จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 443 องค์หญิงจิ่วโยว
บทที่ 443 องค์หญิงจิ่วโยว
ฉู่ชวิ๋นนึกเป็นห่วงความปลอดภัยของจิ่วโยวขึ้นมาโดยทันที
“แกไปเอาข่าวมาจากไหน?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“ข่าวอะไรหรือ?”
“ก็…ก็ข่าวที่ว่าองค์หญิงจิ่วโยวเป็นภรรยาน้อยของจอมมารฉู่ชวิ๋นไง” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยความรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
“องค์หญิงเป็นคนพูดเองเลยขอรับ” เจ้านกยักษ์ตอบ
ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออก ยัยเด็กคนนี้คิดจะพูดอะไรก็พูด ไม่รู้ตัวเลยใช่ไหมว่าอาจจะเดือดร้อนจากคำพูดของตัวเองได้ทุกเมื่อ?
ชายหนุ่มเป็นห่วงจิ่วโยวมาก ถ้าหากพวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ทราบข่าวลือนี้ พวกมันจะมาแก้แค้นจิ่วโยวแทนแก้แค้นเขาหรือเปล่า?
“แกพอจะรู้ไหมว่าองค์หญิงจิ่วโยวอยู่ที่ไหน?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“ไม่กี่วันก่อน ข้าน้อยได้ข่าวว่าองค์หญิงเพิ่งจะไปขับไล่พวกเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาบนภูเขาอีกาดำ ตอนนี้ก็น่าจะยังอยู่ที่ภูเขาอีกาดำนั่นแหละขอรับ”
“งั้นพวกเราก็ไปที่ภูเขาอีกาดำกัน” ฉู่ชวิ๋นคิดเป็นห่วงจิ่วโยวอยู่ไม่น้อย รอให้เขาได้เจอตัวเธอก่อนเถอะ รับรองว่าได้เห็นดีกันแน่
“พี่ชายก็อยากจะเข้าร่วมกับองค์หญิงจิ่วโยวเหมือนกันใช่ไหม?” นกยักษ์ถามด้วยความประหลาดใจ
“ใช่!” ฉู่ชวิ๋นตอบน้ำเสียงห้วน ๆ
“ช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ข้าน้อยก็จะไปเข้าร่วมเหมือนกัน” นกอินทรีกล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
ฉู่ชวิ๋นกระโดดขึ้นขี่บนหลังเจ้านกยักษ์ ไม่ให้ความสนใจอีกแล้วว่ามันพูดอะไรออกมาบ้าง
วูบ!
แต่ทันใดนั้นเอง เงาสีดำก็กระโจนเข้าใส่ฉู่ชวิ๋นเหมือนเครื่องบินรบที่โจมตีจากระยะต่ำ มีความรวดเร็วจนน่ากลัว
เจ้านกยักษ์ผงะถอยหลัง มันไม่มีเวลาตอบรับใด ๆ ก็เห็นฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นเล็กน้อย แล้วฝ่ามือขนาดใหญ่ยักษ์ก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ทับลงไปที่เงาดำผู้โจมตีนั้น
โครม!
มือขนาดใหญ่กดทับเงาดำบี้แบนบนพื้นดิน ภูเขาสั่นสะเทือนไปทั้งลูก แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง
มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น
ทั้งฉู่ชวิ๋นและเจ้านกอินทรียักษ์ต่างก็เห็นแล้วว่าผู้ที่โจมตีก็คือนกหัวขวานที่ตัวใหญ่ราว 3 เมตรตัวหนึ่ง ร่างกายของมันมีสีดำสนิท จะงอยปากของมันเรียวยาวราวหนึ่งเมตร มีลักษณะเป็นฟันเลื่อยแหลมคมอันตราย
แต่ขณะนี้ เจ้านกหัวขวานก็ทำได้เพียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด กระดูกของมันแตกหักไปทั่วร่างกาย ขนนกปลิวกระจุยกระจาย เลือดไหลนองพื้นดิน
“มีพลังแค่ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 กล้าดียังไงถึงมาโจมตีข้า?” หลังจากเห็นหน้าเจ้านกหัวขวานตัวนี้ อินทรียักษ์ก็กลับมามีเรี่ยวแรงฮึกเหิมอีกครั้ง มันเชิดหน้าขึ้นด้วยความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง
เจ้านกอินทรียักษ์ขยับเท้าเดินมาข้างหน้า จ้องมองนกหัวขวานด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ไอ้นกโง่ กล้าโจมตีพี่ชายท่านนี้ได้ยังไง ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วใช่ไหม?” นกยักษ์ใช้กรงเล็บเท้าของมันเหยียบลงไปที่หัวของนกหัวขวาน
เหมียว!
จังหวะนั้น เสียงแมวป่าร้องคำรามออกมา
เจ้านกอินทรีเงินที่เมื่อสักครู่นี้ยังทำตัวอวดดี พลันมีสีหน้าตื่นตัวขึ้นมาทันที มันขยับปีกด้วยความตกใจกลัว ลำตัวสั่นเทาตั้งแต่หัวจรดเท้า
ฉู่ชวิ๋นหันหน้ากลับไปมอง พบว่าบนก้อนหินใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างไปนัก แมวป่าที่ขนาดลำตัวยาวสองเมตรกำลังเดินกลับไปกลับมาด้วยความงุ่นง่าน
แมวป่าตัวนี้ไม่ใช่พวกตัวใหญ่ยักษ์ แต่ก็ดุร้ายและทรงพลัง ดวงตาสีน้ำตาลของมันเป็นประกายแวววาว
เมื่อนกอินทรีเงินเห็นแมวป่าตัวนี้ มันก็เกิดความหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ ไม่กล้าแสดงกิริยาอวดดีเหมือนเมื่อสักครู่นี้อีกแล้ว
“เจ้านกอินทรีเงิน กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายบริวารของข้า” แมวป่าคําราม ถึงตัวมันจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็มีความน่ากลัวที่ข่มขวัญผู้คนได้ไม่น้อย
เพราะฉะนั้น เจ้านกยักษ์จึงไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกนอกจากทรยศฉู่ชวิ๋น มันยกปีกขี้ไปทางชายหนุ่มและตะโกนว่า “เรื่องนี้ข้าไม่เกี่ยวนะ เขาเป็นคนลงมือต่างหาก”
ฉู่ชวิ๋นกลองตามองบน อยากจะตบเจ้านกตัวนี้ให้ดิ้นตายจริง ๆ
“เจ้ามนุษย์ เจ้าทำร้ายบริวารของข้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร” แมวป่าถามด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
ฉู่ชวิ๋นส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ “ไสหัวไปซะ ตอนนี้ฉันมีเรื่องอื่นให้ไปทำ ไม่อยากมาเสียเวลากับแก”
แมวป่าจับจ้องฉู่ชวิ๋นด้วยความประหลาดใจ ตัวมันมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ปกครองบรรดาสัตว์ปีกและสัตว์ป่าในพื้นที่นี้ทั้งหมด แล้วมนุษย์คนนี้ถือดีอย่างไรมาออกปากขับไล่มัน?
วินาทีต่อมา เจ้าแมวป่าก็เคลื่อนไหว พลังลมปราณสีน้ำตาลเข้มห้อมล้อมรอบกายของมัน ในขณะที่กระโจนเข้าใส่ฉู่ชวิ๋นด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด
ฉู่ชวิ๋นสะบัดมือ ซัดพลังลมปราณมีม่วงที่มีรูปทรงเหมือนฝ่ามือมนุษย์เข้าใส่อีกฝ่าย
แมวป่าร้องโหยหวน ก่อนจะถูกพลังลมปราณรูปทรงฝ่ามือคว้าจับเอาไว้
ผลั่ก!
ฉู่ชวิ๋นกำมือแน่น แล้วพลังลมปราณรูปทรงฝามือของเขาก็บีบรัดร่างกายของแมวป่าจนร่างของมันแหลกสลายกลายเป็นม่านหมอกเลือดในพริบตา
เจ้านกยักษ์ตัวสั่นเทา ขนลุกเกรียว ดวงตาขนาดเท่าลูกบาสเกตบอลสองลูกเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในขณะที่จ้องมองฉู่ชวิ๋น
“พี่ชาย ขะ…ข้าน้อยรู้ดีอยู่แล้วว่าท่านแข็งแกร่งขนาดไหน แมวป่าตัวนี้จะมาทำอะไรท่านได้? เมื่อสักครู่ข้าน้อยเพียงแค่ตั้งใจพูดให้มันตายใจเท่านั้นเอง” นกยักษ์รีบพูดตะกุกตะกัก
ฉู่ชวิ๋นหันมามองหน้ามันและพูด “เลือกมา จะให้ฉันฆ่าแก หรือจับแกย่างไฟดี”
“พี่ชาย ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยผิดไปแล้วจริง ๆ อย่าฆ่าข้าน้อยเลยนะ เนื้อข้าน้อยไม่อร่อยหรอก ข้าน้อยจะพาท่านบินไปหาองค์หญิงจิ่วโยว ถ้าพี่ชายฆ่าข้าน้อย พี่ชายก็ต้องเดินเท้าคนเดียว เหนื่อยแย่เลย” เจ้านกอินทรีตัวสั่นเทาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความหวาดกลัว
ฉู่ชวิ๋นแอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ เจ้านกยักษ์กลัวเขาจนขวัญหนีดีฝ่อ เมื่อทำให้เจ้านี้ยอมศิโรราบได้ถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้เป็นกังวลอีก
“ที่แกพูดมาก็มีเหตุผล” ฉู่ชวิ๋นกระโดดขึ้นขี่หลังนกยักษ์ แล้วออกคำสั่งว่า “อย่ามัวเสียเวลาพูดคุยกันอยู่อีกเลย พวกเรารีบไปกันได้แล้ว!”
“ข้าน้อยจะบินด้วยความเร็วสูงสุด โปรดเกาะแน่น ๆ นะพี่ชาย” เจ้านกยักษ์อดคุยโวไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายามที่โบยบินผ่านกลุ่มก้อนเมฆ อินทรีเงินตัวนี้มีความรวดเร็วยิ่งกว่าเครื่องบินเสียอีก
“พี่ชายคอแห้งหรือไม่? ด้านล่างเป็นแม่น้ำ พวกเราลงไปพักกันสักหน่อยดีไหม?” เจ้านกยักษ์พูดขึ้นหลังจากผ่านไปได้สามชั่วโมง
“เจ้าโง่ จนกว่าจะถึงภูเขาอีกาดำ เราจะไม่หยุดพักที่ไหนทั้งนั้น” ฉู่ชวิ๋นว่า
นกยักษ์ไม่เสียเวลาพูดคุยอะไรอีก มันกระพือปีกบินไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น
ภูเขาอีกาดำตั้งอยู่ในเทือกเขาที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเขตตะวันออกและตะวันตก เนื่องจากถูกเผ่าพันธุ์อีกาดำยึดครองพื้นที่ จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นภูเขาอีกาดำไปโดยปริยาย
ในขณะนี้ เด็กหญิงร่างเล็กคนหนึ่งนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ ณ ยอดเขาสูง กระบองช่อหนามทองคำตั้งตระหง่านอยู่ข้างกาย
ครืน…!
พื้นดินสั่นสะเทือน ช้างเผือกขนาดใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่งเดินเข้ามาก้มหัวแสดงความเคารพต่อเด็กหญิงผู้นี้
“องค์หญิงจิ่วโยว พวกเราพร้อมแล้วครับ ให้ออกเดินทางไปสู่ภูเขาจิ้งจอกเลยหรือไม่?” ช้างเผือกถาม
เด็กหญิงลืมตาขึ้นมา ดวงตาของเธอเป็นประกายแวววาว เด็กหญิงมีผิวสีขาวราวหิมะ หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตา
เธอก็คือจิ่วโยว
จิ่วโยวหยิบกระบองขึ้นมา ใช้เท้าเปล่าเดินไปตามก้อนหิน ก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปขี่หลังช้างเผือก
ช้างเผือกหมุนตัวกลับ นำจิ่วโยวกลับมาสู่พื้นที่โล่งกว้างในภูเขาอีกาดำ
ที่นี่คือสรวงสวรรค์ของบรรดาสัตว์ร้าย
มันเป็นจุดชุมนุมของเสือใหญ่ที่มีสีสันสวยงาม สิงโตที่มีร่างกายเป็นสีทองคำ ลิงดำที่มีขนาดตัวใหญ่ยักษ์ แล้วก็ยังมีสุนัขป่าที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าสิงโตทองคำอีกจำนวนมาก
แต่ละชนิดจะมีผู้ติดตามมาด้วยประมาณ 20 ถึง 30 ตัว แต่ละตัวล้วนเป็นสัตว์ร้ายอันตราย และครึ่งหนึ่งมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับสูง
“องค์หญิงจิ่วโยว”
ทันทีที่เห็นเด็กหญิงมาถึง สัตว์ร้ายกลุ่มนี้ก็ลุกขึ้นแสดงความเคารพด้วยความนอบน้อม
“พวกเราออกเดินทางไปกวาดล้างหมาจิ้งจอกพวกนั้นกันเถอะ” จิ่วโยวควงกระบองในมือด้วยท่าทางสง่างามเป็นอย่างยิ่ง
ครืน!
จิ่วโยวขี่หลังช้างเผือกนำหน้าขบวน บรรดาสัตว์ร้ายชนิดอื่น ๆ เดินตามหลัง เวลาที่ขบวนสัตว์ป่าเดินทาง พื้นดินจะสั่นสะเทือน ภูเขาสั่นไหวไปหมดทั้งลูก
ภูเขาจิ้งจอกอยู่ห่างจากภูเขาอีกาดำไปหลาย 100 กิโลเมตร มันเป็นภูเขาที่สวยงาม และถูกยึดครองด้วยเผ่าพันธุ์มนุษย์จิ้งจอก
จิ่วโยวกวาดล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกาดำบนภูเขาอีกาดำเรียบร้อยแล้ว เป้าหมายต่อไปของเธอก็คือภูเขาจิ้งจอก วิธีการกวาดล้างศัตรูเช่นนี้ แน่นอนว่าเด็กหญิงย่อมเรียนรู้มาจากฉู่ชวิ๋น
บรรดาสัตว์ร้ายที่ติดตามจิ่วโยวในขณะนี้ ทุกตัวเคยเป็นสัตว์ป่าธรรมดาบนโลกมนุษย์ แต่เมื่อภูเขาถูกผู้บุกรุกยึดครอง พวกมันก็กลายเป็นสัตว์เร่ร่อนไร้ที่อยู่ จึงเลือกติดตามจิ่วโยวโดยไม่ลังเล
ตลอดเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา จิ่วโยวสร้างชื่อเสียงไม่หยุดหย่อนในกลุ่มสัตว์ป่า เธอมีภาพลักษณ์ไม่ต่างไปจากฉู่ชวิ๋นของโลกมนุษย์
ระดับพลังของจิ่วโยวเลื่อนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพียงเวลาแค่ 1 ปี เด็กหญิงก็เลื่อนพลังจากระดับ 6 มาอยู่ระดับ 8 เรียบร้อยแล้ว ทักษะการต่อสู้ของเธอเก่งกาจหาตัวจับยาก ครั้งหนึ่งเผชิญหน้ากับมนุษย์กบกลายพันธุ์ที่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 จิ่วโยวก็ยังเอาชนะมันมาได้
ดังนั้น แม้ว่าเธอจะยังเป็นเด็กน้อย แต่สัตว์ป่าเหล่านี้ก็ให้ความเคารพต่อเด็กหญิงเป็นอย่างสูง ยิ่งไปกว่านั้น จิ่วโยวพูดออกมาเองว่าเป็นภรรยาน้อยของจอมมารฉู่ชวิ๋น ถึงแม้สัตว์ป่าเหล่านี้จะไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่พวกมันแน่ใจได้ก็คือ จิ่วโยวต้องมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับจอมมารฉู่ชวิ๋นแน่นอน
จอมมารฉู่ชวิ๋นหายตัวไปได้หนึ่งปีครึ่งแล้ว ไม่มีใครทราบเลยว่าเขาเป็นหรือตาย แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นยังมีชีวิตอยู่ เรื่องราวแบบนี้ไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ฉู่ชวิ๋นเคยหายตัวไปนานเป็นสิบปี ก่อนที่จะกลับมาอาละวาดตัดหัวผู้คนอีกครั้ง
ตอนนี้คงมีแต่เพียงผีสางเท่านั้นที่รู้ว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด หรือกำลังรอคอยใครให้ปรากฏตัวออกมาก่อนหรือไม่?
เพราะฉะนั้น แม้ว่าสัตว์ร้ายกลายพันธุ์จะเหิมเกริมมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเล่นงานคนของตระกูลฉู่เลยสักคน
ก่อนที่ฉู่ชวิ๋นจะหายตัวไป เขาได้ปะทะฝีมือกับทายาทแห่งเทพเซียนที่หวังจะยึดครองโลกมนุษย์อีกครั้ง แต่สุดท้ายทายาทแห่งเทพเซียนผู้นั้นก็ต้องพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของฉู่ชวิ๋น
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีใครกล้าไปตอแยคนของตระกูลฉู่
แต่ถ้ามีข่าวที่ได้รับการยืนยันว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นเสียชีวิตแน่นอนแล้ว พวกมันก็พร้อมบุกโจมตีคฤหาสน์ตระกูลฉู่ทันที แต่ในเมื่อปัจจุบันนี้ยังไม่มีใครยืนยันเรื่องนั้นได้ พวกมันก็ไม่กล้าทำอะไรโดยพละการเด็ดขาด
ขบวนสัตว์ป่าของจิ่วโยวเดินทางอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานพวกเธอก็มาถึงภูเขาจิ้งจอก
“เจ้าพวกสุนัขจิ้งจอก พวกฉันมาที่นี่แล้ว ยอมแพ้ซะดี ๆ” เสือยักษ์ร้องคำราม เสียงคำรามของมันดังกังวานไปทั่วผืนป่า
บริเวณตีนเขามีมนุษย์จิ้งจอกยืนเฝ้ายามอยู่เพียงไม่กี่คน พวกมันเดินตรงเข้ามาหากลุ่มของจิ่วโยว เพียงแค่หวังจะสอบถามอะไรบางอย่างก่อน
โฮก!
สิงโตทองคำคำราม พลังลมปราณสีทองพุ่งออกไปอย่างแรง
ตู้ม…!
เวรยามของจิ้งจอกถูกพลังลมปราณทองคำกระแทกเข้าอย่างจัง ร่างกายแหลกสลาย เลือดนองบนพื้นดิน
นี่คือความน่ากลัวของสิงโตทองคำ
“พี่เสือ ต้องขอโทษด้วยถ้าทำให้ท่านตกใจ” สิงโตทองคำหันหน้ากลับมาหยอกเย้าเสือใหญ่ที่อยู่ข้างตัว
“เงียบไปซะ” เสือใหญ่คำรามออกมาด้วยความฉุนเฉียว
“โบราณกล่าวไว้ว่าจิ้งจอกกับเสือมีความเจ้าเล่ห์เหมือนกันไม่ใช่หรือ?” สิงโตทองคำยังคงเย้าแหย่ต่อไป “ข้าก็เลยหลงเข้าใจผิดคิดว่าพวกท่านเป็นญาติพี่น้องกันเสียอีก”
“มารดาเจ้าเถอะ” เสือใหญ่พูดด้วยความไม่ชอบใจ คำโบราณเหล่านั้นมันไม่ได้รับรู้ด้วยเลย และตัวมันเองก็ไม่ได้อยากนับญาติกับพวกหมาจิ้งจอกสักนิด
ทันใดนั้น ลมปราณสีเหลืองหลายสายเป็นประกายวูบวาบลงมาจากภูเขาสูง
แท้จริงแล้วลมปราณเหล่านั้นก็คือการเคลื่อนที่ของจิ้งจอกยักษ์ที่มีความสูง 4 ถึง 5 เมตรกลุ่มหนึ่ง พวกมันมีขนสีเหลืองปกคลุมทั่วร่างกาย ขนของมันพริ้วไหวเหมือนเส้นไหมที่เนียนนุ่ม
จิ้งจอกยักษ์เหล่านี้มีพลังลมปราณระดับสูงทั้งสิ้น
“องค์หญิงจิ่วโยว” หนึ่งในกลุ่มจิ้งจอกพูดออกมาเมื่อเห็นเด็กหญิงที่นั่งอยู่บนหลังช้างเผือก
จิ่วโยวลุกขึ้นยืน ชี้หน้ามันด้วยกระบองและพูดว่า “ไสหัวออกไปจากภูเขาจิ้งจอกเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าพวกแกหมดไม่ให้เหลือสักตัวเดียว”
กลุ่มจิ้งจอกยักษ์หันมองหน้ากัน จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะ และตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า
“องค์หญิงจิ่วโยว ไม่มั่นใจในตัวเองมากเกินไปหน่อยหรือไง” หนึ่งในจิ้งจอกปีศาจพูด
“ฉันมั่นใจแล้วจะทำไมล่ะ?” จิ่วโยวถามกลับไปด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าฉันจำไม่ผิด ภูเขาลูกนี้เดิมทีเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของจักรพรรดิเสือโคร่ง แต่แกก็ฆ่าจักรพรรดิเสือโคร่งและยึดครองที่นี่มานับแต่นั้นไม่ใช่หรือไง?”
“ถูกต้อง ภูเขาลูกนี้เคยเป็นบ้านของไอ้เสือโคร่งหน้าโง่พวกนั้น ก็ใครใช้ให้พวกมันไม่ยอมหนีไปเองล่ะ เราก็ทำได้แต่เพียงฆ่าทิ้งเท่านั้น”
สิงโตทองคำหันไปสะกิดเสือใหญ่ แล้วแหย่ว่า “พี่เสือ ฟังมันพูดเข้าสิ ไอ้จิ้งจอกพวกนี้มันฆ่าพี่น้องของพี่แถมยังยึดบ้านของพี่ไปอีก โหดร้ายและเจ้าเล่ห์แบบนี้ แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นพี่น้องกันทางสายเลือดจริง ๆ”
พลังลมปราณแผ่ออกมาจากร่างกายของเสือใหญ่ มันจ้องมองกลุ่มหมาจิ้งจอกปีศาจด้วยความอำมหิต ก่อนจะพูดอย่างโกรธแค้นพร้อมกับพ่นลมผ่านจมูกฟืดฟาดว่า “เจ้าพวกหมาจิ้งจอกชั้นต่ำ วันนี้ข้าต้องกวาดล้างพวกเจ้าให้ได้!”