จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 440 ตกนรกทั้งเป็น
บทที่ 440 ตกนรกทั้งเป็น
อาการของฉู่ชวิ๋นค่อนข้างสาหัส กระดูกแตกแหลกละเอียด อวัยวะภายในถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อวัยวะหลายชิ้นเคลื่อนย้ายผิดตำแหน่ง
ถ้าไม่ได้เปลี่ยนโครงกระดูกมังกรก่อนหน้านี้ ฉู่ชวิ๋นคงเสียชีวิตไปแล้ว ไม่มีทางแค่สภาพบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้แน่นอน
แต่ถ้าไม่รีบรักษาอาการบาดเจ็บให้ทันท่วงที พลังยุทธ์ของชายหนุ่มก็จะถูกทำลายจนต้องกลับไปเริ่มต้นฝึกฝนใหม่ทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่ชวิ๋นดื่มเลือดของจักรพรรดิอ๋าวฮวงเข้าไป มันช่วยให้เลื่อนระดับพลังขึ้นมาอยู่ในขั้นแก่นแท้ลมปราณช่วงปลายได้ในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ตอนนี้มันหมดฤทธิ์ของหยดเลือดแล้ว ยามที่พลังกลับมาอยู่ในจุดเดิม ฉู่ชวิ๋นจะต้องพบกับความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นทวีคูณ
จักรพรรดิอ๋าวฮวงตรวจดูสิ่งของที่อยู่ในแหวนมิติของชายหนุ่ม ตั้งใจจะใช้สิ่งของที่อยู่ในนั้นรักษาอาการบาดเจ็บของฉู่ชวิ๋น
เมื่อเปิดแหวนมิติดู อ๋าวฮวงก็ถึงกับหน้าแข็งค้าง เขาอดไม่ได้จนต้องหันไปมองหน้าฉู่ชวิ๋นที่นอนสลบไสลด้วยความประหลาดใจ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจ้าหนูมันไปขโมยของ ๆ ใครมาบ้างนะ? ทรัพยากรที่ถูกเก็บไว้ในแหวนมิติวงนี้มีมากมายมหาศาลเหลือเกิน ซ้ำหลายอย่างยังเป็นของหายาก แถมยังมีสมุนไพรวิเศษและดอกไม้วิเศษอีกนับไม่ถ้วน
“ไผ่อัคคี ดอกบัวจิตวิญญาณ น้ำวิญญาณพันปี น้ำยาแสงตะวัน…” อ๋าวฮวงอุทานรายชื่อของวิเศษออกมาด้วยความตกตะลึง
เมื่อหยิบขวดหยกขวดหนึ่งมาเปิดออกดู แมงป่องตัวใหญ่ก็คลานออกมา จักรพรรดิอ๋าวฮวงโพล่งขึ้นทันที
“แมงป่องโลหิต”
หลังจากนั้น อ๋าวฮวงก็ยิ้มไม่หุบไปทั้งวัน
ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าทำไมเจ้าหนูถึงถูกขนานนามว่าเป็นจอมมาร เจ้านี้มันชั่วร้ายเหมือนจอมมารจริง ๆ ดูได้จากของวิเศษที่อยู่กับตัว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงสามารถเลื่อนระดับพลังได้รวดเร็วนัก
แต่จักรพรรดิอ๋าวฮวงพลันหัวเราะไม่ออกเมื่อพบเข้ากับไม้เท้าหางมังกร ดวงตาของเขาจ้องมองไม้เท้าทองคำด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม ฉู่ชวิ๋นไม่เคยบอกเขาเลยสักนิดว่าเก็บของสิ่งนี้เอาไว้กับตัว
“นี้มันหางท่านพ่อของข้า! เจ้าเด็กคนนี้บังอาจเกินไปแล้ว” อ๋าวฮวงหันไปมองหน้าฉู่ชวิ๋นด้วยแววตาถมึงทึง
“ฮึม ช่างมันเถอะ เอาไว้เจ้าฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ข้าจะค่อยคิดบัญชีเรื่องนี้ทีหลังก็แล้วกัน”
อ๋าวฮวงพึมพำบอกตัวเอง ก่อนที่จะเสกอ่างน้ำใบหนึ่งขึ้นมาภายในห้องพัก สร้างม่านพลังกักอากาศภายนอกไม่ให้ไหลเวียนเข้ามา อ่างน้ำมีสีดำสนิทรูปทรงสูงกว้าง ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าอ่างน้ำใบนี้ทำมาจากวัสดุชนิดใด แต่ในขณะนี้ กำลังมีเปลวไฟลามเลียขึ้นมาจากก้นอ่างน้ำ
จักรพรรดิอ๋าวฮวงใช้กระบอกหมุนที่ติดตั้งอยู่ข้างอ่างน้ำ เป็นตัวควบคุมอุณหภูมิของเปลวไฟ
ขั้นตอนต่อมา เขาเทน้ำเพิ่มพลังวิญญาณพันปีและน้ำยาดวงตะวันลงไปจนเต็มอ่าง
เรียบร้อยแล้ว อ๋าวฮวงก็นำสมุนไพรและหญ้าวิเศษชนิดต่างๆ มาบดรวมกัน ก่อนที่จะใส่ลงไปในอ่างน้ำ
จักรพรรดิอ๋าวฮวงปรุงยาอย่างรวดเร็วเพียงพริบตาเดียว หญ้าวิเศษและสมุนไพรวิเศษหลายพันชนิดก็หลอมรวมกันพร้อมใช้งานแล้ว
น้ำที่อยู่ในอ่างเป็นสีเข้มข้น มีเนื้อยาสมุนไพรเหนียวแน่น ละอองน้ำกระเด็นขึ้นมาตลอดเวลา บ่งบอกว่าน้ำเริ่มเดือดแล้ว
อ๋าวฮวงโยนฉู่ชวิ๋นลงไปในอ่างน้ำ ก่อนที่จะสร้างม่านพลังขึ้นมาครอบคลุมอ่างน้ำเอาไว้ ไม่ให้ไอของสมุนไพรระเหยหายไปอย่างไร้ประโยชน์
เมื่อฉู่ชวิ๋นตกลงไปในอ่างน้ำเดือด น้ำสมุนไพรก็ไหลซึมผ่านรูขุมขนเข้าสู่ร่างกายของเขาทันที
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นพล่านไปทั่วร่างกาย ถึงแม้ว่าเขาจะยังคงไม่ได้สติ แต่นี่ก็เป็นการตอบรับจากร่างกายโดยอัตโนมัติ
“เจ้าหนู อย่าดิ้นละอีกไม่นานเดี๋ยวเจ้าก็หายดีแล้ว อย่าให้คนอื่นเป็นห่วงมากกว่านี้เลย มีแต่เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่หยุดยั้งหายนะของโลกมนุษย์ได้” อ๋าวฮวงสื่อสารกับฉู่ชวิ๋นผ่านทางจิตวิญญาณ
“อะ ดี ดีมาก!” ชายชราพูดออกมาเมื่อเห็นผิวหนังของฉู่ชวิ๋นแดงเถือกและเป็นประกายสว่างไสว แต่ความร้อนของน้ำในอ่างทำให้ชายหนุ่มถึงกับครางออกมาโดยไม่รู้ตัว
ยาสมุนไพรเหล่านี้ไหลซึมเข้าสู่ร่างกายของฉู่ชวิ๋น ไม่ต่างไปจากโดนเข็มร้อน ๆ ทิ่มแทงโดยตรง น้ำยาสมุนไพรไหลเวียนไปตามแขนขาและอวัยวะทั่วร่างกายของเขาทุกจุด
ฉู่ชวิ๋นยังไม่ได้สติ แต่ร่างกายก็พยายามต่อต้านความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา
“เจ้าหนู อยู่นิ่ง ๆ!” อ๋าวฮวงมองหน้าฉู่ชวิ๋น รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายหนึ่งกำลังเผชิญ
ฉู่ชวิ๋นตกอยู่ในความเจ็บปวดไม่จบไม่สิ้น และไม่สามารถหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้ได้เลย
……
……
กาลเวลาเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ผ่านไปได้ครึ่งปีแล้ว
“อาจารย์เจ้าคะ เขาจะไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะ?” จิงหงเมื่อกลับมาถึงที่นี่แล้วก็ไม่เคยออกไปไหนอีก เธอเฝ้าอยู่เคียงข้างอ่างน้ำของฉู่ชวิ๋นตลอดเวลา
อ๋าวฮวงยังคงกิน ดื่ม และตกปลาด้วยความรื่นรมย์อยู่เหมือนเคย
ชายชราโยนปลาคาร์ฟตัวหนึ่งกลับลงไปในบ่อน้ำและหันไปชำเลืองมองฉู่ชวิ๋นที่นอนนิ่งอยู่ในอ่างน้ำข้างบ่อ
“ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอกมั้ง”
“แล้วทำไมเขายังไม่ตื่นขึ้นมาอีกล่ะเจ้าคะ?” จิงหงยังคงเป็นห่วงอยู่ไม่หาย ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นผ่านการแช่น้ำสมุนไพรมาหลายชนิดแล้ว เมื่อผสมรวมกับน้ำเพิ่มพลังวิญญาณพันปีกับน้ำยาดวงตะวัน เขาไม่น่าจะนอนนิ่งเฉยอยู่เช่นนี้ได้เลย
“ใจเย็นเถอะ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะตายไปแล้ว แต่สำหรับเจ้าเด็กคนนี้มันมีข้อยกเว้นเสมอ” จักรพรรดิอ๋าวฮวงว่า การมีโครงกระดูกมังกรและการที่ฝึกวิชาลมปราณจำแลง ทำให้ฉู่ชวิ๋นมีจุดก่อกำเนิดลมปราณอยู่ในร่างกาย ถึงสองจุด ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดยิ่ง อ๋าวฮวงมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ ก็ไม่เคยพบเจอคนแปลกประหลาดพิสดารอย่างนี้มาก่อน
จุดก่อกำเนิดลมปราณเป็นแหล่งมอบพลังงานทั้งหมดในการต่อสู้ ฉู่ชวิ๋นมีอยู่ในร่างกายถึงสองจุด ไม่นับว่าแปลกประหลาดพิสดารได้อย่างไร?
นี่คือครั้งแรกที่อ๋าวฮวงพบเจอเรื่องพิสดารอย่างนี้ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นข้อดีหรือข้อเสีย ตอนนี้จึงได้แต่เพียงสรุปเอาเอง ว่ามันน่าจะเป็นข้อดี
น้ำยาสมุนไพรที่ข้นคลั่กในอ่างน้ำ เมื่อผ่านไปได้หกเดือน ร่างกายของฉู่ชวิ๋นก็ดูดซับสมุนไพรเหล่านั้นเข้าไปหมดสิ้น น้ำในอ่างตอนนี้จึงกลับมาใสกระจ่างอีกครั้ง
จักรพรรดิอ๋าวฮวงอดแปลกใจไม่ได้เหมือนกัน ว่ากันตามหลักที่น่าจะเป็นฉู่ชวิ๋นควรตื่นขึ้นมาตั้งนานแล้ว
แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอคอย
โดยไม่มีใครรู้ตัว กาลเวลาผ่านไปอีก 6 เดือน
ฉู่ชวิ๋นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้สติกลับขึ้นมา
แต่โลกมนุษย์เกิดความวุ่นวายขึ้นไม่รู้จบ
เผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตโบราณทยอยตื่นขึ้นมาจากการจำศีลมากมาย
บางเผ่าพันธุ์มีจำนวนคนเพียงเล็กน้อย แต่มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
หลายเผ่าพันธุ์ที่พบว่าผู้คนของตนเองต้องตกตายด้วยน้ำมือของจอมมารฉู่ชวิ๋น ต่างก็โกรธแค้นอยากจะชำระแค้นกับฉู่ชวิ๋นทั้งสิ้น
แต่ขณะนี้ คนทั้งโลกต่างก็อยากรู้คำตอบว่าฉู่ชวิ๋นอยู่ที่ไหน? เขายังมีชีวิตอยู่หรือว่าตายไปแล้ว?
บรรดาสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ที่ตื่นขึ้นมาจากการจำศีลในตอนนี้ ต่างก็ได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับมนุษย์ที่มีพลังแข็งแกร่งเทียมเท่ากับเทพเจ้า
พวกมันฆ่าคนและยึดครองเมืองอย่างเหิมเกริม แต่ก็ไม่เคยเจอมนุษย์ที่เก่งกาจถึงขั้นนั้นเลยสักคน สิ่งที่พวกมันพบเจอมีเพียงแต่จอมยุทธ์ที่ขี้ขลาด ไม่ทันจะได้ต่อสู้ด้วยก็วิ่งหนีไปหมดแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาจอมยุทธ์์ที่เคยเป็นสักขีพยานการต่อสู้ในหุบเขาอเวจีเมื่อปีก่อน ต่างก็ถูกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ชุดใหม่เหล่านี้ตามฆ่าแก้แค้นจนหมดสิ้น
ในพื้นที่ห่างไกล หลายเมืองตกเป็นของสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ ชาวเมืองที่หนีไม่รอดต้องถูกสังหารหมู่ด้วยความอำมหิต
ด้วยเหตุนี้ หัวหน้าหมายเลขหนึ่งจึงต้องออกคำเตือนอย่างแข็งกร้าว ถ้าบรรดาสัตว์ร้ายกลายพันธุ์กล้าทำร้ายผู้คนบริสุทธิ์อีก ทางรัฐบาลก็จำเป็นต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด
เผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าไม่สนใจคำเตือนของรัฐบาล พวกมันบุกเข้าไปยึดครองเมืองแห่งหนึ่ง และสังหารชาวเมืองทั้งเมืองภายในเวลาเพียงวันเดียว
หัวหน้าหมายเลขหนึ่งโกรธแค้นมาก และสั่งให้ยิงระเบิดนิวเคลียร์ไปถล่มที่เมืองนั้นอย่างไม่ลังเล
ก่อนหน้านี้ชายชราไม่กล้าสั่งให้ยิงระเบิดนิวเคลียร์มาก่อน ด้วยกลัวว่าคนบริสุทธิ์จะได้รับลูกหลงไปด้วย แต่ในขณะนี้ เมืองแห่งนั้นมีแต่มนุษย์หมาป่า จึงไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนี้อีกต่อไป
ไม่มีใครกล้าประมาทอานุภาพของระเบิดนิวเคลียร์ พลังของมันยังคงน่ากลัวเสมอ ระเบิดนิวเคลียร์ลูกเล็ก ๆ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายล้างเมืองทั้งเมือง กลุ่มมนุษย์หมาป่าที่นำโดยผู้มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ก็ยังไม่อาจต้านทานแรงระเบิดได้ สุดท้ายก็ถูกระเบิดกลายเป็นเถ้าถ่านอยู่ในกองไฟ
การยิงระเบิดครั้งนี้ทำให้บรรดาสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ตกตะลึง และไม่กล้าลงมืออย่างอุกอาจเกินไปนัก
อีกครึ่งปีผ่านไป เมืองที่ถูกยิงระเบิดนิวเคลียร์กลายเป็นเมืองร้าง และกลายเป็นสถานที่แห่งความสยองขวัญสำหรับบรรดาสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ทั้งหลาย
เมื่อเห็นว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจัง พวกมันก็ไม่กล้าทำอะไรรุนแรงอีก มีแต่เพียงก่อความวุ่นวายบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
ระเบิดนิวเคลียร์ทำให้สัตว์ร้ายกลายพันธุ์หวาดกลัวได้ก็จริง แต่ก็ไม่อาจขับไล่พวกมันออกไปได้ หากพวกมันปลอมตัวปะปนอยู่ร่วมกับมนุษย์ รัฐบาลก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว หัวหน้าหมายเลขหนึ่งไม่มีทางสั่งยิงระเบิดนิวเคลียร์ใส่เมืองที่ยังมีมนุษย์อาศัยอยู่แน่นอน
ณ ภูเขาหลงจี๋ ในที่พักของอ๋าวฮวง ฉู่ชวิ๋นยังคงนอนหมดสติอยู่ในอ่างน้ำขนาดใหญ่ ยาสมุนไพรที่อยู่ในน้ำถูกร่างกายของเขาดูดซับเข้าไปหมดแล้ว
“เจ้าหนู ได้เวลาตื่นขึ้นมาแล้วนะ” นับตั้งแต่ตอนแรกมาจนถึงตอนนี้ อ๋าวฮวงเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาแล้ว
อีกหนึ่งเดือนผ่านไปในพริบตาเดียว
ในที่สุด วันนี้ฉู่ชวิ๋นก็ขยับตัวแล้ว เขาลืมตาตื่นขึ้นมา สีหน้าดูจะสับสนมึนงงไม่น้อย
น้ำในอ่างมีระดับความสูงอยู่เหนือริมฝีปากของเขา เมื่อฉู่ชวิ๋นอ้าปากออกจะพูดอะไรบางอย่าง น้ำในอ่างก็ไหลทะลักเข้าปากเขาพรวดใหญ่ ฉู่ชวิ๋นสำลักน้ำสมุนไพรน้ำหูน้ำตาไหล ตาสว่างขึ้นมาทันที
“เจ้าหนู ตื่นแล้วรึ” อ๋าวฮวงกับจิงหงเดินเข้ามาดู อดไม่ได้ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ผมสลบไปนานแค่ไหน?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“หนึ่งปี หนึ่งเดือนกับอีกเจ็ดวัน” จักรพรรดิอ๋าวฮวงตอบ
ฉู่ชวิ๋นกลอกตามองบน บ้าบอที่สุด เจ็ดวันมันก็เท่ากับหนึ่งสัปดาห์ไม่ใช่หรือไง? พูดอะไรให้เข้าใจยาก
“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” จิงหงถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
ฉู่ชวิ๋นกำหมัดแน่น ลุกขึ้นมานั่งทำให้พบว่าน้ำอยู่สูงในระดับเอว กระดูกของเขาส่งเสียงลั่นดังกรอบแกรบ ยิ้มกว้างตอบว่า “ไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อน”
ความรู้สึกที่ถูกเข็มร้อนทิ่มแทงตลอดเวลาทั้งปีที่ผ่านมา เมื่อสลัดทิ้งออกไปได้ ก็ไม่มีอะไรรู้สึกดีเท่านี้อีกแล้ว
ฉู่ชวิ๋นกำลังจะปีนขึ้นมาจากอ่างน้ำ แต่ก็ถูกอ๋าวฮวงตบคว่ำกลับลงไปอีกรอบ
“คุณทำอะไรของคุณเนี่ย?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความฉุนโกรธ ตาแก่นี่มือหนักไม่เบา ทำเอาเขาเห็นดาวระยิบ
“ยังไม่ได้เวลาขึ้นจากน้ำสักหน่อย นี่ก็เพื่อผลดีของตัวเจ้าเองนะ” อ๋าวฮวงยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
ฉู่ชวิ๋นมองหน้าชายชราและก็แน่ใจว่าอ๋าวฮวงไม่ได้มีเจตนาดีแน่นอน สัญญาณเตือนภัยในใจเขากำลังร้องเตือนดังสนั่น
จักรพรรดิอ๋าวฮวงหยิบขวดหยกออกมาขวดหนึ่ง ฉู่ชวิ๋นมองแวบเดียวก็จำได้แล้ว นี่คือขวดหยกที่เขาใช้เก็บสัตว์ประหลาดที่ชื่อว่าแมงป่องโลหิตเอาไว้นั่นเอง
“คุณจะทำอะไร?” ฉู่ชวิ๋นมองชายชราอย่างระวังตัว
“นี่เพื่อผลดีของตัวเจ้าเองนะ สัตว์วิเศษชนิดนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้พลังวิญญาณและกล้ามเนื้อของเจ้าแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อการฝึกตนเป็นอย่างยิ่ง” จักรพรรดิอ๋าวฮวงร่ายสรรพคุณด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ดีขนาดนั้นก็เอาไว้ใช้เองเถอะ” ฉู่ชวิ๋นไม่ยอมหลงกล เขารู้ดีว่าสัตว์ประหลาดในขวดหยกสามารถทำอะไรได้บ้าง
“ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้ตัวไว้ก่อน หลังจากนี้ต้องอดทนหน่อยนะ”
“ขอปฏิเสธ” ฉู่ชวิ๋นพูด ทำท่าจะกระโดดขึ้นมาจากอ่างน้ำ
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้” พลังลมปราณของอ๋าวฮวงพุ่งวาบเหมือนฟ้าผ่า กระแทกปิดจุดลมปราณของฉู่ชวิ๋น ก่อนจะสร้างม่านพลังขึ้นมาห้อมล้อมอ่างน้ำเอาไว้
หลังจากนั้น จักรพรรดิอ๋าวฮวงก็เปิดฝาขวดหยก แมงป่องสีแดงเลือดตัวหนึ่งไต่ออกมาทันที ก้ามของมันชูขึ้นสูงด้วยความดุร้าย อ๋าวฮวงสะบัดมือแค่เพียงนิดเดียว แมงป่องสีแดงตัวนั้นก็ถูกโยนลงมาในอ่างน้ำที่ฉู่ชวิ๋นกำลังแช่อยู่แล้ว
แมงป่องตัวนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ มันส่งเสียงขู่ฟ่อ ก่อนที่จะกระโจนเข้าหาฉู่ชวิ๋น
พื้นที่ในอ่างน้ำคับแคบมากเกินไป ฉู่ชวิ๋นถูกปิดผนึกจุดลมปราณ ไม่อาจหลบหนีได้ เจ้าแมงป่องกระโดดเกาะที่หน้าอกของเขาด้วยความรวดเร็ว
ฉ่า! ฉ่า!
ควันสีขาวลอยขึ้นมาตรงตำแหน่งที่แมงป่องเกาะติดหน้าอกของฉู่ชวิ๋น ผิวหนังของชายหนุ่มเป็นรอยแดงเข้ม เกิดปฏิกิริยาเนื้อไหม้ไฟ คล้ายกับกำลังถูกไฟเผา
“อ๊าก…” ฉู่ชวิ๋นร่ำร้องหัวใจสั่นระรัว รู้สึกเจ็บปวดลงไปถึงระดับจิตวิญญาณ
ความรู้สึกที่เหมือนโดนเข็มร้อน ๆ ทิ่มแทงตอนแช่น้ำสมุนไพร เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญในตอนนี้ มันก็กลายเป็นเรื่องเด็กเล่นไปเลยทันที
“ไอ้เฒ่าอสรพิษ เปิดจุดลมปราณของฉันเดี๋ยวนี้นะ” ฉู่ชวิ๋นเหลือกตามองจักรพรรดิอ๋าวฮวงด้วยความโกรธแค้น
“จะให้เปิดเพื่ออะไร?” จักรพรรดิอ๋าวฮวงมองฉู่ชวิ๋นที่กำลังร้องคร่ำครวญด้วยสายตาเย็นชา “มีไม้เท้าหางมังกรอยู่ในมือไม่บอกกล่าวกันเลยสักนิด มันเป็นหางท่านพ่อของข้า เอาไปเป็นอาวุธติดมือของเจ้าได้ยังไง ความผิดครั้งนี้ข้าปล่อยผ่านไปไม่ได้เด็ดขาด”
“ไม้เท้านั้นไม่เห็นจะดีเด่นอะไรเลย ตอนนี้ช่วยผมก่อนเถอะ…ตาเฒ่า…ตาเฒ่า…ตาเฒ่า!” แต่ก่อนที่ฉู่ชวิ๋นจะพูดจบ แมงป่องโลหิตก็ไต่ขึ้นมาบนหัวไหล่ของเขา ทำให้บริเวณหัวไหล่มีควันสีขาวพุ่งขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นเนื้อไหม้ ฉู่ชวิ๋นได้แต่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เสียงของเขาโหยหวนจนแทบไม่เป็นเสียงมนุษย์อีกแล้ว
นี่คือความเจ็บปวดที่แท้จริง ไม่ต่างไปจากถูกคนนำเหล็กร้อน ๆ มาทาบทับบนผิวหนัง ความเจ็บปวดแล่นลึกลงไปถึงไขกระดูก
“เจ้าหนู ถือว่าการพบเจอแมงป่องโลหิตเช่นนี้ เป็นการชดใช้กรรมไปก็แล้วกันนะ” อ๋าวฮวงพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงเป็นอย่างยิ่ง
“จิงหง ช่วยฉันด้วย ไอ้เฒ่านี่มันพยายามจะฆ่าฉัน ถ้าเธอไม่อยากเป็นแม่ม่าย รีบช่วยฉันขึ้นไปเดี๋ยวนี้” เมื่อเห็นว่าอ๋าวฮวงไม่สนใจตนเองอีกแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็เริ่มหันมาร้องขอความเมตตาจากจิงหง
ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น นอกจากบริเวณที่แมงป่องเกาะจะรู้สึกเจ็บปวดแล้ว ทั่วร่างกายของเขายังรู้สึกเหมือนถูกเผาด้วยไฟนรก เจ็บปวดจนตาเหลือก วิญญาณสั่นสะท้าน ลำตัวชักกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
เสียงกรีดร้องอันโหยหวนของฉู่ชวิ๋นดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขา แม้แต่สัตว์ร้ายที่อยู่แถวนั้นเมื่อได้ยินก็ยังต้องหวาดกลัว