จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ - ตอนที่ 31 สุนัขรับใช้รนหาที่ตาย
ในเวลานี้ เสี่ยวหลันได้แต่กลิ้งอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของนางเต็มไปด้วยเลือด นางส่งเสียงคร่ำครวญอยู่ในลำคอ เป็นภาพที่ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นรู้สึกหวาดผวา
สาวใช้หลายคนที่ยืนอยู่รอบนอกต่างก็ตกใจกลัว พวกนางมองเสี่ยวหลันที่นอนอยู่บนพื้นอย่างเหม่อลอยเพราะไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
ผู้คนจากด้านนอกห้องซักผ้าได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของเสี่ยวหลัน ทำให้มีคนรับใช้ไม่น้อยมารวมตัวกันที่ด้านนอกห้องซักผ้า เมื่อคนรับใช้เหล่านั้นชะโงกหัวไปสังเกตสถานการณ์ด้านใน ต่างก็ต้องตื่นตกใจ
“เจ้าหนู เจ้ายังคิดที่จะจากไปอีกอย่างนั้นหรือ ไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน เจ้ากำลังแส่หาความตายอยู่หรือ” ผู้ดูแลห้องซักผ้าแซ่จ้าวกลับมามีสติอีกครั้ง เขาจ้องมองเสี่ยวหลันที่นอนอยู่บนพื้น จากนั้นก็เหลือบมองมาที่หลู่เส่าโหย่วด้วยสายตาที่ดุร้าย ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าของหลู่เส่าโหย่ว
“เจ้าสุนัขรับใช้ หากเจ้ายังไม่หลีกทางให้ข้า เจ้าจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่จะได้ตาย” หลู่เส่าโหย่วจ้องมองจ้าวซานอย่างเย็นชา ในเมื่อมาถึงขั้นนี้ หลู่เส่าโหย่วก็ไม่อยากจะคำนึงถึงเรื่องอะไรแล้ว เขาไม่สามารถปล่อยให้ท่านแม่ต้องมาทนลำบากได้อีก
“เจ้าหนู น้ำเสียงของเจ้านี่ช่างอวดดีนัก เจ้ามันก็แค่คนไร้ค่า…” จ้าวซานกล่าวอย่างเย้ยหยัน จากนั้นก็ปล่อยหมัดที่ทำให้เกิดกระแสลมรุนแรงออกไป
“เดิมทีข้าก็คิดว่าค่อยไปคิดบัญชีกับสุนัขรับใช้เช่นเจ้าในภายหลัง แต่ตอนนี้ เป็นเจ้าที่เรียกหาความตายเอง” หลู่เส่าโหย่วกล่าวอย่างเย็นชา เมื่อจ้าวซานลงมือ หลู่เส่าโหย่วก็มองออกในทันทีว่าจ้าวซานผู้นี้มีระดับบ่มเพาะระดับสาวกขั้นสองเท่านั้น เขาต้องชำระความแค้นในคราเดียว ทันใดนั้นเอง ดวงตาของหลู่เส่าโหย่วก็ได้ปลดปล่อยประกายแสงอันหนาวเหน็บ
“เจ้าสุนัขรับใช้” ในตอนที่หมัดของจ้าวซานกำลังจะถึงตัวเขา หลู่เส่าโหย่วก็เอนตัวหลบในทันที และในเวลาเดียวกัน เขาก็ปล่อยฝ่ามือสวนกลับไปราวกับสายฟ้า
“ปัง!”
ในตอนที่จ้าวซานกำลังตกใจเพราะหมัดของตนชกโดนอากาศ ทันใดนั้นก็ได้มีฝ่ามือหนึ่งกระแทกลงบนหน้าอกของเขา หนึ่งฝ่ามือนี้เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของจ้าวซาน พลังมหาศาลได้ไหลเข้าไปในร่างกายของเขาในทันที จ้าวซานรู้เพียงว่าอวัยวะภายในทั้งหมดของตนกำลังแหลกละเอียด
“เจ้าสุนัขรับใช้ ตายซะเถอะ” หลู่เส่าโหย่วลดฝ่ามือลงก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา
สายตาของจ้าวซานได้เผยความตื่นตระหนกจากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า เขาไม่เคยคาดคิดว่าคนไร้ค่าที่ตัวเองไม่เคยเก็บไว้ในสายตา ในตอนนี้กลับกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว และยังมีระดับบ่มเพาะที่สูงกว่าตัวเองไม่น้อย แต่นั่นก็สายไปเสียแล้ว ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ให้โอกาสเขาได้รอดชีวิต
“เจ้าเป็นผู้ฝึก…” จ้าวซานยังไม่ทันกล่าวจบก็ล้มลงไปนอนอยู่บนพื้น ก่อนที่เขาจะตาย ในที่สุดจ้าวซานก็ได้รู้ว่าเจ้าหนูตรงหน้าที่พวกเขารังแกมาตั้งแต่เด็กจนโตได้กลับกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว อีกทั้งความแข็งแกร่งยังอยู่เหนือกว่าตนมาก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้คนรับใช้ทั้งหมดได้แต่ยืนเหม่อลอยราวกับคนโง่งม จ้าวซานผู้นี้เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ แต่กลับถูกฆ่าตายภายในกระบวนท่าเดียว
“เป็นคนรับใช้ของตระกูลหลู่ ก็ต้องทำหน้าที่ของคนรับใช้ให้ดี หากฐานะต่ำต้อยแต่ยังริอ่านมายั่วยุบุคคลชั้นสูง จุดจบของเจ้าจะมีเพียงความตายเท่านั้น” หลู่เส่าโหย่วมองดูเหล่าคนรับใช้ที่รายล้อมอยู่อย่างเย็นชา จากนั้นก็หันหลังกลับมากล่าวกับลั่วหลานซือที่กำลังตื่นตระหนก “ท่านแม่ พวกเรากลับไปกันก่อนเถอะ ในภายภาคหน้า พวกเราก็ไม่ต้องมาที่ห้องซักผ้าแห่งนี้อีกแล้ว”
ลั่วหลานซือไม่ได้กล่าวสิ่งใด คงเป็นเพราะนางกำลังตื่นตกใจจนพูดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็ได้เดินออกไปจากห้องซักผ้าภายใต้การดูแลของหลู่เส่าโหย่ว
“มีคนตาย รีบไปแจ้งผู้ดูแลใหญ่เร็ว…” หลังจากคนรับใช้ที่เหลืออยู่ในห้องซักผ้าได้สติขึ้นมาต่างก็เริ่มสับสนวุ่นวาย พวกนางไม่อยากสร้างปัญหา จึงรีบออกไปจากห้องซักผ้าให้เร็วที่สุด
ภายในลานบ้าน หลู่เส่าโหย่วได้ประคองลั่วหลานซือให้นั่งลง ระหว่างทางนั้นหลู่เส่าโหย่วขมวดคิ้วตลอดทาง ดูเหมือนว่าเขาจะต้องคิดหาทางหนีทีไล่ให้ดี คาดว่าอีกไม่นานตระกูลหลู่คงจะวุ่นวายเป็นอย่างมาก แต่ว่าตัวเขาก็ได้เปิดเผยสถานะผู้ฝึกยุทธ์ไปแล้ว ดังนั้นต้องมาดูกันว่าตระกูลหลู่จะทำอย่างไร อย่างแย่ที่สุดเขาก็แค่ต้องออกจากตระกูลหลู่ ถึงอย่างนั้นความสามารถของเขาในตอนนี้ก็ยังพอจะสามารถเลี้ยงดูแม่ของเขาได้
“เส่าโหย่ว” ในตอนนี้ ลั่วหลานซือก็พึ่งจะกลับมาได้สติเล็กน้อย
“ท่านแม่ ไม่เป็นไร ท่านวางใจเถอะ” หลู่เส่าโหย่วรู้ว่าแม่ของเขากังวลเรื่องอะไร จึงกล่าวปลอบนางในทันที
แน่นอนว่าลั่วหลานซือยังไม่คลายกังวล นางกล่าวอย่างรีบร้อน “เส่าโหย่ว เจ้ารีบหนีไปเถอะ ไม่อย่างนั้นแล้ว พวกมันไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ที่นี่มีแม่อยู่ เจ้ารีบไปเถอะ”
“ท่านแม่ หากข้าหนีไป ท่านจะทำอย่างไร ท่านวางใจเถอะ พวกเขาทำอะไรข้าไม่ได้” หลู่เส่าโหย่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เป็นเพราะแม่ไม่ดี เป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้ เส่าโหย่ว…” ลั่วหลานซือสะอื้น หากเบื้องหลังของนางมีตระกูลที่แข็งแกร่งสนับสนุนนางบ้าง เรื่องทั้งหมดคงไม่ลงเอยแบบนี้
“ท่านแม่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน ท่านวางใจเถอะ ลูกของท่านในตอนนี้ได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว พวกเขาไม่สามารถทำอะไรข้าได้” หลู่เส่าโหย่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม เรื่องทั้งหมดนี้ จะโทษก็ต้องโทษที่ตระกูลหลู่ ตัวตนของเขาอย่างไรก็คือผู้ที่มีสายเลือดของตระกูล แต่ตระกูลหลู่กลับทำเพียงมองดูเขามีชีวิตเช่นนี้ ช่างโหดร้ายนัก
“ผู้ฝึกยุทธ์ เส่าโหย่ว ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่สามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้หรือ? ทำไมเจ้าถึง…” ลั่วหลานซือเงยหน้าขึ้นมา และมองหลู่เส่าโหย่วอย่างประหลาดใจ นางประหลาดใจตั้งแต่เมื่อครู่ที่หลู่เส่าโหย่วฆ่าจ้าวซานในห้องซักผ้าแล้ว จ้าวซานเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ ถึงแม้ลั่วหลานซือจะไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ แต่นางที่อยู่ในตระกูลฝึกตนอย่างตระกูลหลู่นั้นก็พอจะเข้าใจเกี่ยวกับการฝึกตนอยู่บ้าง
“เรื่องนี้เอาไว้ข้าจะบอกท่านในภายหลัง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้าได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ข้าจะไม่เป็นไร” หลู่เส่าโหย่วกล่าว
“อย่างนั้นยิ่งไม่ได้ เส่าโหย่ว เจ้าต้องไปจากที่นี่ นางไม่ปล่อยเจ้าไปแน่” ลั่วหลานซือยิ่งกังวลมากขึ้นกว่าเดิม
แน่นอนว่าหลู่เส่าโหย่วรู้ว่าแม่ของเขากำลังพูดถึงใคร ดูแล้วท่านแม่ก็คงเข้าใจดีว่าภรรยาเดิมของท่านพ่อคงไม่ปล่อยเขาไปแน่
“เส่าโหย่ว…”
เสียงที่ไพเราะดังขึ้น จากนั้นร่างของหลู่หวู๋ซวงก็มาปรากฏภายในลานบ้าน
“พี่หวู๋ซวง ท่านมาที่นี่ทำไม?” หลู่เส่าโหย่วเอ่ยถาม
“ข้าพึ่งได้ยินมาว่าเจ้าฆ่าจ้าวซานผู้นั้น และทุบตีเสี่ยวหลัน นี่ใช่เรื่องจริงหรือไม่?” หลู่หวู๋ซวงมองไปยังหลู่เส่าโหย่วแล้วเอ่ยถาม
“อืม พวกมันรังแกแม่ของข้า ข้าถึงลงมือ” หลู่เส่าโหย่วกล่าวกับหลู่หวู๋ซวงอย่างเปิดเผย
“เส่าโหย่ว คราวนี้เจ้ามีปัญหาแล้ว จ้าวซานผู้นั้นเป็นคนของตระกูลจ้าว หากเจ้าฆ่าคนรับใช้คนอื่นก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” หลู่หวู๋ซวงกล่าวด้วยความกังวล
“หวู๋ซวง เจ้าต้องช่วยน้องชายของเจ้า เจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณปู่ เจ้าไปขอร้องคุณปู่หน่อย ขอร้องให้ช่วยเส่าโหย่วของเจ้า” ลั่วหลานซือลุกขึ้นมากล่าวกับหลู่หวู๋ซวง
“ป้าสาม ไม่เป็นไรหรอก ท่านไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่ ข้าไม่ปล่อยให้เส่าโหย่วเกิดเรื่องอย่างแน่นอน” หลู่หวู๋ซวงประคองลั่วหลานซือและกล่าวตอบ
ลั่วหลานซือพยักหน้าเบาๆ ด้วยฐานะของหลู่หวู๋ซวงที่อยู่ในตระกูลหลู่ หากสามารถช่วยหลู่เส่าโหย่วได้ก็คงไม่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว นางจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
“เส่าโหย่ว เจ้าวางแผนจะทำอะไรต่อไป” หลู่หวู๋ซวงกล่าวถามหลู่เส่าโหย่ว ส่วนเรื่องที่หลู่เส่าโหย่วฆ่าจ้าวซานผู้นั้น หลู่หวู๋ซวงก็ไม่ได้ถามอะไรต่อให้มากความ เพราะนางรู้มาตั้งนานแล้วมาตัวเขาเป็นผู้ฝึกวิญญาณ ไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องคนเดิมที่ทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป
“ไม่มีแผนอะไร แย่ที่สุดก็แค่ต้องออกจากตระกูลหลู่” หลู่เส่าโหย่วกล่าวเบาๆ
“ออกจากตระกูลหลู่” หลู่หวู๋ซวงตกตะลึง “ไม่ได้เด็ดขาด เจ้าต้องไม่ไปจากตระกูล”