จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 57 ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่
บทที่ 57 ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่
“นายสามารถทำให้หลันหลันกลับใจได้ ไม่มีทางเป็นไปได้ ตอนอยู่ที่บ้านเก่าแก่ นายไม่เห็นท่าทางอันหมดหวังของเธอหรอกเหรอ เธอตัดใจไปแล้ว ไม่มีทางที่จะกลับใจได้อีก”
โล่เฉินไม่พอใจ พูดว่า: “ปากก็พูดว่ารักแทบเป็นแทบตาย ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะละทิ้งโอกาสการทดลองกอบกู้สถานการณ์ให้กลับมาดีขึ้นอีก คุณพ่อ กรุณาอย่าให้ฉันดูถูกในตัวท่านเลย”
หานเจี้ยนเย่เหมือนกับว่าได้สติกลับคืนมา มีท่าทางฮึกเหิมขึ้นมาทันที
เขากำหมัด “นายพูดได้ดีมาก ฉันไม่ควรละทิ้งโอกาส ต่อให้จะมีความหวังเพียงน้อยนิดก็ตาม ฉันจะต้องคว้ามันไว้ โล่เฉิน นายมีความคิดข้อเสนอแนะอะไร บอกมาตรง ๆ ได้เลย”
“เรื่องนี้น่ะเหรอ……”
โล่เฉินชูหมัดขึ้น พูดว่า: “คุณพ่อ มองเห็นหมัดขนาดใหญ่เท่าหม้อของฉันไหม? ”
“อืมเห็นแล้ว”
ตุ้บ
หนึ่งหมัด ต่อยเข้าไปที่ศีรษะของหานเจี้ยนเย่
หนังถลอกทันที และมีเลือดไหลออกมา
หานเจี้ยนเย่เจ็บปวด ตะโกนด้วยความโกรธว่า: “นายไอสารเลว กล้าที่จะต่อยพ่อตาของนายเองเลยเหรอ โอ๊ย”
“คุณพ่อ ท่านบอกมาสิว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อฉันกันแน่? ”
“เชื่อแม่งมึงสิ! ”
โล่เฉินพูดอย่างมีหลักการว่า “คุณพ่อ หากต้องการให้แม่กลับใจ จะใช้แต่ปากพูดอย่างเดียวไม่มีเลือดไหลก็คงไม่ได้”
“แสดงละครทำร้ายทรมานร่างกายตัวเอง คิดว่าแม่ของนายโง่นักเหรอไง! ”
“สรุปง่าย ๆ คือ ฉันมีวิธีการของฉันเอง”
โล่เฉินต่อยเข้าไปอีกหมัด หานเจี้ยนเย่มึนงงไปหมด
“คุณพ่อ อย่าคิดว่าฉันทำผิดศีลธรรม เพื่อทำให้ท่านทั้งสองคืนดีกัน ฉันก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่ ท่านอดทนหน่อย ขอต่อยอีกหมัด”
หลังจากที่โดนต่อยไปสามหมัด ใบหน้าหานเจี้ยนเย่เต็มไปด้วยเลือด
ดูแล้วน่าสงสารมาก แต่ที่จริงโล่เฉินบันยะบันยังเอาไว้ เพียงแค่มีแผลถลอก ไม่เป็นอันตรายใด ๆ
“นายไอสารเลว ฉันจะไปฟ้องหยู่เยน นายคอยดูแล้วกัน”
โล่เฉินไม่มีทีท่ารีบร้อน ยิ้มและพูดว่า: “คุณพ่อ ท่านอยู่ที่บริษัทไม่มีงานว่างมากไม่ใช่เหรอ ช่วงหลังจากนี้ก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านแล้วกัน”
หานเจี้ยนเย่รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ดีจะเกิดขึ้น “นาย นายจะทำอะไร? ”
“ขาหักสักข้าง เป็นอย่างไร? ”
“ช่วยด้วยจะฆ่าคนแล้ว จะฆ่าคนแล้ว”
หานเจี้ยนเย่ร้องตะโกนเสียงดัง
โล่เฉินเอามืออุดที่ปากของเขา มองสังเกตไปรอบ ๆ แล้วพูดเบา ๆ ว่า: “คุณพ่อ ท่านลองคิดให้ดีดี ช่วงที่เจ็บปวดแล้วได้รับการยกโทษจากแม่ มันคุ้มค่าไหมล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคงไม่ถึงกับต้องทุบตีจนขาหักก็ได้ นายล้อเล่นกับฉันใช่ไหม! ”
“แกล้งทำเป็นว่ากระโดดตึก”
“กระโดด……กระโดดตึก? ” หานเจี้ยนเย่เบิกตาโต แล้วก็เงียบเสียงลง จิตใจของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายได้ถามอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่งว่า: “นายมีความมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จไหม? ”
“มั่นใจว่าจะสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ และ แม้ว่าขาหักแต่ท่านก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรมาก หากไม่เชื่อ ท่านลองรู้สึกดูเอาเอง”
โล่เฉินไม่พูดพร่ำทำเพลง ต่อยลงไปอย่างแรง ทำให้ขาซ้ายของหานเจี้ยนเย่หัก
“อา……เป็นเพราะเหตุใดกัน? ”
หานเจี้ยนเย่งุนงงมาก
ตรวจสอบดูอีกครั้งพบว่าขาของตนหักแล้วจริง ๆ แต่ไม่รู้สึกเจ็บปวดแม่แต่น้อย น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
“ฉันศึกษามาบ้างเกี่ยวกับวิธีการแพทย์แผนจีน ปิดกั้นจุดเส้นประสาทบางจุดบริเวณขาของท่าน จึงทำให้ไม่สามารถส่งความรู้สึกเจ็บปวดไปยังเส้นประสาทการรับรู้ที่สมองได้”
“นายยังมีวิชาทางด้านนี้ด้วย! ”
หานเจี้ยนเย่แปลกใจเป็นอย่างมาก แล้วก็กัดฟันพูดต่อว่า “งั้นก็ขอแบบหนักหนาเลยแล้วกัน ขาอีกข้างก็ทำให้หักด้วยเลย”
โล่เฉิน: “……”
ไม่กี่นาทีจากนั้น ทุกอย่างได้เตรียมการพร้อมแล้ว
หานเจี้ยนเย่หมดสติไปแล้ว นอนกองอยู่บนพื้นสนามหญ้า
สภาพของเขาใครพบเห็นก็จะต้องเกิดความสงสารอย่างมาก หัวแตกมีเลือดไหล กระดูกแขนขาหัก ร่างกายฟกช้ำดำเขียวไปหมด
เห็นแล้วเกิดความสะเทือนใจ
โล่เฉินหลบหลีกกล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้าน อุ้มหานเจี้ยนเย่มาถึงที่ใต้ตึก แล้วก็โทรศัพท์ไปหาหานหยู่เยน
“หยู่เยน เกิดเรื่องแล้ว คุณพ่อกระโดดตึก”
โทรศัพท์อีกฝั่งหนึ่งไม่มีเสียงใด ๆ ตอบกลับ
“อยู่ที่ใต้ตึกบ้านของพวกเรา”
ขณะนั้น ผู้คนในหมู่บ้านต่างเริ่มเข้ามามุงดูเหตุการณ์
หานหยู่เยนปรากฏตัวขึ้น พบเห็นสภาพของหานเจี้ยนเย่ เกือบจะเป็นลมสลบ เธอรีบกระโจนเข้าหาแล้วร้องไห้ “คุณพ่อ ท่านรีบตื่นขึ้นมาอย่าทำให้ฉันตกใจ คุณพ่อ ฮือฮือฮือ……”
โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลมากนัก
ไม่นานรถพยาบาลก็มาแล้ว โล่เฉินติดไปกับรถพยาบาลเพื่อไปที่โรงพยาบาล และสั่งให้หานหยู่เยนรีบไปตามหลิวเซียงหลัน พาให้หลิวเซียงหลันกลับมา
……
บนทางด่วน รถบัสคันหนึ่ง
แม้ว่าท้องฟ้าจะมืดมิด แต่หลิวเซียงหลันยังคงใส่แว่นตากันแดด
ภายใต้แสงไฟที่สลัว ไม่มีใครที่สังเกตเห็นว่า น้ำตาของเธอยังคงเจิ่งนอง ไหลรินลงสู่พื้นด้านล่าง
เสียใจภายหลังหรือไม่?
หลิวเซียงหลันพูดไม่ออก
หานหยู่ถิงดวงตาบวมแดง เธอนึกว่าหลิวเซียงหลันหลับแล้ว จึงไม่ไปรบกวน
ทันใดนั้น เธอรับสายโทรศัพท์ของหานหยู่เยน
“คุณพี่”
“หยู่ถิง ฮือฮือฮือ คุณพ่อกระโดดตึกแล้ว บาดเจ็บหนักส่งไปที่โรงพยาบาลรับการรักษาฉุกเฉินแล้ว แกกับแม่อยู่ที่ไหนกัน อยู่ที่ไหน ฮือฮือฮือ……”
ในสมองของหานหยู่ถิงเสียงดังอื้ออึงไปหมด พูดอย่างติด ๆ ขัด ๆ ว่า “คุณพี่ คุณ คุณล้อเล่นใช่ไหม”
“มันเวลาอะไรกันแล้ว ฉันยังจะมาล้อเล่นกับแกอยู่อีกเหรอ ฮือฮือฮือ พวกแกอยู่ที่ไหน คุณแม่ล่ะ ให้คุณแม่รับสายโทรศัพท์”
น้ำเสียงแบบนี้ ไม่เหมือนเป็นการหลอกลวง
เวลานั้น หานหยู่ถิงหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เธอรีบปลุกให้หลิวเซียงหลันตื่นขึ้น
ในความเป็นจริง ภายในรถเงียบสงบ หลิวเซียงหลันได้ยินอย่างชัดเจน เธอตอบกลับอย่างเย็นชาว่า: “ใช้แผนการต่ำช้าแบบนี้เพื่อหลอกให้ฉันกลับไป น่าขันและน่าโง่สิ้นดี วางสายโทรศัพท์ซะ”
“คุณแม่ แต่พี่สาวเธอ……”
หลิวเซียงหลันยื่นมือไปกดวางสายโทรศัพท์ หานหยู่ถิงจึงต้องจำยอม เธอเปิดวีแชท เตรียมที่จะพูดคุยกับหานหยู่เยน
ทันใดนั้น จิตใจของเธอก็เกิดอาการหนาวสั่น
วีแชทกลุ่มของตระกูล
“ฮาฮาฮา น่าขันจริง หานเจี้ยนเย่กับลูกเขยของเขานั้นไม่ต่างกันเลย ไม่ได้เรื่องได้ราวทั้งคู่จริง ๆ! ”
“เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว คิดไม่ถึงว่าจะกระโดดตึก”
“แกพูดอะไร ที่พูดนั้นหมายความว่าผู้หญิงอย่างพวกเราไม่ได้เรื่องงั้นเหรอ? ”
“เปล่าเปล่าเปล่า ฉันพูดว่าหลิวเซียงหลันตัดสินใจหย่าร้างแล้ว ผู้หญิงแบบนี้ไม่คู่ควรที่จะไปง้อให้กลับคืนมา หานเจี้ยนเย่กระโดดตึก โง่เขลาเบาปัญญาเสียจริง! ”
“ทำให้ตระกูลหานของพวกเราเสียหน้าเสียเกียรติหมดสิ้นจริง ๆ ”
ข้อความแล้วข้อความเล่า ราวกับมีดปลายแหลม ทิ่มแทงลึกเข้าไปในจิตใจของหานหยู่ถิง
เธอตัวสั่นและนำโทรศัพท์ยื่นไปที่ตรงหน้าของหลิวเซียงหลัน อ้าปากจะพูด แต่ลำคอเหมือนกับถูกก้อนหินอุดตันอยู่
“ทำอะไร……” หลิวเซียงหลันพูดออกมาเพียงไม่กี่คำ ก็แข็งทื่อเหมือนเดิมอีก
ข้อความแสดงขึ้นบนหน้าจออย่างไม่หยุด จิตใจของเธอก็ยิ่งตกต่ำลงสู่เหวลึก
คนในตระกูลหานคงจะไม่ได้ร่วมมือกันจัดฉากแสดงละครเป็นแน่
จริง ๆ กระโดดตึกแล้วจริง ๆ !
“หา ว่าไงนะ”
หลิวเซียงหลันกรีดร้องดังขึ้นตามสัญชาตญาณ โซซัดโซเซพุ่งตรงไปยังด้านหน้า พูดอย่างหวาดวิตกว่า: “โชเฟอร์รีบหยุดรถด่วน ฉันจะลงจากรถ สามีของฉันกระโดดตึกแล้ว ฉันจะรีบไปยังโรงพยาบาล”
“โชเฟอร์ รีบหยุดรถเดี๋ยวนี้”
คนขับรถตกใจ กลัวว่าหลิวเซียงหลันจะไปแย่งพวงมาลัย จึงรีบปลอบใจ: “คุณผู้หญิง คุณอย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป ตอนนี้อยู่บนทางด่วน คุณลงจากรถไปก็ไม่มีประโยชน์ ด้านหน้าและด้านหลังมีแต่ความว่างเปล่า เดินทางต่อไปได้ยาก รอให้ถึงจุดพักรถก่อนดีไหม แล้วค่อยคิดหาวิธีกันต่อ”
“คุณแม่ ฉันได้ส่งตำแหน่งที่อยู่ของเราให้กับพี่สาวแล้ว พี่สาวขับรถตามเรามาแล้ว อยู่ห่างจากเราไม่มากนัก พวกเราสามารถลงจากรถได้”
หลิวเซียงหลันมองเห็นถึงความหวัง ขอร้องว่า: “โชเฟอร์ คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ขอความกรุณาช่วยหยุดรถให้หน่อย สามีของฉันไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ฉันจะไปโรงพยาบาล ได้โปรดเถอะ”
“บนทางด่วน ไม่สามารถจอดรถได้ ฉัน……”
“โชเฟอร์ ขอร้องล่ะ”
หลิวเซียงหลันเย็นชาไปทั้งร่างกาย และได้คุกเข่าลง
คนขับรถเป็นผู้มีนิสัยใจคอดี รีบหยุดรถจอดในช่องเลนฉุกเฉิน ปากก็บ่นด่าไป “เดี๋ยวถูกตำรวจจราจรตรวจจับได้ รีบลงรถไปเร็ว จำไว้นะให้ยืนรอรถอยู่ที่ด้านนอกของรั้ว อย่ายืนบนถนนเด็ดขาด ระมัดระวังความปลอดภัยด้วย”
“ขอบคุณมากโชเฟอร์”
หานหยู่ถิงประคองหลิวเซียงหลัน สองแม่ลูกยืนตัวสั่นอยู่ท่ามกลางสายลมที่หนาวเย็น ไม่ใช่ความหนาวเย็นหรอก แต่มันคือความหวาดวิตกขั้นรุนแรง
ปากของหลิวเซียงหลันบ่นท่องอะไรอยู่ เสียงเหมือนกับยุงแมลงวัน หากว่าตั้งใจฟังแล้ว ก็จะฟังออกอย่างชัดเจน
คุณสามี ห้ามเป็นอะไรไปอย่างเด็ดขาด คุณเกิดเป็นอะไรไปขึ้นมาแล้วฉันจะอยู่อย่างไร โทษที่ฉัน โทษฉันที่ทำตามอำเภอใจเกินไป
คุณทำไมโง่ขนาดนี้ ฉันก็พูดเพียงเพราะความโมโห
หากพรุ่งนี้จะทำการหย่ากันจริง คืนนี้ฉันจะกลับไปที่บ้านแม่ของฉันทำไม ไม่กี่วันฉันก็หายโกรธแล้ว ก็จะกลับไปหาคุณเอง คุณทำไมจะต้องคิดสั้นด้วย
หลิวเซียงหลันร้องไห้จนเกือบหมดสติ
รถของหานหยู่เยนก็ปรากฏขึ้น เธอเร่งรีบพุ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว “เร็ว รีบไปโรงพยาบาล”
ณ เวลานี้ ที่โรงพยาบาลประชาชนที่หนึ่งของเมืองเจียง
ด้านนอกของห้องผ่าตัด
“โง่เขลาเสียจริง”
คุณนายใหญ่หานเคาะไม้เท้าลงไปบนพื้น ขณะที่เป็นกังวลนั้นก็โมโหมากด้วยเช่นกัน
เรื่องนี้แพร่สะพัดออกไปวงกว้างแล้ว ตระกูลหานกลายเป็นตัวตลกในกลุ่มผู้มีชื่อเสียงของเมืองเจียงไปแล้ว
โล่เฉินแกล้งทำเป็นเสียใจอย่างมาก จิตใจสงบไม่ตระหนก และยังมีความคาดหวังไว้ว่า:
ละครฉากนี้ จะแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นแน่
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า หลิวเซียงหลันก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกระเซอะกระเซิง
ในห้องผู้ป่วย มีเพียงแค่โล่เฉิน
คุณนายใหญ่หานและคนของตระกูลหานได้แยกย้ายกลับกันไปหมดแล้ว ไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยแม้แต่น้อย เพราะว่าหานเจี้ยนเย่มีโอกาสที่จะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา
เจ้าชายนิทรา สำหรับตระกูลหานแล้วไม่มีคุณค่าใด ๆ เลย ไม่จำเป็นจะต้องให้ความสนใจ
ถูกทอดทิ้งแล้ว
“คุณสามี”
“คุณพ่อ”
แม่ลูกทั้งสามกอดกันร้องไห้ยกใหญ่
โล่เฉินเริ่มพูดบอกสภาพอาการ “กระดูกหักคือเรื่องเล็ก ที่น่ากลัวก็คือสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก อาจจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา นอกจากนี้ หัวใจเต้นอ่อนแรง”
“อะไรนะ เจ้าชายนิทรา! ”
หลิวเซียงหลันโซเซไปมา น้ำตาเปียกแฉะบนผ้าปูเตียง
“คุณหมอบอกว่า หากภายในเจ็ดวันไม่รู้สึกตัว ก็จะไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้อีกตลอดไป คุณแม่ คุณพ่อรักท่านมาก นี่คือความในใจที่คุณพ่อระบายให้ฉันฟัง ฉันแอบอัดเสียงเอาไว้”
โล่เฉินเปิดเสียงที่อัด แล้ววางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง
ได้ฟังเรื่องราวในอดีต ได้ฟังเสียงของหานเจี้ยนเย่ หลิวเซียงหลันเจ็บปวดในจิตใจ สีหน้าซีดขาว หน้ามืด
โล่เฉินแอบปล่อยพลังทิพย์เพื่อปกป้องร่างกายของหลิวเซียงหลัน ป้องกันการอ่อนเพลียของเธอที่เกิดจากการเสียใจและเกรงว่าจะส่งผลทำให้เกิดอาการที่ไม่คาดคิดขึ้น
“เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ คุณแม่ หมอบอกว่ามีเพียงท่านเท่านั้นที่จะทำให้คุณพ่อมีสติฟื้นคืนมาได้ ดังนั้น ท่านต้องเข้มแข็ง ตอนนี้หน้าที่ของท่านไม่ใช่จะมาเสียใจ แต่คือต้องพูดดี ๆ กับคุณพ่อ ฉันเชื่อมั่นว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นอย่างแน่นอน”
“ถูกต้อง นายพูดไม่มีผิด”
หลิวเซียงหลันเช็ดน้ำตา จับมือที่เย็นชาของหานเจี้ยนเย่ พูดอย่างแน่วแน่ว่า: “สามีของฉันดวงดีมีชะตาชีวิตที่ดี สามารถฟื้นขึ้นมาได้อย่างแน่นอน”
“คุณสามี ฉันยกโทษให้คุณแล้ว”
“คุณสามี ที่จริงฉันไม่ได้ตำหนิอะไรคุณเลย ฉันรักคุณ ยังจำช่วงฤดูร้อนปีนั้นได้ไหม……”
โล่เฉินค่อย ๆ โอบหานหยู่เยนและน้องสาวออกจากห้องผู้ป่วย ปล่อยให้เป็นช่วงเวลาของเขาทั้งสองคน
ความลึกลับของเข็มมังกรเก้าหางช่างไม่มีขีดจำกัด
ปิดกั้นประสาทรับรู้สี่ด้านของหานเจี้ยนเย่ เหลือไว้ให้เขาเพียงแค่ประสาทการได้ยิน
เรื่องราวในขั้นตอนต่อไป ไม่ต้องให้โล่เฉินเป็นกังวลอีกแล้ว
สามวันต่อมา ผลที่เกิดขึ้นจากเข็มมังกรเก้าหางจะมลายหายไปโดยอัตโนมัติ
เมื่อหานเจี้ยนเย่ฟื้นตัวขึ้น เขารู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป