จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 468 เราคือจิ้งจอกสาว
บทที่ 468 เราคือจิ้งจอกสาว
จื่อหยวนกับหลานหยิงเดินกันไปพูดคุยกันไปด้วยความระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง
และขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นก็ติดตามพวกเธออย่างเงียบ ๆ โดยที่หญิงสาวทั้งสองคนไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
หญิงสาวทั้งสองเดินไปตามเส้นทางในคฤหาสน์ที่วกวนไปมา จื่อหยวนหันมองรอบตัวเล็กน้อย ก่อนที่จะหมุนแท่นวางตะเกียงบนเสาหินข้างทาง
ครืด!
พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย แล้วประตูลับบนกำแพงก็เปิดออก
สองสาวหันมากวาดตามองรอบตัวอีกครั้ง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครติดตามมาจริง ๆ หลังจากนั้น พวกเธอก็เดินหายเข้าไปหลังบานประตู แล้วบานประตูก็เลื่อนปิดอย่างเชื่องช้า
ฉู่ชวิ๋นซ่อนตัวอยู่ด้านบนเสาหิน เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างอย่างชัดเจน หลังจากทิ้งระยะสักครู่ใหญ่ เขาก็กระโดดลงมาและหมุนแท่นวางตะเกียงบนเสาหิน
ประตูลับเลื่อนเปิดออก ฉู่ชวิ๋นรีบแทรกตัวเข้าไปโดยทันที
วูบ!
แต่ยังไม่ทันที่ฉู่ชวิ๋นจะได้สำรวจว่าหลังบานประตูมีสภาพเป็นอย่างไร เขาก็โดนโจมตีตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไป ลำแสงสีขาวถูกยิงเข้ามาใส่เขาด้วยความรวดเร็ว
ฉู่ชวิ๋นหมุนตัวกระโดดหลบ
ตู้ม!
ลำแสงสีขาวกระทบถูกพื้นดิน เศษหินแตกกระจาย บนพื้นเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
วูบ!
ลําแสงอีกสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นยิงพลังลมปราณสวนกลับไป เขาต้องคำรามในลำคอเล็กน้อย เมื่อพบว่าพลังลำแสงแข็งแกร่งไม่ใช่เล่น
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พักหายใจ ลำแสงอีกหนึ่งสายก็ถูกยิงเข้าใส่ฉู่ชวิ๋นอย่างต่อเนื่อง
ฉู่ชวิ๋นมีพลังลมปราณสีม่วงพวยพุ่งออกมาจากรอบกาย แล้วเขาก็กระทืบเท้าลงไปบนพื้น วินาทีต่อมาก็เกิดแรงสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหว บนพื้นเกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ จื่อหยวนกับหลานหยิงจำเป็นต้องรีบล่าถอยกลับไปทันที
“ฝีมืออย่างพวกเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันหรอก อย่าเสียเวลาเลย” ฉู่ชวิ๋นกล่าว
จื่อหยวนกับหลานหยิงจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยแววตาดุร้าย
ฉู่ชวิ๋นก็กำลังจับจ้องพวกเธออยู่เช่นกัน สุดท้ายเขาก็อดพูดออกมาไม่ได้ว่า “ที่แท้ก็เป็นพวกมนุษย์จิ้งจอกนี่เอง ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมถึงได้เจ้าเล่ห์นัก”
หญิงสาวทั้งสองคนมีสีหน้าเคร่งเครียดที่รับรู้ว่าตนเองโดนหลอกเสียสนิท
“เมื่อครู่นี้เจ้าแกล้งหลับใช่ไหม?” จื่อหยวนถลึงตามองฉู่ชวิ๋น
ชายหนุ่มยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ช่างเป็นคำถามที่ไร้เดียงสาอะไรขนาดนี้ ตอนนี้เขามายืนอยู่ตรงนี้แล้ว คำตอบย่อมเห็นได้ชัดเจน
“เจ้าไม่เหมือนคนอื่นจริง ๆ ด้วย” หลานหยิงพูดออกมาด้วยความเจ็บใจ ดวงตาของเธอเป็นประกายแปลกประหลาดขึ้นมาแล้ว
“เจ้ามีความพิเศษ ข้าไม่เคยเจอใครพิเศษเหมือนเจ้ามาก่อน” จื่อหยวนพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ในดวงตาปรากฏรัศมีแปลกประหลาดขึ้นมาเช่นกัน
ฉู่ชวิ๋นเริ่มสติสับสน ดวงตาของเขาพร่าเลือน รู้สึกเวียนหัว ร่างกายสั่นเทา
“เจ้าชื่ออะไร?” รัศมีในดวงตาของหลานหยิงหมุนวนเหมือนวังน้ำวนรวดเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ
“หลุนหุย” ฉู่ชวิ๋นตอบด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” หลานหยิงถามต่อไป
“มาตามล่าหาสมบัติโบราณ” ฉู่ชวิ๋นตอบ
หลานหยิงเดินเข้ามายืนเคียงข้างเขาอย่างเชื่องช้า มือขาวผ่องของเธอยกขึ้นมาโรยผงสีชมพูโปรยใส่ใบหน้าฉู่ชวิ๋น รอคอยให้ชายหนุ่มสูดดมเข้าไป
“ข้าสวยหรือไม่?” หลานหยิงถาม
“สวย”
“เจ้าชื่นชอบหรือไม่?”
“ชอบ”
“ทำไมเจ้าถึงไม่สลบ?” หลานหยิงถามต่อเนื่อง
“ก่อนหน้านี้ ฉันเคยกินยาแก้พิษเข้าไป มันสามารถป้องกันยาพิษได้นับร้อยชนิด” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับมาด้วยดวงตาเลื่อนลอย
จื่อหยวนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าตกใจกลัวแทบตาย หลงคิดว่ายาสลบของพี่ใหญ่อาจใช้ไม่ได้ผลเสียแล้ว”
“แล้วไงล่ะ? ต่อให้เขาเก่งกาจขนาดไหน ยังไงก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับฤทธิ์ยาของพวกเราอยู่ดี” หลานหยิงหัวเราะเยาะ ก่อนจะหันมาพูดกับชายหนุ่มต่อว่า “เจ้าคงเหนื่อยแล้ว จงนอนหลับแต่โดยดี จดจำเสียงของข้าไว้ หากข้ายังไม่บอกให้เจ้าตื่นขึ้นมา เจ้าก็ห้ามตื่นเด็ดขาด”
“ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันอยากนอน” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงยานคาง ก่อนที่จะทรุดตัวลงนอนบนพื้นดินและหลับใหลไปอย่างรวดเร็ว
“พี่หก เราจะทำยังไงต่อดี?” จื่อหยวนถาม
“พวกเขาคงมาตามหาดอกซานเซิงเป็นแน่แท้ เราจะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด” หลานหยิงหันกลับไปมองหน้าฉู่ชวิ๋นที่นอนอยู่บนพื้น “แต่ก่อนอื่น พาเขาไปหาพี่ใหญ่ก่อนดีกว่า”
ฉู่ชวิ๋นถูกหญิงสาวทั้งสองคนแบกหามขึ้นจากพื้นดิน ชายหนุ่มต้องพยายามเต็มที่กว่าจะไม่หลุดหัวเราะออกมาได้สำเร็จ
พวกเธอแบกฉู่ชวิ๋นไปตามทางเดินวกวนในคฤหาสน์ประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็ทะลุออกมาถึงบ้านเรือนซึ่งเป็นที่ซ่อนตัวในหุบเขาแห่งหนึ่ง
“พวกเจ้าสองคนมาที่นี่ทำไม?” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นทันที
วินาทีต่อมา ประตูลับบนเพดานก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ
หลานหยิงกับจื่อหยวนแบกร่างของชายหนุ่มเดินขึ้นไปด้านบน
“พี่ใหญ่ พวกเราคิดถึงพี่ ก็เลยแวะมาหา” จื่อหยวนส่งเสียงตะโกน
“เข้ามาเลย พวกเจ้าอยากกินเค้กดอกไม้ของข้าสิไม่ว่า จริงไหม?” น้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยความแข็งแกร่งตอบกลับมา
หลังจากเสียงพูดนั้นดังขึ้น หญิงสาวในชุดแดงคนหนึ่งก็เดินลงบันไดมาจากชั้นสอง ทั่วร่างกายมีพลังลมปราณแผ่ออกมาบางเบา ร่างกายอรชน สองเท้าเปลือยเปล่าขาวนวล รอยชาดสีแดงที่เจิมไว้บนหว่างคิ้ว ยิ่งทำให้ใบหน้าของเธอดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
“พี่ใหญ่ เกิดเรื่องขึ้นแล้วเจ้าค่ะ!” หลานหยิงรายงาน
หญิงสาวชุดแดงหยุดชะงัก ดวงตาสำรวจฉู่ชวิ๋นในอ้อมแขนของหลานหยิง แล้วพลังลมปราณที่แผ่ออกมาก็เข้มข้นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“พี่ใหญ่ ไม่ต้องเป็นห่วง เขาถูกผงเวทมนตร์ทำให้สลบไปแล้วเจ้าค่ะ” หลานหยิงรีบอธิบาย
“เจ้าจะบอกว่าเขาคือตัวปัญหาอย่างนั้นหรือ?” หญิงสาวชุดแดงกวาดสายตาสำรวจฉู่ชวิ๋นที่นอนสลบไสลเพียงผ่านๆ “ดูไปแล้วก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปนี่”
“พี่ใหญ่เจ้าคะ เขาไม่ใช่คนธรรมดา เขามีพวกมาด้วยรวมกันทั้งหมด 11 คน แต่มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ไม่หมดสติ แม้แต่ยาสลบที่ท่านให้ใส่ในสุราก็ใช้กับเขาไม่ได้ผล เราจับได้ว่าเขาแอบตามเรามาเกือบถึงที่นี่แล้วด้วย” จื่อหยวนรายงานด้วยน้ำเสียงแข็งขัน
หญิงสาวชุดแดงขมวดคิ้ว “พวกเจ้าเล่าให้ข้าฟังหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หลานหยิงรายงานเหตุการณ์ทั้งหมดให้ผู้เป็นพี่ใหญ่ฟังอย่างละเอียด
เมื่อรับฟังจบแล้ว หญิงสาวชุดแดงก็หันกลับมามองหน้าฉู่ชวิ๋น แล้วพูดว่า “ที่เขาไม่สลบ ก็เพราะว่าเคยกินยาแก้พิษเข้าไปอย่างนั้นหรือ”
“เขาบอกว่ายาแก้พิษนั้นสามารถป้องกันพิษได้นับร้อยชนิด แต่ข้าว่าเขาแค่คุยโวมากกว่า เพียงแค่พี่หกโปรยผงเวทมนตร์เข้าไป ตอนนี้เขาก็หลับเหมือนหมูโง่ตัวหนึ่งแล้ว” จื่อหยวนพูดด้วยความเย้ยหยัน
“ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ยังน่าสนใจอยู่ดี” หญิงสาวชุดแดงเดินเข้ามา ทำสัญญาณมือบอกให้หลานหยิงวางฉู่ชวิ๋นลงบนพื้น
หลานหยิงวางร่างของฉู่ชวิ๋นกลับลงมาบนพื้นห้อง
หญิงสาวชุดแดงโบกมือให้ผู้เป็นน้องสาวถอยกลับไป เมื่อหลานหยิงขยับถอยไปแล้ว หญิงสาวชุดแดงก็เดินไปที่ริมผนัง ก่อนจะกดมือลงไปบนผนังอย่างแผ่วเบา
ผนังตรงส่วนที่มือหญิงสาวกดเข้าไป พลันยุบหายเข้าไปด้านใน แล้วเสียงแกรกกรากก็ดังขึ้น พื้นห้องตรงบริเวณที่ฉู่ชวิ๋นนอนแน่นิ่งอยู่ยุบตัวลงไป ร่างของฉู่ชวิ๋นก็เลื่อนลงไปสู่ใต้ดินเช่นกัน
วูบ!
แล้วกรงเหล็กหลังหนึ่งก็เลื่อนขึ้นมาจากใต้พื้นดิน กลายเป็นว่าในขณะนี้ฉู่ชวิ๋นตกอยู่ภายในกรงเหล็กแล้ว ลูกกรงที่ตีกรอบล้อมรอบกรงเหล็กหลังนี้ ขนาดท่อนเหล็กแต่ละท่อนเทียบเท่ากับแขนเด็กข้างหนึ่งเลยทีเดียว
“พี่ใหญ่ระวังตัวเกินไปแล้ว เขาโดนผงเวทมนตร์ของพี่หกเข้าไป ถ้าพี่หกไม่ได้คลายมนต์สะกด เขาก็ไม่มีทางตื่นขึ้นมาเด็ดขาด” จื่อหยวนพูด
หญิงสาวชุดแดงหันมาจ้องมองจื่อหยวน “เจ้าทั้งสองคนโดนหลอกแล้ว”
หลานหยิงสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย เธอหันขวับไปจ้องมองฉู่ชวิ๋นที่ยังนอนแน่นิ่งอยู่ในกรงขัง “พี่ใหญ่หมายความว่าเขาแกล้งสลบเพื่อให้พวกเราจับตัวมาหรือเจ้าคะ?”
หญิงสาวชุดแดงพยักหน้า
“เป็นไปไม่ได้” จื่อหยวนเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
หญิงสาวชุดแดงหัวเราะเล็กน้อย หลังจากนั้นก็หันมาพูดกับฉู่ชวิ๋นว่า “ข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่ได้หลับ อย่าเสแสร้งแกล้งเล่นละครอีกเลย ลุกขึ้นมาพูดคุยกันได้แล้ว?”
ดวงตาทั้งสามคู่จ้องมองไปที่ฉู่ชวิ๋นเป็นจุดเดียว แต่ชายหนุ่มก็ยังคงนอนหลับใหลไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใด ๆ
“ดูสิเจ้าคะ เขาจะตื่นอยู่ได้ยังไง? ข้าบอกแล้วว่าเขาโดนผงเวทมนตร์ของพี่หกเข้าไป ไม่มีทางตื่นขึ้นมาได้เด็ดขาด” จื่อหยวนพูดด้วยความมั่นใจ
“ยังจะแกล้งเล่นละครอยู่อีกหรือ?” หญิงสาวชุดแดงพูดออกมาอีกครั้ง
แต่ฉู่ชวิ๋นก็ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่เหมือนเดิม
“เห็นไหม เขาไม่ได้แกล้งตบตาเราอย่างที่ข้าบอกจริง ๆ ด้วย ทำไมพี่ใหญ่ถึงไม่เชื่อ” จื่อหยวนวิ่งตรงเข้าไปข้างกรงขัง และเพื่อพิสูจน์ว่าตนเองพูดถูกต้อง หญิงสาวจึงยื่นมือเข้าไปบีบจมูกของฉู่ชวิ๋น
“รีบถอยกลับมาเดี๋ยวนี้” หญิงสาวชุดแดงสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที
ทันใดนั้นเอง ฉู่ชวิ๋นพลันลืมตาขึ้นมาและคว้าจับข้อมือของจื่อหยวนเอาไว้แนบแน่น
“กรี๊ด…” จื่อหยวนกรีดร้องด้วยความตกใจกลัว
“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ!” หญิงสาวชุดแดงคำรามเสียงต่ำ พลังลมปราณสีแดงพวยพุ่งออกมาจากร่างกายรุนแรงมากยิ่งขึ้น
“ทุกคนอยู่เฉย ๆ เข้าไว้เถอะ ถ้าฉันออกแรงอีกแค่เพียงนิดเดียว แขนของยัยคนนี้ขาดแน่นอน เดี๋ยวกลายเป็นจิ้งจอกสามขาขึ้นมา ฉันไม่รับผิดชอบหรอกนะ” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย
จื่อหยวนใบหน้าถอดสี พบว่าจุดลมปราณของตนเองถูกกดทับเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถโคจรพลังลมปราณได้เลย
“ท่านพี่ โปรดระวังตัว เขาแข็งแกร่งเหลือเกิน” ถึงจะถูกจับตัวอยู่ แต่จื่อหยวนก็ไม่ลืมเตือนพี่สาวทั้งสอง
หญิงสาวชุดแดงใบหน้าเคร่งเครียด ดวงตาเป็นประกายดุร้าย จ้องมองฉู่ชวิ๋นและพูดว่า “เจ้าต้องการอะไร?”
“ไม่ต้องการอะไรหรอก แค่ล้อเล่นเฉย ๆ” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็ปล่อยข้อมือของจื่อหยวนอย่างง่ายดาย
จื่อหยวนเมื่อถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว ก็รีบวิ่งกลับมายืนอยู่เคียงข้างผู้เป็นพี่สาวทั้งสองคนอย่างลนลานเต็มที
หญิงสาวชุดแดงกับหลานหยิงยังคงจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความไม่อยากเชื่อ
“น้องเจ็ด เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลานหยิงหันกลับมาสำรวจร่างกายของจื่อหยวนด้วยความเป็นห่วง
จื่อหยวนส่ายหน้า จ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยดวงตากลมโต ไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะปล่อยตัวเธอออกมาทำไม?
“ไม่ต้องตกใจ ก็บอกแล้วไงว่าแค่ล้อเล่นเท่านั้น” ฉู่ชวิ๋นยิ้มกว้าง
หญิงสาวชุดแดงจับจ้องฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะพูดเย้ยหยันว่า
“อย่าคิดว่าเจ้าทำแบบนี้แล้วข้าจะเชื่อใจ เจ้าไม่มีทางซื้อใจข้าไปได้ง่าย ๆ หรอกนะ”
ฉู่ชวิ๋นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนยิ้มกว้างออกมามากกว่าเดิม “ก็บอกแล้วไงว่าแค่ล้อเล่น พอดีฉันแค่อยากมาคุยด้วย สงสัยน่ะว่าทำไมพวกเธอต้องจับตัวคนที่มาพร้อมกับฉันด้วยเท่านั้นเอง”
“อยากรู้หรือ?” หญิงสาวชุดแดงยิ้มออกมาอย่างโปรยเสน่ห์
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า
“ลองเดาดูสิ” รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวชุดแดงเปลี่ยนไปกลายเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันด้วยความเย็นชา
“จิ้งจอกอย่างพวกเธอเจ้าเล่ห์จริง ๆ ด้วย สามารถเปลี่ยนหน้าได้ง่ายดายยิ่งกว่าพลิกหน้ากระดาษเสียอีก” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยความประหลาดใจเหลือล้น
“เจ้านั่นแหละเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ มารดาของเจ้านั่นแหละที่เป็นจิ้งจอก” จื่อหยวนพลันมองฉู่ชวิ๋นตาขวางด้วยความไม่ชอบใจ
“แล้วพวกเธอไม่ใช่จิ้งจอกหรือไง?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความพิศวง
“เราไม่ใช่จิ้งจอกธรรมดา เราคือจิ้งจอกสาว”
ฉู่ชวิ๋นเกือบจะสำลักน้ำลายแล้วในขณะที่จ้องมองจื่อหยวนด้วยความเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นจิ้งจอกเพศไหน สุดท้ายก็คือจิ้งจอกเหมือนกันไม่ใช่หรือไง
“หยุดนะ น้องเจ็ด” หญิงสาวชุดแดงหันมามองจื่อหยวนด้วยแววตาตักเตือน ก่อนที่นางจะหันมาจ้องมองฉู่ชวิ๋นอีกครั้ง “เจ้ารู้หรือไม่ว่ากรงนี้ทำมาจากอะไร?”
“เหล็กพันปีผสมกับเหล็กมิธริล” ฉู่ชวิ๋นตอบ
หญิงสาวชุดแดงตกตะลึงไปไม่น้อย ก่อนที่จะหัวเราะออกมาว่า “เจ้ารู้เยอะเหมือนกันนี่ ในเมื่อเจ้าก็รู้ดีว่ามันทำมาจากเหล็กพันปีผสมกับเหล็กมิธริล เพราะฉะนั้น เจ้าคงรู้ชะตากรรมตัวเองดีแล้ว ว่าคงไม่มีทางหนีออกมาได้เด็ดขาด”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะ” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ