จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 442 อินทรียักษ์ที่ไม่มีหลักการคุณธรรม
บทที่ 442 อินทรียักษ์ที่ไม่มีหลักการคุณธรรม
คลื่นแรงสั่นสะเทือนแผ่กระจายไปทั่ว ชายหนุ่มเห็นกับตาว่าจักรพรรดิอ๋าวฮวงโดนฝังทั้งเป็นลงไปใต้กองหินก้อนใหญ่
ฉู่ชวิ๋นพลันหันขวับกลับมาจ้องมองจิงหงด้วยแววตาดุร้าย
“หลังจากจัดการตาแก่นี่แล้ว คิวต่อไปก็เป็นเธอบ้างล่ะ”
จิงหงมองหน้าฉู่ชวิ๋นด้วยความตื่นตกใจ พูดว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“จิงหง ฉันเสียใจมากเลยนะ เธอเอาแต่ยืนมองตาแก่นี่ทรมานฉัน แบบนี้เรียกว่าสมรู้ร่วมคิด”
“ท่านอาจารย์บอกว่ามันเป็นผลดีต่อตัวเจ้าเอง”
“เขาพูดอะไรฉันไม่สนใจหรอก” ฉู่ชวิ๋นใช้สายตาชำเลืองมองจิงหงด้วยความเจ้าเล่ห์ เป็นสายตาของปีศาจน้อยที่จ้องมองหญิงสาวผู้งดงาม
จิงหงหน้าแดงระเรื่อ เข้าใจดีว่าฉู่ชวิ๋นมีเจตนาคิดทำอะไร แต่เธอก็ยังไม่วายร้องเตือนเขาด้วยความห่วงใย “เจ้ารีบหนีไปก่อนดีกว่า ระวังท่านอาจารย์มุดก้อนหินออกมาได้ เขาจะมาเอาคืนเจ้า”
“จะมาเอาคืนฉันงั้นเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นเงยหน้ามองท้องฟ้าทำมุม 45 องศา ผายมือข้างหนึ่งและพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “ฟ้าดินเป็นพยาน เธอไม่เห็นที่ฉันฝังเขาลงใต้ดินเมื่อกี้หรือไง? อาจารย์เฒ่าของเธอนับเป็นอะไร? แล้วฉันเป็นใคร? เธอจะเลือกอยู่ฝ่ายไหนกันแน่?”
ครืน!
กองหินระเบิดตัว อ๋าวฮวงกระโดดออกมาพุ่งเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นพบว่าผิดท่า จึงเตรียมตัวหลบหนี
แต่จักรพรรดิอ๋าวฮวงไม่ได้ปรับพลังลงมาอยู่ระดับเดียวกับเขาอีกต่อไป ในขณะนี้ต่อให้มีฉู่ชวิ๋นอีก 11 ล้านคน ก็ยังสู้กับชายชราผู้มีระดับพลังขั้นนิรันดร์ไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว
ผลที่ออกมาก็คือ ฉู่ชวิ๋นอยู่ในสภาพหล่อเหลาได้ไม่ถึง 1 วินาที ก็ถูกจักรพรรดิอ๋าวฮวงจับตัวได้ เขาก็โดนตบคว่ำไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
สุดท้าย ฉู่ชวิ๋นก็มีรอยช้ำรอบดวงตาเหมือนกับหมีแพนด้าตัวหนึ่ง
น่าตกตะลึงและน่าขบขัน
จักรพรรดิอ๋าวฮวงนั่งจิบชา หัวเราะเฮฮาสบายอารมณ์
ฉู่ชวิ๋นวิ่งหนีมานั่งร้องไห้อยู่กับฮวาชิงหวู่
ด้านในโลงศพน้ำแข็ง ฮวาชิงหวู่ยังคงนอนสวยงาม เหมือนเพียงแค่หลับไหลไปเท่านั้น
ฉู่ชวิ๋นลูบมือไปบนโลงศพด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
ฮวาชิงหวู่ต้องกลายมาเป็นเจ้าหญิงนิทราแบบนี้ มันคือตราบาปในหัวใจของฉู่ชวิ๋น ปลายผมที่หงอกขาวข้างศีรษะของเขา เป็นสิ่งที่ไม่มีวันจางหายไปเด็ดขาด
ฉู่ชวิ๋นนั่งอยู่ข้างโลงศพของฮวาชิงหวู่ตลอดทั้งวัน บอกเล่าความเปลี่ยนแปลงของโลกกว้างในไม่กี่ปีที่ผ่านมาให้เธอรับรู้ รวมถึงเรื่องต่าง ๆ นานาที่เกิดขึ้นกับตัวเขาด้วยเช่นกัน
……
……
วันต่อมา
ฉู่ชวิ๋นเดินทางออกมาจากภูเขาหลงฉีตามลำพัง
เขาอยากจะพาจิงหงมาด้วย
แต่หญิงสาวปฏิเสธ เธอไม่อยากเดินตามเส้นทางของฉู่ชวิ๋นและต้องการรักษาระยะห่างเอาไว้
ฉู่ชวิ๋นก็ไม่ได้เซ้าซี้ โลกนี้เกิดความเปลี่ยนแปลง ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องป้องกันตัวเองให้รัดกุมมากขึ้นเท่านั้น การเดินทางคนเดียวทำให้เขาไม่ต้องกังวลอะไร
อีกอย่าง เขาก็ไม่อยากให้จิงหงต้องมาแบกรับความเสี่ยงเหล่านี้ ฉู่ชวิ๋นยังคงมีความเชื่อแบบขนบธรรมเนียมโบราณอยู่ว่า เรื่องต่อสู้ฆ่าฟัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบุรุษดีกว่า
ก่อนที่จะเดินทางออกมา ฉู่ชวิ๋นได้ทิ้งแหวนมิติประจำตัวเอาไว้ให้จิงหง คงไม่มีใครปล่อยให้คนรักของตนเองต้องลำบากขาดแคลนหรอกกระมัง?
ฉู่ชวิ๋นในขณะนี้ตัวเปล่า ไม่มีของวิเศษติดกาย อาการบาดเจ็บในครั้งนี้ หนักหนาสาหัสจนเขานึกโชคดีที่รอดชีวิตมาได้
ฉู่ชวิ๋นเดินทางไปที่วังมังกรเพลิงโดยไม่มีใครรู้ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครได้รับอันตราย เขาก็จากมาอย่างเงียบ ๆ
ฉู่ชวิ๋นแปลงโฉมตัวเองเป็นชายหนุ่มธรรมดา เดินเท้ามุ่งหน้าสู่เมืองกู่เจียง
ระหว่างทาง เขาเปิดเข้าเว็บบอร์ดชุมนุมชาวยุทธ์ เพื่อติดตามข่าวคราวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างใน 1 ปีที่สลบไป
เมื่อเห็นข่าวเหล่าสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ขั้นจักรพรรดิที่ตื่นขึ้นมาจากการจำศีลมากมาย ชายหนุ่มก็อดรู้สึกตกใจไม่ได้
ฉู่ชวิ๋นไม่ได้รีบร้อน เขาเดินทางเพียงลำพัง เหมือนนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง เมื่อรู้สึกหิวก็จะฆ่าสัตว์ร้ายข้างทางมาทำบาร์บีคิว ถ้าหิวน้ำหรือคอแห้ง เขาก็จะเด็ดดอกไม้วิเศษหรือผลไม้วิเศษมากัดกิน
“ไม่ได้รู้สึกสบายขนาดนี้มานานเหมือนกันนะเนี่ย”
ณ บริเวณเนินเขาแห่งหนึ่ง ฉู่ชวิ๋นนอนแผ่หราอยู่บนพื้นหญ้า เอามือรองศีรษะต่างหมอนหนุน หมูป่าขนาดยักษ์นอนตายอยู่ข้างกาย ขาหลังของมันข้างนึงหายไป เนื่องจากตกมาอยู่ในท้องของฉู่ชวิ๋นเรียบร้อยแล้ว
ฉู่ชวิ๋นนอนอาบแดดให้ร่างกายอบอุ่น ก่อนที่เขาจะเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
นี่คือครั้งแรกที่ชายหนุ่มได้นอนหลับเต็มตาตั้งแต่กลับมาสู่โลกมนุษย์ ที่ผ่านมาเขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกวิชาเกือบตลอดเวลา
ครั้งนี้ ฉู่ชวิ๋นนอนหลับมาตื่นอีกทีก็ตอนบ่าย เมื่อได้ยินเสียงของนกอินทรีตัวหนึ่งร้องลั่นบนท้องฟ้า
ฉู่ชวิ๋นลืมตาขึ้นมาและเห็นนกอินทรีเงินตัวหนึ่งที่มีขนาดลำตัวใหญ่กว่า 20 เมตร บินวนอยู่บนท้องฟ้าและกำลังจ้องมองเขาด้วยดวงตาเฉียบแหลม
ความจริงแล้ว เจ้านกอินทรีกำลังจ้องมองซากหมูป่าที่อยู่ข้าง ๆ ฉู่ชวิ๋นต่างหาก
“อยากกินก็ลงมาสิ” ฉู่ชวิ๋นยกขาขึ้นไขว่ห้าง กวักมือเรียกนกอินทรียักษ์ เขาไม่มีทางกินหมูป่าตัวนี้ได้หมดตัวอยู่แล้ว
นกอินทรียักษ์ตัวนี้มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 7 สติปัญญาของมันเฉลียวฉลาดไม่ต่างไปจากมนุษย์ ถึงแม้ว่าหมูป่าที่อยู่ข้างกายฉู่ชวิ๋นจะตายไปแล้ว แต่พลังลมปราณที่ลอยออกมาจากตัวของมันยังคงอยู่ ซึ่งทำให้รู้ว่าหมูป่าตัวนี้มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 7 เช่นกัน
สัตว์ร้ายที่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 7 ถูกฆ่าตายง่ายดายถึงเพียงนี้? แล้วจะให้มันลงไปง่ายๆ ได้อย่างไร?
“อยากกินก็ลงมากินเถอะ” ฉู่ชวิ๋นพูดอีกครั้ง ถ้าปล่อยให้หมูป่าตัวนี้เน่าเปื่อยอยู่ที่นี่ มันก็จะเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมเสียเปล่าๆ สู้มอบให้นกอินทรีตัวนี้ไปยังดีเสียกว่า และที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาจะได้ไม่ต้องจัดการซากศพของมันให้เสียเวลาด้วย
นกอินทรีจ้องมองมนุษย์ด้านล่างด้วยความไม่ไว้ใจ ก่อนจะพูดออกมาว่า
“หากท่านถอยห่างไปสักกิโลเมตร ข้าก็จะลงไป”
“เจ้านกโง่ จะระวังตัวอะไรนักหนา?” ฉู่ชวิ๋นยิ้มอย่างชั่วร้าย
แต่ก่อนที่จะพูดจบ แส้สีขาวก็พุ่งวาบขึ้นไปบนท้องฟ้า เจ้านกอินทรีเห็นดังนั้นก็หันหลังเตรียมบินหนี แต่มันยังช้าไปก้าวหนึ่ง สุดท้ายก็โดนแส้เส้นนั้นตวัดรัดพันลำคออยู่ดี
ฉู่ชวิ๋นออกแรงกระชาก นกยักษ์กระพือปีกด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ถูกดึงลงมาจากกลางอากาศอย่างแรง
โครม!
นกอินทรียักษ์กระแทกพื้นดินเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ ทำให้แผ่นดินไหว ภูเขาสั่นสะเทือนไปทั้งลูก
“อย่าฆ่าข้าน้อยเลยนะ…อย่าฆ่าข้าน้อยเลย…”
นกอินทรียักษ์ไม่ได้บาดเจ็บ มันยกปีกขึ้นมาปิดบังดวงตาและร้องขอความเห็นใจ
ฉู่ชวิ๋นยืนนิ่งด้วยความมึนงง นกอินทรีจัดเป็นเจ้าเวหา ซ้ำเจ้าตัวนี้ยังมีระดับพลังขั้นจักรพรรดิ
ว่ากันว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เจ้าเล่ห์ที่สุด แต่ดูเหมือนเจ้านกตัวนี้ก็เจ้าเล่ห์ได้ไม่เลวเหมือนกัน
“มานี่สิ” ฉู่ชวิ๋นกระตุกสายแส้ ดึงนกยักษ์เข้ามาใกล้
ร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ของนกอินทรีเงิน โดนฉู่ชวิ๋นลากถูลู่ถูกังเหมือนของเด็กเล่น
ควับ!
พลัน เจ้านกยักษ์เริ่มตอบโต้ กรงเล็บงองุ้มเหมือนตะขอเหล็กของมันตวัดลงมาหมายจะตะปบฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นคำรามในลำคอ นกยักษ์ตัวนี้เจ้าเล่ห์เหลือร้าย ตอนแรกแกล้งทำเป็นอ่อนแอพ่ายแพ้ เมื่อสบโอกาสมันก็ตั้งใจโจมตีเขาทีเผลอ
เปรี้ยง!
พลังลมปราณสีแดงระเบิดออกมาจากร่างกายของฉู่ชวิ๋นเหมือนกับคลื่นความร้อน กระแทกเข้าใส่อินทรียักษ์เต็มแรง
แส้ขาวอีกเส้นหนึ่งปรากฏขึ้น ตวัดฟาดลงไปบนลำตัวของเจ้านกยักษ์ ขนนกปลิวกระจาย ผิวหนังฉีกขาด
โครม!
เจ้านกยักษ์กรีดร้องในขณะที่ร่างล้มลงกระแทกพื้นดิน เกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่อีกครั้ง ภูเขาสั่นสะเทือนไปทั้งลูกอีกหน
แส้ขาวสะบัดขึ้นสูง
“นายท่าน โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย…ข้าน้อยผิดไปแล้ว…”
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ “คิดจะใช้มุกเดิมอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าแล้ว” นกอินทรีเงินนอนแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว หัวของมันซุกอยู่ใต้ดิน หางหดอยู่ใต้ขา สองปีกทำหน้าที่รับน้ำหนัก ลักษณะเหมือนมนุษย์กำลังคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนขอความเมตตา
เพี๊ยะ!
ฉู่ชวิ๋นฟาดแส้ลงไปโดยไม่ลังเล
เจ้านกยักษ์ส่งเสียงร้องโหยหวน ขนนกปลิวกระจาย ไม่กล้าขยับตัวสักนิดเดียว
“นายท่าน ข้าน้อยยอมแล้ว ข้าน้อยจะเชื่อฟังตามคำสั่งทุกอย่าง ข้าน้อยจะให้นายท่านขี่หลังบินไปบนท้องฟ้า”
ฉู่ชวิ๋นอดยิ้มออกมาไม่ได้ เจ้านกยักษ์กลายพันธุ์ตัวนี้ ดูท่าทางจะไม่ได้โง่เง่าเกินไปนัก
“แกยอมก้มหัวให้ฉันง่ายดายอย่างนี้ ไม่มีสำนักอยู่หรือไง? ไม่กลัวพวกตัวหัวหน้าจะเล่นงานเอาเรอะ?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ
“เรียนนายท่าน ความจริงข้าน้อยไม่ใช่พวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ แต่ข้าน้อยเป็นนกธรรมดาทั่วไปนี่แหละขอรับ” นกยักษ์ตอบกลับมา
“พูดจริง?” ฉู่ชวิ๋นอุทานด้วยความประหลาดใจ “นกธรรมดามีพลังระดับนี้ได้ด้วยหรือ?”
“ไม่ได้หรอกขอรับ แต่บังเอิญว่าข้าน้อยกินผลไม้วิเศษเข้าไป จึงได้กลายมาเป็นเช่นนี้” นกอินทรีเงินอธิบายอย่างร้อนรน
“แล้วแกแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ไหม?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความอยากรู้
“ไม่ได้ขอรับ ต้นไม้ซึ่งออกผลที่สามารถกินแล้วแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ ถูกพวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ยึดครองไปหมด พวกเราไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรอกขอรับ” เจ้านกยักษ์พูด
“มานี่สิ” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่ง
“นายท่านอย่ากินข้าน้อยเลยนะ ข้าน้อยเนื้อทั้งหนาทั้งแข็ง ไม่อร่อยเหมือนเนื้อหมูป่าหรอกขอรับ” อินทรีเงินพูดด้วยความตื่นกลัว
“ใครบอกว่าฉันจะกินแก? ฉันยังไม่เคยได้ยินใครที่ไหนกินเนื้อนกอินทรีมาก่อนเลยนะ” ฉู่ชวิ๋นยิ้มกว้าง
“แต่พวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์มันก็กินกันหมดนะ แล้วนายจะไม่กินได้ยังไง?” เจ้านกยักษ์พึมพำ คิดว่าฉู่ชวิ๋นยืนอยู่ตั้งไกล ไม่น่าได้ยิน
“ใครบอกว่าฉันเป็นพวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์?” ฉู่ชวิ๋นพูดขึ้นมาเบา ๆ
“เอ๋?” นกยักษ์หันหน้ามามองฉู่ชวิ๋นด้วยความสงสัย “นายท่านเป็นแค่มนุษย์จริง ๆ หรือขอรับ?
“แค่นี้ดูไม่ออกหรือไง? แต่ถึงฉันจะไม่กินแก ฉันก็ยังจับแกมาย่างไฟได้อยู่ดี” ฉู่ชวิ๋นว่า
เจ้านกอินทรียักษ์ตื่นกลัวสุดขีด มันขยับปีกด้วยความกระวนกระวายใจ ตัวของมันใหญ่เกินไป เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าฉู่ชวิ๋น ก็บดบังแสงอาทิตย์ไปทันที ฉู่ชวิ๋นมีขนาดตัวไม่ถึงกรงเล็บข้างหนึ่งของมันเลยด้วยซ้ำ เขาเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตเล็กจ้อยที่ไม่น่ามีพิษมีภัยอะไรเลย
“ย่อตัวลงมาหน่อยไม่ได้หรือไงฮึ?” ฉู่ชวิ๋นไม่ชอบความรู้สึกที่ต้องเงยหน้ามองคนอื่น มันทำให้เกิดความรู้สึกว่าเจ้านกตัวนี้เหมือนมีสถานะสูงส่งมากกว่าเขา
แต่นกยักษ์ตัวนี้ไม่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ มันย่อมไม่สามารถย่อขนาดร่างกายลงได้เช่นกัน จึงได้แต่ตอบเสียงแห้งว่า “นายท่านขอรับ ตากแดดนานเกินไปก็เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ให้ข้าน้อยยืนบังแดดให้นายท่านดีกว่านะ”
ฉู่ชวิ๋นไม่พูดอะไรอีกแล้ว นกอินทรีได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งท้องฟ้าไม่ใช่หรือ? แต่เจ้าตัวที่เขากำลังพบเจออยู่ตอนนี้ ลื่นไหลยิ่งกว่าปลาไหลเสียอีก
“นายท่านเป็นมนุษย์จริง ๆ ใช่ไหม?” เจ้านกยักษ์ถามย้ำด้วยความระมัดระวัง
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่งั้นฉันคงกินแกไปแล้ว” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่
แต่ใครจะคิดเลยว่าเมื่อได้รับฟังคำตอบดังนั้น นกยักษ์กลับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ที่แท้ก็เป็นมนุษย์ธรรมดานี่เอง ข้าน้อยตกใจแทบแย่ ถ้าเกิดเป็นพวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ขึ้นมา วันนี้มีหวังข้าน้อยไม่มีทางรอดชีวิต”
“แต่พูดตามตรงเลยนะ พี่ชาย ต่อให้ท่านไม่ใช่พวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ ข้าน้อยก็กลัวไปหมดแล้ว”
ฉู่ชวิ๋นไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย เจ้านกอินทรีตัวนี้เจ้าเล่ห์ลื่นไหลยิ่งกว่ามนุษย์เสียอีก เมื่อรู้ว่าเขาเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดา คำเรียกขานจากนายท่าน ก็เปลี่ยนเป็นพี่ชายโดยทันที
“พี่ชาย หมูป่าตัวนี้ท่านยังจะกินอีกหรือไม่?” นกยักษ์หันไปจ้องมองหมูป่า ท้องมันส่งเสียงร้องโครกครากในขณะที่ถามไถ่
ฉู่ชวิ๋นยืนนิ่ง นกยักษ์ที่มีพลังสูงส่งเช่นนี้ แถมยังมีความเจ้าเล่ห์แสนกล กลับต้องพบเจอความหิวโหยถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
“ฉันยกให้แกหมดเลยก็แล้วกัน” ฉู่ชวิ๋นว่า
“ขอบคุณมากขอรับ พี่ชาย” นกยักษ์ผงกศีรษะ กระโดดไปยืนอยู่ข้างซากหมูป่า และเริ่มต้นกินอย่างมูมมาม
ใช้เวลาเพียงพริบตาเดียว ซากหมูป่าก็ถูกนกอินทรีตัวนี้กินหมดเกลี้ยง
ฉู่ชวิ๋นไม่อยากเชื่อสายตา เจ้านกตัวนี้ตายอดตายอยากมาจากไหนกันนะ?
นกยักษ์ใช้ปีกของมันลูบท้องตนเองเหมือนกับมนุษย์เวลาอิ่มจัด “ข้าน้อยไม่ได้กินอิ่มแบบนี้มานานมากแล้ว”
“แกเป็นเจ้าแห่งท้องฟ้าระดับพลังก็ไม่ต่ำต้อย ทำไมถึงอดอยากขนาดนี้” ฉู่ชวิ๋นอดถามไม่ได้จริง ๆ หรือว่าการวิวัฒนาการครั้งนี้จะทำให้มันสูญเสียทักษะในการล่าเหยื่อ?
“พี่ชายไม่รู้หรอกว่าแถวนี้ไอ้พวกแมวป่ามันคุมหมด ไม่ให้ใครเข้ามาล่าอาหารทั้งนั้น” นกอินทรียักษ์ร้องตอบเสียงเศร้า
“แล้วทำไมไม่ไปหาเหยื่อที่อื่นล่ะ?”
“พี่ชายเพิ่งกลับมาจากดวงจันทร์หรือไงเนี่ย?” เจ้านกยักษ์จ้องมองฉู่ชวิ๋น “ภูเขาทุกลูกบนโลกนี้ ถูกพวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ยึดครองไปหมดแล้ว พวกสัตว์ป่าธรรมดาอย่างข้าน้อย ต้องอาศัยอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ตลอดเวลา”
ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ยื่นหัวลงมาหน่อย”
เจ้านกยักษ์ตกใจกลัว แต่ก็กำชับตัวเองว่าคงไม่เป็นอะไร มันก้มหัวให้ชายหนุ่มอย่างเชื่อฟัง
ฉู่ชวิ๋นตบหัวมันป้าบใหญ่ นกอินทรีเงินหัวทิ่มพื้น ลำตัวกลิ้งไปหลายตลบ
“แล้วทำไมพวกแกไม่รวมกลุ่มกันขับไล่พวกมันออกไปจากภูเขาล่ะฮะ”
“ข้าน้อยทำไม่ได้” นกยักษ์พึมพำ
“…” ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออกแล้วจริง ๆ แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ทำให้เขาพอรู้แล้วว่า ขณะนี้พวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์มันดุร้ายขนาดไหน
“ตัวแกก็แข็งแกร่งไม่น้อย น่าจะขอเข้าร่วมกลุ่มกับพวกมันได้ไม่ยาก ทำไมไม่ไป?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความสงสัย
ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้านกอินทรีจะเงยหน้าขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ข้าน้อยเป็นนกอินทรีของโลกใบนี้ จะไปก้มหัวให้ไอ้พวกกลายพันธุ์พวกนั้นได้ยังไง? แบบนั้นมันน่าละอายใจเกินไป ข้าน้อยกำลังจะเดินทางไปเข้าร่วมกลุ่มกับองค์หญิงจิ่วโยว เพื่อกวาดล้างพวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ต่างหาก”
ฉู่ชวิ๋นเกือบจะหัวเราะออกมาแล้ว จากความเจ้าเล่ห์แสนกลที่มันแสดงออกมาตลอด เจ้านกยักษ์กล้ามาพูดถึงเรื่องหลักการคุณธรรมและศักดิ์ศรีที่ค้ำคออย่างนี้ได้อย่างไร?
“ว่าแต่ใครคือองค์หญิงจิ่วโยวนะ?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความไม่รู้
“องค์หญิงจิ่วโยวก็คือองค์หญิงจิ่วโยว มีชื่อจริงว่าจิ่วโยว เคยเป็นสัตว์ร้ายบนโลกนี้มาก่อน ตอนหลังแปลงร่างเป็นมนุษย์ ถึงแม้ว่าองค์หญิงจะอายุยังน้อย แต่ความกล้าหาญและฝีมือนั้นไร้คู่เปรียบ องค์หญิงมีอาวุธคู่กายเป็นกระบองช่อหนามทองคำ กวาดล้างพวกมนุษย์ปักษาออกไปจากภูเขาลูกอื่น ๆ มาแล้ว”
เจ้านกยักษ์หันมองรอบตัว ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ฉู่ชวิ๋นและกระซิบเบา ๆ “เรื่องนี้พี่ชายรู้แล้วอย่าเอาไปบอกใคร ข้าน้อยจะบอกความลับให้ มีข่าวลือว่าองค์หญิงจิ่วโยวเป็นภรรยาน้อยของจอมมารฉู่ชวิ๋นด้วยล่ะ พี่ชายรู้จักจอมมารฉู่ชวิ๋นไหม? นั่นก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่เป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกใบนี้”
ฉู่ชวิ๋นอดสะดุ้งโหยงไม่ได้ ทำให้เท้าลื่นจนเกือบจะกลิ้งตกจากไหล่เขาเลยทีเดียว
จิ่วโยว เจ้าเด็กคนนี้ อยู่เฉย ๆ ไม่เป็นเลยสินะ
เจ้านกยักษ์จ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความขบขัน บอกแล้วไงว่าเรื่องนี้เป็นความลับที่น่าตกตะลึง ไม่ว่าผู้ใดมาได้ยินก็ต้องตกใจแบบนี้กันทั้งนั้นละหนา