จากตาลุงบ้านนอกไปเป็นจอมดาบ: ข้าก็แค่ครูฝึกดาบบ้านนอกธรรมดาคนนึง แต่ลูกศิษย์ที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายไม่ได้คิดแบบนั้นนี่สิ ! - ตอนที่ 9
“แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้านะคะ ท่านอาจารย์”
“อื้อ วันนี้ขอบใจมากนะ อลิเซีย”
ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ลานจอดรถม้าในเมืองบาลเทรน
ข้าขอบใจอลิเซีย อดีตลูกศิษย์ข้าที่ตอนนี้เป็นหัวหน้ากองอัศวิน สำหรับที่ช่วยพาข้าไปเดินเที่ยวรอบเมืองและซื้อของที่ระลึกกลับบ้าน ก่อนมาส่งข้าขึ้นรถม้า
หลังเสร็จจากร้านตีเหล็กที่อลิเซียแนะนำ เซเลน่าก็อยากให้ข้าไปอีกร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมของเหล่านักผจญภัย
แต่ที่สุดแล้ว เราก็ไม่ได้มีเวลาเพียงพอที่จะทำอย่างนั้นได้
หากข้ามัวแต่เดินเที่ยวรอบเมืองนานกว่านี้ มันจะไม่เหลือรถม้าพาข้ากลับบ้านนี่สิ
ถึงแม้รอบๆเมืองหลวงนั้นค่อนข้างปลอดภัย
แต่การเดินทางเป็นชั่วโมงในยามค่ำคืนนี่ มันมีความเสี่ยงถึงตายได้เลย
ดังนั้นหากใครจำเป็นต้องเดินทางในเวลามืดค่ำก็มักจะมีคนคุ้มกันติดตามไปด้วย
ถ้าไม่ลงทุนทำขนาดนั้นก็เท่ากับว่าเปิดโอกาสให้ถูกโจรดักปล้นฆ่า, ฝูงสัตว์ร้ายที่ออกหาเหยื่อไล่ล่าหรือที่แย่สุดก็คือเจอฝูงมอนสเตอร์เข้าโจมตี
เวลายามวิกาลคือช่วงเวลาที่อันตรายแบบนี้แหละ
ถึงอลิเซียจะใช้อำนาจที่เธอมีสั่งให้รถม้าไปส่งข้าในตอนกลางคืนได้ แต่ข้าก็ยังต้องจ้างคนคุ้มกันอยู่ดี
สำหรับข้า ไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะต้องทำแบบนั้น และถ้าข้าต้องไปจ้างคนคุ้มกันอีก นั่นน่ะต้องใช้จ่ายเงินไม่น้อยเลย
ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจว่าจะไม่ทำแบบนั้น
เซเลน่าเองก็จำใจ ขอตัวไปจากข้าตั้งแต่หลังออกจากร้านตีเหล็ก เนื่องจากกิลด์นักผจญภัยเรียกตัวเธอกระทันหัน
“ตอนนี้กิลด์กำลังขาดคนเสียด้วยสิ…..งั้นก็ ท่านอาจารย์คะ ข้าขอตัวลาไปก่อน ครั้งหน้าที่ท่านมาเมืองหลวง ช่วยแวะมาหาข้าที่กิลด์ด้วยนะคะ ข้าคงอยู่ที่กิลด์ไปสักระยะหนึ่งเลย”
“โอ้ ได้สิ รักษาตัวด้วยนะ เซเลน่า”
ข้าหวนนึกถึงคำพูดตอนที่ลาจากกัน
กิลด์นักผจญภัยเป็นสถานที่ที่ข้าไม่เคยเข้าไปติดต่อด้วยเลย
อย่างแรกเลยคือ พื้นที่ชนบทอย่างหมู่บ้านบิดเดน มันไม่มีคำร้องอะไรให้นักผจญภัยมาช่วยเหลือ
และถึงจะเจอพวกสัตว์ร้ายหรือมอนสเตอร์บ้าง ข้ากับเหล่าลูกศิษย์ก็เอาอยู่
แล้วถ้ากรณีฉุกเฉินจริงๆ พ่อข้าก็ลงมาช่วยด้วย
เอาเถอะ ถ้าเซเลน่ายังอยู่แถวๆนี้ก็ดี จะได้แวะไปหาและกล่าวทักทายเธอบ้าง
นอกจากนี้ อาจจะมีพวกเหล่าลูกศิษย์ที่ผันตัวมาเป็นนักผจญภัยหรืออะไรทำนองนี้อยู่ในกิลด์ด้วย
นับเป็นโอกาสดีจะได้ไปเยี่ยมพวกเขาด้วยล่ะนะ
เอาตามนี้แหละ ข้าจะใส่ไว้ในกำหนดการที่มาเมืองหลวงครั้งหน้าด้วย
“เอาล่ะ เดินทางครั้งนี้ก็ขอรบกวนด้วยนะ”
“วางใจได้เลยครับ ทำตัวตามสบายนะครับ”
ไม่มีใครเค้าจ้างรถม้าไปบ้านนอกเป็นชั่วโมงๆแบบนี้หรอก แน่ล่ะว่านี่เป็นรถม้าที่สั่งจองพิเศษ
เดินทางคนเดียวแบบนี้มันน่าเบื่อ ไม่เหมือนกับตอนที่มีคนคุยด้วยแบบตอนที่มาเมืองหลวง
อีกทั้งตอนนี้เป็นช่วงเวลายามเย็น สองข้างทางก็ไม่ได้ดูสว่างเหมือนตอนขามา จึงเห็นวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างได้ไม่ชัดนัก
….งั้นข้าของีบหลับสักหน่อยแล้วกัน
พอไม่มีอะไรทำแบบนี้ การเอนหลังงีบหลับไปซะน่าจะเป็นตัวเลือกฆ่าเวลาที่ดีที่สุดแล้ว
พอข้าหลับตาลง ความเหนื่อยอ่อนจากการเดินดูโน่นนี่นั่นในเมืองหลวงที่สะสมมาทั้งวันก็เข้าจู่โจมข้าทันที
แล้วข้าก็ผลอยหลับวูบไปเลย
“คุณ…..คุณครับ คุณลูกค้าครับ เราถึงหมู่บ้านบิดเดนแล้วนะครับ”
“อุ…หืมมมม อ้าว ถึงแล้วเหรอ?”
ข้าลุกขึ้นนั่งแล้วขยับไหล่ไล่อาการเมื่อยล้า ขณะที่ยังงัวเงียอยู่
ตอนที่คนขับรถม้าปลุกให้ข้าตื่น ข้าลองมองออกไปข้างนอก
พบว่าเป็นช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินแล้ว เวลาผ่านไปนานพอสมควรเลย
เอาเถอะ อย่างน้อยก็ได้งีบหลับเต็มอิ่มล่ะนะ
“อ่า ขอโทษทีนะ คุณคนขับ ขอบใจที่มาส่งข้านะ”
“ไม่ต้องเกรงใจครับ คุณลูกค้า คุณดูเหนื่อยจากการเดินทางอยู่นะ พักผ่อนรักษาตัวด้วยนะครับ”
ตอนที่ข้าก้าวเท้าออกจากรถม้า มันทำให้ข้ารู้สึกคิดถึง ราวกับว่าข้ากลับถึงบ้านหลังการเดินทางอันยาวนาน
ถึงแม้ในความจริง ข้าจะใช้เวลาเดินทางไป-กลับไม่เต็มวันด้วยซ้ำก็ตาม
ไปเมืองหลวงรอบนี้ ไม่ธรรมดาเลย ใครจะไปคิดว่าจะได้พบปะกับเหล่าอดีตลูกศิษย์ทั้งอลิเซีย คลูนี่ รวมถึงเซเลน่าด้วย
ข้าว่าพวกเธอน่าจะดีใจที่ได้เจอข้านะ และดูพวกเธอก็สุขสบายดี
ต่างจากข้าที่รู้สึกเหนื่อยใจกับการไปไหนมาไหนในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แล้วยังได้พบเจอกับเหล่าลูกศิษย์ที่ไม่ได้เจอมานานอีก
“เอาละ รีบกลับบ้านดีกว่า นี่ก็มืดค่ำแล้วด้วยสิ”
หมู่บ้านบิดเดนนั้นอยู่ในเขตชนบท พอหลังพระอาทิตย์ตกดิน ก็จะเหลือบ้านไม่กี่หลังที่ยังเปิดไฟอยู่
ร้านค้าส่วนใหญ่ก็ทยอยเก็บของปิดร้านกันแล้ว แต่ที่ยังเปิดอยู่ก็คือร้านค้าที่ให้บริการเป็นที่พักของนักเดินทาง
ถึงอย่างนั้น ข้าก็สังเกตเห็นว่าบ้านพ่อแม่ข้าและโรงฝึกดาบที่อยู่ห่างกันไม่มากนัก ยังคงเปิดไฟอยู่
“แปลกแฮะ มีแขกมาเหรอ?”
ตัวบ้านเปิดไฟอยู่ยังพอเข้าใจได้ แต่ที่มันดูไม่ปกติก็ตรงที่เห็นแสงไฟจากในโรงฝึกในเวลากลางคืนแบบนี้นี่สิ
ข้าไม่คิดว่าพ่อข้าจะนึกคึก อยากจะฟันดาบในเวลามืดค่ำแบบนี้หรอกนะ
ด้วยความสงสัย ข้าจึงรีบเดินไปที่หน้าประตูโรงฝึก
“ข้ากลับมาแล้ว มีใครอยู่รึเปล่า?”
“โอ้ ในที่สุด เอ็งก็กลับมาได้สักที”
“ท่านอาจารย์! ไม่พบกันเสียนานเลยครับ!”
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ”
ในเมื่อที่นี่เป็นโรงฝึกของข้า ข้าจะมัวอายทำไม คิดพลางก็เปิดประตูกล่าวทักทายออกไป
แล้วก็ได้เจอตาแก่พ่อข้า กำลังนั่งขัดสมาธิ โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ถัดไป
เขานั่งหลังตรงด้วยความสุภาพและนอบน้อม และถัดไปจากเขาก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่อุ้มเด็กทารกไว้อยู่
“….แลนดริด ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“ครับ! ท่านอาจารย์ดูสบายดีนะครับ!”
ข้ามองข้ามหญิงสาวที่ไม่รู้จักคนนั้นไปก่อน และเอ่ยทักทายชายหนุ่มที่นั่งข้างพ่อข้า
เขาตอบกลับข้าสั้นๆด้วยความรวดเร็ว
ชายผู้ดูเฉลียวฉลาดปราดเปรียวเหมือนแมว ซอยผมสั้นสีบรอนซ์ แม้จะไม่ได้มีมัดกล้ามโดดเด่นใดๆ แต่ก็มีรูปร่างที่สมบูรณ์พร้อมสมกับเป็นผู้ใช้ดาบฟาดฟัน เป็นนักดาบที่แท้จริง
เขาคือ แลนดริด พอร์ตทราล็อก อดีตลูกศิษย์โรงฝึกนี้
เท่าที่ข้าจำได้ ตอนนี้เขาน่าจะมีอายุราวๆ 30 กว่าได้ แต่ยังดูอ่อนเยาว์เหมือนเด็กหนุ่ม ที่สำคัญคือ ทักษะเชิงดาบของเขานั้นร้ายกาจไม่เลวเลย
ตอนอยู่โรงฝึก เขาเป็นรุ่นพี่ที่ดีของน้องๆ คอยให้คำแนะนำกับรุ่นน้องที่อ่อนกว่าเสมอ
เขาเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ที่ข้ามอบดาบให้เป็นของที่ระลึกหลังถ่ายทอดวิชาดาบให้จนหมด
หลังจากฝึกฝนอยู่ในโรงฝึกได้ประมาณ 6 ปี เขาก็ออกเดินทางไปเมืองหลวงบาลเทรน ไปเป็นนักผจญภัยอยู่ที่นั่น
นึกเหตุผลไม่ออกเลยแฮะ ว่าอดีตลูกศิษย์คนนี้กลับมาที่หมู่บ้านบิดเดนทำไม
“…แล้วผู้หญิงข้างๆเจ้าคือใครรึ?”
“โอ๊ะ ข้าขอแนะนำให้รู้จักภรรยาของข้าเอง เธอชื่อ ฟานนาลี่ และนี่ลูกชายผมเองชื่อ เจน”
“สวัสดีค่ะ ข้า ฟานนาลี่ พอร์ตทราล็อก ขอขอบคุณที่ท่านช่วยดูแลสามีของข้าเป็นอย่างดี”
“อ่า.. เจ้านี่สุภาพมากเลย ข้า เบริล”
หลังแลนดริดแนะนำตัวเธอ เธอก็โค้งคำนับให้แก่ข้า
เอาจริงดิ แลนดริด? นี่เอ็งแต่งงานแล้วเรอะ?
ข้าก็เป็นผู้ใหญ่ผ่านโลกมาเยอะแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกหน้าชาที่ลูกศิษย์อายุน้อยกว่าข้าได้แต่งงานและมีลูกก่อนข้าเสียอีก
“แล้ววันนี้มีธุระอะไรรึ ถึงได้มาไกลถึงเมืองนี้?”
ข้าไม่คิดว่าเขาแค่จะแวะมาบอกว่าเขาแต่งงานแล้วแค่นั้นหรอกนะ
“ตอนนี้ข้ามีลูกแล้ว ก็เลยคิดว่าจะเลิกเป็นนักผจญภัยและใช้ชีวิตอย่างสงบครับ”
“หืมมมม….ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับข้าเลยนี่”
แลนดริดเป็นนักผจญภัยขั้นแพลตตินัม
พูดถึงระดับแพลตตินั่มแล้ว ตามการจัดลำดับชั้นของนักผจญภัยถือว่าเป็นระดับขั้นที่สูงกว่าเกณฑ์
โดยปกติแล้วพวกเก่งๆมีความสามารถก็อยู่ในขั้นโกลด์ ถ้าจะยกระดับขึ้นกว่านั้นต้องมีพร้อมทั้งพรสวรรค์และโชค
แน่นอนว่าคนอย่างแลนดริดไม่มีทางขึ้นไปถึงระดับแพลตตินัมได้ด้วยโชคอย่างเดียวหรอก
ระดับขั้นของเขานั้น เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความบากบั่นทุ่มเทเพียรพยายามอย่างมากจึงมาถึงจุดนี้ได้
นึกย้อนกลับมาดูตัวข้าเองแล้วก็รู้สึกละอายใจจังแฮะ
แต่ก็นั่นแหละ การเป็นนักผจญภัยนั่นหมายถึงมืออาชีพที่ต้องผจญกับอันตราย
แน่ล่ะว่า นี่คงเป็นงานในฝันของเขา แต่มันก็ตามมาด้วยความเสี่ยง
ข้าคิดว่าตอนนี้เขาได้เลือกครอบครัวมาก่อนความฝันของเขาแล้วล่ะ
“ในเมื่อเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว ข้าจะพูดอะไรได้ล่ะ แค่ให้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่เสียใจทีหลังก็พอ”
“ครับ!”
หลังจากที่เขาหันไปมองภรรยาและลูก ก็ตอบรับข้าด้วยความยินดียิ่ง
“แล้วจากนี้ เจ้าจะทำอะไรต่อดีล่ะ”
“ก็คิดว่าจะย้ายครอบครัวมาลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านบิดเดนนี่แหละครับ
ข้าได้รับความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์และอยากขอบคุณท่านมาโดยตลอด จึงได้แวะมาเยี่ยมท่านอาจารย์ที่นี่ครับ”
“เอ๋ งั้นเหรอ…”
ถึงที่นี่มันจะชนบทหลังเขา แต่ก็น่าอยู่ เงียบสงบเหมาะกับการสร้างครอบครัว
ถ้าหางานเลี้ยงชีพได้ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินเลยล่ะนะ
“ว่าแต่ท่านอาจารย์ครับ ข้าทราบจากท่านปรมาจารย์แล้วว่าท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ฝึกสอนให้แก่อัศวินริเบลิโอ้ ยินดีด้วยครับท่านอาจารย์!”
“อ่า ใช่ ขอบใจนะ”
ข้าล่ะแปลกใจและพูดไม่ออกจริงๆว่าคนอย่างข้าดูเป็นผู้ฝึกสอนกับเค้าได้เหรอ
อนึ่ง คำว่า “ปรมาจารย์” ที่แลนดริดเอ่ยถึง ก็คือตาแก่ พ่อข้านั่นแหละ
บางทีพ่อข้าก็ลงมาช่วยสอนดาบด้วยตนเอง เวลาข้ามีธุระสำคัญที่ต้องจัดการด้วยตนเอง
ตั้งแต่พ่อข้ามอบป้ายเจ้าสำนักให้แก่ข้า เขาก็ไม่เข้ามาก้าวก่ายการสอนของข้า ซึ่งนั่นก็ช่วยข้าได้มากเลย
เขาค่อนข้างจะเคี่ยวเข็ญกับการฝึกข้า แต่นั่นแหละคือข้อดีของเขา
“เบริล ก่อนที่เจ้าจะกลับมา ข้าได้คุยบางอย่างกับแลนดริดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“งั้นรึ? แล้วมันเป็นเรื่องอะไรล่ะ?”
ตาแก่พ่อข้าที่นั่งนิ่งเงียบมานาน ในที่สุดก็เปิดปากพูดออกมาจนได้
แล้วดูหน้าตาแกมีความสุขจัง นั่นทำให้ข้ารู้สึกว่าพ่อข้าดูหน้าอ่อนเยาว์ลงแฮะ
แต่ว่านะ เวลาพ่อข้าทำหน้าแบบนี้ทีไร มันมักจะเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่ได้สำคัญอะไรเสมอเลย ข้าล่ะแปลกใจจังว่าพวกเขาคุยอะไรกัน…
“เบริล ข้าตัดสินใจให้แลนดริดสืบทอดโรงฝึกต่อ”
“เอ๊ะ?”
“เอ๋?”
“ไสหัวไปอยู่เมืองบาลเทรนซะ แล้วไปทำงานของแกที่นั่น”
“อะ..อะไรนะพ่อ?”
เฮ้ย กูงง?
“อ้อ แล้วก็ข้อสุดท้ายเลยนะ หาเมียดีๆให้ได้ด้วยล่ะ รีบมีหลานมาให้ข้าอุ้มสักที”
“อะ…หา?”
“เอ๋!!!!!!”