จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 438 หลบหนีความตาย
บทที่ 438 หลบหนีความตาย
เปรี้ยง!
มวลอากาศระเบิดตัว ฉู่ชวิ๋นเงยมองท้องฟ้าสีหน้าก็แปรเปลี่ยนไป แผ่นยันต์เทวะลอยสูงขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่มันจะเผาไหม้ตัวเองกลายเป็นเถ้าถ่านไปอีกครั้ง
บนท้องฟ้าในขณะนี้ ลมพายุกระโชกแรง ก้อนเมฆกลายเป็นเหมือนวังน้ำวนขนาดใหญ่ ลักษณะของมันคล้ายปากของอสูรกายที่อ้ากว้าง พยายามจะกลืนกินภูเขาอเวจีเข้าไปทั้งลูก
พายุลมหมุนบนท้องฟ้าทำให้ภูเขาสั่นสะเทือน แผ่นดินถล่มทลายจุดแล้วจุดเล่า
“ฉู่ชวิ๋น ฉันบอกแล้วไงว่าแกฆ่าฉันไม่ได้หรอก ในโลกนี้ไม่มีใครฆ่าฉันได้ทั้งนั้น” หวูเค่อจินถูกพลังลมหมุนจากบนท้องฟ้าดูดตัวขึ้นไปลอยกลางอากาศ ตรงขึ้นไปหาวังน้ำวนบนก้อนเมฆ
ฉู่ชวิ๋นดวงตาเป็นประกาย ดีดเท้าส่งตัวเองลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ดาบเกล็ดทองคำปรากฏขึ้นในมือ เมื่อโคจรพลังลงไปที่ตัวดาบ ลำแสงสีทองก็เปล่งประกายเจิดจ้า
ยามเมื่อตวัดดาบ ประกายดาบก็พุ่งวาบออกไป
ฟู่!
เลือดสาดกระจาย ขาทั้งสองข้างของหวูเค่อจินโดนดาบของฉู่ชวิ๋นตัดขาดตั้งแต่ช่วงหัวเข่าลงมา
“ไม่จริง…”
หวูเค่อจินร้องโหยหวน ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
ฉู่ชวิ๋นตวัดดาบในมืออีกครั้ง โคจรพลังลมปราณเข้าใส่ตัวดาบอีกหน เมื่อหมุนตัวหนึ่งครั้ง ประกายดาบก็พุ่งออกไปเข้าสู่ลำคอของหวูเค่อจิน
“ฉู่ชวิ๋น แกกล้าดียังไง?” หวูเค่อจินตกใจมากที่เห็นความพยายามของฉู่ชวิ๋นในการไล่ล่าตนเอง ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของมันได้รับบาดเจ็บ พลังการต่อสู้จึงลดลง ไม่มีทางเลยที่มันจะต้านทานคมดาบของจอมมารฉู่ชวิ๋นได้ในครั้งนี้
แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อพลันบังเกิดขึ้น มือขนาดใหญ่ยักษ์ยื่นออกมาจากวังน้ำวนบนก้อนเมฆ อย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
มือยักษ์นั้นเป็นสีขาวสว่างไสวดูสวยงามตระการตา แต่กลับทำให้ฉู่ชวิ๋นตัวสั่นเทาพร้อมกับขนลุกเกรียว
ประกายดาบที่พุ่งเข้าหาลำคอของหวูเค่อจิน ถูกนิ้วหนึ่งของมือยักษ์นั้น ยื่นเข้ามาปัดป้องก่อนระเบิดตัวสลายไป
หวูเค่อจินร้องตะโกนออกมาอย่างมีความสุขว่า “บุตรหลานรอดชีวิตแล้ว ขอบคุณบรรพบุรุษที่ช่วยเหลือ”
ในขณะนี้ มือยักษ์พยายามจะไล่จับฉู่ชวิ๋น แต่เพียงแค่มือยังอยู่ไกลๆ แรงกดดันมหาศาลก็ถาโถมเข้ามา ทำให้ก้อนหินบนยอดเขาถล่มทลายไปทุกหนทุกแห่ง
ฉู่ชวิ๋นขนลุก เลือดลมในกายสูบฉีด กระดูกส่งเสียงดังลั่นกรอบแกรบ รูขุมขนมีเลือดไหลซึมออกมา
มือยักษ์มีขนาดใหญ่โตบดบังท้องฟ้า คล้ายว่าไม่ต้องการไล่จับแค่เพียงฉู่ชวิ๋นเท่านั้น แต่มันต้องการคว้าจับภูเขาทั้งลูก
ฉู่ชวิ๋นไม่มีเวลาคิดอะไรอีกแล้ว รีบหยิบขวดหยกออกมาจากในอกเสื้อ เมื่อเปิดฝาขวดออก ลำแสงสว่างจ้าก็ระเบิดตัวออกมาปกคลุมไปทั่วหุบเขาอเวจีทันที
นี่คือหยดเลือดของอ๋าวฮวง
ฉู่ชวิ๋นไม่คิดอะไรให้มากมายอีกแล้ว เขายกขวดหยกกระดกดื่มรวดเดียวหมด ทันใดนั้น พลังลมปราณมหาศาลก็แล่นพล่านไปทั่วร่างกาย ไหลผ่านตามแขนขา ลมหายใจของฉู่ชวิ๋นรวดเร็วมากขึ้นจนผิดปกติ
พริบตาเดียว ระดับพลังของฉู่ชวิ๋นก็เลื่อนมาอยู่ในขั้นแก่นแท้ลมปราณขั้นปลาย แต่มือยักษ์บนท้องฟ้ามีแรงกดดันมากเกินไป ฉู่ชวิ๋นถูกพลังของมันซัดกระเด็นตกลงมากระแทกพื้นดินอย่างแรง ก่อให้เกิดเป็นหลุมดินขนาดใหญ่
วิชาดัชนีสังหาร – กระบวนท่าดัชนีสามอุสรา!
วิชาดัชนีสังหาร – กระบวนท่าสี่นิ้วกำราบมาร!
ครืน!
พลังลมปราณแพร่กระจายออกไป นิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์พลันตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาเหมือนเสาหินโบราณ รอคอยการรับน้ำหนักจากมือยักษ์ที่กำลังกดทับลงมาเรื่อยๆ
มือยักษ์กดทับลงไปบนนิ้วมือขนาดใหญ่ การร่วงหล่นลงมาของมันไม่ได้ช้าลงเลยสักนิด เริ่มปรากฏรอยแตกร้าวบนนิ้วมือยักษ์ของฉู่ชวิ๋นแล้ว รอยแตกร้าวเพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง
บัดนี้ ฉู่ชวิ๋นเร่งพลังจนถึงขีดสุดขั้นแก่นแท้ลมปราณเรียบร้อยแล้ว
เขาใช้จิตวิญญาณต่อทันที
หมัดมังกร 36 กระบวนท่า!
ชายหนุ่มระดมต่อยหมัดออกไปทุกกระบวนท่าที่มีอยู่ พลังลมปราณพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า กระแทกเข้าใส่มือยักษ์ที่กำลังกดทับลงมา
ตู้ม…!
พลังลมปราณจากหมัดของฉู่ชวิ๋นระเบิดลำแสงสว่างจ้าเหมือนดาวหาง แต่เมื่อกระทบถูกฝ่ามือขนาดยักษ์นั้น พลังของเขาก็สลายหายไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ถึงจะโจมตีเหมือนฝนตกพายุคลั่ง แต่หมัดมังกร 36 กระบวนท่า กลับไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้แก่มือยักษ์นั้นได้เลยแม้แต่นิดเดียว มือยักษ์ยังคงกดทับลงมาเรื่อยๆ ไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งมันได้อีก
ฉู่ชวิ๋นตกตะลึงมาก ตอนนี้เขาอยู่ในถึงขีดสุดขั้นแก่นแท้ลมปราณแล้วแต่ก็ยังไม่อาจต่อกรกับอีกฝ่ายได้ อย่างน้อยถ้าจะสู้กับอีกฝ่ายเขาคงต้องทะลวงขั้นพลังเป็นขั้นลมปราณก่อกำเนิดก่อน
ฉู่ชวิ๋นโจมตีด้วยเคล็ดวิชาฟินิกซ์นิรันดร
ฟินิกซ์ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า พร้อมปีกที่สยายกว้างกว่า 30 เมตร เปลวไฟเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบกาย
ตู้ม!
คลื่นความร้อนแผ่ไปรอบบริเวณ เกิดเสียงระเบิดตูมตาม มือยักษ์หยุดชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็เริ่มกดทับลงมาด้านล่างอีกครั้ง
เมื่อเห็นดังนี้ ฉู่ชวิ๋นจึงจัดการด้วยเคล็ดวิชาเก้ามังกรทลายนภาต่อทันที!
มังกรไฟขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้นในอากาศก่อนจะพุ่งเข้าใส่มือยักษ์สีขาว อย่างไม่ลังเล
ตู้ม…!
เสียงระเบิดทำให้ผู้คนหูอื้อ ยอดเขาที่อยู่ใกล้เคียงถล่มทลายลงไปอย่างรวดเร็ว มังกรไฟระเบิดตัวไปแล้ว แต่ก็ขัดขวางมือยักษ์ได้เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงแต่อย่างใด ไม่แม้แต่ทำให้มีรอยขีดข่วนบนมือยักษ์เลยสักนิด
ฉู่ชวิ๋นหันกลับไปมองด้านหลัง กลุ่มจอมยุทธ์ส่วนใหญ่หลบหนีลงไปจากภูเขาลูกนี้แล้ว แต่ก็ยังมีอยู่อีกสองคนที่ยังไม่ยอมไปไหน หาที่ซ่อนตัวคอยดูเหตุการณ์ มั่นอกมั่นใจเสียเต็มประดา ว่าพวกตนเองคงปลอดภัยแน่นอน
“ยังไม่รีบหนีไปอีก!” ฉู่ชวิ๋นตะโกนลั่น
นั่นเอง จอมยุทธ์ทั้งสองคนนั้น ถึงได้รีบกระโดดหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ตัวฉู่ชวิ๋นเองไม่มีเวลาให้หลบหนี ไม่ว่าเขาจะมีความรวดเร็วเพียงใด ก็ไม่สามารถหนีออกไปจากหุบเขาอเวจีได้อย่างทันท่วงทีอีกแล้ว
“เข้ามา!”
ฉู่ชวิ๋นคำราม รวบรวมพลังลมปราณที่มีอยู่ซัดเข้าใส่มือยักษ์ที่กดทับลงมา
แต่การทำเช่นนี้ ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งได้อยู่ดี
กร๊อบ!
เสียงกระดูกดังลั่น ฉู่ชวิ๋นถูกแรงกดดันกดทับลงมาจนสองขาจมหายลงไปใต้พื้นดิน มือยักษ์ลอยอยู่เหนือหัวเขาห่างออกไปเพียงแค่สามเมตรเท่านั้น ภูเขาอเวจีต้องทนรับกับแรงกดดันมหาศาล บริเวณริมขอบของยอดเขา เริ่มถล่มตัวลงไปทีละเล็กทีละน้อย
“อ๊าก…” ฉู่ชวิ๋นคำรามในลำคอ พลังลมปราณพวยพุ่งออกมาจากร่างกาย ตัดสินใจใช้พลังลมปราณทั้งสองสายหมายจะหยุดยั้งมือยักษ์ที่กำลังกดทับลงมาให้ได้
คนดูที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่ทางบ้าน พร้อมใจกันร้องตะโกนเอาใจช่วย เมื่อเห็นมือยักษ์กดทับลงมาต่ำมากขึ้นและมากขึ้น การโจมตีของฉู่ชวิ๋นไม่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใด ๆ เห็นได้ชัดว่าคราวนี้คงเป็นจุดจบของเขาแน่แล้ว
“ยิงระเบิดนิวเคลียร์ใส่มือผีนั่นซะ ฆ่ามัน!” หัวหน้าหมายเลขหนึ่งคำรามพร้อมกับทุบโต๊ะ
“ไม่ทันแล้วครับ” ผู้ใต้บังคับบัญชารายงานด้วยสีหน้าเศร้าสลด การยิงระเบิดนิวเคลียร์ในตอนนี้สายเกินไปแล้ว
“น้องฉู่ชวิ๋น” ณ ปราสาทจตุรเทพ กลุ่มของเยวี่ยฟ๋านเตี๋ยสี่พ่อลูกดวงตาแดงก่ำ ตะโกนออกมาสุดเสียงด้วยความโกรธแค้น
คนทั้งโลกตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว หากโลกนี้กลับไปอยู่ในการปกครองของแดนสวรรค์อีกครั้ง เพียงแค่คิดก็รู้สึกขนหัวลุกแล้ว
“ฉู่ชวิ๋น นี่คือผลลัพธ์ของการที่แกดูหมิ่นเหล่าเทพ จงตายซะเถอะ!” หวูเค่อจินถูกดูดขึ้นไปจนจะหายเข้าไปในวังน้ำวนบนก้อนเมฆแล้ว มันส่งเสียงคำรามด้วยความบ้าคลั่ง ในขณะที่ก้มหน้ามองฉู่ชวิ๋นอย่างเย้ยหยัน
ฟู่!
ฉู่ชวิ๋นกระอักเลือดออกมาจากปาก กระดูกแตกร้าว ผิวหนังเริ่มปริแตก ชุดที่เคยมีสีขาวของเขา กลายเป็นสีแดงฉานด้วยเลือดสด ๆ
ฉู่ชวิ๋นรู้ดีว่ามือยักษ์นี้มีเจตนากดทับให้เขาคุกเข่าลงไป ขาของเขาจมหายลงไปในพื้นดินหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ร่างกายครึ่งท่อนบนเท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหวได้อยู่
ครืน!
พื้นที่ส่วนหนึ่งของยอดเขาอเวจีถล่มลงไปอย่างน่ากลัว
“อ๊าก…” ฉู่ชวิ๋นคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อกวาดสายตามองไปรอบกาย ก็เห็นพวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์กำลังหลบหนีด้วยความตื่นกลัว พวกมันหลบหนีเชื่องช้ามากกว่าพวกมนุษย์ หลายตัวหลบหนีไม่ทัน ถูกแรงกดดันจากมือยักษ์กดทับจนร่างกายแหลกสลายไปกับตา
“ฆ่าพวกมันซะ อย่าให้ตัวไหนหนีรอดไปได้เด็ดขาด” ฉู่ชวิ๋นตะโกนออกมาเสียงดัง
กลุ่มจอมยุทธ์ที่ก่อนหน้านี้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว ได้ยินเสียงตะโกนของฉู่ชวิ๋นอย่างชัดเจน พวกเขาจึงหันหน้ามองไปยังกลุ่มสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ที่กำลังหลบหนี
“พวกแกตายซะเถอะ!”
จอมยุทธ์เหล่านี้เกลียดชังพวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะจอมยุทธ์หนุ่มที่ฉู่ชวิ๋นช่วยชีวิตเอาไว้ เมื่อเห็นสัตว์ร้ายกำลังหลบหนีไป ก็ออกตามล่าโดยไม่คิดอะไรอีกทั้งสิ้น
ทุกคนเข้าใจเป็นอย่างดีว่าฉู่ชวิ๋นเจตนาถ่วงเวลาให้พวกเขาได้มีโอกาสหลบหนี ไม่เช่นนั้นแล้ว ด้วยระดับฝีมือของฉู่ชวิ๋น ถ้าเขาจะหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวตั้งแต่แรกจริง ๆ ก็สามารถทำได้ง่ายดายอย่างยิ่ง
บรรดาผู้ชมการถ่ายทอดสดพูดอะไรไม่ออก ทุกคนเข้าใจความคิดของฉู่ชวิ๋นก็ในตอนนี้ แม้แต่ในยามความเป็นความตายของชีวิตตัวเอง ชายหนุ่มก็ยังไม่ลืมสั่งให้ทุกคนเข่นฆ่าศัตรู ไม่มีผู้ใดจะจิตใจแข็งกร้าวอำมหิตได้มากเท่านี้อีกแล้ว
เสียงของการฆ่าฟังดังกังวานไปทั่วหุบเขา เลือดสาดกระจาย แขนขาของสัตว์ร้ายและมนุษย์ปลิวว่อนในอากาศ ทั้งสองฝ่ายต่างโจมตีใส่กันด้วยความรุนแรง
ณ บริเวณยอดเขา ฉู่ชวิ๋นคำรามสุดเสียงในขณะที่อัญเชิญไม้เท้าหางมังกรออกมาใช้งาน ลำแสงสีทองระเบิดประกายสว่างเจิดจ้า คลื่นพลังลมปราณแผ่ออกไปทุกทิศทุกทาง เขาปักไม้เท้าลงบนพื้นดิน ใช้มันเป็นเหมือนเสาหิน คอยรับน้ำหนักฝ่ามือที่กดทับลงมาเหนือศีรษะ
ครืน!
มือยักษ์กดทับลงมาบนปลายด้านหนึ่งของไม้เท้าหางมังกร ยอดเขาอเวจีสั่นสะเทือนไปทุกอณูอีกครั้ง แต่มือยักษ์นั้นกลับหยุดชะงักอยู่กับที่ ไม่สามารถกดทับไม้เท้าหางมังกรให้ลดต่ำลงไปได้
ฉู่ชวิ๋นโล่งอกในระดับหนึ่ง ไม้เท้าหางมังกรเป็นอาวุธที่มีพลังแข็งแกร่งหาตัวจับยาก น่าจะสามารถต้านทานมือยักษ์นี้ได้เป็นเวลาพอสมควร
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้พักหายใจ ตัวของเขาก็สั่นสะเทือน เช่นเดียวกับภูเขาที่สั่นไหวไปทั้งลูก ไม้เท้าหางมังกรที่ทำหน้าที่เป็นเสารับน้ำหนัก เริ่มจมตัวหายลงไปใต้พื้นดินอย่างช้าๆ
ครืน!
ไม้เท้าหางมังกรกำลังจมลงไปใต้ดิน พื้นดินเกิดรอยแตกร้าวสุดลูกหูลูกตา มือยักษ์เริ่มกดทับลงมาอีกครั้ง ไม้เท้าหางมังกรโผล่พ้นจากพื้นดินเหลือแค่เพียงระยะเมตรเดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลือจมหายลงไปใต้ดินหมดแล้ว
“เทพเจ้ามีปัญญาทำได้แค่นี้เองหรือไงวะ!” ฉู่ชวิ๋นตะโกนออกไป ไม่ห่วงชีวิตของตัวเองอีกแล้ว
“ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าผ่านไป 10 ล้านปี โลกนี้จะกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ทาสรับใช้อย่างพวกเจ้า จงรอรับการมาถึงของนายท่านให้ดี” เกิดเสียงคำรามโต้ตอบออกมาจากวังน้ำวนบนก้อนเมฆ คลื่นเสียงของมันทำให้ภูเขาสั่นสะเทือน
ฉู่ชวิ๋นเจ็บแค้นใจนักที่เหล่าเทพรู้แล้วว่าโลกนี้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง แถมเขายังไม่สามารถฆ่าหวูเค่อจินเป็นการข่มขวัญได้อีกต่างหาก รู้อย่างนี้รีบดื่มเลือดของอ๋าวฮวง แล้วสังหารหวูเค่อจินให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปตั้งแต่แรกก็ดีหรอก
“ไอ้พวกหมาจรจัด ลองเหยียบเท้าลงมาบนโลกมนุษย์สิ ฉันจะฆ่าพวกแกไม่ให้เหลือสักตัวเดียว” ฉู่ชวิ๋นตะเบ็งเสียงด้วยความโกรธแค้น
“เจ้าทาสรับใช้ผู้ต่ำต้อย ดูเหมือนว่า 10 ล้านปีที่ผ่านมา เจ้าคงลืมความน่ากลัวของเหล่าเทพไปหมดแล้วสินะ”
“เทพบ้าบออะไร พวกแกมันก็แค่คนขี้ขลาด ที่ทิ้งโลกนี้ไปตอนโลกกำลังมีปัญหาเท่านั้นแหละ” ฉู่ชวิ๋นที่ปกติไม่ค่อยพูดคำหยาบ ถึงกับต้องสบถออกมาด้วยความโกรธแค้น
“เจ้าทาสรับใช้ เจ้าชักจะลบหลู่พวกข้ามากเกินไปแล้ว แบบนี้เจ้าต้องเป็นตัวอย่างทำให้เห็นว่า การกล้าดูหมิ่นเทพเจ้าจะมีจุดจบอย่างไร” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากวังน้ำวน เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามเป็นอย่างยิ่ง
เสียงยังไม่ทันจางหาย ไม้เท้าหางมังกรก็จมลงไปใต้ดินลึกมากขึ้น มือยักษ์เกือบจะกดทับลงมาถึงศีรษะของฉู่ชวิ๋นแล้ว
ฟู่!
ฉู่ชวิ๋นมีเลือดไหลทะลักออกมาตามรูขุมขน ดวงตาของเขาแดงก่ำ ร่างกายแผ่พลังลมปราณออกมา รวบรวมพลังทั้งหมดที่มี พยายามต้านทานแรงกดของมือยักษ์
ในขณะนี้ เกิดเสียงกระซิบดังออกมาจากวังน้ำวนว่า “เสาเล็ก ๆ ต้นนี้ น่าสนใจดีเหมือนกันนะ”
ฉู่ชวิ๋นตกตะลึงไปแล้ว ถ้าหากไม้เท้าหางมังกรตกไปอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม เห็นทีเขาคงต้องตายอย่างน่าอนาถเป็นแน่แท้
“ฝันไปเถอะ”
ก่อนที่มือยักษ์นั้นจะคว้าจับไม้เท้าหามังกร ฉู่ชวิ๋นก็รีบเก็บไม้เท้าหางมังกรกลับเข้าในแหวนมิติดังเดิม
“เจ้าทาสรับใช้ ตายซะเถอะ!” เสียงบนท้องฟ้าอุดมไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
ขาดคำ มือยักษ์ก็หันมาที่ฉู่ชวิ๋นอีกครั้ง เมื่อไม่มีไม้เท้าหางมังกรคอยคานน้ำหนักอีกต่อไป ฝ่ามือจึงกดทับลงมาด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
ครืน!
มือยักษ์ตะปบลงมาบนตัวของฉู่ชวิ๋น ร่างกายของชายหนุ่มจมหายลงไปใต้ดิน มองเห็นแต่ความมืดมิด ไม่เห็นสิ่งอื่นใดอีกแล้ว
ครืน!
ก้อนหินใหญ่ระเบิดตูมตาม ภูเขาอเวจีเริ่มเกิดรอยแตกร้าวและถล่มตัวลงมาอย่างชัดเจน
“เสี่ยวชวิ๋น” ณ ภูเขาเฉียนหลง ฉู่เทียนเหอกับภรรยาเป็นลมหมดสติไปแล้ว
คนอื่นๆ ที่เหลืออยู่ก็ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความโกรธแค้น
วังมังกรเพลิง สำนักภูผาทมิฬ และปราสาทจตุรเทพ ก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกัน
กลุ่มคนดูที่รับชมการถ่ายทอดสดนั่งหมดอาลัยตายอยาก คราวนี้เห็นทีจอมมารฉู่ชวิ๋นคงไม่รอดแล้ว ไม่ว่าจะหนีอย่างไรก็หนีความตายไม่พ้น
ครืน!
ภูเขาอเวจีถล่มตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้ ภูเขาเหลือความสูงเพียงแค่ครึ่งเดียวจากความสูงดั้งเดิมทั้งหมด
ครืน!
สุดท้าย พื้นดินก็ส่งเสียงคำรามลั่น ยอดเขาที่อยู่รายล้อมถล่มทลายลงไปในพริบตา เหตุการณ์ครั้งนี้เหมือนกับเป็นจุดสิ้นสุดของโลก ภูเขาสูงที่เคยตั้งตระหง่านอยู่หลายพันปี ถูกแรงกดดันจากมือยักษ์ กดทับลงมาจนแตกสลาย กลายเป็นก้อนหินเศษเล็กเศษน้อย
“เป็นไง ลบหลู่เทพเจ้าก็จะมีจุดจบเช่นนี้แล” เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังมาจากด้านในวังน้ำวนบนท้องฟ้า
จังหวะนั้น มือยักษ์ก็ค่อย ๆ ไล่ผลิกดูก้อนหินใหญ่ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน เหมือนกับว่ามันอยากจะหาศพของฉู่ชวิ๋นให้เจอ และแย่งชิงไม้เท้าหางมังกรมาให้ได้
เมื่อเหตุการดำเนินมาถึงตอนนี้ ทุกคนก็ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความโกรธแค้น เทพเจ้าชั่วร้ายถึงกับกล้าขโมยของคนตาย นี่คือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด
แต่แล้วในทันใดนั้นเอง สายตาของทุกคนก็จ้องมองไปที่เส้นขอบฟ้าโดยไม่รู้ตัว
เงาร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้น คนผู้นี้เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่ว่าร่างของเขาพุ่งผ่านไปตรงบริเวณใด มวลอากาศก็จะระเบิดตัว กลุ่มก้อนเมฆจะแหวกออก สายลมกรรโชกแรงราวกับเกิดพายุใหญ่อย่างไรอย่างนั้น