย่วเคยเห็นมาก่อนแล้ว กับอีกคนหนึ่งที่หลู่เส่าโหย่วจำได้ว่าชื่อจ้าวเอ้อร์ หากรวมกับจ้าวซานที่เขาฆ่าไป พวกมันทั้งสามคนก็คือคนที่พลั้งมือฆ่าหลู่เส่าโหย่วคนก่อนนั่นเอง
“จ้าวต้า เจ้าช่างมีความกล้ายิ่งนัก” หลู่เส่าโหย่วยังไม่ทันได้พูดอะไร หลู่หวู๋ซวงก็ได้ตะโกนขึ้นมาอย่างเย็นชา
“ที่แท้คุณหนูหวู๋ซวงก็อยู่ที่นี่ด้วย ขอคารวะคุณหนูหวู๋ซวง” จ้าวต้ามีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าความสัมพันธ์ของหลู่หวู๋ซวงกับครอบครัวของหลู่เส่าโหย่วนั้นดีมาตลอด
“นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน หมายความว่าอย่างไร ยังไม่ถอยไปให้ข้าอีกอย่างนั้นหรือ” หลู่หวู๋ซวงมองจ้าวต้าและกล่าวออกมา
“คุณหนูหวู๋ซวง หลู่เส่าโหย่วได้ฆ่าจ้าวซาน พวกเรามาเพื่อจับกุมตัวหลู่เส่าโหย่วตามคำสั่งของนายหญิง หากคุณหนูหวู๋ซวงมีข้อสงสัย ท่านสามารถไปถามนายหญิงได้” จ้าวต้ากล่าวออกมาด้วยใบหน้ามืดมน เขาเป็นถึงคนของนายหญิง แน่นอนว่าจ้าวต้านั้นไม่ได้นำหลู่หวู๋ซวงมาเก็บไว้ในสายตาจริงๆ เลย
“หึ ที่นี่คือตระกูลหลู่ เส่าโหย่วเป็นนายน้อยตระกูลหลู่ ข้าก็อยากจะเห็นนัก เป็นผู้น้อยแล้วยังกล้ามายั่วยุคนชั้นสูง ข้าจะไม่ปรานีอย่างแน่นอน” หลู่หวู๋ซวงตะโกนอย่างเย็นชา สายตาก็กวาดมองจ้าวต้ากับคนรับใช้นับสิบคนที่มันนำมา
คนรับใช้นับสิบคนเหล่านี้ไม่ได้มาจากตระกูลจ้าว แต่เป็นคนงานที่ทำงานอยู่ที่ลานด้านหน้าในความดูแลของจ้าวต้า เมื่อคนรับใช้พวกนี้เห็นสายตาของหลู่หวู๋ซวงก็อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงและสบสายตากับคนอื่นๆ ไม่กล้าเคลื่อนไหวมั่วซั่ว
“คุณหนูหวู๋ซวง การที่ท่านทำเช่นนี้กำลังทำให้พวกข้าลำบาก ข้าต้องเอาตัวคนผู้นั้นไป ส่วนเรื่องอื่น คุณหนูหวู๋ซวงไปถามกับท่านหญิงเถอะ” จ้าวต้ากล่าวด้วยสีหน้ามืดมน จากนั้นสายตาก็จับจ้องไปยังร่างของหลู่เส่าโหย่ว
หลู่เส่าโหย่วก็มองไปยังจ้าวต้าเช่นกัน จ้าวต้าผู้นี้น่าจะมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับนักรบขั้นสอง แต่ถึงอย่างไรตัวเขาก็ไม่กลัว คนผู้นี้ เขาจะฆ่ามันอย่างแน่นอน ในเมื่อเกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นเขาก็ควรจะฆ่ามันเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในภายภาคหน้า หากมีโอกาส เขาก็ควรจะกำจัดมันทิ้งซะ
“ข้าก็อยากจะรู้นัก ว่าเจ้าจะพาไปได้อย่างไร” หลู่หวู๋ซวงกล่าวอย่างเย็นชา จากนั้นก็ยกข้อมือขึ้นแล้วดึงดาบจันทร์ครามออกมา คมดาบสามฟุตนั้นได้ส่องประกายแสงอันเยือกเย็น
“เจ้าก็ลองเดาดูว่าข้าจะกล้าฆ่าเจ้าหรือไม่” หลู่หวู๋ซวงหันคมดาบไปตรงหน้าจ้าวต้า
“แน่นอนว่าคุณหนูหวู๋ซวงต้องกล้าที่จะฆ่าข้าแน่ แต่ว่า…” สีหน้าของจ้าวต้าเปลี่ยนไปกะทันหัน จากนั้นก็ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว ความแข็งแกร่งของจ้าวต้านั้นมีไม่สูงเท่าหลู่หวู๋ซวง หลู่หวู๋ซวงเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ แต่ตัวเขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับนักรบเท่านั้น และในแง่ของสถานะ หลู่หวู๋ซวงก็เป็นรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในรุ่นเดียวกันของตระกูล จ้าวต้าที่เป็นเพียงผู้ดูแลนั้นจึงไม่กล้าที่จะไปยั่วยุ เพราะหากถึงตอนนั้น แม้แต่นายหญิงก็ยากที่จะสามารถปกป้องเขา
จ้าวต้ากล่าวขึ้นมาหลังจากก้าวถอยไปสองก้าว “คุณหนูหวู๋ซวง ท่านต้องคิดให้ดี ถึงแม้ท่านจะฆ่าข้า แต่นั่นก็คงจะทำให้ท่านมีปัญหาไม่น้อย เพราะถึงอย่างไรข้าก็เป็นคนของตระกูลจ้าว”
“เจ้ายังจำได้ว่าตัวเองเป็นคนของตระกูลจ้าวอยู่อีกหรือ เจ้าอย่าลืมว่าที่นี่คือตระกูลหลู่ ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า” หลู่หวู๋ซวงตำหนิ หากนางฆ่าจ้าวต้าผู้นี้ไปจริง นางก็ต้องคิดอย่างรอบคอบอยู่บ้าง
“ที่นี่คือตระกูลหลู่ แต่หากฆ่าคนก็ต้องถูกลงโทษเป็นธรรมดา หวู๋ซวง หรือว่าเจ้าจะปกป้องหลู่เส่าโหย่วให้ได้” ในตอนนั้นเอง ก็ได้มีร่างสามร่างปรากฏขึ้นที่ประตูลานบ้าน
ในบรรดาคนที่มาปรากฏตัวสามคนนั้น คนแรกสุดแต่งกายด้วยชุดคลุมผ้าและมัดผมเป็นมวย ความหรูหราเต็มสิบ มีแววตาที่ดูมืดมนและเย็นชา ทำให้ผู้คนที่ได้มองรู้สึกหนาวเหน็บ นางมีสาวใช้สองคนยืนขนาบข้างอยู่ที่ด้านซ้ายและด้านขวา ทั้งสองแต่งกายด้วยชุดกระโปรงยาว
“คารวะคุณหนู” จ้าวต้ากับจ้าวเอ้อร์ทำความเคารพผู้มาใหม่ในทันที เมื่อคนรับใช้คนอื่นๆ เห็นนางก็รีบก้มศีรษะทำความเคารพและกล่าวว่า “คารวะนายหญิง”
“จ้าวฮุ่ย” ในตาของหลู่เส่าโหย่วได้มีประกายความเย็นชาปรากฏขึ้นเพียงแวบหนึ่ง คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น นางคือภรรยาคนแรกของบิดาเขา และเหตุผลที่หลู่เส่าโหย่วคนก่อนไม่สามารถฝึกตนบ่มเพาะได้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะนางผู้นี้เอง
“ป้าสาม เส่าโหย่วเป็นนายน้อยของตระกูล ฆ่าคนรับใช้ไปคนหนึ่งแล้วอย่างไร แล้วหากเขามีความผิดจริง เช่นนั้นก็ต้องไปรับโทษที่โถงบรรพบุรุษของตระกูล” หลู่หวู๋ซวงกล่าวเบาๆ
“นายน้อยของตระกูล ในบรรดานายน้อยของตระกูลนี้ เหมือนว่าจะไม่มีหลู่เส่าโหย่วไม่ใช่หรือ หวู๋ซวง หรือว่าเจ้าจะลืมไปแล้ว” จ้าวฮุ่ยกล่าวเบาๆ แต่สายตาเย็นชาของนางกลับจับจ้องไปที่ร่างของหลู่เส่าโหย่วและลั่วหลานซือ นางไม่ได้สนใจหลู่หวู๋ซวงมากนัก
ทันใดนั้นหลู่หวู๋ซวงก็พูดอะไรไม่ออก นายน้อยในตระกูลไม่นับเส่าโหย่วเป็นหนึ่งในนั้น นี่เป็นสิ่งที่ตระกูลหลู่ไม่ยอมรับมาโดยตลอด ส่วนเหตุผลของมันนั้น หลู่หวู๋ซวงก็ไม่รู้เช่นกันว่าเป็นเพราะเหตุใด
“ลั่วหลาน เจ้าคนรับใช้ต่ำต้อย ข้ายอมให้เจ้าอยู่ในตระกูลหลู่ แต่เจ้ากลับสั่งสอนให้ลูกผสมชั้นต่ำของเจ้าฆ่าคน คราวนี้ ข้าอยากจะรู้เสียจริงว่าใครจะปกป้องเจ้าได้อีก” จ้าวฮุ่ยมองไปยังลั่วหลานแล้วกล่าวอย่างเย็นชา
“จ้าวฮุ่ย คนชั้นต่ำเช่นเจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่จะมาด่าแม่ของข้า คนที่ฆ่าจ้าวซานคือข้า หากมีปัญหาก็แค่มาลงที่ข้าก็พอ” ทันใดนั้น หลู่เส่าโหย่วก็กล่าวพร้อมกับออกมายืนอยู่ด้านหน้าของลั่วหลานซือ
“จ้าวต้า ไปจับเจ้าลูกผสมนั่นมาให้ข้า” จ้าวฮุ่ยจ้องมองไปที่หลู่เส่าโหยวแล้วออกคำสั่ง
“ขอรับ คุณหนู” จ้าวต้าตอบรับ ทันใดนั้นเขาก็พุ่งไปทางหลู่เส่าโหย่วแล้วยื่นมือไปข้างหน้า มือขวาของเขาได้ทำฝ่ามือท่ากรงเล็บ และเล็งกรงเล็บนั้นไปทางหลู่เส่าโหย่ว
ในตาของหลู่เส่าโหย่วได้ปรากฏจิตสังหารขึ้น ตัวเขาไม่ได้รู้สึกกลัวจ้าวต้าผู้นี้เลยแม้แต่น้อย แต่ในตอนที่เขากำลังจะลงมือ หลู่หวู๋ซวงก็กลับชิงลงมือไปก่อนแล้ว
“ถอยไป” หลู่หวู๋ซวงกล่าวอย่างดุดัน นางแทงดาบจันทร์ครามในมือออกไปทางจ้าวต้า เงาดาบถูกกวาดขึ้นใส่อากาศ จากนั้นเงาดาบสามอันก็พุ่งออกไปพร้อมกัน แยกเป็นส่วนหน้าอกกับส่วนท้องของจ้าวต้า
จ้าวต้าหน้าเปลี่ยนสีไปกะทันหัน จากนั้นก็รีบร้อนหลบออกไปทางด้านข้างทันที แต่เงาดาบกลับรวดเร็วเกินไป ถึงแม้ว่าจ้าวต้าจะหลีกเลี่ยงส่วนท้องน้อยกับหน้าอกด้านซ้ายไปได้ แต่ที่หน้าอกด้านขวาก็ยังถูกเงาดาบเฉือนอยู่ดี
“สวบ…”
เสื้อของจ้าวต้าถูกฟันจนขาด บนหน้าอกของเขาปรากฏรอยเลือดจางๆ จ้าวต้าตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีและมีเหงื่อไหลออกมา
“ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเตือน แต่ครั้งหน้า อย่าหาว่าข้านั้นไร้ความปรานี” หลู่หวู๋ซวงกล่าวอย่างเย็นชา
“หวู๋ซวง เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก อย่าคิดว่าเจ้าเป็นศิษย์ของนิกายอวิ๋นหยางแล้วจะสามารถทำได้ทุกอย่างที่ต้องการ” จ้าวฮุ่ยได้แสดงสีหน้าที่มืดมนแล้วกล่าวอย่างเย็นชา
“ป้าสาม ทำไมท่านต้องบีบบังคับผู้อื่นขนาดนี้ เรื่องที่ท่านอยากจะสร้างความลำบากให้เส่าโหย่วกับป้าสาม ตระกูลหลู่นั้นรู้ดีทุกอย่าง ดังนั้นทำไมท่านไม่ให้พวกเขาได้เหลือพื้นที่ให้ได้หายใจบ้าง” หลู่หวู๋ซวงกล่าวกับจ้าวฮุ่ย
“เจ้าช่างกล้านัก จ้าวต้า ลงมือเสีย ข้าอยากจะเห็นนักว่านิกายอวิ๋นหยางสอนอะไรให้เจ้าบ้าง” จ้าวฮุ่ยจ้องไปยังหลู่หวู๋ซวงด้วยสีหน้ามืดมน
จ้าวต้าเปลี่ยนสีหน้าทันที ในเมื่อมีคุณหนูคอยขัดขวางหลู่หวู๋ซวง เช่นนั้นเขาก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป จากนั้นจ้าวต้าก็รีบพุ่งเข้าไปหาหลู่เส่าโหย่วอีกครั้ง
“คุณชายระวัง” หลู่เสี่ยวไป๋ตะโกนเสียงดังและรีบวิ่งไปทางจ้าวต้าผู้นั้นทันที
“หลู่เสี่ยวไป๋ เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติ” จ้าวเอ้อร์ที่อยู่ด้านข้างจ้าวต้านั้นได้จับตามองหลู่เสี่ยวไป๋เอาไว้ตลอด เมื่อเห็นว่าหลู่เสี่ยวไป๋รีบวิ่งไปทางจ้าวต้า ทันใดนั้น เขาจึงพุ่งเข้าใส่หลู่เสี่ยวไป๋ทันที